ราชินีพลิกสวรรค์ 236 ข้าจะกินเนื้อเจ้า

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 236 ข้าจะกินเนื้อเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ครืดๆ!

 

 

เสียงโซ่ดังขึ้นมาจากก้นบึ้งของทะเลเมฆหมอก

 

 

ลู่เสวียนมองย้อนกลับไปส่งสายตาให้เจียงเฮ่าท่ามกลางความมืดมน ทั้งสองต่างหยุดอยู่กับที่พร้อมกันเพื่อรอคู่ต่อสู้ปรากฏตัว

 

 

เจียงหลีที่อยู่บนหน้าผารู้สึกได้ว่าเชือกในมือมีการหยุดดึง นางจึงเงยหน้ามองมู่ชิงเกอ “หยุดแล้ว สงสัยคงเจอคู่ต่อสู้แล้วล่ะ”

 

 

“เชือกในมือข้าก็หยุดดึงไปแล้วเหมือนกัน” มู่ชิงเกอไกวเชือกในมือเบาๆ

 

 

เจียงหลีพยักหน้า ดวงตามองไปยังเหวลึกของทะเลเมฆหมอก

 

 

มู่ชิงเกอเฝ้าดูนางเยี่ยงนี้อย่างละเอียดรอบคอบยิ่งกว่าตอนที่นางทดสอบเสียอีก ทั้งยังรู้ด้วยว่านางมีความรู้สึกต่อทั้งสองคนที่กำลังอยู่ในทะเลเมฆ

 

 

มู่ชิงเกอยิ้มเงียบๆ เจียงหลีต่างกันกับนางที่มักจะเฉยชากับความรู้สึกแล้วยอมรับความจริงใจของคนได้ยาก ส่วนเจียงหลีตราบใดนางแน่ใจว่าอีกฝ่ายดูท่าทางไม่เลวนางก็พร้อมมอบความจริงใจให้อย่างกล้าได้กล้าเสีย หากเป็นคนดีก็คบต่อ หากเป็นคนเลวนางก็ไม่ปล่อยเอาไว้เช่นกัน

 

 

บางครั้งมู่ชิงเกอคิดเสมอว่าพวกนางสองคนสามารถล่มหัวจมท้ายร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันได้ นอกจากบุคลิกอุปนิสัยคล้ายกันแล้ว เจียงหลียังเป็นคนประเภทที่นางนึกอิจฉาด้วย

 

 

เงาร่างของทั้งสองค่อยๆ ปรากฏตัวบนสายโซ่ท่ามกลางมวลทะเลเมฆ

 

 

จากนั้นหลังคนที่ปรากฏตัวในคราวนี้กลับทำให้ลู่เสวียนชะงักงัน เจียงเฮ่าจึงหันไปมองเขาโดยไม่รู้ตัว

 

 

ดูเหมือนไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่อยู่อีกฝั่งจะมาปรากฏตัวที่นี่ เมื่อเห็นลู่เสวียนสายตาก็พลันเย็นชาลง

 

 

“โจวยวน” ลู่เสวียนมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วพึมพำเสียงเบา

 

 

โจวยวนยิ้มเย็นเยียบ “คิดไม่ถึงว่าจะเจอเจ้า สงสัยสวรรค์คงจะเมตตาข้ากระมัง” ขณะที่พูดอยู่นางเผยแววตาเกลียดชังอย่างปิดไม่มิดเลยสักนิด

 

 

“…” ลู่เสวียนนิ่งเงียบ

 

 

เขาเข้าใจที่โจวยวนจงเกลียดจงชังเขาแต่เขาก็ไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำเหมือนกัน

 

 

หลายครั้งการตัดสินใจของผู้ที่อยู่เหนืออำนาจสามารถเปลี่ยนผันชะตาชีวิตของผู้คนทั่วหล้า หากแม้นราชวงศ์ไร้ซึ่งความยำเกรงต่อตระกูลลู่ ถึงอย่างไรตระกูลลู่ยังยืนหยัดด้วยลำแข้งของตนเองได้ ดั่งเช่นที่แผ่ไพศาลทั่วแผ่นดินหนานฮวงอันยิ่งใหญ่เยี่ยงนี้ อีกทั้งที่ผ่านมาระหว่างเขากับโจวยวนนั้นเขาเคยมีความรู้สึกดีที่คลุมเครือต่อสตรีแน่งน้อยผู้นี้ เขารู้สึกว่านางสวยหยาดฟ้ามาดินแต่ก็มิสูญสิ้นความน่ารัก แม้จะเอาแต่ใจแต่กลับใจดีมีเมตตา

 

 

แต่ตอนนี้ล่ะ

 

 

ลู่เสวียนถอนหายใจ ทำได้เพียงพูดว่าโชคชะตากลั่นแกล้ง

 

 

ความเงียบของเขาทำให้โจวยวนฉายแววชิงชังชัดเจนยิ่งขึ้น คู่หูข้างกายของนางคือองครักษ์ยอดฝีมือที่เฉียนจวิ้นคัดเลือกมาจากวังหลวง หากต้องการฆ่าลู่เสวียนกับเจียงเฮ่า แน่นอนว่าไม่มีปัญหา

 

 

“ฆ่าพวกเขาให้ข้า” โจวยวนออกคำสั่งเสียงกร้าว

 

 

องครักษ์ยอดฝีมือแห่งแคว้นซีเฉียนผู้นั้นชักดาบพุ่งไปข้างหน้าลู่เสวียนโดยไม่มีความลังเลเลยสักนิด

 

 

โจวยวนกำลังยิ้มและรอยยิ้มนั้นช่างแสนเย็นชาและโหดเหี้ยม

 

 

ลู่เสวียนเกิดความสับสน เขามิสามารถเชื่อมโยงโจวยวนในตอนนี้กับหญิงสาวไร้เดียงสาตรงไปตรงมาเฉกเช่นเมื่อก่อนคนนั้นเข้าด้วยกันได้

 

 

ตึง!

 

 

เจียงเฮ่ายื่นมือเข้าขัดขวางการโจมตีของยอดฝีมือผู้นั้นเพื่อป้องกันลู่เสวียนให้พ้นจากคมดาบ ในขณะเดียวกันเขาก็ตะโกนเรียกลู่เสวียนดังลั่น “ลู่เสวียน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดฟุ้งซ่าน”

 

 

นัยน์ตาของลู่เสวียนวูบไหว แววตาสับสนกลับมารวมกันอีกครั้ง เขามองไปยังโจวยวนเคร่งขรึมแล้วเข่นเขี้ยวเปิดฉากจู่โจม

 

 

หากผู้เข้าร่วมทดสอบตกรอบ ผู้ช่วยคู่ต่อสู้ก็ต้องตกรอบด้วยเช่นกัน

 

 

ต่อสู้กับองครักษ์ยอดฝีมือแห่งวังหลวงซีเฉียนบนหน้าผาที่คล้องโซ่ตรวนเช่นนี้ช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลย และวิธีเอาชนะผู้ต่อสู้ที่เร็วที่สุดคือการเอาชนะผู้ทดสอบอย่างโจวยวน

 

 

สายตาจับอยู่ที่ลู่เสวียนที่พุ่งเป้าหมายมายังตนเอง โจวยวนแย้มยิ้ม รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความเวทนา เกลียดชังรุนแรงและเย้ยหยัน

 

 

ราวกับว่านางกำลังโทษตัวเองที่ตาบอดเคยตกหลุมรักศัตรูที่ฆ่ามารดาของตน

 

 

“ลู่เสวียน ข้าจะถ่วงเขาเอาไว้เอง เจ้ารีบจัดการโจวยวนซะ” ในระหว่างการต่อสู้ เจียงเฮ่าได้หันไปด้านหน้าของลู่เสวียนแล้วรับมือกับคนผู้นั้น

 

 

ในขณะที่กำลังพูดอยู่ เขาก็ได้ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมาเพื่อถ่วงองครักษ์ยอดฝีมืออย่างสุดกำลัง

 

 

ลู่เสวียนหรี่ตาหน้านิ่วคิ้วขมวดกลับทำให้ใบหน้าคร้ามคมชัดเจน เขาต่อสู้กับโจวยวนอย่างดุเดือดอีกทั้งยังไม่ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมา เพราะเขารู้ว่าโจวยวนมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา

 

 

โจวยวนต่อสู้เพลี่ยงพล้ำ นางจึงโกรธแค้นในใจไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

นางหันไปมององครักษ์ยอดฝีมือแต่กลับพบว่าเขาถูกเจียงเฮ่ารัดรึงอย่าแน่นหนา อย่างไรก็ไม่มีทางช่วยได้ทันแน่นอน

 

 

การประลองต่อสู้บนสายโซ่อันตรายอย่างยิ่ง หากเสียสมาธิเพียงนิดเดียวก็สามารถตกลงไปจากโซ่ได้อย่างง่ายดาย

 

 

โจวยวนถอยหนีอย่างรวดเร็วจนหลายครั้งเกือบลื่นตกลงไปจากโซ่

 

 

ตึงๆๆ!

 

 

เสียงอาวุธยังคงดังมาจากทะเลเมฆอย่างไม่ขาดสาย

 

 

ทะเลเมฆหนาบดบังรูปลักษณ์ที่แท้จริงของการต่อสู้จึงทำให้มองไม่เห็น

 

 

สวบ!

 

 

ปลายกระบี่ของลู่เสวียนชี้ไปที่ลำคอของโจวยวนแล้วหยุดเอาไว้ให้ห่างจากผิวหนังของนางอีกเพียงครึ่งนิ้ว

 

 

โจวยวนตัวแข็งทื่อมองเขาด้วยสายตารวดร้าวแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบา “อาเสวียน เจ้าฆ่าแม้กระทั่งข้าหรือ เจ้าฆ่าข้าลงหรือ”

 

 

คำทักทายที่คุ้นหูทำให้ลู่เสวียนหวั่นไหว เก็บเรี่ยวแรงในมือคืนกลับมาไม่น้อย

 

 

แล้วในขณะนั้นเองความชั่วร้ายก็ปรากฏในแววตาของโจวยวน นางหลีกหนีคมกระบี่ของลู่เสวียนแล้วใช้อาวุธในมือทิ่มแทงไปยังตำแหน่งหัวใจของลู่เสวียนอย่างโหดเหี้ยม

 

 

การลงมือไร้ซึ่งความปราณี รวดเร็วเฉียบขาดราวกับว่าฝึกฝนในใจมาแล้วนับพันครั้ง

 

 

เมื่อหายนะมาเยือนตรงหน้า ดวงตาของลู่เสวียนหรี่ลงเบี่ยงหลบการจู่โจมที่หมายมั่นเอาชีวิต ร่างของทั้งสองสลับข้ามไปข้ามมาบนสายโซ่ เขาสามารถมองเห็นแววตาเกลียดแค้นชิงชังอย่างชัดเจนในระยะประชิด

 

 

ลู่เสวียนเม้มริมฝีปากแน่น ร่องรอยสุดท้ายของความอาลัยอาวรณ์ในดวงตาก็สลายหายไป

 

 

ปัง!

 

 

ลู่เสวียนลงมือแล้ว เขาเตะไหล่ของโจวยวนอย่างแรงจึงทำให้นางไถลตกจากโซ่ร่วงลงไปในเมฆหมอก

 

 

อ้ากกก!

 

 

โจวยวนที่ตกลงไปเปล่งเสียงอุทานออกมาอย่างตระหนก

 

 

องครักษ์ยอดฝีมือคิดจะช่วยแต่กลับช้าไปแล้วหนึ่งก้าว

 

 

“ลู่เสวีนนน! ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะกินเนื้อเจ้า ดื่มเลือดเจ้า ข้าจะทำให้ตระกูลลู่ของเจ้าพังพินาศเพื่อมาสังเวยให้แก่เสด็จแม่ของข้า สังเวยให้แก่ราชวงศ์โฮ่วจิ้นของข้า!”

 

 

วาจาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังดังก้องท่ามกลางทะเลเมฆ

 

 

ผู้ช่วยคู่ต่อสู้ของนางพลันหายวับไปหลังจากนางตกหน้าแล้วถูกคัดออก

 

 

“เป็นเสียงของโจวยวน พวกเขาปะทะกับนางด้วยหรือ” หลังจากเจียงหลีที่อยู่ริมฝั่งหน้าผาได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความคับแค้นก็เงยหน้าขึ้นมาทันที

 

 

บนสายโซ่ท่ามกลางเมฆหมอก เจียงเฮ่าเดินมายืนเคียงข้างลู่เสวียนแล้วตบบ่าเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถาม “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

 

 

ลู่เสวียนจ้องมองตำแหน่งที่โจวยวนตกลงไปแล้วส่ายหน้าช้าๆ

 

 

ผ่านไปสักพักเขาก็ค่อยๆ หันสายตากลับมามองเจียงเฮ่าด้วยสีหน้าอมทุกข์ “พี่เฮ่า นางเกลียดข้าแค้นข้า แล้วเคยจำได้ไหมว่าราชวงศ์โฮ่วจิ้นทำอะไรกับตระกูลลู่ของข้า ฮ่องเต้โฮ่วจิ้นฆ่าคนที่ข้ารัก ข้าคิดจะโค่นล้มสายเลือดของเขา ข้าผิดด้วยหรือ”

 

 

เจียงเฮ่าสูดหายใจลึก ทำได้เพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เจ้าไม่ผิด นางก็ไม่ผิด มีเพียงทัศนคติและจิตใจมนุษย์เท่านั้นที่ผิด”

 

 

เช่นเดียวกับตระกูลเจียงของเขา บิดาของเขาแค่พูดเพื่อผดุงความยุติธรรมแต่กลับถูกทำลายล้างย่อยยับทั้งตระกูล ตระกูลเจียงของพวกเขาช่างไร้มลทินมัวหมองเหลือเกินถูกพรากผู้บริสุทธิ์ไปตั้งกี่ชีวิต

 

 

อำนาจของผู้เป็นฮ่องเต้อันสูงส่งถูกสลักสร้างขึ้นบนกระดูกส่วนลึก

 

 

ไม่มีผู้บริสุทธิ์บนโลก ผู้ที่ถูกดึงเข้ามาพัวพัน ทำได้แต่โทษตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอเท่านั้น

 

 

“ทัศนคติ? จิตใจมนุษย์?” ลู่เสวียนพึมพำในสิ่งที่เจียงเฮ่าเอ่ยออกมาแล้วจึงค่อยๆ เงยหน้ามองขึ้นไปบนยอดมวลเมฆหมอก ชั้นของละอองน้ำลอยคลอเบ้าแต่กลับไม่เคยร่วงผล็อยลงมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 236 ข้าจะกินเนื้อเจ้า

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 236 ข้าจะกินเนื้อเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ครืดๆ!

 

 

เสียงโซ่ดังขึ้นมาจากก้นบึ้งของทะเลเมฆหมอก

 

 

ลู่เสวียนมองย้อนกลับไปส่งสายตาให้เจียงเฮ่าท่ามกลางความมืดมน ทั้งสองต่างหยุดอยู่กับที่พร้อมกันเพื่อรอคู่ต่อสู้ปรากฏตัว

 

 

เจียงหลีที่อยู่บนหน้าผารู้สึกได้ว่าเชือกในมือมีการหยุดดึง นางจึงเงยหน้ามองมู่ชิงเกอ “หยุดแล้ว สงสัยคงเจอคู่ต่อสู้แล้วล่ะ”

 

 

“เชือกในมือข้าก็หยุดดึงไปแล้วเหมือนกัน” มู่ชิงเกอไกวเชือกในมือเบาๆ

 

 

เจียงหลีพยักหน้า ดวงตามองไปยังเหวลึกของทะเลเมฆหมอก

 

 

มู่ชิงเกอเฝ้าดูนางเยี่ยงนี้อย่างละเอียดรอบคอบยิ่งกว่าตอนที่นางทดสอบเสียอีก ทั้งยังรู้ด้วยว่านางมีความรู้สึกต่อทั้งสองคนที่กำลังอยู่ในทะเลเมฆ

 

 

มู่ชิงเกอยิ้มเงียบๆ เจียงหลีต่างกันกับนางที่มักจะเฉยชากับความรู้สึกแล้วยอมรับความจริงใจของคนได้ยาก ส่วนเจียงหลีตราบใดนางแน่ใจว่าอีกฝ่ายดูท่าทางไม่เลวนางก็พร้อมมอบความจริงใจให้อย่างกล้าได้กล้าเสีย หากเป็นคนดีก็คบต่อ หากเป็นคนเลวนางก็ไม่ปล่อยเอาไว้เช่นกัน

 

 

บางครั้งมู่ชิงเกอคิดเสมอว่าพวกนางสองคนสามารถล่มหัวจมท้ายร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันได้ นอกจากบุคลิกอุปนิสัยคล้ายกันแล้ว เจียงหลียังเป็นคนประเภทที่นางนึกอิจฉาด้วย

 

 

เงาร่างของทั้งสองค่อยๆ ปรากฏตัวบนสายโซ่ท่ามกลางมวลทะเลเมฆ

 

 

จากนั้นหลังคนที่ปรากฏตัวในคราวนี้กลับทำให้ลู่เสวียนชะงักงัน เจียงเฮ่าจึงหันไปมองเขาโดยไม่รู้ตัว

 

 

ดูเหมือนไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่อยู่อีกฝั่งจะมาปรากฏตัวที่นี่ เมื่อเห็นลู่เสวียนสายตาก็พลันเย็นชาลง

 

 

“โจวยวน” ลู่เสวียนมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วพึมพำเสียงเบา

 

 

โจวยวนยิ้มเย็นเยียบ “คิดไม่ถึงว่าจะเจอเจ้า สงสัยสวรรค์คงจะเมตตาข้ากระมัง” ขณะที่พูดอยู่นางเผยแววตาเกลียดชังอย่างปิดไม่มิดเลยสักนิด

 

 

“…” ลู่เสวียนนิ่งเงียบ

 

 

เขาเข้าใจที่โจวยวนจงเกลียดจงชังเขาแต่เขาก็ไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำเหมือนกัน

 

 

หลายครั้งการตัดสินใจของผู้ที่อยู่เหนืออำนาจสามารถเปลี่ยนผันชะตาชีวิตของผู้คนทั่วหล้า หากแม้นราชวงศ์ไร้ซึ่งความยำเกรงต่อตระกูลลู่ ถึงอย่างไรตระกูลลู่ยังยืนหยัดด้วยลำแข้งของตนเองได้ ดั่งเช่นที่แผ่ไพศาลทั่วแผ่นดินหนานฮวงอันยิ่งใหญ่เยี่ยงนี้ อีกทั้งที่ผ่านมาระหว่างเขากับโจวยวนนั้นเขาเคยมีความรู้สึกดีที่คลุมเครือต่อสตรีแน่งน้อยผู้นี้ เขารู้สึกว่านางสวยหยาดฟ้ามาดินแต่ก็มิสูญสิ้นความน่ารัก แม้จะเอาแต่ใจแต่กลับใจดีมีเมตตา

 

 

แต่ตอนนี้ล่ะ

 

 

ลู่เสวียนถอนหายใจ ทำได้เพียงพูดว่าโชคชะตากลั่นแกล้ง

 

 

ความเงียบของเขาทำให้โจวยวนฉายแววชิงชังชัดเจนยิ่งขึ้น คู่หูข้างกายของนางคือองครักษ์ยอดฝีมือที่เฉียนจวิ้นคัดเลือกมาจากวังหลวง หากต้องการฆ่าลู่เสวียนกับเจียงเฮ่า แน่นอนว่าไม่มีปัญหา

 

 

“ฆ่าพวกเขาให้ข้า” โจวยวนออกคำสั่งเสียงกร้าว

 

 

องครักษ์ยอดฝีมือแห่งแคว้นซีเฉียนผู้นั้นชักดาบพุ่งไปข้างหน้าลู่เสวียนโดยไม่มีความลังเลเลยสักนิด

 

 

โจวยวนกำลังยิ้มและรอยยิ้มนั้นช่างแสนเย็นชาและโหดเหี้ยม

 

 

ลู่เสวียนเกิดความสับสน เขามิสามารถเชื่อมโยงโจวยวนในตอนนี้กับหญิงสาวไร้เดียงสาตรงไปตรงมาเฉกเช่นเมื่อก่อนคนนั้นเข้าด้วยกันได้

 

 

ตึง!

 

 

เจียงเฮ่ายื่นมือเข้าขัดขวางการโจมตีของยอดฝีมือผู้นั้นเพื่อป้องกันลู่เสวียนให้พ้นจากคมดาบ ในขณะเดียวกันเขาก็ตะโกนเรียกลู่เสวียนดังลั่น “ลู่เสวียน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดฟุ้งซ่าน”

 

 

นัยน์ตาของลู่เสวียนวูบไหว แววตาสับสนกลับมารวมกันอีกครั้ง เขามองไปยังโจวยวนเคร่งขรึมแล้วเข่นเขี้ยวเปิดฉากจู่โจม

 

 

หากผู้เข้าร่วมทดสอบตกรอบ ผู้ช่วยคู่ต่อสู้ก็ต้องตกรอบด้วยเช่นกัน

 

 

ต่อสู้กับองครักษ์ยอดฝีมือแห่งวังหลวงซีเฉียนบนหน้าผาที่คล้องโซ่ตรวนเช่นนี้ช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลย และวิธีเอาชนะผู้ต่อสู้ที่เร็วที่สุดคือการเอาชนะผู้ทดสอบอย่างโจวยวน

 

 

สายตาจับอยู่ที่ลู่เสวียนที่พุ่งเป้าหมายมายังตนเอง โจวยวนแย้มยิ้ม รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความเวทนา เกลียดชังรุนแรงและเย้ยหยัน

 

 

ราวกับว่านางกำลังโทษตัวเองที่ตาบอดเคยตกหลุมรักศัตรูที่ฆ่ามารดาของตน

 

 

“ลู่เสวียน ข้าจะถ่วงเขาเอาไว้เอง เจ้ารีบจัดการโจวยวนซะ” ในระหว่างการต่อสู้ เจียงเฮ่าได้หันไปด้านหน้าของลู่เสวียนแล้วรับมือกับคนผู้นั้น

 

 

ในขณะที่กำลังพูดอยู่ เขาก็ได้ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมาเพื่อถ่วงองครักษ์ยอดฝีมืออย่างสุดกำลัง

 

 

ลู่เสวียนหรี่ตาหน้านิ่วคิ้วขมวดกลับทำให้ใบหน้าคร้ามคมชัดเจน เขาต่อสู้กับโจวยวนอย่างดุเดือดอีกทั้งยังไม่ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมา เพราะเขารู้ว่าโจวยวนมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา

 

 

โจวยวนต่อสู้เพลี่ยงพล้ำ นางจึงโกรธแค้นในใจไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

นางหันไปมององครักษ์ยอดฝีมือแต่กลับพบว่าเขาถูกเจียงเฮ่ารัดรึงอย่าแน่นหนา อย่างไรก็ไม่มีทางช่วยได้ทันแน่นอน

 

 

การประลองต่อสู้บนสายโซ่อันตรายอย่างยิ่ง หากเสียสมาธิเพียงนิดเดียวก็สามารถตกลงไปจากโซ่ได้อย่างง่ายดาย

 

 

โจวยวนถอยหนีอย่างรวดเร็วจนหลายครั้งเกือบลื่นตกลงไปจากโซ่

 

 

ตึงๆๆ!

 

 

เสียงอาวุธยังคงดังมาจากทะเลเมฆอย่างไม่ขาดสาย

 

 

ทะเลเมฆหนาบดบังรูปลักษณ์ที่แท้จริงของการต่อสู้จึงทำให้มองไม่เห็น

 

 

สวบ!

 

 

ปลายกระบี่ของลู่เสวียนชี้ไปที่ลำคอของโจวยวนแล้วหยุดเอาไว้ให้ห่างจากผิวหนังของนางอีกเพียงครึ่งนิ้ว

 

 

โจวยวนตัวแข็งทื่อมองเขาด้วยสายตารวดร้าวแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบา “อาเสวียน เจ้าฆ่าแม้กระทั่งข้าหรือ เจ้าฆ่าข้าลงหรือ”

 

 

คำทักทายที่คุ้นหูทำให้ลู่เสวียนหวั่นไหว เก็บเรี่ยวแรงในมือคืนกลับมาไม่น้อย

 

 

แล้วในขณะนั้นเองความชั่วร้ายก็ปรากฏในแววตาของโจวยวน นางหลีกหนีคมกระบี่ของลู่เสวียนแล้วใช้อาวุธในมือทิ่มแทงไปยังตำแหน่งหัวใจของลู่เสวียนอย่างโหดเหี้ยม

 

 

การลงมือไร้ซึ่งความปราณี รวดเร็วเฉียบขาดราวกับว่าฝึกฝนในใจมาแล้วนับพันครั้ง

 

 

เมื่อหายนะมาเยือนตรงหน้า ดวงตาของลู่เสวียนหรี่ลงเบี่ยงหลบการจู่โจมที่หมายมั่นเอาชีวิต ร่างของทั้งสองสลับข้ามไปข้ามมาบนสายโซ่ เขาสามารถมองเห็นแววตาเกลียดแค้นชิงชังอย่างชัดเจนในระยะประชิด

 

 

ลู่เสวียนเม้มริมฝีปากแน่น ร่องรอยสุดท้ายของความอาลัยอาวรณ์ในดวงตาก็สลายหายไป

 

 

ปัง!

 

 

ลู่เสวียนลงมือแล้ว เขาเตะไหล่ของโจวยวนอย่างแรงจึงทำให้นางไถลตกจากโซ่ร่วงลงไปในเมฆหมอก

 

 

อ้ากกก!

 

 

โจวยวนที่ตกลงไปเปล่งเสียงอุทานออกมาอย่างตระหนก

 

 

องครักษ์ยอดฝีมือคิดจะช่วยแต่กลับช้าไปแล้วหนึ่งก้าว

 

 

“ลู่เสวีนนน! ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะกินเนื้อเจ้า ดื่มเลือดเจ้า ข้าจะทำให้ตระกูลลู่ของเจ้าพังพินาศเพื่อมาสังเวยให้แก่เสด็จแม่ของข้า สังเวยให้แก่ราชวงศ์โฮ่วจิ้นของข้า!”

 

 

วาจาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังดังก้องท่ามกลางทะเลเมฆ

 

 

ผู้ช่วยคู่ต่อสู้ของนางพลันหายวับไปหลังจากนางตกหน้าแล้วถูกคัดออก

 

 

“เป็นเสียงของโจวยวน พวกเขาปะทะกับนางด้วยหรือ” หลังจากเจียงหลีที่อยู่ริมฝั่งหน้าผาได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความคับแค้นก็เงยหน้าขึ้นมาทันที

 

 

บนสายโซ่ท่ามกลางเมฆหมอก เจียงเฮ่าเดินมายืนเคียงข้างลู่เสวียนแล้วตบบ่าเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถาม “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

 

 

ลู่เสวียนจ้องมองตำแหน่งที่โจวยวนตกลงไปแล้วส่ายหน้าช้าๆ

 

 

ผ่านไปสักพักเขาก็ค่อยๆ หันสายตากลับมามองเจียงเฮ่าด้วยสีหน้าอมทุกข์ “พี่เฮ่า นางเกลียดข้าแค้นข้า แล้วเคยจำได้ไหมว่าราชวงศ์โฮ่วจิ้นทำอะไรกับตระกูลลู่ของข้า ฮ่องเต้โฮ่วจิ้นฆ่าคนที่ข้ารัก ข้าคิดจะโค่นล้มสายเลือดของเขา ข้าผิดด้วยหรือ”

 

 

เจียงเฮ่าสูดหายใจลึก ทำได้เพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เจ้าไม่ผิด นางก็ไม่ผิด มีเพียงทัศนคติและจิตใจมนุษย์เท่านั้นที่ผิด”

 

 

เช่นเดียวกับตระกูลเจียงของเขา บิดาของเขาแค่พูดเพื่อผดุงความยุติธรรมแต่กลับถูกทำลายล้างย่อยยับทั้งตระกูล ตระกูลเจียงของพวกเขาช่างไร้มลทินมัวหมองเหลือเกินถูกพรากผู้บริสุทธิ์ไปตั้งกี่ชีวิต

 

 

อำนาจของผู้เป็นฮ่องเต้อันสูงส่งถูกสลักสร้างขึ้นบนกระดูกส่วนลึก

 

 

ไม่มีผู้บริสุทธิ์บนโลก ผู้ที่ถูกดึงเข้ามาพัวพัน ทำได้แต่โทษตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอเท่านั้น

 

 

“ทัศนคติ? จิตใจมนุษย์?” ลู่เสวียนพึมพำในสิ่งที่เจียงเฮ่าเอ่ยออกมาแล้วจึงค่อยๆ เงยหน้ามองขึ้นไปบนยอดมวลเมฆหมอก ชั้นของละอองน้ำลอยคลอเบ้าแต่กลับไม่เคยร่วงผล็อยลงมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+