รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ 21 : สถานีรถไฟใต้ดิน (9)

Now you are reading รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ Chapter 21 : สถานีรถไฟใต้ดิน (9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของลู่หมิง พวกเขาก็ต่างแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาทันที เมื่อลู่หมิงเห็นแบบนั้นเขาก็ส่ายมีดในมือไปมาก่อนพูดขึ้นว่า

 

“อย่าพึ่งเข้าใจผิดไป ฉันไม่ได้จะให้พวกเธอไปเป็นฆาตรกรฆ่าคนหรอกนะ”

 

จางอี้เฟยได้ยินแบบนั้นก็ถามออกมาด้วยความสงสัย

 

“แล้วนายจะพูดทำไมกันล่ะ ?”

 

ลู่หมิงได้ยินแบบนั้นก็พูดออกไปว่า

 

“ฉันก็แค่อยากจะเตือนพวกเธอเอาไว้ว่า ไม่เพียงแค่พวกเธอจะต้องระวังพวกมอนสเตอร์เท่านั้น พวกเธอจะต้องระวังคนอื่นๆอีกด้วยเพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะหวังดีกับเธอเสมอไป”

 

จางอี้เฟยได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลู่หมิง จากนั้นซูรั่วหลินก็ได้ถามกับลู่หมิงว่า

 

“งี้จะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นในอนาคตเหรอ ?”

 

ลู่หมิงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า

 

“ไม่ต้องห่วงหรอก การต่อสู้กันของผู้เล่นจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะมีผู้เล่นระดับสีเขียวจำนวนหนึ่ง”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของลู่หมิง ซูรั่วหลินได้ยินก็เอียงคอสงสัย

 

“ทำไมล่ะ ?”

 

“ดูเหมือนพระเจ้าจะรู้ว่า ผู้คนจะต่อสู้และเข่นฆ่ากันเองในเวลาไม่นาน เขาเลยทำให้ผู้เล่นที่อยู่ระดับต่ำกว่าสีเขียวนั้นไม่ดรอปคริสตัลสถานะเมื่อตาย ดังนั้นการฆ่าพวกเขาจึงเป็นสิ่งที่ไร้ตวามหมายไปโดยปริยาย”

 

ลู่หมิงเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า

 

“แต่ก็ใช่ว่าผู้เล่นระดับสีขาวจะมีชีวิตที่สุขสบายและปลอดภัยหรอกนะ”

 

ทุกคนได้ยินคำพูดของลู่หมิงก็ถึงกับขมวดคิ้ว ลู่หมิงจึงถามกับซูรั่วหลินไปว่า

 

“เธอรู้ไหมว่าความแตกต่างระหว่างระดับสีขาว และระดับสีเขียวที่เป็นขั้นต่อไปคืออะไร ?”

 

ซูรั่วหลินได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า

 

“ค่าสถานะ ?”

 

ลู่หมิงพยักหน้า ก่อนจะพูดเสริมว่า

 

“ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ค่าสถานะเท่านั้นหรอกนะ ความแข็งแกร่งก็จะแตกต่างกันด้วยและไม่ใช่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรอกนะ มันมีอะไรหลายอย่างมากกว่านั้นแต่เธอจะรู้ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ระดับสีเขียวแล้วเท่านั้น และเมื่อผู้อ่อนแอ กับผู้แข็งแกร่งเจอกัน กฏหมายหรืออะไรอย่างอื่นก็จะถูกลืมเลือนเหลือเพียงกฏแห่งป่าที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอเท่านั้น”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลาย ลู่หมิงจึงยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า

 

“แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ในเมื่อพวกเธอรู้เรื่องนี้ก่อนคนอื่นก็แปลว่าพวกเธอมีโอกาสที่จะเติบโตและก้าวหน้ามากกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า”

 

อันหยาที่ได้ยินแบบนั้นก็ถามออกมาด้วยความกังวลว่า

 

“งั้นนายจะบอกว่า หากพวกเราต้องการจะอยู่รอดบนโลกใบนี้ต่อก็ต้องออกไปล่ามอนสเตอร์เพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นงั้นเหรอ ?”

 

ลู่หมิงพยักหน้าให้กับคำถามของอันหยา ก่อนจะกล่าวเสริมไปอีกว่า

 

“ก็อย่างที่บอกไป การหาคริสตัลค่าสถานะนั้นเป็นไปได้หลากหลายทางอย่างที่เคยบอกไป เธอจะเลือกทางไหนก็แล้วแต่เธอต้องการเถอะ”

 

เมื่อลู่หมิงพูดจบเขาก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเพื่อไล่ความเมื่อยและความเหนื่อยล้าออกไป ก่อนจะร้องครางออกมาเล็กน้อยเพราะเจ็บบริเวณซี่โครง

 

“บ้าชิบ คงต้องพักอย่างน้อยสองวันถึงจะหายดี”

 

ลู่หมิงบ่นออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาจางเหว่ยพร้อมกับถามว่า

 

“แล้วนายจะเดินทางไปเมืองหลวงเลยหรือเปล่า ?”

 

จางเหว่ยที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็แสดงท่าทีลังเลอยู่เล็กน้อย เพราะการได้ฟังสิ่งที่ลู่หมิงเล่านั้นถือเป็นเรื่องใหญ่มาก และถ้าหากตัดสินใจพลาดอาจทำให้อนาคตของพวกเขานั้นต้องลำบาก และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขาเป็นลู่หมิงที่กำลังบาดเจ็บอยู่ตอนนี้อีกด้วย การที่จะให้เขาทิ้งเพื่อนที่กำลังบาดเจ็บและหนีไปอย่าปลอดภัยที่เมืองหลวงนั้นเป็นอะไรที่ยากจะรับได้สำหรับเขา

 

แต่ในขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้นลู่หมิงก็ได้เอ่ยขึ้นว่า

 

“รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่จางเหว่ยแต่ฉันขอแนะนำให้นายไปเมืองหลวงนะ”

 

จางเหว่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมาถามด้วยความสับสน

 

“ทำไมล่ะ ?”

 

ลู่หมิงจึงตอบกลับไปว่า

 

“การไปเริ่มต้นที่เมืองหลวงที่ปลอดภัยนั้นเป็นอะไรที่ง่ายกว่าการจะอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์แบบนี้ แม้มันจะดีสำหรับการล่าก็ตาม แต่อย่าลืมว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ฉะนั้นทรัพยากรทุกอย่างจึงมีอย่างจำกัดนายน่าจะรู้เรื่องนั้นดี”

 

“และอีกอย่างระยะแรกที่ผู้เล่นกำลังอ่อนแอแบบนี้การเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มนั้นจะสะดวกกว่า และยิ่งนายที่มีพ่อเป็นคนใหญ่คนโตและมีกองกำลังอยู่ในเมือง ทำให้นายสามารถทำอะไรได้ง่ายขึ้นในช่วงต้น การจะเริ่มระดับของตัวเองนั้นจึงค่อนข้างง่าย”

 

จางเหว่ยได้ยินแบบนั้นก็ถามกลับทันทีอย่างรวดเร็ว

 

“แล้วนายล่ะ !?”

 

“สำหรับฉันนะเหรอ ?”

 

ลู่หมิงเงยหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า

 

“ฉันสะดวกกับการเดินทางคนเดียวมากกว่า และฉันก็มีแผนในใจอยู่แล้วด้วย อีกอย่างทางข้างหน้านั้นค่อนข้างอันตรายการพาพวกนายไปด้วยนั้นค่อนข้างจะเป็นตัวถ่วง”

 

ลู่หมิงพูดออกไปแบบไม่รักษาน้ำใจ แต่ที่ลู่หมิงพูดออกไปแบบนั้นก็เพราะเขาหวังดีในตัวเพื่อนของเขาและสาวๆคนอื่น แม้การเดินทางเป็นกลุ่มจะสะดวกในช่วงแรกแต่มันก็มีข้อเสียเช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงทรัพยากรต่างๆที่ต้องมีการใช้งานที่มากขึ้น และการเดินทางเป็นกลุ่มนั้นจะดึงดูดมอนสเตอร์ได้ดีเป็นพิเศษอีกด้วย

 

แม้ดูผิวเผินจะเป็นเรื่องดีแต่ข้อเสียก็มีอยู่เช่นกัน การที่จางเหว่ยมีพ่อที่เป็นถึงนายทหารระดับสูงที่มีกองทัพอยู่ในมือ การจะจัดการพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ในเมืองและรอบๆเมืองหลวงนั้นเป็นอะไรที่ง่ายดาย และเขายังอาศัยสิทธิ์พิเศษเหล่านั้นจัดการกับซากศพมอนสเตอร์และคริสตัลค่าสถานะได้อีกด้วย

 

ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังสับสนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแบบนี้ จะไม่เป็นการเอ่ยเกินจริงเลยว่าการมีอำนาจของพ่อจางเหว่ยอยู่ในมือนั้นเป็นอะไรที่โครตจะสะดวกสบายเลยทีเดียว

 

……………………………………………………………………..

-เป็นตอนที่ค่อนข้างยาวเลยทีเดียว กินพลังงานจัง =w=

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ 21 : สถานีรถไฟใต้ดิน (9)

Now you are reading รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ Chapter 21 : สถานีรถไฟใต้ดิน (9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของลู่หมิง พวกเขาก็ต่างแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาทันที เมื่อลู่หมิงเห็นแบบนั้นเขาก็ส่ายมีดในมือไปมาก่อนพูดขึ้นว่า

 

“อย่าพึ่งเข้าใจผิดไป ฉันไม่ได้จะให้พวกเธอไปเป็นฆาตรกรฆ่าคนหรอกนะ”

 

จางอี้เฟยได้ยินแบบนั้นก็ถามออกมาด้วยความสงสัย

 

“แล้วนายจะพูดทำไมกันล่ะ ?”

 

ลู่หมิงได้ยินแบบนั้นก็พูดออกไปว่า

 

“ฉันก็แค่อยากจะเตือนพวกเธอเอาไว้ว่า ไม่เพียงแค่พวกเธอจะต้องระวังพวกมอนสเตอร์เท่านั้น พวกเธอจะต้องระวังคนอื่นๆอีกด้วยเพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะหวังดีกับเธอเสมอไป”

 

จางอี้เฟยได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลู่หมิง จากนั้นซูรั่วหลินก็ได้ถามกับลู่หมิงว่า

 

“งี้จะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นในอนาคตเหรอ ?”

 

ลู่หมิงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า

 

“ไม่ต้องห่วงหรอก การต่อสู้กันของผู้เล่นจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะมีผู้เล่นระดับสีเขียวจำนวนหนึ่ง”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของลู่หมิง ซูรั่วหลินได้ยินก็เอียงคอสงสัย

 

“ทำไมล่ะ ?”

 

“ดูเหมือนพระเจ้าจะรู้ว่า ผู้คนจะต่อสู้และเข่นฆ่ากันเองในเวลาไม่นาน เขาเลยทำให้ผู้เล่นที่อยู่ระดับต่ำกว่าสีเขียวนั้นไม่ดรอปคริสตัลสถานะเมื่อตาย ดังนั้นการฆ่าพวกเขาจึงเป็นสิ่งที่ไร้ตวามหมายไปโดยปริยาย”

 

ลู่หมิงเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า

 

“แต่ก็ใช่ว่าผู้เล่นระดับสีขาวจะมีชีวิตที่สุขสบายและปลอดภัยหรอกนะ”

 

ทุกคนได้ยินคำพูดของลู่หมิงก็ถึงกับขมวดคิ้ว ลู่หมิงจึงถามกับซูรั่วหลินไปว่า

 

“เธอรู้ไหมว่าความแตกต่างระหว่างระดับสีขาว และระดับสีเขียวที่เป็นขั้นต่อไปคืออะไร ?”

 

ซูรั่วหลินได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า

 

“ค่าสถานะ ?”

 

ลู่หมิงพยักหน้า ก่อนจะพูดเสริมว่า

 

“ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ค่าสถานะเท่านั้นหรอกนะ ความแข็งแกร่งก็จะแตกต่างกันด้วยและไม่ใช่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรอกนะ มันมีอะไรหลายอย่างมากกว่านั้นแต่เธอจะรู้ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ระดับสีเขียวแล้วเท่านั้น และเมื่อผู้อ่อนแอ กับผู้แข็งแกร่งเจอกัน กฏหมายหรืออะไรอย่างอื่นก็จะถูกลืมเลือนเหลือเพียงกฏแห่งป่าที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอเท่านั้น”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลาย ลู่หมิงจึงยิ้มพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า

 

“แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ในเมื่อพวกเธอรู้เรื่องนี้ก่อนคนอื่นก็แปลว่าพวกเธอมีโอกาสที่จะเติบโตและก้าวหน้ามากกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า”

 

อันหยาที่ได้ยินแบบนั้นก็ถามออกมาด้วยความกังวลว่า

 

“งั้นนายจะบอกว่า หากพวกเราต้องการจะอยู่รอดบนโลกใบนี้ต่อก็ต้องออกไปล่ามอนสเตอร์เพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นงั้นเหรอ ?”

 

ลู่หมิงพยักหน้าให้กับคำถามของอันหยา ก่อนจะกล่าวเสริมไปอีกว่า

 

“ก็อย่างที่บอกไป การหาคริสตัลค่าสถานะนั้นเป็นไปได้หลากหลายทางอย่างที่เคยบอกไป เธอจะเลือกทางไหนก็แล้วแต่เธอต้องการเถอะ”

 

เมื่อลู่หมิงพูดจบเขาก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเพื่อไล่ความเมื่อยและความเหนื่อยล้าออกไป ก่อนจะร้องครางออกมาเล็กน้อยเพราะเจ็บบริเวณซี่โครง

 

“บ้าชิบ คงต้องพักอย่างน้อยสองวันถึงจะหายดี”

 

ลู่หมิงบ่นออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาจางเหว่ยพร้อมกับถามว่า

 

“แล้วนายจะเดินทางไปเมืองหลวงเลยหรือเปล่า ?”

 

จางเหว่ยที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็แสดงท่าทีลังเลอยู่เล็กน้อย เพราะการได้ฟังสิ่งที่ลู่หมิงเล่านั้นถือเป็นเรื่องใหญ่มาก และถ้าหากตัดสินใจพลาดอาจทำให้อนาคตของพวกเขานั้นต้องลำบาก และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขาเป็นลู่หมิงที่กำลังบาดเจ็บอยู่ตอนนี้อีกด้วย การที่จะให้เขาทิ้งเพื่อนที่กำลังบาดเจ็บและหนีไปอย่าปลอดภัยที่เมืองหลวงนั้นเป็นอะไรที่ยากจะรับได้สำหรับเขา

 

แต่ในขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้นลู่หมิงก็ได้เอ่ยขึ้นว่า

 

“รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่จางเหว่ยแต่ฉันขอแนะนำให้นายไปเมืองหลวงนะ”

 

จางเหว่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมาถามด้วยความสับสน

 

“ทำไมล่ะ ?”

 

ลู่หมิงจึงตอบกลับไปว่า

 

“การไปเริ่มต้นที่เมืองหลวงที่ปลอดภัยนั้นเป็นอะไรที่ง่ายกว่าการจะอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์แบบนี้ แม้มันจะดีสำหรับการล่าก็ตาม แต่อย่าลืมว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ฉะนั้นทรัพยากรทุกอย่างจึงมีอย่างจำกัดนายน่าจะรู้เรื่องนั้นดี”

 

“และอีกอย่างระยะแรกที่ผู้เล่นกำลังอ่อนแอแบบนี้การเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มนั้นจะสะดวกกว่า และยิ่งนายที่มีพ่อเป็นคนใหญ่คนโตและมีกองกำลังอยู่ในเมือง ทำให้นายสามารถทำอะไรได้ง่ายขึ้นในช่วงต้น การจะเริ่มระดับของตัวเองนั้นจึงค่อนข้างง่าย”

 

จางเหว่ยได้ยินแบบนั้นก็ถามกลับทันทีอย่างรวดเร็ว

 

“แล้วนายล่ะ !?”

 

“สำหรับฉันนะเหรอ ?”

 

ลู่หมิงเงยหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า

 

“ฉันสะดวกกับการเดินทางคนเดียวมากกว่า และฉันก็มีแผนในใจอยู่แล้วด้วย อีกอย่างทางข้างหน้านั้นค่อนข้างอันตรายการพาพวกนายไปด้วยนั้นค่อนข้างจะเป็นตัวถ่วง”

 

ลู่หมิงพูดออกไปแบบไม่รักษาน้ำใจ แต่ที่ลู่หมิงพูดออกไปแบบนั้นก็เพราะเขาหวังดีในตัวเพื่อนของเขาและสาวๆคนอื่น แม้การเดินทางเป็นกลุ่มจะสะดวกในช่วงแรกแต่มันก็มีข้อเสียเช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงทรัพยากรต่างๆที่ต้องมีการใช้งานที่มากขึ้น และการเดินทางเป็นกลุ่มนั้นจะดึงดูดมอนสเตอร์ได้ดีเป็นพิเศษอีกด้วย

 

แม้ดูผิวเผินจะเป็นเรื่องดีแต่ข้อเสียก็มีอยู่เช่นกัน การที่จางเหว่ยมีพ่อที่เป็นถึงนายทหารระดับสูงที่มีกองทัพอยู่ในมือ การจะจัดการพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ในเมืองและรอบๆเมืองหลวงนั้นเป็นอะไรที่ง่ายดาย และเขายังอาศัยสิทธิ์พิเศษเหล่านั้นจัดการกับซากศพมอนสเตอร์และคริสตัลค่าสถานะได้อีกด้วย

 

ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังสับสนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแบบนี้ จะไม่เป็นการเอ่ยเกินจริงเลยว่าการมีอำนาจของพ่อจางเหว่ยอยู่ในมือนั้นเป็นอะไรที่โครตจะสะดวกสบายเลยทีเดียว

 

……………………………………………………………………..

-เป็นตอนที่ค่อนข้างยาวเลยทีเดียว กินพลังงานจัง =w=

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+