ราชินีพลิกสวรรค์ 223 กฎการสอบวัดผลอันวิปริต

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 223 กฎการสอบวัดผลอันวิปริต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โจวยวนสะดุ้งเล็กน้อย ผู้สนับสนุนคนเดียวในซีเฉียนของนางคือเฉียนจวิ้น

 

 

หากเฉียนจวิ้นละทิ้งนาง จากความสามารถของนางจะเฉิดฉายในการวัดผลได้อย่างไร

 

 

“ฝ่าบาทไม่ต้องการยวนเอ๋อร์แล้วหรือเพคะ” โจวยวนบีบน้ำตาและมองเขาอย่างน่าสงสาร

 

 

เฉียนจวิ้นยื่นมือออกมา และบีบแก้มนุ่มนิ่มของนางหนึ่งที ดวงตามีความคลุมเครือเล็กน้อย “ยวนเอ๋อร์อย่าคิดมาก แค่ให้ความเอ็นดูเจ้ายังไม่พอเลยด้วยซ้ำ เหตุใดข้าจะไม่ต้องการเจ้าแล้วเล่า ข้าแค่จะเปลี่ยนคู่หูเท่านั้น เจ้าดูสิ คนรอบๆ ตัวเจียงหลี แม้แต่อาจารย์ ในสำนักยังคิดว่าวรยุทธ์นางสูงเกินไปเลย หากข้าไม่ไปขอความช่วยเหลือ คราวนี้เจียงหลีก็ได้หน้าแล้วน่ะสิ”

 

 

“แต่…แต่ถ้าท่านเป็นคู่หูกับคนอื่น เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไร” โจวยวนถามอย่างกระวนกระวาย

 

 

เฉียนจวิ้นหัวเราะ “ไม่ต้องกังวล ยวนเอ๋อร์ ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหน ในเมื่อข้าต้องการเปลี่ยนคู่หู ข้าย่อมต้องเตรียมผู้แข็งแกร่งไว้ให้เจ้าอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเรายังสามารถจูงมือเข้าสู่สถานที่แห่งการวัดผลด้วยกันได้”

 

 

เมื่อได้ยินเพียงเท่านี้ ความประหม่าของโจวยวนก็ผ่อนคลายลงในที่สุด “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ทำแผนการของฝ่าบาทได้เลยเพคะ”

 

 

“เป็นเด็กดีนะ! ” เฉียนจวิ้นก้มศีรษะลง พ่นลมหายใจร้อนไปที่ใบหูของนางและพูดด้วยเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “ท่าทางว่าง่ายของเจ้าช่างน่าดึงดูดเหลือเกิน ทำให้ข้าอยากจะกลืนกินเจ้าในคำเดียว”

 

 

คำพูดที่คลุมเครือที่มีนัยแฝงเหล่านี้ ทำให้แก้มของโจวยวนแดงก่ำ พูดด้วยน้ำเสียงแกล้งโมโห “ฝ่าบาททท! ”

 

 

เฉียนจวิ้นมองไปที่ตำแหน่งที่ตระหง่านของนางอย่างกระหาย แอบถอนหายใจว่ายังไม่ใช่เวลา หากเปลี่ยนเวลาและสถานที่ เขาจะต้องกลืนคนงามอันโอชะนี้ลงท้องไปอย่างแน่นอน เมื่อสงบใจได้แล้ว เฉียนจวิ้นก็ได้กระจายข่าวของยอดฝีมือออกไป

 

 

อีกฟากหนึ่ง ผู้อำนวยการสอบยังคงไร้ความคืบหน้า

 

 

“สถาบันเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้ ตอนนี้จะกลับคำหรือ หากคำพูดเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไป เกรงว่ามันจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของสถาบันเอาได้” เจียงหลีหัวเราะเย็นเยือก

 

 

ดวงตาของผู้อำนวยการสอบเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง

 

 

ในความเป็นจริง ให้เขาพูดคำกลับไปกลอกมาเช่นนี้ ตัวเขาเองก็อับอายจนร้อนไปทั้งหน้า

 

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าปัจจัยผันแปรของการวัดผลครั้งนี้อยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ เขาจึงต้องกัดฟัดและพูดออกไป

 

 

“นั่นน่ะสิ! ตอนที่พวกเราไปประท้วง สถาบันก็พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ เหตุใดตอนนี้กลับมาคืนคำได้เล่า”

 

 

“ถูกต้อง! หรือว่า แค่ยอมให้พวกชนชั้นสูงนำยอดฝีมือเข้ามาได้ พวกเราลูกสามัญชน ต้องยอมรับโชคชะตาใช่ไหม”

 

 

“สถาบันไป๋หยวนมีชื่อเสียงในเรื่องความยุติธรรมและตรงไปตรงมา หรือวันนี้ต้องการทำลายเอกลักษณ์นั้นไปหรือ”

 

 

“…”

 

 

ในวงแห่งการสอบวัดผล ลูกศิษย์ที่ไปประท้วงเหล่านั้น ตลอดจนลูกศิษย์ที่ไม่ใช่ยอดฝีมือก็มาช่วยถือโอกาสเข้าร่วมการซักถามเช่นกัน

 

 

ในเมื่อสถาบันไป๋หยวนเคยพูดเอาไว้อย่างทระนงเช่นนั้น ณ ตอนนี้เหตุใดถึงได้กลืนน้ำลายตัวเองได้

 

 

พวกเขาไม่ได้พยายามช่วยเจียงหลี พวกเขาแค่ไม่พอใจกับกฎการสอบวัดผลของสถาบัน ซึ่งทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ตั้งแต่การหาคู่หูในตอนแรกแล้ว

 

 

“เจ้ารอก่อน” เสียงคัดค้านดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้อำนวยการสอบมิอาจต้านทานได้

 

 

เขากล่าวประโยคนี้กับเจียงหลี ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าจะเข้าพบเจ้าสำนักและเหล่าคนใหญ่คนโตเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการรับมือ

 

 

เวลาในการสอบวัดผลถูกทำให้ล่าช้า ซึ่งทำให้เฉียนจวิ้นมีเวลามากพอ

 

 

ไม่นาน ผู้อำนวยการสอบก็กลับมา นอกจากเจ้าสำนักของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนแล้ว เฟิงสิงอวิ๋นผู้เป็นแขกของสถาบันจากต่างเดินออกมากับเขาด้วยเช่นกัน

 

 

เมื่อเฟิงสิงอวิ๋นมาถึง เขายิ้มไปทางเจียงหลี

 

 

นับเป็นครั้งแรกที่เจียงหลีและผู้คนมากมายได้เห็นเจ้าสำนักตัวจริง ชายชราสามัญชน ผมสีหิมะ ผิวแดงก่ำ มีชีวิตชีวา ดูเป็นคนธรรมดาและใจดีคนหนึ่ง

 

 

ไม่มีใครคิดว่า เจ้าสำนักสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนจะเป็นคนที่ดูเหมือนไร้พิษภัยเช่นนี้

 

 

“ไม่ทราบว่าท่านผู้สูงส่งท่านนี้มาจากที่ใดหรือ” ทันทีที่เจ้าสำนักปรากฏตัว เขาเดินตรงไปที่หน้ามู่ชิงเกอ และถามด้วยความเคารพ

 

 

มู่ชิงเกอยิ้มและตอบอย่างกระชับ “ข้าเป็นสหายสนิทของเจียงหลี มาเป็นคู่หูของนาง ไม่ทราบว่าข้าทำผิดกฎหรือไม่”

 

 

เจ้าสำนักยิ้มออกมาอย่างไร้ความรู้สึก “นับว่าไม่ได้ผิดกฎอะไร”

 

 

มู่ชิงเกอพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี”

 

 

คำพูดของนาง กลับปิดกั้นความปรารถนาของเจ้าสำนักที่จะเกลี้ยกล่อมให้นางถอยทัพ

 

 

เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าช้าๆ ด้วยความจำใจ ผู้อำนวยการสอบเข้าใจและเริ่มอ่านกฎการวัดผล แต่ทว่าก่อนที่จะพูดกฎออกไป เขาได้พูดสิ่งที่น่าสนใจว่า “ก่อนที่การสอบวัดผลจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ยังมีโอกาสครั้งสุดท้ายสำหรับการเปลี่ยนคู่หู”

 

 

กฎข้อนี้ใช้กับทุกคน แต่ทว่าสายตากลับมุ่งไปที่เจียงหลีเพียงคนเดียว

 

 

ระหว่างเดินทางมา พวกเขาหารือกันแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดคือเกลี้ยกล่อมยอดฝีมือให้ละทิ้งการช่วยเหลือ หากเป็นไปไม่ได้ ก็ทำได้เพียงให้โอกาสคนอื่นเปลี่ยนคู่หู เพื่อป้องกันไม่ให้เจียงหลีโค่นล้มทุกคนได้ในระหว่างการสอบวัดผล

 

 

สำหรับสถาบันไป๋หยวน สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการฝึกฝนศักยภาพของลูกศิษย์ด้วยการเพิ่มความยากลำบาก แทนที่จะปล่อยให้การวัดผลกลายเป็นการแสดงส่วนบุคคล

 

 

เจียงหลีไม่ได้คัดค้านการวางแผนเช่นนี้ และมู่ชิงเกอก็เพียงแค่ยิ้มเบาๆ โดยมิได้ทักท้วงใดๆ

 

 

แน่นอนว่า เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาก็ยังคงมีความโกลาหล ลูกศิษย์ที่มีความสามารถจากหลายตระกูล เริ่มติดต่อกันเพื่อเปลี่ยนเป็นคู่หูที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

 

ในตอนนี้เงาอดไม่ได้ที่จะเสนอคำแนะนำให้กับลู่เจี๋ย “นายน้อย จะให้ข้าไปช่วยหยวนหวังหรือไม่ขอรับ”

 

 

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้กับมู่ชิงเกอ

 

 

ลู่เจี้ยกลับเอ่ยว่า “เสี่ยวเสวียนมีทางของตัวเอง การร่วมมือกันระหว่างเขากับเจียงเฮ่าเป็นแผนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เจ้าไปไม่ได้”

 

 

“แต่ว่านายน้อย…”

 

 

“เอาละ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดต่อ” ลู่เจี้ยขัดจังหวะเขา และหันไปพูดกับเขาว่า “การสอบวัดผลของสถาบันไป๋หยวน มีเพียงคนที่มีคะแนนคงที่เท่านั้นจึงจะรู้เรื่องราวภายในได้ ข้าอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เจ้าไปหาที่พักชั่วคราว”

 

 

เงามองไปยังนายน้อยของเขาด้วยความสงสาร

 

 

เดินทางข้ามคืนเพื่อมาที่นี่ และต้องจากไปอย่างเงียบๆ เช่นนี้อย่างนั้นหรือ

 

 

สิ่งเดียวที่ทำให้เขาโล่งอกคือ ลู่เจี้ยไม่ได้สั่งให้กลับราชวงศ์จยาเซียนทันที มิฉะนั้น…ลูกน้องอย่างพวกเขาคงรู้สึกเสียดายแทนผู้เป็นนายเป็นอย่างมาก

 

 

 

 

ในที่สุดเจียงหลีและมู่ชิงเกอก็เข้ามาในวงล้อมแห่งการสอบวัดผล เจียงเฮ่าและลู่เสวียนที่ยืนอยู่ในวงก็เบียดเข้าหาพวกนางทันที

 

 

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกเขาเพิ่งจะขยับ ผู้อำนวยการสอบก็เริ่มประกาศกฎด้วยความจำใจ พวกเขาจึงหยุดชั่วคราวและตั้งใจฟังกฎของการสอบวัดผลครั้งนี้อย่างตั้งใจ

 

 

“ลูกศิษย์ผู้เข้ารับการสอบวัดผลโปรดทราบ สถานที่ทดสอบนี้ อยู่ในพื้นที่อีกพื้นที่หนึ่ง พื้นที่แห่งนี้เป็นสถานที่ปิดตายโดยสมบูรณ์ พวกเจ้าทุกคนจะถูกขังอยู่ในนั้นเป็นเวลาเจ็ดวัน ภายในเจ็ดวันนี้ พวกเจ้าต้องหาคำอธิบายของภารกิจ ทำภารกิจให้เสร็จ จึงจะได้รับคะแนนสะสม คำอธิบายของภารกิจจะปรากฏขึ้นทันที มีทั้งยากและง่าย และคะแนนสะสมที่ได้รับจะแตกต่างกันไปตามความยากง่ายของภารกิจ ในระหว่างการสอบวัดผล พวกเจ้าทุกคนต่างเป็นศัตรูกัน ต่อสู้กันโดยไร้ข้อจำกัดในเรื่องวิธีการและกฎระเบียบ หากทำให้คู่ต่อสู้ถูกคัดออกได้ จะได้รับคะแนนสะสมที่คู่ต่อสู้มีอยู่ หากผู้เข้าสอบถูกคัดออก คู่หูก็จะถูกคัดออกด้วยเช่นเดียวกัน แต่หากคู่หูถูกคัดออก ผู้เข้าสอบจะต้องทำการสอบวัดผลต่อไปจนสำเร็จ! อีกทั้ง หากเสียชีวิตระหว่างการสอบถือเป็นโมฆะทั้งหมด”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 223 กฎการสอบวัดผลอันวิปริต

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 223 กฎการสอบวัดผลอันวิปริต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โจวยวนสะดุ้งเล็กน้อย ผู้สนับสนุนคนเดียวในซีเฉียนของนางคือเฉียนจวิ้น

 

 

หากเฉียนจวิ้นละทิ้งนาง จากความสามารถของนางจะเฉิดฉายในการวัดผลได้อย่างไร

 

 

“ฝ่าบาทไม่ต้องการยวนเอ๋อร์แล้วหรือเพคะ” โจวยวนบีบน้ำตาและมองเขาอย่างน่าสงสาร

 

 

เฉียนจวิ้นยื่นมือออกมา และบีบแก้มนุ่มนิ่มของนางหนึ่งที ดวงตามีความคลุมเครือเล็กน้อย “ยวนเอ๋อร์อย่าคิดมาก แค่ให้ความเอ็นดูเจ้ายังไม่พอเลยด้วยซ้ำ เหตุใดข้าจะไม่ต้องการเจ้าแล้วเล่า ข้าแค่จะเปลี่ยนคู่หูเท่านั้น เจ้าดูสิ คนรอบๆ ตัวเจียงหลี แม้แต่อาจารย์ ในสำนักยังคิดว่าวรยุทธ์นางสูงเกินไปเลย หากข้าไม่ไปขอความช่วยเหลือ คราวนี้เจียงหลีก็ได้หน้าแล้วน่ะสิ”

 

 

“แต่…แต่ถ้าท่านเป็นคู่หูกับคนอื่น เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไร” โจวยวนถามอย่างกระวนกระวาย

 

 

เฉียนจวิ้นหัวเราะ “ไม่ต้องกังวล ยวนเอ๋อร์ ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหน ในเมื่อข้าต้องการเปลี่ยนคู่หู ข้าย่อมต้องเตรียมผู้แข็งแกร่งไว้ให้เจ้าอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเรายังสามารถจูงมือเข้าสู่สถานที่แห่งการวัดผลด้วยกันได้”

 

 

เมื่อได้ยินเพียงเท่านี้ ความประหม่าของโจวยวนก็ผ่อนคลายลงในที่สุด “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ทำแผนการของฝ่าบาทได้เลยเพคะ”

 

 

“เป็นเด็กดีนะ! ” เฉียนจวิ้นก้มศีรษะลง พ่นลมหายใจร้อนไปที่ใบหูของนางและพูดด้วยเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “ท่าทางว่าง่ายของเจ้าช่างน่าดึงดูดเหลือเกิน ทำให้ข้าอยากจะกลืนกินเจ้าในคำเดียว”

 

 

คำพูดที่คลุมเครือที่มีนัยแฝงเหล่านี้ ทำให้แก้มของโจวยวนแดงก่ำ พูดด้วยน้ำเสียงแกล้งโมโห “ฝ่าบาททท! ”

 

 

เฉียนจวิ้นมองไปที่ตำแหน่งที่ตระหง่านของนางอย่างกระหาย แอบถอนหายใจว่ายังไม่ใช่เวลา หากเปลี่ยนเวลาและสถานที่ เขาจะต้องกลืนคนงามอันโอชะนี้ลงท้องไปอย่างแน่นอน เมื่อสงบใจได้แล้ว เฉียนจวิ้นก็ได้กระจายข่าวของยอดฝีมือออกไป

 

 

อีกฟากหนึ่ง ผู้อำนวยการสอบยังคงไร้ความคืบหน้า

 

 

“สถาบันเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้ ตอนนี้จะกลับคำหรือ หากคำพูดเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไป เกรงว่ามันจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของสถาบันเอาได้” เจียงหลีหัวเราะเย็นเยือก

 

 

ดวงตาของผู้อำนวยการสอบเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง

 

 

ในความเป็นจริง ให้เขาพูดคำกลับไปกลอกมาเช่นนี้ ตัวเขาเองก็อับอายจนร้อนไปทั้งหน้า

 

 

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าปัจจัยผันแปรของการวัดผลครั้งนี้อยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ เขาจึงต้องกัดฟัดและพูดออกไป

 

 

“นั่นน่ะสิ! ตอนที่พวกเราไปประท้วง สถาบันก็พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ เหตุใดตอนนี้กลับมาคืนคำได้เล่า”

 

 

“ถูกต้อง! หรือว่า แค่ยอมให้พวกชนชั้นสูงนำยอดฝีมือเข้ามาได้ พวกเราลูกสามัญชน ต้องยอมรับโชคชะตาใช่ไหม”

 

 

“สถาบันไป๋หยวนมีชื่อเสียงในเรื่องความยุติธรรมและตรงไปตรงมา หรือวันนี้ต้องการทำลายเอกลักษณ์นั้นไปหรือ”

 

 

“…”

 

 

ในวงแห่งการสอบวัดผล ลูกศิษย์ที่ไปประท้วงเหล่านั้น ตลอดจนลูกศิษย์ที่ไม่ใช่ยอดฝีมือก็มาช่วยถือโอกาสเข้าร่วมการซักถามเช่นกัน

 

 

ในเมื่อสถาบันไป๋หยวนเคยพูดเอาไว้อย่างทระนงเช่นนั้น ณ ตอนนี้เหตุใดถึงได้กลืนน้ำลายตัวเองได้

 

 

พวกเขาไม่ได้พยายามช่วยเจียงหลี พวกเขาแค่ไม่พอใจกับกฎการสอบวัดผลของสถาบัน ซึ่งทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ตั้งแต่การหาคู่หูในตอนแรกแล้ว

 

 

“เจ้ารอก่อน” เสียงคัดค้านดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้อำนวยการสอบมิอาจต้านทานได้

 

 

เขากล่าวประโยคนี้กับเจียงหลี ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าจะเข้าพบเจ้าสำนักและเหล่าคนใหญ่คนโตเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการรับมือ

 

 

เวลาในการสอบวัดผลถูกทำให้ล่าช้า ซึ่งทำให้เฉียนจวิ้นมีเวลามากพอ

 

 

ไม่นาน ผู้อำนวยการสอบก็กลับมา นอกจากเจ้าสำนักของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนแล้ว เฟิงสิงอวิ๋นผู้เป็นแขกของสถาบันจากต่างเดินออกมากับเขาด้วยเช่นกัน

 

 

เมื่อเฟิงสิงอวิ๋นมาถึง เขายิ้มไปทางเจียงหลี

 

 

นับเป็นครั้งแรกที่เจียงหลีและผู้คนมากมายได้เห็นเจ้าสำนักตัวจริง ชายชราสามัญชน ผมสีหิมะ ผิวแดงก่ำ มีชีวิตชีวา ดูเป็นคนธรรมดาและใจดีคนหนึ่ง

 

 

ไม่มีใครคิดว่า เจ้าสำนักสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนจะเป็นคนที่ดูเหมือนไร้พิษภัยเช่นนี้

 

 

“ไม่ทราบว่าท่านผู้สูงส่งท่านนี้มาจากที่ใดหรือ” ทันทีที่เจ้าสำนักปรากฏตัว เขาเดินตรงไปที่หน้ามู่ชิงเกอ และถามด้วยความเคารพ

 

 

มู่ชิงเกอยิ้มและตอบอย่างกระชับ “ข้าเป็นสหายสนิทของเจียงหลี มาเป็นคู่หูของนาง ไม่ทราบว่าข้าทำผิดกฎหรือไม่”

 

 

เจ้าสำนักยิ้มออกมาอย่างไร้ความรู้สึก “นับว่าไม่ได้ผิดกฎอะไร”

 

 

มู่ชิงเกอพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี”

 

 

คำพูดของนาง กลับปิดกั้นความปรารถนาของเจ้าสำนักที่จะเกลี้ยกล่อมให้นางถอยทัพ

 

 

เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าช้าๆ ด้วยความจำใจ ผู้อำนวยการสอบเข้าใจและเริ่มอ่านกฎการวัดผล แต่ทว่าก่อนที่จะพูดกฎออกไป เขาได้พูดสิ่งที่น่าสนใจว่า “ก่อนที่การสอบวัดผลจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ยังมีโอกาสครั้งสุดท้ายสำหรับการเปลี่ยนคู่หู”

 

 

กฎข้อนี้ใช้กับทุกคน แต่ทว่าสายตากลับมุ่งไปที่เจียงหลีเพียงคนเดียว

 

 

ระหว่างเดินทางมา พวกเขาหารือกันแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดคือเกลี้ยกล่อมยอดฝีมือให้ละทิ้งการช่วยเหลือ หากเป็นไปไม่ได้ ก็ทำได้เพียงให้โอกาสคนอื่นเปลี่ยนคู่หู เพื่อป้องกันไม่ให้เจียงหลีโค่นล้มทุกคนได้ในระหว่างการสอบวัดผล

 

 

สำหรับสถาบันไป๋หยวน สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการฝึกฝนศักยภาพของลูกศิษย์ด้วยการเพิ่มความยากลำบาก แทนที่จะปล่อยให้การวัดผลกลายเป็นการแสดงส่วนบุคคล

 

 

เจียงหลีไม่ได้คัดค้านการวางแผนเช่นนี้ และมู่ชิงเกอก็เพียงแค่ยิ้มเบาๆ โดยมิได้ทักท้วงใดๆ

 

 

แน่นอนว่า เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาก็ยังคงมีความโกลาหล ลูกศิษย์ที่มีความสามารถจากหลายตระกูล เริ่มติดต่อกันเพื่อเปลี่ยนเป็นคู่หูที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

 

ในตอนนี้เงาอดไม่ได้ที่จะเสนอคำแนะนำให้กับลู่เจี๋ย “นายน้อย จะให้ข้าไปช่วยหยวนหวังหรือไม่ขอรับ”

 

 

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมล้มเลิกความคิดที่จะต่อสู้กับมู่ชิงเกอ

 

 

ลู่เจี้ยกลับเอ่ยว่า “เสี่ยวเสวียนมีทางของตัวเอง การร่วมมือกันระหว่างเขากับเจียงเฮ่าเป็นแผนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เจ้าไปไม่ได้”

 

 

“แต่ว่านายน้อย…”

 

 

“เอาละ เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดต่อ” ลู่เจี้ยขัดจังหวะเขา และหันไปพูดกับเขาว่า “การสอบวัดผลของสถาบันไป๋หยวน มีเพียงคนที่มีคะแนนคงที่เท่านั้นจึงจะรู้เรื่องราวภายในได้ ข้าอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เจ้าไปหาที่พักชั่วคราว”

 

 

เงามองไปยังนายน้อยของเขาด้วยความสงสาร

 

 

เดินทางข้ามคืนเพื่อมาที่นี่ และต้องจากไปอย่างเงียบๆ เช่นนี้อย่างนั้นหรือ

 

 

สิ่งเดียวที่ทำให้เขาโล่งอกคือ ลู่เจี้ยไม่ได้สั่งให้กลับราชวงศ์จยาเซียนทันที มิฉะนั้น…ลูกน้องอย่างพวกเขาคงรู้สึกเสียดายแทนผู้เป็นนายเป็นอย่างมาก

 

 

 

 

ในที่สุดเจียงหลีและมู่ชิงเกอก็เข้ามาในวงล้อมแห่งการสอบวัดผล เจียงเฮ่าและลู่เสวียนที่ยืนอยู่ในวงก็เบียดเข้าหาพวกนางทันที

 

 

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกเขาเพิ่งจะขยับ ผู้อำนวยการสอบก็เริ่มประกาศกฎด้วยความจำใจ พวกเขาจึงหยุดชั่วคราวและตั้งใจฟังกฎของการสอบวัดผลครั้งนี้อย่างตั้งใจ

 

 

“ลูกศิษย์ผู้เข้ารับการสอบวัดผลโปรดทราบ สถานที่ทดสอบนี้ อยู่ในพื้นที่อีกพื้นที่หนึ่ง พื้นที่แห่งนี้เป็นสถานที่ปิดตายโดยสมบูรณ์ พวกเจ้าทุกคนจะถูกขังอยู่ในนั้นเป็นเวลาเจ็ดวัน ภายในเจ็ดวันนี้ พวกเจ้าต้องหาคำอธิบายของภารกิจ ทำภารกิจให้เสร็จ จึงจะได้รับคะแนนสะสม คำอธิบายของภารกิจจะปรากฏขึ้นทันที มีทั้งยากและง่าย และคะแนนสะสมที่ได้รับจะแตกต่างกันไปตามความยากง่ายของภารกิจ ในระหว่างการสอบวัดผล พวกเจ้าทุกคนต่างเป็นศัตรูกัน ต่อสู้กันโดยไร้ข้อจำกัดในเรื่องวิธีการและกฎระเบียบ หากทำให้คู่ต่อสู้ถูกคัดออกได้ จะได้รับคะแนนสะสมที่คู่ต่อสู้มีอยู่ หากผู้เข้าสอบถูกคัดออก คู่หูก็จะถูกคัดออกด้วยเช่นเดียวกัน แต่หากคู่หูถูกคัดออก ผู้เข้าสอบจะต้องทำการสอบวัดผลต่อไปจนสำเร็จ! อีกทั้ง หากเสียชีวิตระหว่างการสอบถือเป็นโมฆะทั้งหมด”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+