ราชินีพลิกสวรรค์ 72 ต้อนเข้าเมือง บีบให้หมดหนทาง

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 72 ต้อนเข้าเมือง บีบให้หมดหนทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

 

นางน่ารักผอมเพรียว ชุดสีดำพลิ้วไหว

 

 

เป็นเพียงแค่เด็กแท้ๆ ทำไมถึงมีวิธีการที่โหดเ**้ยมเช่นนี้ ทำไมถึงมีพละกำลังมากเพียงนี้

 

 

หลิงซื่อตระกูลเย่ว์ตายตาไม่หลับ หลังจากที่หัวใจระเบิด พูดอะไรไม่ออก โถมตัวไปข้างหน้า ล้มลงกับพื้นสิ้นใจตาย

 

 

คนที่หนึ่ง เจียงหลีนับในใจ

 

 

คนตระกูลเย่ว์อยากให้นางตาย แต่นางกลับไม่ตาย แถมยังฆ่าพวกเขาอีก!

 

 

นางอยากเห็นความเจ็บปวดของตาแก่เย่ว์ชิงหลิว ทำให้เขารู้ถึงผลของการมีเรื่องกับนาง!

 

 

จัดการไปคนหนึ่ง เจียงหลีก็หายไปในป่าอีกครั้ง หาเหยื่อรายต่อไป การลอบสังหารหมู่ได้เริ่มขึ้นอย่างเงียบเชียบ

 

 

แต่ทว่าเหล่า ‘นักล่า’ ของตระกูลเย่ว์กลับยังไม่รู้ว่าตัวเองได้ตกเป็นเหยื่อแล้ว

 

 

ต้องฆ่า!

 

 

ต้องฆ่า!

 

 

หลิงซื่อระดับแปดของตระกูลเย่ว์คนนั้น หาไปทั่วทั้งป่าแล้วก็ยังไม่เจอเจียงหลี

 

 

บรรยากาศที่แปลกประหลาดกำลังแพร่กระจายไปทั่วป่า ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก

 

 

ทันใดนั้น ก็มีเสียงและการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นที่ด้านขวาของเขา เขาหันหน้าไปมองอย่างดุร้าย เหมือนว่าเห็นพุ่มหญ้าด้านหน้าขยับ

 

 

เขาจ้องมองแล้วรีบไปตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

 

 

หนานอู๋เฮิ่นมองอู๋เชียนที่อยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ในมือของอู๋เชียนถือก้อนหินที่หยิบมาก้อนหนึ่งก่อนหน้านี้

 

 

การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ แท้จริงแล้วอู๋เชียนเป็นคนทำ

 

 

เหมือนรับรู้ได้ถึงการสังเกตของหนานอู๋เฮิ่น อู๋เชียนพูดด้วยสีหน้าเดิมว่า “ท่านอาจารย์หนานไม่ได้อยากดูสิ่งที่ยอดเยี่ยมหรอกหรือ”

 

 

หนานอู๋เฮิ่นยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร

 

 

หลิงซื่อระดับแปดของตระกูลเย่ว์คนนั้นวิ่งไปตามเสียง ก็พบว่าไม่มีอะไร แต่ว่าก็ใช้ทิศทางนี้ตามหาต่อ

 

 

เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็ได้เห็นสิ่งที่ทำให้เขาโกรธมาก ลูกน้องของเขาคนหนึ่งถูกเด็กผู้หญิงชุดดำตัวเล็กๆ คนหนึ่งสังหารอย่างโหดเ**้ยม

 

 

“เจียงหลี!” เขาตะโกนด้วยความโกรธ

 

 

ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ขั้นหนึ่ง

 

 

แสงสีทองเปล่งประกาย เงาปีศาจที่เลือนรางปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา

 

 

ปลดปล่อยพลังแสดงฤทธิ์อย่างไม่ลังเล แล้วโผเข้ามาหาเจียงหลี

 

 

เจียงหลีที่กำลังสนุกกับการลอบสังหาร ก็เห็นพลังโจมตีมายังตัวเอง แววตาเคร่งขรึม เห็นถึงความดุดัน

 

 

นางก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์เลี่ยเทียนซื่อในทันที และต้านการโจมตีของศัตรูโดยตรง

 

 

ปัง

 

 

แรงปะทะกันระหว่างทั้งสองคลื่นพลัง สะเทือนไปทั่วบริเวณรอบๆ หลิงซื่อระดับแปดของตระกูลเย่ว์คนนั้นเงยหน้าขึ้นมอง เจียงหลีที่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยม อาศัยคลื่นพลังที่สั่นสะเทือนถอยกลับอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็ถอยกลับไปไกลแล้ว

 

 

“จะหนีไปไหน!” ในน้ำเสียงที่มีพลังของเขา ทำให้คำพูดนั้นดังไปทั่วทั้งป่า เตือนคนที่เหลืออยู่ ให้ไล่ล่าเจียงหลีด้วย

 

 

แต่ทว่า ความเร็วของเจียงหลีไวมาก ไม่ติดพันกับการต่อสู้เลยสักนิด หลังจากที่โจมตีแล้วก็ร่นถอย หันกลับมาวิ่งออกจากป่าอย่างรวดเร็ว

 

 

ผู้มีหลิงซื่อระดับแปดรีบตามไปติดๆ แต่ว่าในตอนที่เขาออกมาจากป่า กลับพบว่าไม่มีใครตามออกมา

 

 

คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวก็คือเจียงหลีได้ลอบสังหารคนของเขาทั้งหมดแล้ว พอคิดได้ หลิงซื่อระดับแปดก็แทบอยากจะฉีกเจียงหลีเป็นชิ้นๆ ด้วยมือของเขาเอง

 

 

คนของเขาถูกฆ่าตายหมดแล้ว เย่ว์ชิงหลิวไม่โกรธเขาสิแปลก!

 

 

โอกาสที่จะกลับมาชนะได้ มีเพียงปลดปล่อยพลังขั้นสูงสุดแล้วไล่ล่าเจียงหลี

 

 

ประตูเมืองซูหนานอยู่ข้างหน้า เข้าประตูเมืองไป ก็ห่างจากตระกูลลู่ไม่ไกลแล้ว! เจียงหลีใช้พลังที่ขาและแขน พลังและความเร็วของเลี่ยเทียนซื่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเมือง เห็นร่างเล็กๆ มุ่งมาที่ประตูเมืองอย่างรวดเร็วจากระยะไกล

 

 

พวกเขากำลังแปลกใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วก็เห็นคนที่ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ไล่ตามนางอยู่ไม่ไกลจากด้านหลัง

 

 

เห็นได้ชัดว่านี่คือการชำระบุญคุณและความแค้นส่วนตัว!

 

 

พวกเขามองกัน โดยทั่วไปแล้วการชำระบุญคุณและความแค้นไม่ไปเดือดร้อนคนอื่น จวนเจ้าเมืองก็จะไม่เข้าไปยุ่ง อีกทั้งดูเหมือนทั้งสองคนจะมาจากงานประลองชิงเจียว

 

 

ในเมื่อเป็นคนที่มาจากที่นั่น และไม่มีคนของท่านเจ้าเมืองมาด้วย เช่นนั้นก็แสดงว่า……

 

 

อืม อย่าไปสนใจ!

 

 

หลังจากที่คุยกัน ทหารเฝ้าเมืองก็เงียบไป ทำทีไม่สนใจสองคนนั้นที่เข้ามาใกล้เมือง

 

 

ระหว่างที่เจียงหลีจะเข้าประตูเมืองซูหนาน แต่ทว่าในตอนนั้นก็มีพลังที่น่ากลัวโจมตีมาจากด้านหลัง

 

 

ทักษะพรสวรรค์! เจียงหลีตกใจ

 

 

นางรับรู้ได้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น!

 

 

หลิงซื่อระดับแปดคนนั้น ถูกตัวเองบังคับให้ใช้ทักษะพรสวรรค์ในการต่อสู้แล้ว เช่นนั้น ก็ตอนนี้แหละ! แววตาเจียงหลีเฉียบคมขึ้นมาทันที

 

 

นางหยุดยืนแล้วหันกลับไปทันที พลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตะโกนเสียงต่ำ “ฉีกเวหาาา!”

 

 

โฮกก

 

 

พลังเลี่ยเทียนซื่อที่แข็งแกร่ง ปรากฏขึ้นในทันที ปะทะกับพลังของหลิงซื่อระดับแปดคนนั้น

 

 

“เป็นไปได้อย่างไร! นางเพิ่งจะพลังหลิงซื่อระดับห้า!” พละกำลังที่แข็งแกร่ง พลังแห่งการทำลายล้างที่แพร่กระจายไปที่ตัวเอง ทำให้หลิงซื่อระดับแปดที่ไล่ตามมาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

 

 

เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนที่มีพลังแบบนี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีพลังหลิงซื่อเพียงแค่ระดับห้า!

 

 

นี่มันเป็นไปไม่ได้!

 

 

แต่ทว่า เขาจะยอมเชื่อหรือไม่ พลังอำนาจของเลี่ยเทียนซื่อก็ทำลายพลังของเขา บดขยี้เขาแล้ว

 

 

ประหนึ่งเหยียบภูเขาและแม่น้ำจนแหลกสลาย ฉีกดวงดาวบนเวหา

 

 

เลี่ยเทียนซื่อนี้ยังมีจิตที่คิดจะทำลายล้างด้วย! เป็นข้อดีของวิญญาณยุทธ์ขั้นหนึ่ง จิตแห่งการต่อสู้ยังคงอยู่ เพียงพอที่จะบดขยี้ที่อยู่ขั้นต่ำกว่าในระดับการฝึกฝนเดียวกัน

 

 

“ม่ายยย!” พลังทำลายล้างทะลุผ่านร่างของเขา หลิงซื่อระดับแปดส่งเสียงร้องด้วยความสิ้นหวัง ขยับตัวไม่ได้

 

 

ตอนนี้ เขาเข้าใจแล้ว ที่เจียงหลีหนีไม่ใช่เพราะว่ากลัวพวกเขา แต่อยากจัดการทีละคน ฆ่าพวกเขาหมดทุกคน

 

 

“เจียงหลี เจ้าต้องไม่ได้ตายดี!” เขาที่ใกล้จะตาย ตะโกนด้วยความโกรธ ร่างกายของเขากลายเป็นผุยผงท่ามกลางพลังทำลายล้างของเลี่ยเทียนซื่อ เลือดกระเด็นไปที่ประตูเมืองซูหนาน

 

 

เจียงหลีตอบกลับคำสาปแช่งของเขาอย่างเยือกเย็นว่า “ต่อให้มีวันนั้น เจ้าก็ไม่ได้เห็นหรอก”

 

 

วิถีของพลัง คือต้องเอาตัวรอดจากสถานการณ์ยากลำบาก ถ้าไม่ปีนไปให้สูงที่สุด แม้แต่กระดูกก็จะไม่เหลือ มีใครสนว่าตัวเองจะตายอย่างสบายหรือตายอย่างทรมานด้วยหรือ

 

 

ช่างน่าขันจริงๆ ที่ข่มขู่นางแบบนี้!

 

 

ในที่สุดก็จัดการกับหลิงซื่อระดับแปดคนนี้ได้แล้ว เจียงหลีหันหลัง วิ่งไปข้างหน้าต่อ และความเคลื่อนไหวตรงประตูเมืองทำให้ผู้คนเมืองซูหนานล้วนแต่ตกใจแล้วมองมาทางนี้

 

 

“เจียงหลี? ใครกัน”

 

 

“เหมือนคุ้นๆ หู”

 

 

“อ้อ! ข้านึกออกแล้ว ไม่ใช่สาวใช้ตระกูลลู่ที่ถอนหมั้นตระกูลเย่ว์เมื่อสามเดือนก่อนนั่นหรือ”

 

 

“ไม่ผิดแน่! คือนางนั่นเอง ดูเหมือนจะเกิดเรื่องแล้ว”

 

 

“ไป พวกเราไปดูอะไรสนุกๆ กันดีกว่า”

 

 

ผู้คนเมืองซูหนานเริ่มพากันมาตรงประตูเมือง

 

 

พวกทหารที่เฝ้าประตูอยู่นั้น ต่างพากันงงงัน มองไปที่คราบเลือดนั้น รู้สึกได้ถึงควันหลงของพลังที่ยังไม่สลายไป ความสะเทือนใจยากที่จะหายไป

 

 

การต่อสู้ระหว่างหลิงซื่อทั้งสอง ไม่ได้ตระการตา แต่ว่าภาพเหตุการณ์เมื่อครู่กลับทำให้พวกเขาสะเทือนใจเป็นอย่างมาก

 

 

พวกเขามองไปยังร่างดำๆ ที่วิ่งไปข้างหน้า ยังรู้สึกประหวั่นกลัว อีกทั้งยังรับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่มาจากระยะไกล ชั่วพริบตาก็ตกลงมาอยู่ตรงหน้าของคนชุดดำผู้มีหน้าตาสะสวย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด