ราชินีพลิกสวรรค์ 213 คุกเข่าลง เจ้าหนุ่ม!

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 213 คุกเข่าลง เจ้าหนุ่ม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โจวยวนในอดีต บนใบหน้าเล็กๆ ที่งดงามนั้นมีความหยิ่งยโสเพราะถูกตามใจมาก แต่กลับไร้เดียงสาและตรงไปตรงมา มีนิสัยกล้าหาญ แต่ตอนนี้ โจวยวนที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าลู่เสวียน เหมือนกับคนละคน

 

 

บนใบหน้าของนาง รอยยิ้มหายไปไม่น้อย แววตามีความเย็นชา เหมือนคนผ่านอะไรมามากมาย เหมือนคนที่ถูกโลกทอดทิ้งอย่างไรอย่างนั้น ตัดขาดจากทุกอย่างภายนอกแล้วสิ้น

 

 

แต่เหมือนเป็นเพราะว่านิสัยแบบนี้ของนาง กลับดึงดูดความสนใจของคนไม่น้อย

 

 

ลู่เสวียนไม่รู้ว่าโจวยวนเห็นเขาไหม เพียงแต่เห็นผู้ชายมากมายวิ่งมาหานางจากคนละทิศทาง เพื่อเอาใจนาง แต่นางไม่แม้แต่จะชายตามอง

 

 

“โจวยวน……” แววตาลู่เสวียนมีความสับสนเล็กน้อย

 

 

ก่อนวันนี้ เขาเจอโจวยวนครั้งสุดท้ายก็คือที่จวนขององค์หญิง

 

 

คืนนั้น เขาต้องการฆ่าคนในราชสำนักทุกคนเพื่อแก้แค้นให้กับท่านพ่อท่านแม่ เมื่อพ่อแม่สิ้นชีพไปแล้ว เขาในตอนนั้น เหมือนกับโจวยวนในตอนนี้มาก ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น คิดเพียงแต่จะแก้แค้น จะฆ่าคนด้วยวิธีของตัวเอง

 

 

แต่ว่า เขาไม่ได้เป็นคนฆ่าองค์หญิงใหญ่ แต่เป็นนางเองที่พุ่งเข้ามายังดาบของเขา

 

 

สำหรับเรื่องนี้ ลู่เสวียนไม่ได้อธิบาย และก็ไม่อยากอธิบาย

 

 

อธิบายไปแล้วมีประโยชน์อะไร จุดประสงค์ของเขา ไม่ใช่การสังหารองค์หญิงใหญ่หรอกรึ เพียงแต่วิธีการนั้นเปลี่ยนไป ผลลัพธ์ก็เป็นดังที่ต้องการ

 

 

แต่สำหรับโจวยวน สาวน้อยคนนี้ที่ไล่ตามตื้อเขามาตลอดหลายปี เขาไม่เคยคิดทำร้ายนางเลย

 

 

ตอนนี้ ราชวงศ์โฮ่วจิ้นล่มสลายแล้ว ความแค้นของพ่อแม่ก็ถือว่าได้ชำระแล้ว

 

 

ก่อนที่จะมาถึงซีเฉียน ลู่เจี้ยพี่ชายคนโตคุยกับเขาทั้งคืน อธิบายในสิ่งที่ลู่อ๋องเลือกและการตัดสินใจโดยรวมให้เขาฟังอย่างชัดเจน

 

 

แม้ว่า มีบางจุดที่เขายังคงไม่เข้าใจ แต่ก็โล่งใจแล้ว อาจเป็นเพราะเขาไม่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเหมือนพี่ชาย แผนการต่างๆ ของตระกูลลู่จึงไม่ได้บอกกล่าวให้เขารับรู้

 

 

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” เจียงหลีสังเกตเห็นความผิดปกติของลู่เสวียน นางรับรู้เรื่องราวระหว่างสองคนนี้ จึงเอ่ยถาม

 

 

ลู่เสวียนเม้มปากแน่น ส่ายหัวช้าๆ

 

 

เพียงแต่ว่า สายตาจ้องมองโจวยวนที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ อยู่ตลอด

 

 

“พวกเจ้ารู้จักศิษย์น้องโจวยวนด้วยรึ” ศิษย์พี่ที่นำทางเห็นท่าทางของลู่เสวียน จึงคาดเดา ทันใดนั้น เขาก็นึกออก “อ้อ! ใช่แล้ว พวกเจ้าทุกคนมาจากโฮ่วจิ้น…” จู่ๆ เขาก็ชะงัก ยิ้มแล้วส่ายหัว พูดแก้ว่า “ตอนนี้หนานฮวงไม่มีโฮ่วจิ้นแล้ว มีเพียงราชวงศ์จยาเซียน อ้อ ศิษย์น้องโจวยวนก็มาจากที่นั่น พวกเจ้ารู้จักกันมาก่อนรึ”

 

 

คำพูดของเขา ทำให้เจียงหลีขมวดคิ้ว พูดพึมพำเบาๆ “โจวยวนเป็นลูกศิษย์ของสถาบันหลิงอู่ เหตุใดพอมาซีเฉียนแล้วกลับเข้าสถาบันไป๋หยวน” แน่นอนว่าในซีเฉียนไม่มีสถาบันหลิงอู่

 

 

“อืม รู้จัก เพียงแต่ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมนางถึงมาที่นี่” ลู่เสวียนพยักหน้าช้าๆ เหมือนถามขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

 

 

เจียงหลีหันไปมองเขา อุทานในใจ โธ่ เจ้าหนุ่มที่ตรงไปตรงมานี่ หลังจากที่ประสบอะไรมามากมาย ก็นิ่งขึ้นมาก

 

 

“เหมือนว่านางจะมาพร้อมกับจดหมายแนะนำของศิษย์พี่ในอดีตท่านหนึ่ง” ศิษย์พี่คนนั้นไม่ได้สงสัยอะไรจึงเล่าเรื่องที่รู้ทั้งหมดออกมา

 

 

ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้รู้อะไรมาก ส่วนมากก็ว่าตามคนอื่นเอา

 

 

ประมาณว่าคนเขียนจดหมายที่โจวยวนนำมาฉบับนั้น เคยเป็นลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียน ในระหว่างที่อยู่ที่สถาบัน เขาทำประโยชน์ไว้ไม่น้อย

 

 

ดังนั้น เมื่อเขาแนะนำโจวยวนให้มาฝึกฝน สถาบันจึงรับไว้

 

 

แต่ถึงอย่างไรเกณฑ์การรับเข้าของสถาบันไป๋หยวนก็ต่ำอยู่แล้ว ที่แตกต่างก็คือหลังจากเข้ามาแล้ว อยู่ที่ความสนใจ ตลอดจนพรสวรรค์และความมุมานะของตัวเองเท่านั้น

 

 

เพียงแต่ บางทีอาจเป็นเพราะโจวยวนมีความสัมพันธ์นี้ หลังจากที่นางมาสถาบันไป๋หยวน ก็ถูกหลิงเจี้ยงขั้นสูงรับเป็นศิษย์อย่างรวดเร็ว บวกกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่น นิสัยที่เคร่งขรึมและโอหัง ความเป็นที่นิยมในสถาบันจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

 

ตอนที่ศิษย์พี่คนนั้นพูดจบ โจวยวนก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว

 

 

ระหว่างทาง มีคนตามมาไม่น้อย ไม่ปิดบังสายตาที่รักใคร่ชื่นชอบเลยสักนิด

 

 

“พวกเจ้าก็มาเหมือนกันหรือ” โจวยวนหยุดลง มองทั้งสามคนโดยใบหน้าที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม หรือพูดได้ว่าสายตาของนาง ส่วนมากมองไปที่ลู่เสวียนและเจียงหลี

 

 

สายตาที่นางมองลู่เสวียน ไม่หลงใหลเหมือนเมื่อก่อน ความรักใคร่อย่างตรงไปตรงมาได้จางหายไปนานแล้ว

 

 

ถูกนางจ้องเช่นนี้ ลู่เสวียนรู้สึกเย็นวูบไปทั้งตัว

 

 

“ศิษย์น้องโจวยวน เจ้ารู้จักพวกเขารึ” คนที่ชื่นชอบนางที่ตามมา ถือโอกาสชวนคุย

 

 

โจวยวนยิ้มเล็กน้อย เพียงแต่ในรอยยิ้มนั้นมีความเย็นชา ไม่ว่าใครก็มองออก “ใช่แล้ว รู้จักเป็นอย่างดี”

 

 

ภาพที่เห็นเหมือนไม่ใช่การรวมตัวของเพื่อนเก่า แต่เป็นคู่อริทักทายกันมากกว่า

 

 

ศิษย์พี่ท่านนั้นที่นำทางทั้งสามคน กลอกตาไปมา มองทั้งสองฝ่ายไม่หยุด หน้าที่ของเขาคือต้องพาทั้งสามคนไปหาอาจารย์ เตรียมการทุกอย่างให้เหมาะสม จะให้เกิดความขัดแย้งไม่ได้

 

 

แต่ทว่า เขายังไม่ทันได้เปิดปากเพื่อหยุดการทักทายกันอีกครั้งที่ไม่ค่อยถูกเวลานี้ ผู้ชายคนนั้นที่อยากจะเอาใจโจวยวนให้มีความสุข ก็สีหน้าเปลี่ยนไป มองลู่เสวียนด้วยความทะนงองอาจ “เจ้าหนุ่ม เจ้าทำผิดต่อศิษย์น้องโจวยวนใช่หรือไม่”

 

 

โจวยวนยิ้มมุมปาก ไม่ได้ห้ามที่เขาอาสา

 

 

ลู่เสวียนขมวดคิ้ว กวาดตามองชายผู้นั้นที่ออกมาด้วยความเย็นชา ความรักและความแค้นระหว่างเขากับโจวยวนเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้

 

 

โจวยวนเกลียดเขา แค้นเขา เขาก็เข้าใจหอ้ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่เข้าใจจะมาว่ากล่าวเขาได้ตามอำเภอใจ

 

 

“เกี่ยวอะไรกับเจ้า” ลู่เสวียนตอบกลับอย่างเย็นชา

 

 

“ฮึๆ! อารมณ์ร้อนหนักนะ!” ผู้ชายที่โผตัวออกมา ถูกท่าทางของลู่เสวียนทำให้ให้โกรธขึ้นมา “เจ้ารู้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน”

 

 

ลู่เสวียนยิ้มอย่างเย็นชาแล้วตอบว่า “สถาบันไป๋หยวน”

 

 

ชายผู้นั้นจ้องตาเขม็ง “รู้ว่าที่นี่คือสถาบันไป๋หยวน เจ้ายังกล้าอวดดี เจอศิษย์พี่ไม่รู้จักทำความเคารพรึ”

 

 

โจวยวนยิ้มเยาะ สายตาเหมือนกับดูละครอย่างไรอย่างนั้น

 

 

สีหน้าของลู่เสวียนเย็นชาขึ้นมา “ข้าไม่รู้มาก่อนว่าสถาบันไป๋หยวนมีกฎข้อนี้ด้วย”

 

 

“ตอนนี้รู้แล้วหนิ” ชายผู้นั้นจ้องตาเขม็ง

 

 

ผู้ที่ชื่นชอบโจวยวนคนอื่นๆ ก็ไม่ยอมเหมือนกัน ต่างมองพวกเขาทั้งสามคนเป็นศัตรู

 

 

“พอๆๆ ล้วนแต่เป็นศิษย์สถาบันเดียวกัน ทำไมจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย” ศิษย์พี่ที่นำทางมารีบเข้ามาไกล่เกลี่ย ทำให้เรื่องจบลงด้วยดี เขายังพูดกับโจวยวนอีกว่า “ศิษย์น้องโจวยวน ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นเพราะเจ้า เจ้าก็พูดอะไรหน่อยเถอะ ให้เรื่องนี้จบไป”

 

 

โจวยวนกลับยิ้มออกมาอย่างยียวน “ทำไมข้าต้องพูดให้คู่อริของข้าด้วยล่ะ”

 

 

คู่อริ!

 

 

คำนี้ พูดออกมาจากปากนาง ลู่เสวียนเจ็บแปลบที่หัวใจ

 

 

“ที่แท้ก็คือคู่อริของศิษย์น้องโจวยวน! เจ้าหนุ่ม ไม่ว่าเจ้าทำอะไรไว้ ยังไม่รีบคุกเข่าลงขอโทษศิษย์น้องโจวยวนอีก!” ท่าทีของชายคนนั้นที่มีต่อลู่เสวียนถือดีมากยิ่งขึ้น

 

 

ลู่เสวียนจ้องโจวยวนตาเขม็ง

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” ขณะนี้ เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลังของทั้งสามคน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 213 คุกเข่าลง เจ้าหนุ่ม!

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 213 คุกเข่าลง เจ้าหนุ่ม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โจวยวนในอดีต บนใบหน้าเล็กๆ ที่งดงามนั้นมีความหยิ่งยโสเพราะถูกตามใจมาก แต่กลับไร้เดียงสาและตรงไปตรงมา มีนิสัยกล้าหาญ แต่ตอนนี้ โจวยวนที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าลู่เสวียน เหมือนกับคนละคน

 

 

บนใบหน้าของนาง รอยยิ้มหายไปไม่น้อย แววตามีความเย็นชา เหมือนคนผ่านอะไรมามากมาย เหมือนคนที่ถูกโลกทอดทิ้งอย่างไรอย่างนั้น ตัดขาดจากทุกอย่างภายนอกแล้วสิ้น

 

 

แต่เหมือนเป็นเพราะว่านิสัยแบบนี้ของนาง กลับดึงดูดความสนใจของคนไม่น้อย

 

 

ลู่เสวียนไม่รู้ว่าโจวยวนเห็นเขาไหม เพียงแต่เห็นผู้ชายมากมายวิ่งมาหานางจากคนละทิศทาง เพื่อเอาใจนาง แต่นางไม่แม้แต่จะชายตามอง

 

 

“โจวยวน……” แววตาลู่เสวียนมีความสับสนเล็กน้อย

 

 

ก่อนวันนี้ เขาเจอโจวยวนครั้งสุดท้ายก็คือที่จวนขององค์หญิง

 

 

คืนนั้น เขาต้องการฆ่าคนในราชสำนักทุกคนเพื่อแก้แค้นให้กับท่านพ่อท่านแม่ เมื่อพ่อแม่สิ้นชีพไปแล้ว เขาในตอนนั้น เหมือนกับโจวยวนในตอนนี้มาก ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น คิดเพียงแต่จะแก้แค้น จะฆ่าคนด้วยวิธีของตัวเอง

 

 

แต่ว่า เขาไม่ได้เป็นคนฆ่าองค์หญิงใหญ่ แต่เป็นนางเองที่พุ่งเข้ามายังดาบของเขา

 

 

สำหรับเรื่องนี้ ลู่เสวียนไม่ได้อธิบาย และก็ไม่อยากอธิบาย

 

 

อธิบายไปแล้วมีประโยชน์อะไร จุดประสงค์ของเขา ไม่ใช่การสังหารองค์หญิงใหญ่หรอกรึ เพียงแต่วิธีการนั้นเปลี่ยนไป ผลลัพธ์ก็เป็นดังที่ต้องการ

 

 

แต่สำหรับโจวยวน สาวน้อยคนนี้ที่ไล่ตามตื้อเขามาตลอดหลายปี เขาไม่เคยคิดทำร้ายนางเลย

 

 

ตอนนี้ ราชวงศ์โฮ่วจิ้นล่มสลายแล้ว ความแค้นของพ่อแม่ก็ถือว่าได้ชำระแล้ว

 

 

ก่อนที่จะมาถึงซีเฉียน ลู่เจี้ยพี่ชายคนโตคุยกับเขาทั้งคืน อธิบายในสิ่งที่ลู่อ๋องเลือกและการตัดสินใจโดยรวมให้เขาฟังอย่างชัดเจน

 

 

แม้ว่า มีบางจุดที่เขายังคงไม่เข้าใจ แต่ก็โล่งใจแล้ว อาจเป็นเพราะเขาไม่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเหมือนพี่ชาย แผนการต่างๆ ของตระกูลลู่จึงไม่ได้บอกกล่าวให้เขารับรู้

 

 

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” เจียงหลีสังเกตเห็นความผิดปกติของลู่เสวียน นางรับรู้เรื่องราวระหว่างสองคนนี้ จึงเอ่ยถาม

 

 

ลู่เสวียนเม้มปากแน่น ส่ายหัวช้าๆ

 

 

เพียงแต่ว่า สายตาจ้องมองโจวยวนที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ อยู่ตลอด

 

 

“พวกเจ้ารู้จักศิษย์น้องโจวยวนด้วยรึ” ศิษย์พี่ที่นำทางเห็นท่าทางของลู่เสวียน จึงคาดเดา ทันใดนั้น เขาก็นึกออก “อ้อ! ใช่แล้ว พวกเจ้าทุกคนมาจากโฮ่วจิ้น…” จู่ๆ เขาก็ชะงัก ยิ้มแล้วส่ายหัว พูดแก้ว่า “ตอนนี้หนานฮวงไม่มีโฮ่วจิ้นแล้ว มีเพียงราชวงศ์จยาเซียน อ้อ ศิษย์น้องโจวยวนก็มาจากที่นั่น พวกเจ้ารู้จักกันมาก่อนรึ”

 

 

คำพูดของเขา ทำให้เจียงหลีขมวดคิ้ว พูดพึมพำเบาๆ “โจวยวนเป็นลูกศิษย์ของสถาบันหลิงอู่ เหตุใดพอมาซีเฉียนแล้วกลับเข้าสถาบันไป๋หยวน” แน่นอนว่าในซีเฉียนไม่มีสถาบันหลิงอู่

 

 

“อืม รู้จัก เพียงแต่ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมนางถึงมาที่นี่” ลู่เสวียนพยักหน้าช้าๆ เหมือนถามขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

 

 

เจียงหลีหันไปมองเขา อุทานในใจ โธ่ เจ้าหนุ่มที่ตรงไปตรงมานี่ หลังจากที่ประสบอะไรมามากมาย ก็นิ่งขึ้นมาก

 

 

“เหมือนว่านางจะมาพร้อมกับจดหมายแนะนำของศิษย์พี่ในอดีตท่านหนึ่ง” ศิษย์พี่คนนั้นไม่ได้สงสัยอะไรจึงเล่าเรื่องที่รู้ทั้งหมดออกมา

 

 

ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้รู้อะไรมาก ส่วนมากก็ว่าตามคนอื่นเอา

 

 

ประมาณว่าคนเขียนจดหมายที่โจวยวนนำมาฉบับนั้น เคยเป็นลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียน ในระหว่างที่อยู่ที่สถาบัน เขาทำประโยชน์ไว้ไม่น้อย

 

 

ดังนั้น เมื่อเขาแนะนำโจวยวนให้มาฝึกฝน สถาบันจึงรับไว้

 

 

แต่ถึงอย่างไรเกณฑ์การรับเข้าของสถาบันไป๋หยวนก็ต่ำอยู่แล้ว ที่แตกต่างก็คือหลังจากเข้ามาแล้ว อยู่ที่ความสนใจ ตลอดจนพรสวรรค์และความมุมานะของตัวเองเท่านั้น

 

 

เพียงแต่ บางทีอาจเป็นเพราะโจวยวนมีความสัมพันธ์นี้ หลังจากที่นางมาสถาบันไป๋หยวน ก็ถูกหลิงเจี้ยงขั้นสูงรับเป็นศิษย์อย่างรวดเร็ว บวกกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่น นิสัยที่เคร่งขรึมและโอหัง ความเป็นที่นิยมในสถาบันจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

 

ตอนที่ศิษย์พี่คนนั้นพูดจบ โจวยวนก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว

 

 

ระหว่างทาง มีคนตามมาไม่น้อย ไม่ปิดบังสายตาที่รักใคร่ชื่นชอบเลยสักนิด

 

 

“พวกเจ้าก็มาเหมือนกันหรือ” โจวยวนหยุดลง มองทั้งสามคนโดยใบหน้าที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม หรือพูดได้ว่าสายตาของนาง ส่วนมากมองไปที่ลู่เสวียนและเจียงหลี

 

 

สายตาที่นางมองลู่เสวียน ไม่หลงใหลเหมือนเมื่อก่อน ความรักใคร่อย่างตรงไปตรงมาได้จางหายไปนานแล้ว

 

 

ถูกนางจ้องเช่นนี้ ลู่เสวียนรู้สึกเย็นวูบไปทั้งตัว

 

 

“ศิษย์น้องโจวยวน เจ้ารู้จักพวกเขารึ” คนที่ชื่นชอบนางที่ตามมา ถือโอกาสชวนคุย

 

 

โจวยวนยิ้มเล็กน้อย เพียงแต่ในรอยยิ้มนั้นมีความเย็นชา ไม่ว่าใครก็มองออก “ใช่แล้ว รู้จักเป็นอย่างดี”

 

 

ภาพที่เห็นเหมือนไม่ใช่การรวมตัวของเพื่อนเก่า แต่เป็นคู่อริทักทายกันมากกว่า

 

 

ศิษย์พี่ท่านนั้นที่นำทางทั้งสามคน กลอกตาไปมา มองทั้งสองฝ่ายไม่หยุด หน้าที่ของเขาคือต้องพาทั้งสามคนไปหาอาจารย์ เตรียมการทุกอย่างให้เหมาะสม จะให้เกิดความขัดแย้งไม่ได้

 

 

แต่ทว่า เขายังไม่ทันได้เปิดปากเพื่อหยุดการทักทายกันอีกครั้งที่ไม่ค่อยถูกเวลานี้ ผู้ชายคนนั้นที่อยากจะเอาใจโจวยวนให้มีความสุข ก็สีหน้าเปลี่ยนไป มองลู่เสวียนด้วยความทะนงองอาจ “เจ้าหนุ่ม เจ้าทำผิดต่อศิษย์น้องโจวยวนใช่หรือไม่”

 

 

โจวยวนยิ้มมุมปาก ไม่ได้ห้ามที่เขาอาสา

 

 

ลู่เสวียนขมวดคิ้ว กวาดตามองชายผู้นั้นที่ออกมาด้วยความเย็นชา ความรักและความแค้นระหว่างเขากับโจวยวนเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจได้

 

 

โจวยวนเกลียดเขา แค้นเขา เขาก็เข้าใจหอ้ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่เข้าใจจะมาว่ากล่าวเขาได้ตามอำเภอใจ

 

 

“เกี่ยวอะไรกับเจ้า” ลู่เสวียนตอบกลับอย่างเย็นชา

 

 

“ฮึๆ! อารมณ์ร้อนหนักนะ!” ผู้ชายที่โผตัวออกมา ถูกท่าทางของลู่เสวียนทำให้ให้โกรธขึ้นมา “เจ้ารู้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน”

 

 

ลู่เสวียนยิ้มอย่างเย็นชาแล้วตอบว่า “สถาบันไป๋หยวน”

 

 

ชายผู้นั้นจ้องตาเขม็ง “รู้ว่าที่นี่คือสถาบันไป๋หยวน เจ้ายังกล้าอวดดี เจอศิษย์พี่ไม่รู้จักทำความเคารพรึ”

 

 

โจวยวนยิ้มเยาะ สายตาเหมือนกับดูละครอย่างไรอย่างนั้น

 

 

สีหน้าของลู่เสวียนเย็นชาขึ้นมา “ข้าไม่รู้มาก่อนว่าสถาบันไป๋หยวนมีกฎข้อนี้ด้วย”

 

 

“ตอนนี้รู้แล้วหนิ” ชายผู้นั้นจ้องตาเขม็ง

 

 

ผู้ที่ชื่นชอบโจวยวนคนอื่นๆ ก็ไม่ยอมเหมือนกัน ต่างมองพวกเขาทั้งสามคนเป็นศัตรู

 

 

“พอๆๆ ล้วนแต่เป็นศิษย์สถาบันเดียวกัน ทำไมจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย” ศิษย์พี่ที่นำทางมารีบเข้ามาไกล่เกลี่ย ทำให้เรื่องจบลงด้วยดี เขายังพูดกับโจวยวนอีกว่า “ศิษย์น้องโจวยวน ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นเพราะเจ้า เจ้าก็พูดอะไรหน่อยเถอะ ให้เรื่องนี้จบไป”

 

 

โจวยวนกลับยิ้มออกมาอย่างยียวน “ทำไมข้าต้องพูดให้คู่อริของข้าด้วยล่ะ”

 

 

คู่อริ!

 

 

คำนี้ พูดออกมาจากปากนาง ลู่เสวียนเจ็บแปลบที่หัวใจ

 

 

“ที่แท้ก็คือคู่อริของศิษย์น้องโจวยวน! เจ้าหนุ่ม ไม่ว่าเจ้าทำอะไรไว้ ยังไม่รีบคุกเข่าลงขอโทษศิษย์น้องโจวยวนอีก!” ท่าทีของชายคนนั้นที่มีต่อลู่เสวียนถือดีมากยิ่งขึ้น

 

 

ลู่เสวียนจ้องโจวยวนตาเขม็ง

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” ขณะนี้ เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลังของทั้งสามคน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+