ราชินีพลิกสวรรค์ 189 กำจัดรัชทายาท!

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 189 กำจัดรัชทายาท! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้านล่างอู่เหมิน การปรากฏของแสงสีทองอย่างกะทันหันนั้น ทำให้มู่สิงโจวต้องขมวดคิ้ว และมีสีหน้าเย็นชายิ่งขึ้น  

 

 

เขามองไปตรงสถานที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง สิ่งที่ปรากฏคือร่างที่เพรียวระหงส์สวมชุดเกราะบอบบางและดูเหมือนว่ายังเยาว์วัยอยู่  

 

 

สองพี่น้องที่ถูกเขาสั่งให้ประหารในตอนนี้ ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาและไม่เป็นอันตรายใดๆแล้ว  

 

 

ลูกธนูที่ถูกยิงใส่พวกเขา เมื่อสัมผัสแสงสีทองบนร่างของหญิงสาวก็หมุนเป็นเคว้งคว้าง ได้ปิดกั้นลูกธนูทั้งหมดไว้ด้านนอนชุดเกราะ  

 

 

“ผู้นี้เป็นใครกัน” มู่สิงโจวถามคนรอบข้างอย่างร้อนรน  

 

 

ชายผู้หนึ่งมองดูอย่างละเอียด ดวงตาของเขาหรี่ลงแล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว “กราบทูลองค์รัชทายาท หญิงสาวผู้นั้นเป็นลูกสาวของฆาตกรเจียงหลินเฟิง จากนั้นไม่ทราบเพราะเหตุอันใด นางจึงเข้าร่วมกับตระกูลลู่ในฐานะทาสสาวพ่ะย่ะค่ะ พรสวรรค์ของนางน่าทึ่งมาก และเป็นคนฉลาดอยู่แล้ว อายุเพียงสิบสามปี ว่ากันว่า ตระกูลู่ใจดีกับนางมาก ดูเหมือนว่าจะได้รับการปลูกฝังอย่างมีนัยสำคัญพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

มู่สิงโจวยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาที่แหลมคมส่องประกาย “ดูเหมือนว่าปลาตัวเล็กทั้งสองยังมีประโยชน์ อย่างน้อยก็ช่วยให้จับปลาตัวใหญ่ขึ้นได้บ้าง ไม่รู้ว่าปลาตัวใหญ่กว่านี้จะช่วยให้จับปลาตัวใหญ่ตัวต่อไปได้หรือไม่”  

 

 

“แม่นาง!”  

 

 

ภายใต้อู่เหมิน ในแสงสีทองหลังจากประสบกับความเป็นและความตายชั่ว ขณะที่อวี้ซูเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ  

 

 

อวี้เฉินมองไปที่นางอย่างตื่นเต้น แต่แล้วก็เกิดความกังวล “แม่นางทำไมท่านถึงมาที่นี่! พี่สาวของข้าและข้ามีชะตากรรมต่ำต้อย ถ้าตายก็ตายเถอะ แต่ท่านคือยอดฝีมือของนายน้อยและนายหญิง ท่านจะตกอยู่ในอันตรายได้เยี่ยงไร”  

 

 

“เจ้าสองคนอย่าพูดเรื่องไร้สาระ” น้ำเสียงของเจียงหลีเย็นชาเล็กน้อย  

 

 

ไม่ใช่ว่านางโกรธสองพี่น้อง แต่นางก็ยังค่อนข้างลังเลที่จะใช้ชุดเกราะเสวียนกัง เพื่อต้านทานลูกธนูเหล่านี้  

 

 

ก่อนนั้น นางเปิดใช้งานเกราะเสวียนกังชั้นแรกเท่านั้น เพื่อป้องกันตัวเอง  

 

 

ในตอนนี้ นางใช้ชั้นที่สองอย่างไม่เต็มใจ เพื่อปกป้องทั้งสองพี่น้องเอาไว้  

 

 

แม้ว่าจะถูกเจียงหลีตำหนิ แต่พี่น้องทั้งสองก็ยังคงมองดูนางด้วยความซาบซึ้งใจ “แม่นางไม่คำนึงถึงอันตรายใดๆ มุ่งเข้ามาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องอย่างพวกข้า จากนี้ไปชีวิตของพวกข้าพี่น้องทั้งสองเป็นของแม่นาง ตายไปก็เป็นผีของแม่นาง” อวี้ซูสาบานกับเจียงหลีด้วยน้ำตาคลอเบ้า  

 

 

เจียงหลีกัดริมฝีปากและยิ้มมีความสุขมากมายอย่างนับไม่ถ้วนในรอยยิ้มนั้น “เจ้าสองคนเดิมทีก็เป็นของข้าอยู่แล้ว”  

 

 

เหนืออู่เหมิน มู่สิงโจวยกมือขึ้นและทหารหลายร้อยคนก็หยุดยิง  

 

 

ทันทีที่ความกดดันคลี่คลายลง เจียงหลีก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลุกขึ้นยืนและหันไปเผชิญหน้ากับรัชทายาทผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงศ์โฮ่วจิ้น ซึ่งยืนอยู่บนหออู่เหมิน  

 

 

ร่างที่ใหญ่และร่างที่เล็กเผชิญหน้ากันบนลานประหาร ร่างของลู่ซิ่งเฉาและชายาของของเขาถูกแขวนไว้ที่ด้านซ้ายและด้านขวาของมู่สิงโจว  

 

 

ยืนอยู่ที่ตรงนี้ เจียงหลีมองไปที่สภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างรวดเร็ว มีข้อสรุปในใจว่า  ถ้าต้องการเอาศพไป เหมือนว่าจะต้องฆ่าทุกคนที่นี่จึงจะทำได้   

 

 

อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถของนางและลู่เสวียน  

 

 

จูเสีย เจ้าจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด  เจียงหลีกัดฟันกรอดในใจ นางรอคอยการตื่นของจูเสีย ถ้าจูเสียตื่นขึ้นมา นางก็มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะในการต่อสู้ในครั้งนี้ได้  

 

 

ถ้าหากไม่ตื่น นางคงได้แต่หวัง ให้ลู่เจี้ยเตรียมแผนรับมือไว้จริงๆ ก่อนที่นางและลู่เสวียนจะตาย จะมีทางออกสำหรับทุกอย่าง  

 

 

“เจียงหลี” มู่สิงโจวเรียกชื่อของนาง  

 

 

เจียงหลีขมวดคิ้วเม้นริมฝีปากและยิ้ม “องค์รัชทายาท” เมื่ออีกฝ่ายไม่รีบร้อนในการลงมือ นางจะถ่วงเวลาต่อไป  

 

 

ดวงตาเรียวของมู่สิงโจวหรี่ลง และมีความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถเข้าใจได้ เขามองจากเบื้องบนลงไปที่เจียงหลี และพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเมตตา “เจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลลู่ ทำไมเจ้าต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย ข้ารัชทายาทรู้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจ ข้าสามารถทำให้เจ้าอยู่ภายใต้การดูแลของข้า ทรัพยากรในการฝึกฝนจะไม่น้อยไปกว่าของตระกูลลู่เป็นแน่ ในอนาคตหากเจ้าทำได้ดี ข้ายังสามารถช่วยเจ้าขอร้องเสด็จพ่อ ยกโทษให้พี่ชายของเจ้าที่ต้องหลบหนีได้”  

 

 

“แน่นอนว่ามันเป็นเงื่อนไขที่น่าซาบซึ้งใจเพคะ” เจียงหลีกล่าวอย่างสนุกสนาน ท่าทีที่นางไม่ปฏิเสธ ทำให้รอยยิ้มที่มุมปากของมู่สิงโจวชัดเจนขึ้น “ผู้ที่สามารถรู้เรื่องปัจจุบันนั้นเป็นคนที่เก่งกาจ เจียงหลีเจ้าก็อย่าปฏิเสธน้ำใจของข้าเลย”  

 

 

ทันทีที่เสียงของเขาสิ้นสุดลง เหล่าคันธนูที่แข็งแกร่งบนมือก็วางลงบนช่องกำแพงอีกครั้ง ทันใดนั้น เจียงหลีรู้สึกเหมือนมีของแหลมคมอยู่บนหลังของตน ถูกจ้องมองด้วยสายตานับไม่ถ้วน  

 

 

เจียงหลียิ้มยียวนและพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้าได้ยินมานานแล้วว่ารัชทายาทเป็นลำดับที่สามของสิบผู้องอาจแห่งเมืองหลวง เจียงหลีต้องการที่จะประมือกับรัชทายาทในวันนี้ ถ้าพ่ายแพ้ ข้าจะแปรพรรคเป็นคนของรัชทายาท จะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจ แน่นอนว่าเมื่อนั้นผู้อื่นก็ไม่สามารถครหาในตัวข้าได้”  

 

 

ดวงตาของมู่สิงโจววูบไหวและทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ “เจ้าต้องการข้ออ้างที่ตรงไปตรงมา ข้าจะให้สิ่งนั้นแก่เจ้า”  

 

 

เขาคิดว่า เจียงหลีไม่ต้องการทรยศต่อเจ้านายคนเดิมก็เท่านั้น  

 

 

แต่ทว่า มีคนรอบข้างเตือนเขาว่า “รัชทายาท หญิงสาวผู้นี้เคยสาบานในการล่าสัตว์วสันต์ฤดู เพื่อปกป้องเจ้านายน้อยของตระกูลลู่ นางจะเปลี่ยนมาอยู่ภายใต้คำสั่งของรัชทายาทได้อย่างไร ตอนนี้รัชทายาทควรระวังว่าจะเป็นการหลอกลวงนะพ่ะย่ะค่ะ!”  

 

 

แต่มู่สิงโจวหาได้สนใจไม่ “คำสาบานของหญิงสาวจะจริงจังได้อย่างไร ในวันนั้นตระกูลลู่ยังคงปกป้องนางได้ นางต้องการทำให้เจ้านายของนางพอใจ ดังนั้นนางจึงต้องปฏิบัติอย่างดี แต่ในตอนนี้ตระกูลลู่ล่มสลายไปแล้ว ถ้านางฉลาดนางจะรู้ว่าควรทำอย่างไรจึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”  

 

 

หลังจากนั้นเขาก็ก้าวออกไปข้างนอก และเหาะลอยตัวลงมาจากด้านบนของอู่เหมิน เขาเอามือไพล่หลัง ท่าทางของเขายังคงดูสง่า “เจียงหลีจงฟังข้า ข้าจะใช้เพียงมือเดียวในการแข่งขันกับเจ้า” ข้ออ้างที่เจียงหลีต้องการที่จะออกจากตระกูลลู่ เขาก็อยากได้ชื่อเสียงที่ดีงามในการดึงตัวยอดฝีมือมาด้วย การต่อสู้ในสนามนี้ ต่างก็เพื่อทำในสิ่งที่ตนต้องการเท่านั้นเอง  

 

 

มู่สิงโจวคิดว่าตนเองนั้น ได้ไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้ว  

 

 

ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ตระกูลลู่ต้องการที่จะกลับมาผงาดอีกครั้ง มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน  

 

 

 “ขอบพระทัยรัชทายาทเพคะ” เจียงหลีมองเขาด้วยรอยยิ้มและยอมรับการ ‘ออมมือ’ ของเขาอย่างไม่เกรงใจ  

 

 

นี่คือการแข่งขันแบบตัวต่อตัว และไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้ ภายใต้สายตาของเจียงหลี อวี้ซูและอวี้เฉินก้าวถอยหลังไปและไม่มีใครจะหยุดพวกเขาได้  

 

 

 ฆ่าเขาด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด จากนั้นก็ฆ่าเหล่าองครักษ์ชั้นยอดเหล่านี้ และหาโอกาสหนีไปก่อนที่กองทัพจากพระราชวังมาถึง ยังคงมีโอกาส  ใบหน้าของเจียงหลีมีรอยยิ้ม แต่มีความคมซ่อนอยู่ในดวงตา  

 

 

“ลงมือเถอะ” เมื่อมู่สิงโจวพูด พลังวิญญาณที่ทรงพลังก็พุ่งออกมาจากร่างของเขา “หมัดเจ้าสังหารรร!”  

 

 

เพียงเริ่มต้น เขาก็ใช้ทักษะการต่อสู้ที่โดดเด่นมาก เขาต้องการที่จะชนะ และก็ต้องชนะอย่างสวยงามด้วย!  

 

 

เจียงหลีใช้ทักษะชวนเสินอิ่นหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่ว และร่างของนางก็พุ่งไปด้านหลังของมู่สิงโจว จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยเรียกเสียงต่ำ “ฉีกเวหาาาา!”  

 

 

วิญญาณยุทธ์ตัวแรกถูกปล่อยออกมาทันที เขาของเลี่ยเทียนซื่อหันไปทางด้านหลังของมู่สิงโจว…  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 189 กำจัดรัชทายาท!

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 189 กำจัดรัชทายาท! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้านล่างอู่เหมิน การปรากฏของแสงสีทองอย่างกะทันหันนั้น ทำให้มู่สิงโจวต้องขมวดคิ้ว และมีสีหน้าเย็นชายิ่งขึ้น  

 

 

เขามองไปตรงสถานที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง สิ่งที่ปรากฏคือร่างที่เพรียวระหงส์สวมชุดเกราะบอบบางและดูเหมือนว่ายังเยาว์วัยอยู่  

 

 

สองพี่น้องที่ถูกเขาสั่งให้ประหารในตอนนี้ ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาและไม่เป็นอันตรายใดๆแล้ว  

 

 

ลูกธนูที่ถูกยิงใส่พวกเขา เมื่อสัมผัสแสงสีทองบนร่างของหญิงสาวก็หมุนเป็นเคว้งคว้าง ได้ปิดกั้นลูกธนูทั้งหมดไว้ด้านนอนชุดเกราะ  

 

 

“ผู้นี้เป็นใครกัน” มู่สิงโจวถามคนรอบข้างอย่างร้อนรน  

 

 

ชายผู้หนึ่งมองดูอย่างละเอียด ดวงตาของเขาหรี่ลงแล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว “กราบทูลองค์รัชทายาท หญิงสาวผู้นั้นเป็นลูกสาวของฆาตกรเจียงหลินเฟิง จากนั้นไม่ทราบเพราะเหตุอันใด นางจึงเข้าร่วมกับตระกูลลู่ในฐานะทาสสาวพ่ะย่ะค่ะ พรสวรรค์ของนางน่าทึ่งมาก และเป็นคนฉลาดอยู่แล้ว อายุเพียงสิบสามปี ว่ากันว่า ตระกูลู่ใจดีกับนางมาก ดูเหมือนว่าจะได้รับการปลูกฝังอย่างมีนัยสำคัญพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

มู่สิงโจวยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาที่แหลมคมส่องประกาย “ดูเหมือนว่าปลาตัวเล็กทั้งสองยังมีประโยชน์ อย่างน้อยก็ช่วยให้จับปลาตัวใหญ่ขึ้นได้บ้าง ไม่รู้ว่าปลาตัวใหญ่กว่านี้จะช่วยให้จับปลาตัวใหญ่ตัวต่อไปได้หรือไม่”  

 

 

“แม่นาง!”  

 

 

ภายใต้อู่เหมิน ในแสงสีทองหลังจากประสบกับความเป็นและความตายชั่ว ขณะที่อวี้ซูเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ  

 

 

อวี้เฉินมองไปที่นางอย่างตื่นเต้น แต่แล้วก็เกิดความกังวล “แม่นางทำไมท่านถึงมาที่นี่! พี่สาวของข้าและข้ามีชะตากรรมต่ำต้อย ถ้าตายก็ตายเถอะ แต่ท่านคือยอดฝีมือของนายน้อยและนายหญิง ท่านจะตกอยู่ในอันตรายได้เยี่ยงไร”  

 

 

“เจ้าสองคนอย่าพูดเรื่องไร้สาระ” น้ำเสียงของเจียงหลีเย็นชาเล็กน้อย  

 

 

ไม่ใช่ว่านางโกรธสองพี่น้อง แต่นางก็ยังค่อนข้างลังเลที่จะใช้ชุดเกราะเสวียนกัง เพื่อต้านทานลูกธนูเหล่านี้  

 

 

ก่อนนั้น นางเปิดใช้งานเกราะเสวียนกังชั้นแรกเท่านั้น เพื่อป้องกันตัวเอง  

 

 

ในตอนนี้ นางใช้ชั้นที่สองอย่างไม่เต็มใจ เพื่อปกป้องทั้งสองพี่น้องเอาไว้  

 

 

แม้ว่าจะถูกเจียงหลีตำหนิ แต่พี่น้องทั้งสองก็ยังคงมองดูนางด้วยความซาบซึ้งใจ “แม่นางไม่คำนึงถึงอันตรายใดๆ มุ่งเข้ามาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องอย่างพวกข้า จากนี้ไปชีวิตของพวกข้าพี่น้องทั้งสองเป็นของแม่นาง ตายไปก็เป็นผีของแม่นาง” อวี้ซูสาบานกับเจียงหลีด้วยน้ำตาคลอเบ้า  

 

 

เจียงหลีกัดริมฝีปากและยิ้มมีความสุขมากมายอย่างนับไม่ถ้วนในรอยยิ้มนั้น “เจ้าสองคนเดิมทีก็เป็นของข้าอยู่แล้ว”  

 

 

เหนืออู่เหมิน มู่สิงโจวยกมือขึ้นและทหารหลายร้อยคนก็หยุดยิง  

 

 

ทันทีที่ความกดดันคลี่คลายลง เจียงหลีก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลุกขึ้นยืนและหันไปเผชิญหน้ากับรัชทายาทผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงศ์โฮ่วจิ้น ซึ่งยืนอยู่บนหออู่เหมิน  

 

 

ร่างที่ใหญ่และร่างที่เล็กเผชิญหน้ากันบนลานประหาร ร่างของลู่ซิ่งเฉาและชายาของของเขาถูกแขวนไว้ที่ด้านซ้ายและด้านขวาของมู่สิงโจว  

 

 

ยืนอยู่ที่ตรงนี้ เจียงหลีมองไปที่สภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างรวดเร็ว มีข้อสรุปในใจว่า  ถ้าต้องการเอาศพไป เหมือนว่าจะต้องฆ่าทุกคนที่นี่จึงจะทำได้   

 

 

อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถของนางและลู่เสวียน  

 

 

จูเสีย เจ้าจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด  เจียงหลีกัดฟันกรอดในใจ นางรอคอยการตื่นของจูเสีย ถ้าจูเสียตื่นขึ้นมา นางก็มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะในการต่อสู้ในครั้งนี้ได้  

 

 

ถ้าหากไม่ตื่น นางคงได้แต่หวัง ให้ลู่เจี้ยเตรียมแผนรับมือไว้จริงๆ ก่อนที่นางและลู่เสวียนจะตาย จะมีทางออกสำหรับทุกอย่าง  

 

 

“เจียงหลี” มู่สิงโจวเรียกชื่อของนาง  

 

 

เจียงหลีขมวดคิ้วเม้นริมฝีปากและยิ้ม “องค์รัชทายาท” เมื่ออีกฝ่ายไม่รีบร้อนในการลงมือ นางจะถ่วงเวลาต่อไป  

 

 

ดวงตาเรียวของมู่สิงโจวหรี่ลง และมีความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถเข้าใจได้ เขามองจากเบื้องบนลงไปที่เจียงหลี และพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเมตตา “เจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลลู่ ทำไมเจ้าต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย ข้ารัชทายาทรู้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจ ข้าสามารถทำให้เจ้าอยู่ภายใต้การดูแลของข้า ทรัพยากรในการฝึกฝนจะไม่น้อยไปกว่าของตระกูลลู่เป็นแน่ ในอนาคตหากเจ้าทำได้ดี ข้ายังสามารถช่วยเจ้าขอร้องเสด็จพ่อ ยกโทษให้พี่ชายของเจ้าที่ต้องหลบหนีได้”  

 

 

“แน่นอนว่ามันเป็นเงื่อนไขที่น่าซาบซึ้งใจเพคะ” เจียงหลีกล่าวอย่างสนุกสนาน ท่าทีที่นางไม่ปฏิเสธ ทำให้รอยยิ้มที่มุมปากของมู่สิงโจวชัดเจนขึ้น “ผู้ที่สามารถรู้เรื่องปัจจุบันนั้นเป็นคนที่เก่งกาจ เจียงหลีเจ้าก็อย่าปฏิเสธน้ำใจของข้าเลย”  

 

 

ทันทีที่เสียงของเขาสิ้นสุดลง เหล่าคันธนูที่แข็งแกร่งบนมือก็วางลงบนช่องกำแพงอีกครั้ง ทันใดนั้น เจียงหลีรู้สึกเหมือนมีของแหลมคมอยู่บนหลังของตน ถูกจ้องมองด้วยสายตานับไม่ถ้วน  

 

 

เจียงหลียิ้มยียวนและพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้าได้ยินมานานแล้วว่ารัชทายาทเป็นลำดับที่สามของสิบผู้องอาจแห่งเมืองหลวง เจียงหลีต้องการที่จะประมือกับรัชทายาทในวันนี้ ถ้าพ่ายแพ้ ข้าจะแปรพรรคเป็นคนของรัชทายาท จะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจ แน่นอนว่าเมื่อนั้นผู้อื่นก็ไม่สามารถครหาในตัวข้าได้”  

 

 

ดวงตาของมู่สิงโจววูบไหวและทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ “เจ้าต้องการข้ออ้างที่ตรงไปตรงมา ข้าจะให้สิ่งนั้นแก่เจ้า”  

 

 

เขาคิดว่า เจียงหลีไม่ต้องการทรยศต่อเจ้านายคนเดิมก็เท่านั้น  

 

 

แต่ทว่า มีคนรอบข้างเตือนเขาว่า “รัชทายาท หญิงสาวผู้นี้เคยสาบานในการล่าสัตว์วสันต์ฤดู เพื่อปกป้องเจ้านายน้อยของตระกูลลู่ นางจะเปลี่ยนมาอยู่ภายใต้คำสั่งของรัชทายาทได้อย่างไร ตอนนี้รัชทายาทควรระวังว่าจะเป็นการหลอกลวงนะพ่ะย่ะค่ะ!”  

 

 

แต่มู่สิงโจวหาได้สนใจไม่ “คำสาบานของหญิงสาวจะจริงจังได้อย่างไร ในวันนั้นตระกูลลู่ยังคงปกป้องนางได้ นางต้องการทำให้เจ้านายของนางพอใจ ดังนั้นนางจึงต้องปฏิบัติอย่างดี แต่ในตอนนี้ตระกูลลู่ล่มสลายไปแล้ว ถ้านางฉลาดนางจะรู้ว่าควรทำอย่างไรจึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด”  

 

 

หลังจากนั้นเขาก็ก้าวออกไปข้างนอก และเหาะลอยตัวลงมาจากด้านบนของอู่เหมิน เขาเอามือไพล่หลัง ท่าทางของเขายังคงดูสง่า “เจียงหลีจงฟังข้า ข้าจะใช้เพียงมือเดียวในการแข่งขันกับเจ้า” ข้ออ้างที่เจียงหลีต้องการที่จะออกจากตระกูลลู่ เขาก็อยากได้ชื่อเสียงที่ดีงามในการดึงตัวยอดฝีมือมาด้วย การต่อสู้ในสนามนี้ ต่างก็เพื่อทำในสิ่งที่ตนต้องการเท่านั้นเอง  

 

 

มู่สิงโจวคิดว่าตนเองนั้น ได้ไตร่ตรองอย่างละเอียดแล้ว  

 

 

ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ตระกูลลู่ต้องการที่จะกลับมาผงาดอีกครั้ง มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน  

 

 

 “ขอบพระทัยรัชทายาทเพคะ” เจียงหลีมองเขาด้วยรอยยิ้มและยอมรับการ ‘ออมมือ’ ของเขาอย่างไม่เกรงใจ  

 

 

นี่คือการแข่งขันแบบตัวต่อตัว และไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้ ภายใต้สายตาของเจียงหลี อวี้ซูและอวี้เฉินก้าวถอยหลังไปและไม่มีใครจะหยุดพวกเขาได้  

 

 

 ฆ่าเขาด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด จากนั้นก็ฆ่าเหล่าองครักษ์ชั้นยอดเหล่านี้ และหาโอกาสหนีไปก่อนที่กองทัพจากพระราชวังมาถึง ยังคงมีโอกาส  ใบหน้าของเจียงหลีมีรอยยิ้ม แต่มีความคมซ่อนอยู่ในดวงตา  

 

 

“ลงมือเถอะ” เมื่อมู่สิงโจวพูด พลังวิญญาณที่ทรงพลังก็พุ่งออกมาจากร่างของเขา “หมัดเจ้าสังหารรร!”  

 

 

เพียงเริ่มต้น เขาก็ใช้ทักษะการต่อสู้ที่โดดเด่นมาก เขาต้องการที่จะชนะ และก็ต้องชนะอย่างสวยงามด้วย!  

 

 

เจียงหลีใช้ทักษะชวนเสินอิ่นหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่ว และร่างของนางก็พุ่งไปด้านหลังของมู่สิงโจว จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยเรียกเสียงต่ำ “ฉีกเวหาาาา!”  

 

 

วิญญาณยุทธ์ตัวแรกถูกปล่อยออกมาทันที เขาของเลี่ยเทียนซื่อหันไปทางด้านหลังของมู่สิงโจว…  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+