ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 177 หลับด้วยกันให้สบายเถิด (3)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 177 หลับด้วยกันให้สบายเถิด (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จนกระทั่งเขาถูไถถึงซอกคอก็หยุดลง คล้ายกับเจอะเจอของกินที่น่ากินและน่าสบาย และซุกใบหน้าจมอยู่กับซอกคอนาง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋รู้สึกนุ่มนิ่มและชื้นที่ซอกคอ เหมือนมีตัวอะไรกำลังเลียอยู่ และเหมือนกำลังถูกฟันแหลมคมกัดแทะในจุดที่อ่อนไหวที่สุด พริบตานั้นนางขนลุกซู่ ดิ้นรนตามสัญชาตญาณเพราะเกรงว่านางอาจถูกกัดคอขาดก็เป็นได้!

 

 

แต่ครู่หนึ่งหลังจากนั้น นางรู้สึกว่าหลังหยวนเจ๋อเลียและกัดจนพอก็ถูไถอย่างพึงพอใจ กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ถอนหายใจอย่างพออกพอใจ แล้วซุกหน้ากับซอกคอนาง…หลับต่อ!

 

 

สมดังความปรารถนาของเขาที่อยากนอนกับชิวเยี่ยไป๋

 

 

ไต้ซือเมิ่งอี๋มิได้มุสาจริง เหมือนกระรอกตัวใหญ่ที่เสาะหาเมล็ดสนเม็ดใหญ่แล้วกอดไว้เข้าสู่สภาวะจำศีลอย่างเต็มอกเต็มใจ

 

 

“…” ‘เมล็ดสน’ ได้แต่ร่ำร้องถามฟากฟ้า

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ถอนใจเฮือก มองดูเพดานมุ้งเงียบๆ รู้สึกว่าคนข้างกายลมหายใจสม่ำเสมอมากขึ้นและนุ่มนวลขึ้นเรื่อยๆ ดวงตานางฉายแววเหม่อลอยวูบหนึ่ง หยวนเจ๋อกอดนางหลับอุตุในท่านี้ ทำให้นางหวนนึกถึงเมื่อไม่นานมานี้ มีใครคนหนึ่งเคยกอดนางจนหลับไปเช่นกัน

 

 

มิรู้เพราะอะไร ยามนี้นางรู้สึกหลอนพิกล คล้ายรู้สึกว่าคนที่กอดตนอยู่มิใช่หยวนเจ๋อแต่เป็นไป๋หลี่ชู

 

 

ทว่า…

 

 

เป็นอ้อมกอดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แล้วเหตุใดนางจึงเกิดความรู้สึกหลอนเล่า

 

 

ร่างกายของไป๋หลี่ชูเย็นเยียบราวกับบ่อน้ำเย็นพันปี ส่วนอุณหภูมิร่างกายของหยวนเจ๋อแม้จะเย็นอยู่บ้าง แต่ก็พอๆ กับคนปกติทั่วไป

 

 

อย่าว่าแต่ครานั้นถูกไป๋หลี่ชูกกกอดอย่างบังคับ ทำให้นางนึกขัดขืนในใจ แต่อาเจ๋อ…น่าประหลาดที่นางมิรู้สึกรังเกียจผมสีเงินยวงนุ่มนิ่มของเขาซึ่งประอยู่ระหว่างเขากับนาง พันอยู่กับข้อมือของกันและกัน ทำให้นางรู้สึกคล้ายสนิทสนมอย่างยิ่ง

 

 

นางเอียงหน้าแลดูคนข้างกายที่หลับใหล ใบหน้านั้นงดงามและปราศจากความระแวดระวังแม้แต่น้อย สะอาดบริสุทธิ์ราวกับผลึกแก้ว จนยากจะนึกออกว่าเมื่อฟ้าสางวันนี้ สภาพน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นในอเวจีจวี้อี้ถางจะเป็นฝีมือของคนที่ดูแล้วแสนบริสุทธิ์ผุดผ่องนี้

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ถอนใจเบาๆ คิดจะค่อยๆ ผลักเขาออก แต่อ้อมแขนที่โอบนางไว้แข็งแกร่งราวหลอมด้วยเหล็กกล้า ทำให้นางขยับตัวมิได้แม้แต่น้อยนิด

 

 

นางกัดฟันลองอีกครั้ง…

 

 

จนกระทั่งนางใช้วิธีที่ค่อนข้างนุ่มนวลจนแทบจะครบทุกวิธี ยังคงไม่สามารถผลักคนที่ทับตนอยู่ให้พ้นได้ แต่ตนเองกลับเหนื่อยหอบเหงื่อไหลไคลย้อย

 

 

ไอ้จอมตะกละนี่คงถือว่านางคืออาหารจานโปรดที่ยากจะพานพบเป็นแน่ เช้านี้จึงได้บอกอยากนอนกับนางและปกป้อง ‘อาหาร’ จานนี้อย่างแข็งขัน

 

 

เช้านี้หยวนเจ๋อแสดงออกเหมือนมารร้าย ทำให้นางกริ่งเกรงว่าถ้าใช้วิธีรุนแรงเดี๋ยวเกิดกระตุ้นเอาธาตุมารออกมา นางอาจถูกเขา ‘สวดส่ง’ เข้าไปในท้องก็เป็นได้

 

 

คนเราพอเกิดความกริ่งเกรงก็ละล้าละลัง

 

 

นางนึกถึงความสะใจที่ถีบไอ้หมอนี่ตกเตียงเมื่อคืนวาน

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ดิ้นอยู่ค่อนวันในที่สุดก็เลิกดิ้นรน ได้แต่นอนนิ่งอย่างหงอยเหงาเป็น ‘เมล็ดสน’ เม็ดใหญ่ต่อไป

 

 

แต่เจ้ากระรอกตัวนี้มิได้อยู่เป็นสุขนัก หลับส่วนหลับ แต่ยังคงแลบลิ้นเลียนางเป็นระยะทั้งที่หลับตาเพื่อมั่นใจว่า ‘เมล็ดสน’ ยังอยู่มิได้ถูกใครแย่งไป ความหอมหวนทำให้เผลอยิ้มอย่างงดงาม แล้วหลับต่ออย่างพึงพอใจ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ถูกเลียจนน้ำลายเปื้อนแก้มและซอกคอ หลังสีหน้าเขียวแล้วเขียวอีกและมั่นใจเต็มร้อยเต็มหมื่นว่าคนผู้นี้มิใช่ไป๋หลี่ชูที่เป็นโรคจิตวิตถารกลัวความสกปรกระยะสุดท้ายแน่นอน และแล้วจึงผล็อยหลับไปด้วย

 

 

จนกระทั่งนางตื่นขึ้นมาอีกครั้งตะวันก็คล้อยบ่ายแล้ว

 

 

นางมองดูข้างหน้าต่างอย่างงัวเงีย ครู่หนึ่งจึงสะดุ้งสุดตัวแล้วตื่นเต็มตาอย่างรวดเร็วนางพบว่าที่หว่างเอวมิได้ถูกพันธนาการเชิงบังคับแล้ว ทว่า…

 

 

นางหันศีรษะอย่างลำบาก และแล้วก็สบตากับดวงตาสีเงินแสนบริสุทธิ์คู่หนึ่ง ดวงตาคู่นั้นห่างจากนางไม่ถึงหนึ่งนิ้ว นางแทบจะเห็นขนตาทุกเส้นอย่างชัดเจน!

 

 

เขาจ้องมองตนอย่างสงบ แววตาอบอุ่นนุ่มนวล

 

 

“เจ้า…” ชิวเยี่ยไป๋อยากพูดอะไรบ้าง

 

 

“ประสก” หยวนเจ๋อขัดขึ้น กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “ท่านนอนน้ำลายยืดจนเต็มตัว ฝันว่าได้กินอะไรหรือ ลองเล่าให้อาตมาฟังบ้างสิ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นท่าทางแสนจริงใจของเขา แต่ในที่สุดก็ชกเข้าใส่ศีรษะอีกฝ่ายอย่างอดมิได้ “ข้าฝันว่าได้กินเจ้านะสิ!”

 

 

สารเลว เลียเสร็จแล้วยังไม่ยอมรับอีกหรือ!

 

 

เจ้าต่างหากที่น้ำลายไหล คนทั้งบ้านเจ้าล้วนอาบน้ำด้วยน้ำลาย

 

 

หยวนเจ๋อกุมศีรษะ ดวงตาสีเงินมองดูนางที่กระโดดขึ้นมาแล้วพุ่งตัวออกจากประตูอย่างงุนงง

 

 

เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดชิวเยี่ยไป๋จึงบันดาลโทสะ

 

 

ตอนชิวเยี่ยไป๋กับพวกออกจากค่ายกลับเรียบง่ายกว่าตอนนางเข้าไป

 

 

นางเพียงไปบอกลาหลินชงลั่งเงียบๆ ตามลำพัง หลินชงลั่งก็ไม่รั้งไว้ ค่ายนี้เพิ่งผ่านเหตุการณ์ชนิดเรียกได้ว่าภัยพิบัติ เขากำลังยุ่งอยู่กับการปลอบขวัญลูกน้องและยังต้องปิดข่าวด้วย

 

 

ถึงอย่างไรเหตุการณ์ประเภทคนคนเดียวอาละวาดจนแทบจะทำลายบรรดาหัวหน้าค่ายโจรไหวหนานทั้งหมด ย่อมมิใช่ข่าวที่ควรแก่การป่าวประกาศ

 

 

โดยเฉพาะเมื่อชิวเยี่ยไป๋พาไต้ซือเมิ่งอี๋ไปด้วยย่อมเป็นการดีที่สุด ใครจะไปรู้ว่าเกิดบังเอิญมีใครกินข้าวทำเม็ดข้าวหล่นลงและ..หากเขาเห็นเข้า อาจคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกและจะสวดส่งวิญญาณทุกคน

 

 

ยังคงเป็นอินชวนกงส่งพวกนางออกไป แต่ครั้งนี้ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นเหมือนขามา อินชวนกงส่งพวกนางกลับถึงตงอั้นอย่างรวดเร็ว

 

 

หนึ่งเดียวที่น่าหวาดเสียวเล็กน้อย คงเป็นตอนที่ชิวเยี่ยไป๋กำลังจะออกจากเมือง เหมยซูได้ส่งรองพ่อบ้านมาเชิญพวกนางไปร่วมงานเลี้ยง และคนที่มาก็บังประตูไว้แล้ว นางจึงจำใจต้องตีหัวรองพ่อบ้านจากด้านหลังจนสลบ

 

 

ถึงตงอั้นก็ตกค่ำอีกแล้ว

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองดูขอบฟ้าที่ริมฝั่ง ขมวดคิ้วน้อยๆ

 

 

โจวอวี่รีบเข้าใกล้กระซิบถามว่า “ใต้เท้ากังวลด้านบ้านตระกูลหลี่หรือ”

 

 

นางพยักหน้า “ครานี้พวกเรากลับถึงตงอั้นช้ากว่าที่วางแผนไว้ เกรงว่าทางตระกูลหลี่คงพบแล้วว่าพวกเราไม่อยู่ ไม่รู้ว่าทางเหมยเซียงจื่อเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

โจวอวี่กับเสี่ยวชีฟังแล้วมองหน้ากัน นั่นนะสิ ยามนี้พวกตนยังไม่ปรากฏตัว ทางตระกูลหลี่คงรู้แล้วว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแน่ๆ

 

 

อาจเพราะท่าทางเซ่อซ่าโง่งมของหยวนเจ๋อฝังใจโจวอวี่จึงทำให้แม้เขาจะผ่านพิธีกรรมน่าสะพรึงกลัวของหยวนเจ๋อแล้วยังคงไม่รู้สึกกลัว

 

 

เขาจึงเขม้นใส่หยวนเจ๋อที่แบกห่อของมหึมาอยู่ข้างๆ “ก็ไอ้หลวงจีนเฮงซวยนี่แหละ รู้จักแต่กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 177 หลับด้วยกันให้สบายเถิด (3)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 177 หลับด้วยกันให้สบายเถิด (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จนกระทั่งเขาถูไถถึงซอกคอก็หยุดลง คล้ายกับเจอะเจอของกินที่น่ากินและน่าสบาย และซุกใบหน้าจมอยู่กับซอกคอนาง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋รู้สึกนุ่มนิ่มและชื้นที่ซอกคอ เหมือนมีตัวอะไรกำลังเลียอยู่ และเหมือนกำลังถูกฟันแหลมคมกัดแทะในจุดที่อ่อนไหวที่สุด พริบตานั้นนางขนลุกซู่ ดิ้นรนตามสัญชาตญาณเพราะเกรงว่านางอาจถูกกัดคอขาดก็เป็นได้!

 

 

แต่ครู่หนึ่งหลังจากนั้น นางรู้สึกว่าหลังหยวนเจ๋อเลียและกัดจนพอก็ถูไถอย่างพึงพอใจ กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ถอนหายใจอย่างพออกพอใจ แล้วซุกหน้ากับซอกคอนาง…หลับต่อ!

 

 

สมดังความปรารถนาของเขาที่อยากนอนกับชิวเยี่ยไป๋

 

 

ไต้ซือเมิ่งอี๋มิได้มุสาจริง เหมือนกระรอกตัวใหญ่ที่เสาะหาเมล็ดสนเม็ดใหญ่แล้วกอดไว้เข้าสู่สภาวะจำศีลอย่างเต็มอกเต็มใจ

 

 

“…” ‘เมล็ดสน’ ได้แต่ร่ำร้องถามฟากฟ้า

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ถอนใจเฮือก มองดูเพดานมุ้งเงียบๆ รู้สึกว่าคนข้างกายลมหายใจสม่ำเสมอมากขึ้นและนุ่มนวลขึ้นเรื่อยๆ ดวงตานางฉายแววเหม่อลอยวูบหนึ่ง หยวนเจ๋อกอดนางหลับอุตุในท่านี้ ทำให้นางหวนนึกถึงเมื่อไม่นานมานี้ มีใครคนหนึ่งเคยกอดนางจนหลับไปเช่นกัน

 

 

มิรู้เพราะอะไร ยามนี้นางรู้สึกหลอนพิกล คล้ายรู้สึกว่าคนที่กอดตนอยู่มิใช่หยวนเจ๋อแต่เป็นไป๋หลี่ชู

 

 

ทว่า…

 

 

เป็นอ้อมกอดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แล้วเหตุใดนางจึงเกิดความรู้สึกหลอนเล่า

 

 

ร่างกายของไป๋หลี่ชูเย็นเยียบราวกับบ่อน้ำเย็นพันปี ส่วนอุณหภูมิร่างกายของหยวนเจ๋อแม้จะเย็นอยู่บ้าง แต่ก็พอๆ กับคนปกติทั่วไป

 

 

อย่าว่าแต่ครานั้นถูกไป๋หลี่ชูกกกอดอย่างบังคับ ทำให้นางนึกขัดขืนในใจ แต่อาเจ๋อ…น่าประหลาดที่นางมิรู้สึกรังเกียจผมสีเงินยวงนุ่มนิ่มของเขาซึ่งประอยู่ระหว่างเขากับนาง พันอยู่กับข้อมือของกันและกัน ทำให้นางรู้สึกคล้ายสนิทสนมอย่างยิ่ง

 

 

นางเอียงหน้าแลดูคนข้างกายที่หลับใหล ใบหน้านั้นงดงามและปราศจากความระแวดระวังแม้แต่น้อย สะอาดบริสุทธิ์ราวกับผลึกแก้ว จนยากจะนึกออกว่าเมื่อฟ้าสางวันนี้ สภาพน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นในอเวจีจวี้อี้ถางจะเป็นฝีมือของคนที่ดูแล้วแสนบริสุทธิ์ผุดผ่องนี้

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ถอนใจเบาๆ คิดจะค่อยๆ ผลักเขาออก แต่อ้อมแขนที่โอบนางไว้แข็งแกร่งราวหลอมด้วยเหล็กกล้า ทำให้นางขยับตัวมิได้แม้แต่น้อยนิด

 

 

นางกัดฟันลองอีกครั้ง…

 

 

จนกระทั่งนางใช้วิธีที่ค่อนข้างนุ่มนวลจนแทบจะครบทุกวิธี ยังคงไม่สามารถผลักคนที่ทับตนอยู่ให้พ้นได้ แต่ตนเองกลับเหนื่อยหอบเหงื่อไหลไคลย้อย

 

 

ไอ้จอมตะกละนี่คงถือว่านางคืออาหารจานโปรดที่ยากจะพานพบเป็นแน่ เช้านี้จึงได้บอกอยากนอนกับนางและปกป้อง ‘อาหาร’ จานนี้อย่างแข็งขัน

 

 

เช้านี้หยวนเจ๋อแสดงออกเหมือนมารร้าย ทำให้นางกริ่งเกรงว่าถ้าใช้วิธีรุนแรงเดี๋ยวเกิดกระตุ้นเอาธาตุมารออกมา นางอาจถูกเขา ‘สวดส่ง’ เข้าไปในท้องก็เป็นได้

 

 

คนเราพอเกิดความกริ่งเกรงก็ละล้าละลัง

 

 

นางนึกถึงความสะใจที่ถีบไอ้หมอนี่ตกเตียงเมื่อคืนวาน

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ดิ้นอยู่ค่อนวันในที่สุดก็เลิกดิ้นรน ได้แต่นอนนิ่งอย่างหงอยเหงาเป็น ‘เมล็ดสน’ เม็ดใหญ่ต่อไป

 

 

แต่เจ้ากระรอกตัวนี้มิได้อยู่เป็นสุขนัก หลับส่วนหลับ แต่ยังคงแลบลิ้นเลียนางเป็นระยะทั้งที่หลับตาเพื่อมั่นใจว่า ‘เมล็ดสน’ ยังอยู่มิได้ถูกใครแย่งไป ความหอมหวนทำให้เผลอยิ้มอย่างงดงาม แล้วหลับต่ออย่างพึงพอใจ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ถูกเลียจนน้ำลายเปื้อนแก้มและซอกคอ หลังสีหน้าเขียวแล้วเขียวอีกและมั่นใจเต็มร้อยเต็มหมื่นว่าคนผู้นี้มิใช่ไป๋หลี่ชูที่เป็นโรคจิตวิตถารกลัวความสกปรกระยะสุดท้ายแน่นอน และแล้วจึงผล็อยหลับไปด้วย

 

 

จนกระทั่งนางตื่นขึ้นมาอีกครั้งตะวันก็คล้อยบ่ายแล้ว

 

 

นางมองดูข้างหน้าต่างอย่างงัวเงีย ครู่หนึ่งจึงสะดุ้งสุดตัวแล้วตื่นเต็มตาอย่างรวดเร็วนางพบว่าที่หว่างเอวมิได้ถูกพันธนาการเชิงบังคับแล้ว ทว่า…

 

 

นางหันศีรษะอย่างลำบาก และแล้วก็สบตากับดวงตาสีเงินแสนบริสุทธิ์คู่หนึ่ง ดวงตาคู่นั้นห่างจากนางไม่ถึงหนึ่งนิ้ว นางแทบจะเห็นขนตาทุกเส้นอย่างชัดเจน!

 

 

เขาจ้องมองตนอย่างสงบ แววตาอบอุ่นนุ่มนวล

 

 

“เจ้า…” ชิวเยี่ยไป๋อยากพูดอะไรบ้าง

 

 

“ประสก” หยวนเจ๋อขัดขึ้น กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “ท่านนอนน้ำลายยืดจนเต็มตัว ฝันว่าได้กินอะไรหรือ ลองเล่าให้อาตมาฟังบ้างสิ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นท่าทางแสนจริงใจของเขา แต่ในที่สุดก็ชกเข้าใส่ศีรษะอีกฝ่ายอย่างอดมิได้ “ข้าฝันว่าได้กินเจ้านะสิ!”

 

 

สารเลว เลียเสร็จแล้วยังไม่ยอมรับอีกหรือ!

 

 

เจ้าต่างหากที่น้ำลายไหล คนทั้งบ้านเจ้าล้วนอาบน้ำด้วยน้ำลาย

 

 

หยวนเจ๋อกุมศีรษะ ดวงตาสีเงินมองดูนางที่กระโดดขึ้นมาแล้วพุ่งตัวออกจากประตูอย่างงุนงง

 

 

เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดชิวเยี่ยไป๋จึงบันดาลโทสะ

 

 

ตอนชิวเยี่ยไป๋กับพวกออกจากค่ายกลับเรียบง่ายกว่าตอนนางเข้าไป

 

 

นางเพียงไปบอกลาหลินชงลั่งเงียบๆ ตามลำพัง หลินชงลั่งก็ไม่รั้งไว้ ค่ายนี้เพิ่งผ่านเหตุการณ์ชนิดเรียกได้ว่าภัยพิบัติ เขากำลังยุ่งอยู่กับการปลอบขวัญลูกน้องและยังต้องปิดข่าวด้วย

 

 

ถึงอย่างไรเหตุการณ์ประเภทคนคนเดียวอาละวาดจนแทบจะทำลายบรรดาหัวหน้าค่ายโจรไหวหนานทั้งหมด ย่อมมิใช่ข่าวที่ควรแก่การป่าวประกาศ

 

 

โดยเฉพาะเมื่อชิวเยี่ยไป๋พาไต้ซือเมิ่งอี๋ไปด้วยย่อมเป็นการดีที่สุด ใครจะไปรู้ว่าเกิดบังเอิญมีใครกินข้าวทำเม็ดข้าวหล่นลงและ..หากเขาเห็นเข้า อาจคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกและจะสวดส่งวิญญาณทุกคน

 

 

ยังคงเป็นอินชวนกงส่งพวกนางออกไป แต่ครั้งนี้ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นเหมือนขามา อินชวนกงส่งพวกนางกลับถึงตงอั้นอย่างรวดเร็ว

 

 

หนึ่งเดียวที่น่าหวาดเสียวเล็กน้อย คงเป็นตอนที่ชิวเยี่ยไป๋กำลังจะออกจากเมือง เหมยซูได้ส่งรองพ่อบ้านมาเชิญพวกนางไปร่วมงานเลี้ยง และคนที่มาก็บังประตูไว้แล้ว นางจึงจำใจต้องตีหัวรองพ่อบ้านจากด้านหลังจนสลบ

 

 

ถึงตงอั้นก็ตกค่ำอีกแล้ว

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองดูขอบฟ้าที่ริมฝั่ง ขมวดคิ้วน้อยๆ

 

 

โจวอวี่รีบเข้าใกล้กระซิบถามว่า “ใต้เท้ากังวลด้านบ้านตระกูลหลี่หรือ”

 

 

นางพยักหน้า “ครานี้พวกเรากลับถึงตงอั้นช้ากว่าที่วางแผนไว้ เกรงว่าทางตระกูลหลี่คงพบแล้วว่าพวกเราไม่อยู่ ไม่รู้ว่าทางเหมยเซียงจื่อเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

โจวอวี่กับเสี่ยวชีฟังแล้วมองหน้ากัน นั่นนะสิ ยามนี้พวกตนยังไม่ปรากฏตัว ทางตระกูลหลี่คงรู้แล้วว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นแน่ๆ

 

 

อาจเพราะท่าทางเซ่อซ่าโง่งมของหยวนเจ๋อฝังใจโจวอวี่จึงทำให้แม้เขาจะผ่านพิธีกรรมน่าสะพรึงกลัวของหยวนเจ๋อแล้วยังคงไม่รู้สึกกลัว

 

 

เขาจึงเขม้นใส่หยวนเจ๋อที่แบกห่อของมหึมาอยู่ข้างๆ “ก็ไอ้หลวงจีนเฮงซวยนี่แหละ รู้จักแต่กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+