ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 186 คำสารภาพของเหมยซู (1)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 186 คำสารภาพของเหมยซู (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยวนเจ๋อไม่เข้าใจและรู้สึกคับข้อง แต่เห็นทุกคนไปกันแล้วจึงรีบคลานลุกขึ้นแล้วตามไปแต่โดยดี

 

 

เหล่าเจอกูมิได้ซ่อนเรือสามลำนั้นไว้ลึกเกินไป ประการหนึ่งเพราะถ้ำนี้ไม่มั่นคง อาจพังทลายได้ง่าย และมีเศษหินร่วงหล่นอยู่เสมอ เผลอๆ ใครเข้าอาจหัวร้างข้างแตก ถ้าหนักหนาสาหัสอาจเสียชีวิตตรงนั้นเลยก็ได้

 

 

อีกประการหนึ่งคือตัวถ้ำที่ยิ่งลึกยิ่งแคบ ดังนั้นชิวเยี่ยไป๋กับพวกเดินไปไม่นาน ก็เห็นเรือสามลำที่เขียนว่า ‘เหมย’ อย่างดงามไว้ที่ข้างเรือ และนิ่งสงบอยู่ข้างโขดหิน

 

 

นัยน์ตาชิวเยี่ยไป๋ฉายแววดีใจ รีบเร่งฝีเท้า ส่วนเหล่าเจอกูไปถึงก่อนนางก้าวหนึ่ง ลงเรือและเปิดกลไก

 

 

เหล่าเจอกูบิดป้านน้ำชาทองเหลืองอันหนึ่งที่ซุกอยู่ในมุม ประตูท้องเรือก็เปิดออกดัง  ปัง  เหล่าเจอกูร้องอย่างดีใจ “ใต้เท้า ท่านดูสิ ข้าพูดจริงนะ!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูเกล็ดผงสีขาวในท้องเรือ ดวงตาฉายแววเย็นเยียบวูบหนึ่งแล้วยื่นมือไปแตะของบนเรือทดสอบรสชาติ รสเค็มบริสุทธิ์ปราศจากรสขมฝาดแม้แต่น้อยบอกนางว่า…นี่คือเกลือ และเป็นเกลือบริสุทธิ์เทียบเท่าเกลือของทางการเลยทีเดียว

 

 

เรืออีกสองลำก็บรรทุกเกลือเต็มเรือเช่นกัน ยืนยันคำพูดของเหล่าเจอกู นี่เป็นเรือค้าเกลือเถื่อนทั้งสามลำ

 

 

โจวอวี่หน้าเปลี่ยนสี นี่พิสูจน์แล้วว่าพวกเขากำลังพัวพันกับคดีใหญ่เทียมฟ้า

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หันไปมองเหล่าเจอกู ถามอีกว่า “สมุดบัญชีเล่า”

 

 

เหล่าเจอกูหยักหน้า พลันดำลงไปในน้ำ งมอยู่เนิ่นนาน ถึงได้ขึ้นมาจากน้ำด้วยร่างกายเปียกโชก แล้วควักสมุดบัญชีสีฟ้าเล่มหนึ่งส่งให้ชิวเยี่ยไป๋

 

 

ชิวเยี่ยไป๋รับมา ไล่พลิกดูทีละหน้า มุมปากพลันยกยิ้มอย่างเย็นเยียบ แล้วเอ่ย “ไม่ผิด เป็นสมุดบัญชี!”

 

 

โจวอวี่ดวงตาวาบประกายวาวโรจน์ปราดหนึ่ง “นี่คือสมุดบัญชีลักลอบค้าเกลือของตระกูลเหมยจริงหรือ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไม่ได้ตอบ ข้างหูพลันได้ยินเสียงโอนอ่อนเสนาะหูที่ทำให้คนนึกถึงหมอกฝนของเจียงหนานลอยมาเสียงหนึ่ง “ใช่ ต้องขอบคุณใต้เท้าเชียนจ่งเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยค้นหาสมุดบัญชีบ้านข้าและของสิ่งนี้จนพบ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตามองออกไปนอกถ้ำ ไม่รู้ว่าตั้งเมื่อไร ที่ปากทางเข้าถ้ำปรากฏร่างทหารทางการติดอาวุธครบมือยืนขวางทางไว้อย่างแน่นหนา ร่างสูงโปร่งของเหมยซู กำลังโดยสารเรือลำเล็กแล่นเข้ามาอย่างช้าๆ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองดูเงาร่างที่ล่องเรือน้อยตามน้ำ แววตาเย็นเยียบวูบหนึ่ง แล้วกล่าวเนือยๆ ว่า “ข้าคิดว่าใครเสียอีก ที่แท้คือเหมยซู คุณชายใหญ่เหมยนี่เอง มิทราบว่าขณะข้าผู้เป็นขุนนางกำลังสืบคดีอยู่นี้ คุณชายมาทำไม”

 

 

นางหยุดลงแล้วพูดต่อ “แต่ข้าดูแล้ว เหมือนเจ้าจะมาฆ่าคนปิดปากทำลายหลักฐาน”

 

 

เหล่าเจอกูที่อยู่ข้างๆ เบิกตากว้างอย่างอดมิได้ และพึมพำกับโจวอวี่ว่า “นี่ ใต้เท้าของเจ้าพูดจาตรงขนาดนี้เชียวหรือ”

 

 

โจวอวี่เองก็ไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้ จึงกระซิบตอบว่า “เปล่าเลย ใต้เท้าของข้ายามปกติแม้จะไม่ถึงกับพูดจาซุกหัวซุกหาง แต่ก็มักพูดจาซ่อนความนัยอยู่บ้าง”

 

 

เหมยซูเงยหน้ามองชิวเยี่ยไป๋ที่อยู่บนฝั่ง คล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้มกล่าวว่า “ใต้เท้า การได้พูดจากับท่านนี่สะใจจริงๆ ไม่ผิด ข้านี่แหละจะมาฆ่าคนปิดปากทำลายหลักฐาน”

 

 

เหมยซูถึงกับรับตรงๆ เช่นนี้ ทำเอาบรรยากาศเครียดเขม็ง โจวอวี่เอามือกุมด้ามดาบที่คาดไว้กับเอวทันที เหล่าเจอกูหดตัวแอบมองสถานการณ์ คิดอยู่ว่าถ้าเห็นท่าไม่ดีจะหาโอกาสรีบหนี

 

 

เหมยซูแลดูคนบนฝั่งแล้วยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “แน่นอน ข้าก็มิใช่โจรร้ายใจทมิฬที่ต้องฆ่าคนปิดปากทำลายหลักฐานให้ได้ ขอเพียงใต้เท้าส่งของในมือซึ่งมิใช่ของท่านให้เหมยซู เหมยซูจะปล่อยให้ทุกท่านจากไปอย่างปลอดภัย”

 

 

เหล่าเจอกูเห็นท่าทางนุ่มนวลของเหมยซูไม่เหมือนพ่อค้า กลับเหมือนคุณชายสูงศักดิ์ที่สุภาพเรียบร้อย และคำพูดคำจาก็ดีอย่างมาก จึงจิตใจหวั่นไหวและกระซิบอย่างขลาดเขลาว่า “ใต้เท้า ข้าน้อยมอบของให้ท่านแล้ว แต่พวกเขาคนมาก ท่านดูสิ คุณชายเหมยไม่เหมือนจะ…”

 

 

“หุบปาก!” โจวอวี่ยิ่งฟังยิ่งโมโห ถลึงตาใส่เขาขัดคำพูดทันที

 

 

“…” แววตาอำมหิตและดูแคลนของโจวอวี่ทำเอาเหล่าเจอกูสะดุ้งโหยง และรีบหุบปากไม่กล้าพูดอีก

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูเหมยซูกล่าวอย่างดูแคลนว่า “ในที่สุดคุณชายใหญ่เหมยก็เสแสร้งจนเหนื่อยแล้ว ทำไมไม่เปิดอกสักหน่อย เจ้ากล้าดีอย่างไรพาพวกข้าราชการท้องถิ่นมาล้อมเราไว้ เกรงว่าต่อให้ข้ายอมมอบของในมือให้ แต่การจากไปได้โดยปลอดภัยเช่นที่เจ้าพูด คงไม่ง่ายกระมัง”

 

 

เหมยซูเรียกนางเต็มยศต่อหน้าข้าราชการท้องถิ่น ต่อให้เขายอมปล่อยพวกตนไปจริง แต่พวกทหารอาจทำรายงานเรื่องการสกัดจับและคุกคามต่อผู้บังคับบัญชาในราชสำนักก็เป็นได้

 

 

เหมยซูหัวร่อเบาๆ ราวกับไม่รู้เรื่อง “อ้อ กระนั้นหรือ”

 

 

น้ำเสียงไม่ใส่ใจแต่ไร้ความจริงใจแม้แต่น้อย หรือกล่าวได้ว่าเขามินำพาที่ชิวเยี่ยไป๋มองทะลุในจุดนี้ ในที่สุดเหล่าเจอกูก็รู้ว่าตนเองเกือบโดนหลอก ถลึงตาใส่เหมยซูร้อง ‘ถุย’ อย่างคั่งแค้นและชักดาบออก

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองดูเขาแล้วหัวร่อเช่นกัน “คุณชายใหญ่เหมย เจ้าคิดว่าไอ้พวกไม่เอาไหนที่ปากถ้ำจะขวางข้าได้หรือ”

 

 

เหมยซูพลันกล่าวว่า “ใต้เท้าจะเรียกข้าว่าเหมยซูก็ได้”

 

 

วาจาไร้ต้นสายปลายเหตุนี้ของเขา ทำเอาทุกคนต่างงงงัน

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่ก็ไม่ถือสาที่จะทวนคำพูดอีกครั้ง “เหมยซู เจ้าคิดว่าพวกไม่เอาไหนที่ปากถ้ำจะขวางข้าได้หรือ”

 

 

เหมยซูยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “เย่ไป๋ ข้าเคยคิดอยู่ว่าถ้าท่านเรียกชื่อข้าตรงๆ จะมีความรู้สึกอย่างไร วันนี้ได้ยินแล้วช่างวิเศษจริงๆ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เลิกคิ้ว แลดูเค้าหน้าสดใสน่าลุ่มหลงที่งดงามจืดชืดเหมือนภาพวาดด้วยหมึก นึกสงสัยในใจ คำพูดของบุรุษผู้นี้ทำไมจึงแฝงความหมายเกี้ยวพาราสีด้วย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋กล่าวอย่างดูแคลนว่า “เหมยซู หากข้ามิรู้ว่าเจ้ามีเมียเยอะแยะ ฟังคำพูดนี้แล้วยังคิดว่าเจ้าเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันเสียอีก”

 

 

เหมยซูกลับเห็นด้วย “นั่นนะสิ เหมยซูเองก็แปลกใจ แต่ไหนแต่ไรมาเหมยซูไม่ชอบบุรุษ รู้สึกว่าบุรุษต่อให้หล่อเหลาเพียงใดก็เหมือนรูปปั้นด้วยดินที่แสนธรรมดา สตรีต่างหากที่เป็นวิญญาณแห่งน้ำ ไม่รู้เพราะอะไรพอเห็นท่าน เย่ไป๋ ก็รู้สึกว่าท่านไม่เหมือนคนอื่น ทำเอาเหมยซูเลื่อมใสยิ่งนักและคะนึงหาจนถึงวันนี้ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ มิทราบใต้เท้าจะช่วยคลายความสงสัยของข้าได้หรือไม่”

 

 

เป็นคำพูดประจบประแจงชัดๆ แถมยังสารภาพจากปากของบุรุษคนหนึ่ง แต่เมื่อออกจากปากเขากลับเปี่ยมด้วยกลิ่นอายอ่อนช้อยราวสายลมแฝงฝนพรำ ฟังแล้วอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก และมิอาจตัดใจปฏิเสธบุรุษผู้นี้ได้

 

 

โจวอวี่กับเหล่าเจอกูมุมปากกระตุกพร้อมกันอย่างอดมิได้ และออกจะงงงันอยู่บ้าง คุณชายใหญ่ตระกูลเหมยผู้นี้นิสัยออกจะพิกลไปหน่อย เพิ่งข่มขู่หยกๆ ว่าจะฆ่าคนปิดปากทำลายหลักฐาน นาทีต่อมาก็พูดจาเหมือนเปี่ยมด้วยน้ำใจไมตรี แต่พวกเขากลับมิรู้สึกว่าขัดกันแม้แต่น้อย!

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 186 คำสารภาพของเหมยซู (1)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 186 คำสารภาพของเหมยซู (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยวนเจ๋อไม่เข้าใจและรู้สึกคับข้อง แต่เห็นทุกคนไปกันแล้วจึงรีบคลานลุกขึ้นแล้วตามไปแต่โดยดี

 

 

เหล่าเจอกูมิได้ซ่อนเรือสามลำนั้นไว้ลึกเกินไป ประการหนึ่งเพราะถ้ำนี้ไม่มั่นคง อาจพังทลายได้ง่าย และมีเศษหินร่วงหล่นอยู่เสมอ เผลอๆ ใครเข้าอาจหัวร้างข้างแตก ถ้าหนักหนาสาหัสอาจเสียชีวิตตรงนั้นเลยก็ได้

 

 

อีกประการหนึ่งคือตัวถ้ำที่ยิ่งลึกยิ่งแคบ ดังนั้นชิวเยี่ยไป๋กับพวกเดินไปไม่นาน ก็เห็นเรือสามลำที่เขียนว่า ‘เหมย’ อย่างดงามไว้ที่ข้างเรือ และนิ่งสงบอยู่ข้างโขดหิน

 

 

นัยน์ตาชิวเยี่ยไป๋ฉายแววดีใจ รีบเร่งฝีเท้า ส่วนเหล่าเจอกูไปถึงก่อนนางก้าวหนึ่ง ลงเรือและเปิดกลไก

 

 

เหล่าเจอกูบิดป้านน้ำชาทองเหลืองอันหนึ่งที่ซุกอยู่ในมุม ประตูท้องเรือก็เปิดออกดัง  ปัง  เหล่าเจอกูร้องอย่างดีใจ “ใต้เท้า ท่านดูสิ ข้าพูดจริงนะ!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูเกล็ดผงสีขาวในท้องเรือ ดวงตาฉายแววเย็นเยียบวูบหนึ่งแล้วยื่นมือไปแตะของบนเรือทดสอบรสชาติ รสเค็มบริสุทธิ์ปราศจากรสขมฝาดแม้แต่น้อยบอกนางว่า…นี่คือเกลือ และเป็นเกลือบริสุทธิ์เทียบเท่าเกลือของทางการเลยทีเดียว

 

 

เรืออีกสองลำก็บรรทุกเกลือเต็มเรือเช่นกัน ยืนยันคำพูดของเหล่าเจอกู นี่เป็นเรือค้าเกลือเถื่อนทั้งสามลำ

 

 

โจวอวี่หน้าเปลี่ยนสี นี่พิสูจน์แล้วว่าพวกเขากำลังพัวพันกับคดีใหญ่เทียมฟ้า

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หันไปมองเหล่าเจอกู ถามอีกว่า “สมุดบัญชีเล่า”

 

 

เหล่าเจอกูหยักหน้า พลันดำลงไปในน้ำ งมอยู่เนิ่นนาน ถึงได้ขึ้นมาจากน้ำด้วยร่างกายเปียกโชก แล้วควักสมุดบัญชีสีฟ้าเล่มหนึ่งส่งให้ชิวเยี่ยไป๋

 

 

ชิวเยี่ยไป๋รับมา ไล่พลิกดูทีละหน้า มุมปากพลันยกยิ้มอย่างเย็นเยียบ แล้วเอ่ย “ไม่ผิด เป็นสมุดบัญชี!”

 

 

โจวอวี่ดวงตาวาบประกายวาวโรจน์ปราดหนึ่ง “นี่คือสมุดบัญชีลักลอบค้าเกลือของตระกูลเหมยจริงหรือ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไม่ได้ตอบ ข้างหูพลันได้ยินเสียงโอนอ่อนเสนาะหูที่ทำให้คนนึกถึงหมอกฝนของเจียงหนานลอยมาเสียงหนึ่ง “ใช่ ต้องขอบคุณใต้เท้าเชียนจ่งเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยค้นหาสมุดบัญชีบ้านข้าและของสิ่งนี้จนพบ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตามองออกไปนอกถ้ำ ไม่รู้ว่าตั้งเมื่อไร ที่ปากทางเข้าถ้ำปรากฏร่างทหารทางการติดอาวุธครบมือยืนขวางทางไว้อย่างแน่นหนา ร่างสูงโปร่งของเหมยซู กำลังโดยสารเรือลำเล็กแล่นเข้ามาอย่างช้าๆ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองดูเงาร่างที่ล่องเรือน้อยตามน้ำ แววตาเย็นเยียบวูบหนึ่ง แล้วกล่าวเนือยๆ ว่า “ข้าคิดว่าใครเสียอีก ที่แท้คือเหมยซู คุณชายใหญ่เหมยนี่เอง มิทราบว่าขณะข้าผู้เป็นขุนนางกำลังสืบคดีอยู่นี้ คุณชายมาทำไม”

 

 

นางหยุดลงแล้วพูดต่อ “แต่ข้าดูแล้ว เหมือนเจ้าจะมาฆ่าคนปิดปากทำลายหลักฐาน”

 

 

เหล่าเจอกูที่อยู่ข้างๆ เบิกตากว้างอย่างอดมิได้ และพึมพำกับโจวอวี่ว่า “นี่ ใต้เท้าของเจ้าพูดจาตรงขนาดนี้เชียวหรือ”

 

 

โจวอวี่เองก็ไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้ จึงกระซิบตอบว่า “เปล่าเลย ใต้เท้าของข้ายามปกติแม้จะไม่ถึงกับพูดจาซุกหัวซุกหาง แต่ก็มักพูดจาซ่อนความนัยอยู่บ้าง”

 

 

เหมยซูเงยหน้ามองชิวเยี่ยไป๋ที่อยู่บนฝั่ง คล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้มกล่าวว่า “ใต้เท้า การได้พูดจากับท่านนี่สะใจจริงๆ ไม่ผิด ข้านี่แหละจะมาฆ่าคนปิดปากทำลายหลักฐาน”

 

 

เหมยซูถึงกับรับตรงๆ เช่นนี้ ทำเอาบรรยากาศเครียดเขม็ง โจวอวี่เอามือกุมด้ามดาบที่คาดไว้กับเอวทันที เหล่าเจอกูหดตัวแอบมองสถานการณ์ คิดอยู่ว่าถ้าเห็นท่าไม่ดีจะหาโอกาสรีบหนี

 

 

เหมยซูแลดูคนบนฝั่งแล้วยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “แน่นอน ข้าก็มิใช่โจรร้ายใจทมิฬที่ต้องฆ่าคนปิดปากทำลายหลักฐานให้ได้ ขอเพียงใต้เท้าส่งของในมือซึ่งมิใช่ของท่านให้เหมยซู เหมยซูจะปล่อยให้ทุกท่านจากไปอย่างปลอดภัย”

 

 

เหล่าเจอกูเห็นท่าทางนุ่มนวลของเหมยซูไม่เหมือนพ่อค้า กลับเหมือนคุณชายสูงศักดิ์ที่สุภาพเรียบร้อย และคำพูดคำจาก็ดีอย่างมาก จึงจิตใจหวั่นไหวและกระซิบอย่างขลาดเขลาว่า “ใต้เท้า ข้าน้อยมอบของให้ท่านแล้ว แต่พวกเขาคนมาก ท่านดูสิ คุณชายเหมยไม่เหมือนจะ…”

 

 

“หุบปาก!” โจวอวี่ยิ่งฟังยิ่งโมโห ถลึงตาใส่เขาขัดคำพูดทันที

 

 

“…” แววตาอำมหิตและดูแคลนของโจวอวี่ทำเอาเหล่าเจอกูสะดุ้งโหยง และรีบหุบปากไม่กล้าพูดอีก

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูเหมยซูกล่าวอย่างดูแคลนว่า “ในที่สุดคุณชายใหญ่เหมยก็เสแสร้งจนเหนื่อยแล้ว ทำไมไม่เปิดอกสักหน่อย เจ้ากล้าดีอย่างไรพาพวกข้าราชการท้องถิ่นมาล้อมเราไว้ เกรงว่าต่อให้ข้ายอมมอบของในมือให้ แต่การจากไปได้โดยปลอดภัยเช่นที่เจ้าพูด คงไม่ง่ายกระมัง”

 

 

เหมยซูเรียกนางเต็มยศต่อหน้าข้าราชการท้องถิ่น ต่อให้เขายอมปล่อยพวกตนไปจริง แต่พวกทหารอาจทำรายงานเรื่องการสกัดจับและคุกคามต่อผู้บังคับบัญชาในราชสำนักก็เป็นได้

 

 

เหมยซูหัวร่อเบาๆ ราวกับไม่รู้เรื่อง “อ้อ กระนั้นหรือ”

 

 

น้ำเสียงไม่ใส่ใจแต่ไร้ความจริงใจแม้แต่น้อย หรือกล่าวได้ว่าเขามินำพาที่ชิวเยี่ยไป๋มองทะลุในจุดนี้ ในที่สุดเหล่าเจอกูก็รู้ว่าตนเองเกือบโดนหลอก ถลึงตาใส่เหมยซูร้อง ‘ถุย’ อย่างคั่งแค้นและชักดาบออก

 

 

ชิวเยี่ยไป๋มองดูเขาแล้วหัวร่อเช่นกัน “คุณชายใหญ่เหมย เจ้าคิดว่าไอ้พวกไม่เอาไหนที่ปากถ้ำจะขวางข้าได้หรือ”

 

 

เหมยซูพลันกล่าวว่า “ใต้เท้าจะเรียกข้าว่าเหมยซูก็ได้”

 

 

วาจาไร้ต้นสายปลายเหตุนี้ของเขา ทำเอาทุกคนต่างงงงัน

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่ก็ไม่ถือสาที่จะทวนคำพูดอีกครั้ง “เหมยซู เจ้าคิดว่าพวกไม่เอาไหนที่ปากถ้ำจะขวางข้าได้หรือ”

 

 

เหมยซูยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “เย่ไป๋ ข้าเคยคิดอยู่ว่าถ้าท่านเรียกชื่อข้าตรงๆ จะมีความรู้สึกอย่างไร วันนี้ได้ยินแล้วช่างวิเศษจริงๆ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เลิกคิ้ว แลดูเค้าหน้าสดใสน่าลุ่มหลงที่งดงามจืดชืดเหมือนภาพวาดด้วยหมึก นึกสงสัยในใจ คำพูดของบุรุษผู้นี้ทำไมจึงแฝงความหมายเกี้ยวพาราสีด้วย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋กล่าวอย่างดูแคลนว่า “เหมยซู หากข้ามิรู้ว่าเจ้ามีเมียเยอะแยะ ฟังคำพูดนี้แล้วยังคิดว่าเจ้าเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันเสียอีก”

 

 

เหมยซูกลับเห็นด้วย “นั่นนะสิ เหมยซูเองก็แปลกใจ แต่ไหนแต่ไรมาเหมยซูไม่ชอบบุรุษ รู้สึกว่าบุรุษต่อให้หล่อเหลาเพียงใดก็เหมือนรูปปั้นด้วยดินที่แสนธรรมดา สตรีต่างหากที่เป็นวิญญาณแห่งน้ำ ไม่รู้เพราะอะไรพอเห็นท่าน เย่ไป๋ ก็รู้สึกว่าท่านไม่เหมือนคนอื่น ทำเอาเหมยซูเลื่อมใสยิ่งนักและคะนึงหาจนถึงวันนี้ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ มิทราบใต้เท้าจะช่วยคลายความสงสัยของข้าได้หรือไม่”

 

 

เป็นคำพูดประจบประแจงชัดๆ แถมยังสารภาพจากปากของบุรุษคนหนึ่ง แต่เมื่อออกจากปากเขากลับเปี่ยมด้วยกลิ่นอายอ่อนช้อยราวสายลมแฝงฝนพรำ ฟังแล้วอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก และมิอาจตัดใจปฏิเสธบุรุษผู้นี้ได้

 

 

โจวอวี่กับเหล่าเจอกูมุมปากกระตุกพร้อมกันอย่างอดมิได้ และออกจะงงงันอยู่บ้าง คุณชายใหญ่ตระกูลเหมยผู้นี้นิสัยออกจะพิกลไปหน่อย เพิ่งข่มขู่หยกๆ ว่าจะฆ่าคนปิดปากทำลายหลักฐาน นาทีต่อมาก็พูดจาเหมือนเปี่ยมด้วยน้ำใจไมตรี แต่พวกเขากลับมิรู้สึกว่าขัดกันแม้แต่น้อย!

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+