ราชินีพลิกสวรรค์ 244 เป้าหมายของเฟิงสิงอวิ๋น

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 244 เป้าหมายของเฟิงสิงอวิ๋น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เจียงหลีมองไปทางเฟิงสิงอวิ๋นแล้วยิ่งสงสัย นางไม่เข้าใจ ตอนนี้เขามาพูดเรื่องอดีตด้วยเหตุผลอันใด

 

 

สีหน้าของผู้อำนวยการไม่ค่อยสู้ดีนัก วาจาเขาไม่แยบคายเท่ากับเฟิงสิงอวิ๋น ในที่สุดก็ทำได้เพียงพูดออกไปด้วยความโมโห “เจ้าช่างไร้เหตุผลเสียจริง”

 

 

“สุภาษิตท่านว่า คนที่มีเหตุผลไปที่ไหนมีแต่คนสรรเสริญ คำพูดของข้าสมเหตุสมผล ข้าไม่หวั่นเกรงแน่นอน” เฟิงสิงอวิ๋นยังคงเจือรอยยิ้มบางเบา แต่กลับทำให้ผู้อำนวยการอดฉีกใบหน้าแย้มยิ้มของเขาเสียมิได้

 

 

“เฟิงสิงอวิ๋น! สรุปแล้วเจ้าต้องการสิ่งใด” ผู้อำนวยกรามกัดฟันพูด

 

 

หากเฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยคำเหล่านี้ก่อนการทดสอบ เขายอมปล่อยให้เขาพาเจียงหลีออกไปแน่ แต่ตอนนี้เจียงหลีกลับเผยพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา ทำลายบันทึกสถิติใหม่ของสถาบันไป๋หยวนได้อย่างเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา เขาจะปล่อยให้อัจฉริยะเช่นนี้ไปอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่นง่ายๆ ได้เยี่ยงไร

 

 

“ข้าไม่คิดจะเอาเยี่ยงไร ทุกคนล้วนเป็นคนในสถาบันไป๋หยวน เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรหรือ ข้าแค่อยากทวงความยุติธรรมให้เด็กน้อยของข้าเท่านั้น” เฟิงสิงอวิ๋นเต็มไปด้วยแรงอารมณ์

 

 

ท่าทางเช่นนั้นของเขาราวกับเจียงหลีได้รับความไม่ยุติธรรมก็มิปาน

 

 

ไร้ยางอาย!

 

 

ชักจะไร้ยางอายเกินไปแล้ว!

 

 

เหล่าลูกศิษย์สถาบันไป๋หยวนยืนมองฉากนี้อยู่ด้านล่างอย่างตกตะลึง

 

 

สถาบันไป๋หยวนไม่สนใจใยดีเจียงหลีตรงไหน

 

 

เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า

 

 

แต่ไหนแต่ไรในสถาบันไป๋หยวนต่างคนก็ต่างฝึกกันเองทั้งนั้น หากประสบพบเจอปัญหาก็สามารถไปถามอาจารย์ได้ อีกทั้งยังสามารถคารวะเป็นศิษย์ของอาจารย์ในสถาบันเพื่อรับการชี้แนะอย่างละเอียดได้เช่นกัน

 

 

เจียงหลีผู้นี้เมื่อมาถึงสถาบันไป๋หยวนก็เอาแต่เก็บตัวฝึกเองในห้อง ไม่ยอมไปหาอาจารย์เอง หรือว่าอยากให้อาจารย์ทั่วทั้งวิทยาเขตซีเฉียนไปห้อมล้อมเพื่อให้นางขอคำแนะนำหรือ

 

 

อีกทั้งคดีทังจงเฉาถูกสังหาร แม้เจียงหลีจะถูกใส่ร้าย แต่นางก็ฆ่าคนที่ล้อมนางไว้เหมือนกัน ต่อมาสอบสวนภายหลังทำไมถึงไม่จบสิ้น ต้องมีลับลมคมในแน่ๆ

 

 

แต่เรื่องพวกนี้ ตอนนี้เฟิงสิงอวิ๋นพูดออกมากลับกลายเป็นว่าทั่วทั้งวิทยาเขตซีเฉียนรังแกเจียงหลี

 

 

เจ้าว่าช่างไร้ยางอายหรือไม่

 

 

แม้กระทั่งเจียงหลียังรู้สึกว่าเฟิงสิงอวิ๋นช่างหน้าด้านหน้าทน ทำให้นางรู้สึกด้อยค่า

 

 

“เฟิงสิงอวิ๋นเจ้ามีอะไรก็พูดมาเถอะ อย่ามาทำพิลึกพิลั่นแถวนี้ หรือว่าเจ้าวางแผนให้เจ้าสำนักสถาบันมาฟังเรื่องทุกข์ร้อนของเจ้า” ผู้อำนวยการสอบขบกรามพูด

 

 

หลังจากเจ้าคนนี้มาวิทยาเขตซีเฉียนก็เลี้ยงเสียข้าวสุก ตอนนี้ยังจะมาสร้างเรื่องอะไรให้อีก

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นหันสายตาไปมองเขาแล้วตีหน้าซื่อเอ่ยขึ้น “ข้ากล้ารบกวนเจ้าสถาบันเสียที่ไหน แต่ตอนที่ข้ามา ข้าแวะเล่นหมากรุกกับเจ้าสถาบันมาหนึ่งตา เขาชื่นชมเด็กน้อยของข้า เจ้าว่าให้หินวิญญาณเศษเล็กเศษน้อยแค่สามแสนก้อน ไม่ขี้เหนียวมากไปหน่อยหรือ”

 

 

เศษเล็กเศษน้อย!?

 

 

ขี้เหนียวมากไปหน่อย!?

 

 

พวกเขาก็อยากได้หินวิญญาณสามแสนก้อนเหมือนกันนะ!

 

 

ทุกคนสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เบิกตาจ้องเฟิงสิงอวิ๋น

 

 

เจียงหลีเงยหน้ามองไปทางเฟิงสิงอวิ๋นทันทีเช่นกัน

 

 

“คนนี้น่าสนใจ ปกป้องเจียงหลีจากใจจริง” จู่ๆ มู่ชิงเกอที่อยู่ด้านล่างก็เอ่ยขำ

 

 

ผู้อำนวยการสอบกระตุกมุมปากเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แล้วเจ้าคิดอย่างไร”

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นถอนหายใจ “หากไม่ใช่เพราะเด็กน้อยของข้าอยากหาประสบการณ์ก็เลยอยู่สอบที่วิทยาเขตนี้ได้รับผลคะแนนเยี่ยงนี้ วิทยาเขตของเราต้องเปิดทางสะดวกให้กับนางแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นหอฝึกทักษะต่อสู้ คลังหินวิญญาณก็ให้นางไปได้ตามต้องการ หากนางอยากได้วิญญาณยุทธ์อะไร พวกเราต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยนางเอามาให้ได้”

 

 

“…” เจียงหลีเบิกตาค้างมองเฟิงสิงอวิ๋น

 

 

แม้จะรู้ว่าเขาพูดจาเกินจริงไปหน่อย แต่ก็อดใจเต้นไม่ได้

 

 

“เฟิงสิงอวิ๋น” สีหน้าของผู้อำนวยการมืดหม่น

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกจึงพูดต่อ “แต่ว่า ไหนๆ เด็กน้อยของข้าก็มาอยู่วิทยาเขตซีเฉียนแล้ว อีกทั้งยังสอบผ่านได้คะแนนจากวิทยาเขตซีเฉียนอีก ก็ถือว่ามีความเกี่ยวข้องกับวิทยาเขตซีเฉียนของพวกเจ้าแล้ว เอาอย่างนี้ อย่างอื่นช่างมันเถอะ ข้าได้ยินมาว่าที่วิทยาเขตซีเฉียนมีวิญญาณยุทธ์อันล้ำค่าอยู่หนึ่งตัว”

 

 

เมื่อกล่าวจบเขายังหันไปกระตุกคิ้วให้กับผู้อำนวยการอีกด้วย

 

 

วิญญาณยุทธ์!

 

 

เจียงหลีตกใจ

 

 

นางคิดไม่ถึงเลยว่าเฟิงสิงอวิ๋นจะสนใจวิญญาณยุทธ์ที่อยู่ในวิทยาเขตซีเฉียน ตกลงเป็นวิญญาณยุทธ์อะไรกันแน่ คุ้มค่ากับที่เขาลงทุนทุ่มเทขนาดนี้หรือไม่

 

 

ผู้อำนวยการเผยยิ้ม แต่ทว่า รอยยิ้มกลับเย็นยะเยือก “ที่แท้ อ้อมค้อมมาตั้งนาน เจ้าก็สนใจวิญญาณยุทธ์นี่เอง”

 

 

วิญญาณยุทธ์หรือ

 

 

วิญญาณยุทธ์อะไร

 

 

ไม่นึกเลยว่าจะพะวะพะวงเยี่ยงนี้ ทำไมศิษย์พวกนี้ไม่รู้เลยสักนิด

 

 

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ คนไม่น้อยก็เกิดสงสัยขึ้นมา

 

 

ด้านล่าง สายตาโดดเด่นของเฉียนจวิ้นเปลี่ยนไปมาดำดิ่งไม่สงบ ในสถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียนมีวิญญาณยุทธ์หนึ่งตัวเป็นสายประเภทช่วยเหลือ มีความร้ายกาจมาก ซึ่งสอดคล้องกลับทางฝึกของเขาพอดี นี่เป็นความลับที่เสด็จพ่อได้บอกกับเขา ความลับนี้แม้กระทั่งเสด็จพี่ของเขามิล่วงรู้ เขาเข้ามาฝึกในสถาบันไป๋หยวนก็เพื่อครอบครองวิญญาณยุทธ์นั่น คิดไม่ถึงว่าตอนนี้กลับถูกคนอื่นเปิดเผยก่อนเสียแล้ว

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นโบกพัดยิ้มตาหยีอย่างไม่สนใจรอยยิ้มเย้ยหยันของผู้อำนวยการเลยสักนิด

 

 

ผู้อำนวยการปราดตามองเจียงหลีแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยกับเฟิงสิงอวิ๋น “นั่นเป็นวิญญาณยุทธ์สายช่วยเหลือ นางจะใช้ได้อย่างไร”

 

 

“หรือว่าเจ้ามองไม่ออก เด็กน้อยของข้ามากพรสวรรค์ความสารมารถ วิญญาณยุทธ์อันแรกคือสายโจมตี วิญญาณยุทธ์อันที่สองคือสายป้องกัน” เฟิงสิงอวิ๋นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

 

 

ผู้อำนวยการหรี่ตามองเจียงหลีอย่างตกตะลึง “เจ้าวางแผนฝึกทั้งสามทางเลยหรือ”

 

 

“นี่ไม่ต้องกังวลไป” เฟิงสิงอวิ๋นขัดจังหวะ

 

 

ผู้อำนวยการมองเจียงหลีตาเป็นประกายวูบไหว “พรสวรรค์ของเจ้าน่าทึ่งจริงๆ แต่ทว่า ข้าขอเตือนเจ้าเสียหน่อย โลภมากมักลาภหาย ฝึกทั้งสามทางพร้อมกันนั้นยากมาก มากเสียจนเจ้าจินตนาการไม่ถึงหรอก”

 

 

“ข้ายอมลองดูก่อน” เจียงหลียืนหยัดคำเดิม ในตอนนี้นางรู้แล้วว่าวิญญาณยุทธ์ที่เฟิงสิงอวิ๋นคำนวณไว้นั้นเป็นสายช่วยเหลือ และนางก็รู้สึกตื่นเต้นมากเกินไปแล้ว ดังนั้นนางจึงต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อบรรลุเป้าหมาย

 

 

“ดูสิ เด็กน้อยของข้าทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ ทุกอย่างต้องลองดูก่อนถึงจะรู้ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร” เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยยิ้ม

 

 

ผู้อำนวยการมองเขาด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ข้าก็แค่เกรงว่าเจ้าจะคว้าน้ำเหลวซะก่อน”

 

 

“เช่นนั้นก็มิใช่อุปสรรค” เฟิงสิงอวิ๋นตอบกลับไปอย่างไม่หยี่ระ

 

 

“เจ้าอยากได้วิญญาณยุทธ์นั่น เรื่องนี้ข้าช่วยไม่ได้ เจ้าต้องไปหาเจ้าสำนักเอง” ผู้อำนวยการสอบกล่าวหน้าดำคร่ำเครียด

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นกลับส่ายหน้า มองด้วยสายตาหยามเหยียด “ใครจะไปรู้ กุญแจดอกหนึ่งอยู่กับเจ้าในสถานที่เก็บวิญญาณยุทธ์ เจ้าสำนักได้ยืนยันเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นเหลือแค่เจ้าพยักหน้าให้เท่านั้น”

 

 

“…” ผู้อำนวยการนิ่งเงียบ

 

 

แน่นอนว่าทุกคนเพิ่งรู้เรื่องนี้ อาจารย์คนนี้ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักในสถาบันและไม่มีใครรู้จักแม้แต่ชื่อของเขา นึกไม่ถึงว่ามีอำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้

 

 

“รอนางหลอมรวมวิญญาณยุทธ์อันที่สามก่อนค่อยมาหาข้า” หลังผู้อำนวยการกล่าวจบก็หันหลังหายไปจากสายตาทุกคน

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นถอนหายใจ จากนั้นหันสายตามองแล้วยิ้มให้เจียงหลี

 

 

ถึงแม้จะแปลกไปบ้าง แต่เจียงหลีก็ยังอยากกล่าว “ขอบคุณ”

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นกลับเอ่ยสิ่งที่ไม่คาดคิด “ไม่ต้องขอบคุณข้า เป็นแค่เรื่องตอบแทนบุญคุณเท่านั้น หากจะขอบคุณ ก็ไปขอบคุณนายน้อยลู่เถอะ”

 

 

ลู่เจี้ย!

 

 

หัวใจของเจียงหลีสั่นสะท้าน ลู่เจี้ยมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วยหรือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 244 เป้าหมายของเฟิงสิงอวิ๋น

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 244 เป้าหมายของเฟิงสิงอวิ๋น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เจียงหลีมองไปทางเฟิงสิงอวิ๋นแล้วยิ่งสงสัย นางไม่เข้าใจ ตอนนี้เขามาพูดเรื่องอดีตด้วยเหตุผลอันใด

 

 

สีหน้าของผู้อำนวยการไม่ค่อยสู้ดีนัก วาจาเขาไม่แยบคายเท่ากับเฟิงสิงอวิ๋น ในที่สุดก็ทำได้เพียงพูดออกไปด้วยความโมโห “เจ้าช่างไร้เหตุผลเสียจริง”

 

 

“สุภาษิตท่านว่า คนที่มีเหตุผลไปที่ไหนมีแต่คนสรรเสริญ คำพูดของข้าสมเหตุสมผล ข้าไม่หวั่นเกรงแน่นอน” เฟิงสิงอวิ๋นยังคงเจือรอยยิ้มบางเบา แต่กลับทำให้ผู้อำนวยการอดฉีกใบหน้าแย้มยิ้มของเขาเสียมิได้

 

 

“เฟิงสิงอวิ๋น! สรุปแล้วเจ้าต้องการสิ่งใด” ผู้อำนวยกรามกัดฟันพูด

 

 

หากเฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยคำเหล่านี้ก่อนการทดสอบ เขายอมปล่อยให้เขาพาเจียงหลีออกไปแน่ แต่ตอนนี้เจียงหลีกลับเผยพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา ทำลายบันทึกสถิติใหม่ของสถาบันไป๋หยวนได้อย่างเป็นที่ประจักษ์แก่สายตา เขาจะปล่อยให้อัจฉริยะเช่นนี้ไปอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่นง่ายๆ ได้เยี่ยงไร

 

 

“ข้าไม่คิดจะเอาเยี่ยงไร ทุกคนล้วนเป็นคนในสถาบันไป๋หยวน เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรหรือ ข้าแค่อยากทวงความยุติธรรมให้เด็กน้อยของข้าเท่านั้น” เฟิงสิงอวิ๋นเต็มไปด้วยแรงอารมณ์

 

 

ท่าทางเช่นนั้นของเขาราวกับเจียงหลีได้รับความไม่ยุติธรรมก็มิปาน

 

 

ไร้ยางอาย!

 

 

ชักจะไร้ยางอายเกินไปแล้ว!

 

 

เหล่าลูกศิษย์สถาบันไป๋หยวนยืนมองฉากนี้อยู่ด้านล่างอย่างตกตะลึง

 

 

สถาบันไป๋หยวนไม่สนใจใยดีเจียงหลีตรงไหน

 

 

เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า

 

 

แต่ไหนแต่ไรในสถาบันไป๋หยวนต่างคนก็ต่างฝึกกันเองทั้งนั้น หากประสบพบเจอปัญหาก็สามารถไปถามอาจารย์ได้ อีกทั้งยังสามารถคารวะเป็นศิษย์ของอาจารย์ในสถาบันเพื่อรับการชี้แนะอย่างละเอียดได้เช่นกัน

 

 

เจียงหลีผู้นี้เมื่อมาถึงสถาบันไป๋หยวนก็เอาแต่เก็บตัวฝึกเองในห้อง ไม่ยอมไปหาอาจารย์เอง หรือว่าอยากให้อาจารย์ทั่วทั้งวิทยาเขตซีเฉียนไปห้อมล้อมเพื่อให้นางขอคำแนะนำหรือ

 

 

อีกทั้งคดีทังจงเฉาถูกสังหาร แม้เจียงหลีจะถูกใส่ร้าย แต่นางก็ฆ่าคนที่ล้อมนางไว้เหมือนกัน ต่อมาสอบสวนภายหลังทำไมถึงไม่จบสิ้น ต้องมีลับลมคมในแน่ๆ

 

 

แต่เรื่องพวกนี้ ตอนนี้เฟิงสิงอวิ๋นพูดออกมากลับกลายเป็นว่าทั่วทั้งวิทยาเขตซีเฉียนรังแกเจียงหลี

 

 

เจ้าว่าช่างไร้ยางอายหรือไม่

 

 

แม้กระทั่งเจียงหลียังรู้สึกว่าเฟิงสิงอวิ๋นช่างหน้าด้านหน้าทน ทำให้นางรู้สึกด้อยค่า

 

 

“เฟิงสิงอวิ๋นเจ้ามีอะไรก็พูดมาเถอะ อย่ามาทำพิลึกพิลั่นแถวนี้ หรือว่าเจ้าวางแผนให้เจ้าสำนักสถาบันมาฟังเรื่องทุกข์ร้อนของเจ้า” ผู้อำนวยการสอบขบกรามพูด

 

 

หลังจากเจ้าคนนี้มาวิทยาเขตซีเฉียนก็เลี้ยงเสียข้าวสุก ตอนนี้ยังจะมาสร้างเรื่องอะไรให้อีก

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นหันสายตาไปมองเขาแล้วตีหน้าซื่อเอ่ยขึ้น “ข้ากล้ารบกวนเจ้าสถาบันเสียที่ไหน แต่ตอนที่ข้ามา ข้าแวะเล่นหมากรุกกับเจ้าสถาบันมาหนึ่งตา เขาชื่นชมเด็กน้อยของข้า เจ้าว่าให้หินวิญญาณเศษเล็กเศษน้อยแค่สามแสนก้อน ไม่ขี้เหนียวมากไปหน่อยหรือ”

 

 

เศษเล็กเศษน้อย!?

 

 

ขี้เหนียวมากไปหน่อย!?

 

 

พวกเขาก็อยากได้หินวิญญาณสามแสนก้อนเหมือนกันนะ!

 

 

ทุกคนสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เบิกตาจ้องเฟิงสิงอวิ๋น

 

 

เจียงหลีเงยหน้ามองไปทางเฟิงสิงอวิ๋นทันทีเช่นกัน

 

 

“คนนี้น่าสนใจ ปกป้องเจียงหลีจากใจจริง” จู่ๆ มู่ชิงเกอที่อยู่ด้านล่างก็เอ่ยขำ

 

 

ผู้อำนวยการสอบกระตุกมุมปากเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แล้วเจ้าคิดอย่างไร”

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นถอนหายใจ “หากไม่ใช่เพราะเด็กน้อยของข้าอยากหาประสบการณ์ก็เลยอยู่สอบที่วิทยาเขตนี้ได้รับผลคะแนนเยี่ยงนี้ วิทยาเขตของเราต้องเปิดทางสะดวกให้กับนางแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นหอฝึกทักษะต่อสู้ คลังหินวิญญาณก็ให้นางไปได้ตามต้องการ หากนางอยากได้วิญญาณยุทธ์อะไร พวกเราต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยนางเอามาให้ได้”

 

 

“…” เจียงหลีเบิกตาค้างมองเฟิงสิงอวิ๋น

 

 

แม้จะรู้ว่าเขาพูดจาเกินจริงไปหน่อย แต่ก็อดใจเต้นไม่ได้

 

 

“เฟิงสิงอวิ๋น” สีหน้าของผู้อำนวยการมืดหม่น

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกจึงพูดต่อ “แต่ว่า ไหนๆ เด็กน้อยของข้าก็มาอยู่วิทยาเขตซีเฉียนแล้ว อีกทั้งยังสอบผ่านได้คะแนนจากวิทยาเขตซีเฉียนอีก ก็ถือว่ามีความเกี่ยวข้องกับวิทยาเขตซีเฉียนของพวกเจ้าแล้ว เอาอย่างนี้ อย่างอื่นช่างมันเถอะ ข้าได้ยินมาว่าที่วิทยาเขตซีเฉียนมีวิญญาณยุทธ์อันล้ำค่าอยู่หนึ่งตัว”

 

 

เมื่อกล่าวจบเขายังหันไปกระตุกคิ้วให้กับผู้อำนวยการอีกด้วย

 

 

วิญญาณยุทธ์!

 

 

เจียงหลีตกใจ

 

 

นางคิดไม่ถึงเลยว่าเฟิงสิงอวิ๋นจะสนใจวิญญาณยุทธ์ที่อยู่ในวิทยาเขตซีเฉียน ตกลงเป็นวิญญาณยุทธ์อะไรกันแน่ คุ้มค่ากับที่เขาลงทุนทุ่มเทขนาดนี้หรือไม่

 

 

ผู้อำนวยการเผยยิ้ม แต่ทว่า รอยยิ้มกลับเย็นยะเยือก “ที่แท้ อ้อมค้อมมาตั้งนาน เจ้าก็สนใจวิญญาณยุทธ์นี่เอง”

 

 

วิญญาณยุทธ์หรือ

 

 

วิญญาณยุทธ์อะไร

 

 

ไม่นึกเลยว่าจะพะวะพะวงเยี่ยงนี้ ทำไมศิษย์พวกนี้ไม่รู้เลยสักนิด

 

 

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ คนไม่น้อยก็เกิดสงสัยขึ้นมา

 

 

ด้านล่าง สายตาโดดเด่นของเฉียนจวิ้นเปลี่ยนไปมาดำดิ่งไม่สงบ ในสถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียนมีวิญญาณยุทธ์หนึ่งตัวเป็นสายประเภทช่วยเหลือ มีความร้ายกาจมาก ซึ่งสอดคล้องกลับทางฝึกของเขาพอดี นี่เป็นความลับที่เสด็จพ่อได้บอกกับเขา ความลับนี้แม้กระทั่งเสด็จพี่ของเขามิล่วงรู้ เขาเข้ามาฝึกในสถาบันไป๋หยวนก็เพื่อครอบครองวิญญาณยุทธ์นั่น คิดไม่ถึงว่าตอนนี้กลับถูกคนอื่นเปิดเผยก่อนเสียแล้ว

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นโบกพัดยิ้มตาหยีอย่างไม่สนใจรอยยิ้มเย้ยหยันของผู้อำนวยการเลยสักนิด

 

 

ผู้อำนวยการปราดตามองเจียงหลีแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยกับเฟิงสิงอวิ๋น “นั่นเป็นวิญญาณยุทธ์สายช่วยเหลือ นางจะใช้ได้อย่างไร”

 

 

“หรือว่าเจ้ามองไม่ออก เด็กน้อยของข้ามากพรสวรรค์ความสารมารถ วิญญาณยุทธ์อันแรกคือสายโจมตี วิญญาณยุทธ์อันที่สองคือสายป้องกัน” เฟิงสิงอวิ๋นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

 

 

ผู้อำนวยการหรี่ตามองเจียงหลีอย่างตกตะลึง “เจ้าวางแผนฝึกทั้งสามทางเลยหรือ”

 

 

“นี่ไม่ต้องกังวลไป” เฟิงสิงอวิ๋นขัดจังหวะ

 

 

ผู้อำนวยการมองเจียงหลีตาเป็นประกายวูบไหว “พรสวรรค์ของเจ้าน่าทึ่งจริงๆ แต่ทว่า ข้าขอเตือนเจ้าเสียหน่อย โลภมากมักลาภหาย ฝึกทั้งสามทางพร้อมกันนั้นยากมาก มากเสียจนเจ้าจินตนาการไม่ถึงหรอก”

 

 

“ข้ายอมลองดูก่อน” เจียงหลียืนหยัดคำเดิม ในตอนนี้นางรู้แล้วว่าวิญญาณยุทธ์ที่เฟิงสิงอวิ๋นคำนวณไว้นั้นเป็นสายช่วยเหลือ และนางก็รู้สึกตื่นเต้นมากเกินไปแล้ว ดังนั้นนางจึงต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อบรรลุเป้าหมาย

 

 

“ดูสิ เด็กน้อยของข้าทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ ทุกอย่างต้องลองดูก่อนถึงจะรู้ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร” เฟิงสิงอวิ๋นเอ่ยยิ้ม

 

 

ผู้อำนวยการมองเขาด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ข้าก็แค่เกรงว่าเจ้าจะคว้าน้ำเหลวซะก่อน”

 

 

“เช่นนั้นก็มิใช่อุปสรรค” เฟิงสิงอวิ๋นตอบกลับไปอย่างไม่หยี่ระ

 

 

“เจ้าอยากได้วิญญาณยุทธ์นั่น เรื่องนี้ข้าช่วยไม่ได้ เจ้าต้องไปหาเจ้าสำนักเอง” ผู้อำนวยการสอบกล่าวหน้าดำคร่ำเครียด

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นกลับส่ายหน้า มองด้วยสายตาหยามเหยียด “ใครจะไปรู้ กุญแจดอกหนึ่งอยู่กับเจ้าในสถานที่เก็บวิญญาณยุทธ์ เจ้าสำนักได้ยืนยันเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นเหลือแค่เจ้าพยักหน้าให้เท่านั้น”

 

 

“…” ผู้อำนวยการนิ่งเงียบ

 

 

แน่นอนว่าทุกคนเพิ่งรู้เรื่องนี้ อาจารย์คนนี้ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักในสถาบันและไม่มีใครรู้จักแม้แต่ชื่อของเขา นึกไม่ถึงว่ามีอำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้

 

 

“รอนางหลอมรวมวิญญาณยุทธ์อันที่สามก่อนค่อยมาหาข้า” หลังผู้อำนวยการกล่าวจบก็หันหลังหายไปจากสายตาทุกคน

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นถอนหายใจ จากนั้นหันสายตามองแล้วยิ้มให้เจียงหลี

 

 

ถึงแม้จะแปลกไปบ้าง แต่เจียงหลีก็ยังอยากกล่าว “ขอบคุณ”

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นกลับเอ่ยสิ่งที่ไม่คาดคิด “ไม่ต้องขอบคุณข้า เป็นแค่เรื่องตอบแทนบุญคุณเท่านั้น หากจะขอบคุณ ก็ไปขอบคุณนายน้อยลู่เถอะ”

 

 

ลู่เจี้ย!

 

 

หัวใจของเจียงหลีสั่นสะท้าน ลู่เจี้ยมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วยหรือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+