ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 155 คนประหลาด

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 155 คนประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แน่นอน เป็นไปได้ว่าเขาหิวแล้วจึงออกไปหาของกิน จากนั้นก็ถูกคนกินไป

 

 

โจวอวี่ข้องใจ “ท่านเก็บเจ้าหลวงจีนมาทำไมกัน หรือว่าเขาเกี่ยวข้องกับการสืบคดีของเรา”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋สั่นศีรษะ สายตากวาดผ่านแขนเสื้อของหลวงจีนผมเงิน กล่าวเนิบนาบว่า “พูดยาก แต่ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีที่เรากำลังสืบ บางทีวันหลังอาจมีประโยชน์ก็ได้”

 

 

นี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย นางเห็นเขาล้วงป้ายไม้แบบนั้นออกมา รูปสลักบนป้ายไม้นั่นคนทั่วไปอาจไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่นางรู้จักดี

 

 

โจวอวี่รู้ดีว่าชิวเยี่ยไป๋เป็นคนที่ถ้าไม่มีผลประโยชน์ไม่มีวันตื่นเช้า แต่ยามนี้คิดว่านางคงไม่มีกะจิตกะใจจะพูดรายละเอียด จึงผงกศีรษะหงึกหงัก “อีกสักครู่ใต้เท้าจะทำอะไรขอรับ ข้าน้อยเกรงว่าคนผู้นี้จะทำให้เสียการนะขอรับ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ยืนที่ริมฝั่งแม่น้ำ แลดูเรือน้อยสีดำที่กำลังพายเข้าหา หรี่ตาเล็กน้อย “ตอนนี้ยังไม่ต้องวิตกดอก พวกเราน่าจะลงเรือแล้ว”

 

 

ดึกแล้ว โจวอวี่มองตามโคมไฟที่แปะด้วยกระดาษซึ่งมิรู้ว่าชิวเยี่ยไป๋ไปเอามาจากที่ใด โคมไฟนี้เหมือนกับที่แขวนไว้ในพิธีงานศพ บนนั้นเขียนอักษรสีขาวซีดว่า ‘ตู้[1]’ ดูแล้วโหลยโท่ยมาก นางถืออยู่ในมือแกว่งไปแกว่งมา เหมือนจะถูกลมพัดขาดได้ทุกเวลา

 

 

แต่ชิวเยี่ยไป๋เหมือนไม่รับรู้และยังถือไว้เงียบๆ แสงริบหรี่ของโคมไฟสาดส่องใบหน้าของนางจนดูพิลึกพิลั่น

 

 

โจวอวี่บ่นว่าที่ยืนอยู่นั่นมิใช่ที่สำหรับลงเรือของคนทั่วไปตามปกติบริเวณนั้นไม่มีแสงไฟ ยามนี้มีเพียงแสงจุดเล็กๆ จากเรือประมงที่ไกลออกไปลอยไปลอยมา ผิวน้ำของแม่น้ำยามมืดสนิทยิ่งกว้างเป็นพิเศษราวกับผสานเป็นผืนเดียวกับม่านราตรีของฟากฟ้า ลมเย็นชื้นพัดมา ทำเอาผู้คนรู้สึกหลอน คิดว่ากำลังยืนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำอเวจี และแสงไฟเป็นจุดของเรือหาปลาคือไฟภูตผี

 

 

เขาเห็นเรือน้อยลำนั้นล่องลอยตามสายน้ำ เห็นได้ชัดถึงความบอบบางของลำเรือราวกับใบไม้ แต่กลับล่องลอยฝ่าหมอกมาได้ เพียงแต่รู้สึกว่าเหมือนเรือที่มารับวิญญาณข้ามฝั่ง

 

 

โดยเฉพาะเมื่อเรือลำนั้นเทียบช้าๆ ที่ริมฝั่งไม่ไกลนัก เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าคนถ่อเรือสวมงอบใบใหญ่ เห็นใบหน้าผอมซูบเพียงครึ่งเดียว ผอมจนเหมือนหนังหุ้มกระดูก ดูแล้วสยองอย่างน่าประหลาดจนต้องสยิวกาย

 

 

แต่ดูเหมือนชิวเยี่ยไป๋จะไม่รู้สึกรู้สากับความประหลาดของเรือและคนถ่อเรือ ยังถือโคมไฟแกว่งไปมา คนบนเรือก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย ยืนสงบอยู่เช่นนั้น

 

 

จากนั้นชิวเยี่ยไป๋ก็ใช้ปลายเท้าจิกพื้น มือหนึ่งถือโคมไฟ อีกมือหิ้วหลวงจีนที่กำลังหลับตาสวดภาวนาเหินลงเรือไป

 

 

โจวอวี่แลดูอาหารคาวถุงใหญ่ที่อยู่หลังตน ลังเลครู่หนึ่งก็ถอนใจแล้วใช้ปลายเท้าจิกพื้น เหินลงเรือตามไปเช่นกัน

 

 

ขณะลงไปเขาระมัดระวังมาก หวั่นใจว่าเกิดเดินซุ่มซ่ามอาจย่ำเอาท้องเรือที่แสนบอบบางจนทะลุตกน้ำไป นึกไม่ถึงว่าเมื่อลงไปแล้วจึงพบว่าท้องเรือมั่นคงราวพสุธา ไม่เพียงไม่โคลงตามที่ควรเป็น เพราะแม้แต่เรือใหญ่ของซือหลี่เจียนยังต้องโคลงไปกับเกลียวคลื่น แต่เรือที่บางเหมือนกระดาษลำนี้ กลับมั่นคงเหมือนเดินบนพื้นดินปานนั้นเลย

 

 

โจวอวี่ประหลาดใจ จึงอดมองดูชิวเยี่ยไป๋และคนถ่อเรือมิได้ กลับเห็นชิวเยี่ยไป๋กำลังแขวนโคมเข้ากับเสาเรือ แล้วหันไปยิ้มกับคนถ่อเรือที่เหมือนโครงกระดูก “อินชวนกง ไม่เจอกันหลายปี ฝีมือการบังคับเรือของท่านยังคงยอดเยี่ยมเช่นเดิมนะ”

 

 

อินชวนกงไม่พูดเพียงผงกศีรษะ ส่งเสียงเคี๊ยกๆ แหลมเล็กบาดหู ท่าผงกศีรษะแข็งทื่อพิกลจนโจวอวี่เกรงว่าการผงกครั้งต่อไปศีรษะที่เหมือนกะโหลกผีจะหลุดจากบ่า

 

 

แม้จะเห็นว่าชิวเยี่ยไป๋รู้จักกับคนถ่อเรือ แต่ก็ไม่ทำให้โจวอวี่รู้สึกวางใจแต่อย่างใด

 

 

โจวอวี่ยิ่งมองดูอินชวนกงก็ยิ่งรู้สึกสยอง และยิ่งรู้สึกว่าเขาเหมือนปีศาจโครงกระดูกที่หุ้มร่างด้วยหนังมนุษย์ในวรรณกรรมประเภทภูตผี รอบข้างก็มืดมิด เสียงน้ำซู่ซ่า ท้องเรือบอบบางจนเขามิมีความรู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อย มักรู้สึกว่าประเดี๋ยวจู่ๆ อาจมีอะไรมิรู้โผล่มาจากกราบเรือก็เป็นได้ เขาจึงตัดใจละสายตาจากทุกสิ่ง จับจ้องแต่ตัวชิวเยี่ยไป๋เสียเลย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ยังคงเอาแต่จ้องมองผิวน้ำดำมืดเบื้องหน้าอย่างไม่รู้สึกรู้สา

 

 

แสงโคมเหลืองหม่นน้อยนิดไม่มีทางส่องไกลออกไปมากกว่าสามฉื่อ แสงนั้นริบหรี่จนเหมือนแสงหิ่งห้อย แต่เวลานี้แสงเหลืองหม่นนี้คลุมไปทั่วร่างชิวเยี่ยไป๋ ทำให้ผิวพรรณของนางยิ่งเหมือนหยกอุ่น ใบหน้างดงามหล่อเหลาสงบและลึกลับอย่างน่าประหลาด ทำให้จิตใจที่พลุ่งพล่านระส่ำของโจวอวี่ค่อยสงบลง

 

 

เขาจับจ้องใบหน้าของชิวเยี่ยไป๋ ทำไมจึงรู้สึกว่าไม่อาจละสายตา ในที่สุดดวงตาก็ฉายแววลุ่มหลงอย่างช้าๆ

 

 

ใต้เท้าช่าง…หล่อเหลาเสียจริง

 

 

ท่ามกลางความมืดมิด คนผู้นั้นยืนมือไพล่หลังที่หัวเรือคล้ายจันทราดวงน้อยที่เปล่งประกายนุ่มนวลและสงบอย่างลึกลับ

 

 

แม้พวกชายคณิกาที่เขาเคยมั่วด้วยก่อนหน้านี้ก็มีคนงามอยู่บ้างแต่ราศีที่โอ่อ่าแม้ยามยืนเงียบๆ คนพวกนั้นไม่มีวันเทียบติด

 

 

ชิวเยี่ยไป๋จดจ่ออยู่กับผิวน้ำเบื้องหน้า ถ้านางจำไม่ผิด แล่นไปอีกหน่อยจะมีกระแสใต้น้ำ แม้อินชวนกงจะมีฝีมือยอดเยี่ยม แต่เป็นคนนิสัยประหลาด นางมิเคยลืมว่าอินชวนกงมีความ ‘ชมชอบ’ เล็กๆ

 

 

ขณะนางกำลังครุ่นคิด ย่อมมิได้สังเกตสายตาของโจวอวี่ที่จับจ้องใบหน้าตน

 

 

ปลาตัวหนึ่งพลันกระโดดจากผิวน้ำ กระเซ็นใส่โจวอวี่เต็มหน้า เขากำลังเหม่อมองโดนน้ำสาดเข้าเต็มหน้าจึงพลันได้สติ รีบปาดใบหน้าอย่างทุลักทุเล จึงพบว่าบนเรือลำนี้มิใช่มีเขาคนเดียวที่จับจ้องชิวเยี่ยไป๋อย่างลุ่มหลง ยังมีอีกคนที่ใช้แววตาสีเงินเฝ้ามองเงาร่างที่หัวเรืออย่างเงียบเชียบ

 

 

ย่อมเป็นหลวงจีนหน้าตาโง่งมที่นั่งบนเรือ เขานั่งอย่างสงบข้างกราบเรือ สองมือแยกออก ปลายนิ้วงอเข้าหากันเป็นท่าดอกกล้วยไม้ของพุทธะวางบนตัก ท่าทางสบายอารมณ์ ผมสีเงินเต็มศีรษะคล้ายเปล่งประกายนุ่มนวลท่ามกลางความมืด หรือจะพูดให้ตรงหน่อยคือร่างของเขาแผ่กลิ่นอายความเงียบสงบอย่างน่าพิศวง นั่นมิใช่กลิ่นอายของแดนมนุษย์

 

 

ทว่า…

 

 

ดวงตาคู่นั้นเจิดจ้าจนดูแล้วไม่สบายใจ!

 

 

เจ้าจ้องอะไรอยู่ ไอ้หลวงจีนทุศีลกินเนื้อเสพสุรา!

 

 

ใต้เท้าของข้าเจ้าก็กระลิ้มกระเหลี่ยได้ด้วยหรือ!

 

 

โจวอวี่แอบเตะหลวงจีนอย่างไม่เกรงใจ และจ้องเขาอย่างเย็นชา

 

 

หลวงจีนผมเงินหันมามองเขาแวบหนึ่ง โจวอวี่พลันรู้สึกสันหลังเย็นวาบจนขนลุก ราวกับเมื่อครู่ได้เห็นอะไรที่อันตรายสุดขีด…

 

 

แต่นาทีต่อมาหลวงจีนก็สั่นศีรษะด้วยสีหน้าพิกล แล้วหลับตาลงเริ่มภาวนา

 

 

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ตู้ (渡)  แปลว่า ส่งข้ามฝั่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 155 คนประหลาด

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 155 คนประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แน่นอน เป็นไปได้ว่าเขาหิวแล้วจึงออกไปหาของกิน จากนั้นก็ถูกคนกินไป

 

 

โจวอวี่ข้องใจ “ท่านเก็บเจ้าหลวงจีนมาทำไมกัน หรือว่าเขาเกี่ยวข้องกับการสืบคดีของเรา”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋สั่นศีรษะ สายตากวาดผ่านแขนเสื้อของหลวงจีนผมเงิน กล่าวเนิบนาบว่า “พูดยาก แต่ถึงแม้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีที่เรากำลังสืบ บางทีวันหลังอาจมีประโยชน์ก็ได้”

 

 

นี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย นางเห็นเขาล้วงป้ายไม้แบบนั้นออกมา รูปสลักบนป้ายไม้นั่นคนทั่วไปอาจไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่นางรู้จักดี

 

 

โจวอวี่รู้ดีว่าชิวเยี่ยไป๋เป็นคนที่ถ้าไม่มีผลประโยชน์ไม่มีวันตื่นเช้า แต่ยามนี้คิดว่านางคงไม่มีกะจิตกะใจจะพูดรายละเอียด จึงผงกศีรษะหงึกหงัก “อีกสักครู่ใต้เท้าจะทำอะไรขอรับ ข้าน้อยเกรงว่าคนผู้นี้จะทำให้เสียการนะขอรับ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ยืนที่ริมฝั่งแม่น้ำ แลดูเรือน้อยสีดำที่กำลังพายเข้าหา หรี่ตาเล็กน้อย “ตอนนี้ยังไม่ต้องวิตกดอก พวกเราน่าจะลงเรือแล้ว”

 

 

ดึกแล้ว โจวอวี่มองตามโคมไฟที่แปะด้วยกระดาษซึ่งมิรู้ว่าชิวเยี่ยไป๋ไปเอามาจากที่ใด โคมไฟนี้เหมือนกับที่แขวนไว้ในพิธีงานศพ บนนั้นเขียนอักษรสีขาวซีดว่า ‘ตู้[1]’ ดูแล้วโหลยโท่ยมาก นางถืออยู่ในมือแกว่งไปแกว่งมา เหมือนจะถูกลมพัดขาดได้ทุกเวลา

 

 

แต่ชิวเยี่ยไป๋เหมือนไม่รับรู้และยังถือไว้เงียบๆ แสงริบหรี่ของโคมไฟสาดส่องใบหน้าของนางจนดูพิลึกพิลั่น

 

 

โจวอวี่บ่นว่าที่ยืนอยู่นั่นมิใช่ที่สำหรับลงเรือของคนทั่วไปตามปกติบริเวณนั้นไม่มีแสงไฟ ยามนี้มีเพียงแสงจุดเล็กๆ จากเรือประมงที่ไกลออกไปลอยไปลอยมา ผิวน้ำของแม่น้ำยามมืดสนิทยิ่งกว้างเป็นพิเศษราวกับผสานเป็นผืนเดียวกับม่านราตรีของฟากฟ้า ลมเย็นชื้นพัดมา ทำเอาผู้คนรู้สึกหลอน คิดว่ากำลังยืนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำอเวจี และแสงไฟเป็นจุดของเรือหาปลาคือไฟภูตผี

 

 

เขาเห็นเรือน้อยลำนั้นล่องลอยตามสายน้ำ เห็นได้ชัดถึงความบอบบางของลำเรือราวกับใบไม้ แต่กลับล่องลอยฝ่าหมอกมาได้ เพียงแต่รู้สึกว่าเหมือนเรือที่มารับวิญญาณข้ามฝั่ง

 

 

โดยเฉพาะเมื่อเรือลำนั้นเทียบช้าๆ ที่ริมฝั่งไม่ไกลนัก เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าคนถ่อเรือสวมงอบใบใหญ่ เห็นใบหน้าผอมซูบเพียงครึ่งเดียว ผอมจนเหมือนหนังหุ้มกระดูก ดูแล้วสยองอย่างน่าประหลาดจนต้องสยิวกาย

 

 

แต่ดูเหมือนชิวเยี่ยไป๋จะไม่รู้สึกรู้สากับความประหลาดของเรือและคนถ่อเรือ ยังถือโคมไฟแกว่งไปมา คนบนเรือก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย ยืนสงบอยู่เช่นนั้น

 

 

จากนั้นชิวเยี่ยไป๋ก็ใช้ปลายเท้าจิกพื้น มือหนึ่งถือโคมไฟ อีกมือหิ้วหลวงจีนที่กำลังหลับตาสวดภาวนาเหินลงเรือไป

 

 

โจวอวี่แลดูอาหารคาวถุงใหญ่ที่อยู่หลังตน ลังเลครู่หนึ่งก็ถอนใจแล้วใช้ปลายเท้าจิกพื้น เหินลงเรือตามไปเช่นกัน

 

 

ขณะลงไปเขาระมัดระวังมาก หวั่นใจว่าเกิดเดินซุ่มซ่ามอาจย่ำเอาท้องเรือที่แสนบอบบางจนทะลุตกน้ำไป นึกไม่ถึงว่าเมื่อลงไปแล้วจึงพบว่าท้องเรือมั่นคงราวพสุธา ไม่เพียงไม่โคลงตามที่ควรเป็น เพราะแม้แต่เรือใหญ่ของซือหลี่เจียนยังต้องโคลงไปกับเกลียวคลื่น แต่เรือที่บางเหมือนกระดาษลำนี้ กลับมั่นคงเหมือนเดินบนพื้นดินปานนั้นเลย

 

 

โจวอวี่ประหลาดใจ จึงอดมองดูชิวเยี่ยไป๋และคนถ่อเรือมิได้ กลับเห็นชิวเยี่ยไป๋กำลังแขวนโคมเข้ากับเสาเรือ แล้วหันไปยิ้มกับคนถ่อเรือที่เหมือนโครงกระดูก “อินชวนกง ไม่เจอกันหลายปี ฝีมือการบังคับเรือของท่านยังคงยอดเยี่ยมเช่นเดิมนะ”

 

 

อินชวนกงไม่พูดเพียงผงกศีรษะ ส่งเสียงเคี๊ยกๆ แหลมเล็กบาดหู ท่าผงกศีรษะแข็งทื่อพิกลจนโจวอวี่เกรงว่าการผงกครั้งต่อไปศีรษะที่เหมือนกะโหลกผีจะหลุดจากบ่า

 

 

แม้จะเห็นว่าชิวเยี่ยไป๋รู้จักกับคนถ่อเรือ แต่ก็ไม่ทำให้โจวอวี่รู้สึกวางใจแต่อย่างใด

 

 

โจวอวี่ยิ่งมองดูอินชวนกงก็ยิ่งรู้สึกสยอง และยิ่งรู้สึกว่าเขาเหมือนปีศาจโครงกระดูกที่หุ้มร่างด้วยหนังมนุษย์ในวรรณกรรมประเภทภูตผี รอบข้างก็มืดมิด เสียงน้ำซู่ซ่า ท้องเรือบอบบางจนเขามิมีความรู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อย มักรู้สึกว่าประเดี๋ยวจู่ๆ อาจมีอะไรมิรู้โผล่มาจากกราบเรือก็เป็นได้ เขาจึงตัดใจละสายตาจากทุกสิ่ง จับจ้องแต่ตัวชิวเยี่ยไป๋เสียเลย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ยังคงเอาแต่จ้องมองผิวน้ำดำมืดเบื้องหน้าอย่างไม่รู้สึกรู้สา

 

 

แสงโคมเหลืองหม่นน้อยนิดไม่มีทางส่องไกลออกไปมากกว่าสามฉื่อ แสงนั้นริบหรี่จนเหมือนแสงหิ่งห้อย แต่เวลานี้แสงเหลืองหม่นนี้คลุมไปทั่วร่างชิวเยี่ยไป๋ ทำให้ผิวพรรณของนางยิ่งเหมือนหยกอุ่น ใบหน้างดงามหล่อเหลาสงบและลึกลับอย่างน่าประหลาด ทำให้จิตใจที่พลุ่งพล่านระส่ำของโจวอวี่ค่อยสงบลง

 

 

เขาจับจ้องใบหน้าของชิวเยี่ยไป๋ ทำไมจึงรู้สึกว่าไม่อาจละสายตา ในที่สุดดวงตาก็ฉายแววลุ่มหลงอย่างช้าๆ

 

 

ใต้เท้าช่าง…หล่อเหลาเสียจริง

 

 

ท่ามกลางความมืดมิด คนผู้นั้นยืนมือไพล่หลังที่หัวเรือคล้ายจันทราดวงน้อยที่เปล่งประกายนุ่มนวลและสงบอย่างลึกลับ

 

 

แม้พวกชายคณิกาที่เขาเคยมั่วด้วยก่อนหน้านี้ก็มีคนงามอยู่บ้างแต่ราศีที่โอ่อ่าแม้ยามยืนเงียบๆ คนพวกนั้นไม่มีวันเทียบติด

 

 

ชิวเยี่ยไป๋จดจ่ออยู่กับผิวน้ำเบื้องหน้า ถ้านางจำไม่ผิด แล่นไปอีกหน่อยจะมีกระแสใต้น้ำ แม้อินชวนกงจะมีฝีมือยอดเยี่ยม แต่เป็นคนนิสัยประหลาด นางมิเคยลืมว่าอินชวนกงมีความ ‘ชมชอบ’ เล็กๆ

 

 

ขณะนางกำลังครุ่นคิด ย่อมมิได้สังเกตสายตาของโจวอวี่ที่จับจ้องใบหน้าตน

 

 

ปลาตัวหนึ่งพลันกระโดดจากผิวน้ำ กระเซ็นใส่โจวอวี่เต็มหน้า เขากำลังเหม่อมองโดนน้ำสาดเข้าเต็มหน้าจึงพลันได้สติ รีบปาดใบหน้าอย่างทุลักทุเล จึงพบว่าบนเรือลำนี้มิใช่มีเขาคนเดียวที่จับจ้องชิวเยี่ยไป๋อย่างลุ่มหลง ยังมีอีกคนที่ใช้แววตาสีเงินเฝ้ามองเงาร่างที่หัวเรืออย่างเงียบเชียบ

 

 

ย่อมเป็นหลวงจีนหน้าตาโง่งมที่นั่งบนเรือ เขานั่งอย่างสงบข้างกราบเรือ สองมือแยกออก ปลายนิ้วงอเข้าหากันเป็นท่าดอกกล้วยไม้ของพุทธะวางบนตัก ท่าทางสบายอารมณ์ ผมสีเงินเต็มศีรษะคล้ายเปล่งประกายนุ่มนวลท่ามกลางความมืด หรือจะพูดให้ตรงหน่อยคือร่างของเขาแผ่กลิ่นอายความเงียบสงบอย่างน่าพิศวง นั่นมิใช่กลิ่นอายของแดนมนุษย์

 

 

ทว่า…

 

 

ดวงตาคู่นั้นเจิดจ้าจนดูแล้วไม่สบายใจ!

 

 

เจ้าจ้องอะไรอยู่ ไอ้หลวงจีนทุศีลกินเนื้อเสพสุรา!

 

 

ใต้เท้าของข้าเจ้าก็กระลิ้มกระเหลี่ยได้ด้วยหรือ!

 

 

โจวอวี่แอบเตะหลวงจีนอย่างไม่เกรงใจ และจ้องเขาอย่างเย็นชา

 

 

หลวงจีนผมเงินหันมามองเขาแวบหนึ่ง โจวอวี่พลันรู้สึกสันหลังเย็นวาบจนขนลุก ราวกับเมื่อครู่ได้เห็นอะไรที่อันตรายสุดขีด…

 

 

แต่นาทีต่อมาหลวงจีนก็สั่นศีรษะด้วยสีหน้าพิกล แล้วหลับตาลงเริ่มภาวนา

 

 

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ตู้ (渡)  แปลว่า ส่งข้ามฝั่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+