ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 199 ตนเองโง่เกินไป (3)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 199 ตนเองโง่เกินไป (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สีหน้า ‘หยวนเจ๋อ’ พิกลขึ้นทุกที เขาพลันตระหนักว่าตนเองทำอะไร บางอย่างที่ลามกและมิอาจเข้าใจได้ พริบตานั้นก็หน้าเปลี่ยนสีแทบจะโยนชิวเยี่ยไป๋ออกไป

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หลับจนอิ่มแล้ว ประสาทเริ่มฟื้นคืนความเฉียบไวตามแบบของผู้ฝึกวิทยายุทธ์ การกระทำที่มิรู้เหมาะรู้ควรของใครคนนั้นรบกวนจนนางหลับไม่เป็นสุข

 

 

คนในอ้อมกอดดิ้นรนอย่างแรง เป็นเค้าลางของการค่อยๆ ได้สติ การเคลื่อนไหวของเขาหยุดลง สีหน้าสับสนและรีบกำปลายนิ้วที่เปื้อนความหอมจากส่วนที่เร้นลับที่สุดของนาง

 

 

เห็นขนตาของชิวเยี่ยไป๋สั่นไหว หมอกดำในตาของเขาเริ่มแผ่กว้าง หัวร่อเบาๆ คราหนึ่ง กระซิบเสียงนุ่มนวลแหบพร่า “เอาเถิด ยังมิใช่เวลาจะพบหน้ากัน ถ้าให้เจ้ารู้ว่าความลับถูกเปิดเผยแล้ว เกรงว่าเจ้าคงหนีไปยิ่งไกล ข้าเองก็ต้องการเวลาในการปรับตัวต่อ ‘ความลับ’ ของเจ้า ปล่อยให้อาเจ๋องี่เง่าเป็นเพื่อนเจ้าไปก่อนเถิด ไหนๆ ก็…”

 

 

เขาหยุดลงแล้วนำสมุดบัญชีที่ห่อด้วยกระดาษหยาบออกจากแขนเสื้อ วางไว้ข้างมือของชิวเยี่ยไป๋ มุมปากงดงามโค้งเป็นรอยยิ้มอย่างหยามหยัน “ไหนๆ เจ้าก็ยอมรับเขามากกว่า”

 

 

พูดจบก็ก้มลงกัดริมฝีปากนางอย่างดุดัน แล้วซบศีรษะบนไหล่ของนาง นาทีที่เขาหลับตาลง ตาดำที่กินพื้นที่เกือบหมดก็ค่อยๆ หดตัวลง สีดำนั้นยิ่งหดยิ่งเล็กและค่อยๆ ผนึกตัวเป็นจุดหมึก และแล้วจึงเหลือแต่ดวงตาสีเทาเงินว่างเปล่า

 

 

สายลมโชยแผ่ว คนสองคนซบกันบนเรืออย่างเงียบสงบและหลับสนิท

 

 

 

 

สายลมเอื่อยเฉื่อย ผิวน้ำไร้ระลอก

 

 

สายลมอ่อนโยนพัดผ่านใบหน้า นางนอนอยู่กับเปลนุ่มริมน้ำ แกว่งไปแกว่งมาสองมือรองใต้ศีรษะต่างหมอน ฟังเสียงขับขานลำนำอันไพเราะของดรุณีที่อุ้มพิณหยางฉินดีดประสาน ทำให้นางรู้สึกสบายอารมณ์

 

 

หนิงซย่าคืนสู่สภาพปกติแล้ว อุ้มสุนัขตัวน้อยวิ่งเข้ามาอย่างร่าเริง “คุณชายสี่ ท่านดูนี่ สุนัขตัวนี้น่าสนใจจริงๆ”

 

 

น้อยครั้งที่จะเห็นหนิงซย่าผู้หนักแน่นมีท่าทางเช่นนี้ นางจึงเอื้อมมืออุ้มเจ้าสุนัขตัวน้อยสีขาวน่ารัก วางบนอกเล่นกับมัน เห็นมันใช้จมูกสีดำเล็กๆ ดมไปทั่ว โก่งตัวบนร่างนางอย่างไม่กลัวคนแปลกหน้า จึงหัวร่ออย่างอดมิได้ “พวกเจ้าไปเอาเจ้าตัวน้อยมาจากไหน น่ารักจริงๆ”

 

 

หนิงซย่ายิ้มแต่ไม่พูด ชิวเยี่ยไป๋จึงหยอกเย้าไปหลายคำ แต่มิรู้ว่าทำไมเจ้าสุนัขตัวน้อยจึงดูเหมือนไม่สุภาพเรียบร้อยมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับหิวแล้ว

 

 

สุนัขตัวน้อยไม่เพียงมุดไปมุดมาในอ้อมอกนาง แถมยังฉวยโอกาสที่นางไม่ทันระวังกัดนางด้วย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋สะดุ้งด้วยความเจ็บปวด พริบตานั้นก็ตื่นขึ้น นางมองดูท้องฟ้าสลัว ขยี้ตา ยังงัวเงียอยู่และเพิ่งรู้ว่าที่แท้ฝันไป ฝันว่าถูกสุนัขกัด…

 

 

“ซาลาเปา…ซาลาเปา…”

 

 

แต่เสียงพึมพำที่มาจากทรวงอก บวกกับความเจ็บแปลบทำเอาชิวเยี่ยไป๋ตื่นเต็มตา!

 

 

มีอะไรกัดตนจริงๆ!

 

 

พริบตาที่ชิวเยี่ยไป๋ก้มดูสิ่งที่กัดตนก็รู้สึกเหมือนฟ้าผ่ากลางกระหม่อม หรือจะบรรยายว่าเหมือนสายฟ้าฟาดใส่ห้าสายก็มิเกินเลย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หน้าเขียวแล้วขาว ขาวแล้วแดง แดงแล้วเขียวสุดจะอดกลั้น กำปั้นจึงทุบใส่ศีรษะหยวนเจ๋ออย่างแรง “ไสหัวไป!”

 

 

นางทุบแรงมาก พริบตานั้นหยวนเจ๋อตาเหลือกแล้วสลบไป

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ทั้งโกรธทั้งอาย แทบอยากจะบีบคอไอ้โง่ที่เห็นนางเป็นซาลาเปาแทะเอาๆ ให้ตายเสียรู้แล้วรู้รอด

 

 

นางลุกพรวดขึ้นทันที เดินไปข้างกายหยวนเจ๋อที่สลบเหมือดลากเสื้อคลุมของเขาออกอย่างหยาบคาย แล้วใช้เสื้อคลุมนั้นจุ่มน้ำในแม่น้ำเช็ดคราบเหนียวตามตัว

 

 

บาดแผลที่พอถูกน้ำก็เจ็บแสบจนนางหน้าเหยเก น่าตายจริง แผลที่หลังยังไม่สาหัสเท่าที่โดนไอ้งี่เง่านี่กัดเอา! ชิวเยี่ยไป๋กลั้นความโกรธจัดแจงตนเองจนเสร็จ ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยจึงพบว่ากางเกงของตนเองหายไป พริบตานั้นสีหน้าเขียวและขาวสลับกัน

 

 

ถ้านางจำไม่ผิด ตอนลงน้ำไอ้สารเลวเหมยซูต้องการพิสูจน์ตัวตนของนาง ถึงกับลงมือรูดกางเกงนางทั้งที่อันตรายคับขัน แม้จะถูกนางถีบกระเด็นไป แต่กางเกงที่ไร้สายรัดเอวถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากกระชากไป แม้แต่กางเกงในก็ไม่เหลือ!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่นด่าเหมยซูสิบแปดชั่วโคตร จากนั้นสายตาก็ตกลงที่ร่างหยวนเจ๋อที่ถูกนางทุบสลบไป นางหรี่ตาแล้วหัวร่อคราหนึ่งแล้วเดินเข้าหา

 

 

ในเมื่อเขาเห็นแก่กิน ทั้งที่หลับอยู่ยังสามารถถอดเสื้อผ้านางได้ ก็ไม่ต้องโทษนางที่จะขอเก็บอะไรบางอย่างจากตัวเขาบ้าง!

 

 

ครู่หนึ่ง ชิวเยี่ยไป๋ก็รัดขากางเกงท่อนสุดท้ายเสร็จสรรพแล้วมองดูกางเกงของตนอย่างพึงพอใจ แม้จะหลวมไปหน่อย แต่เนื่องจากหยวนเจ๋อยังมีจีวรห่มคลุมอีกชั้น จึงไม่เหมือนกางเกงแพรต่วนที่นุ่มลื่นของบ้านตระกูลเหมย ดังนั้นจึงรัดไว้ได้ง่าย

 

 

จากนั้นนางเหลือบดูหยวนเจ๋อที่ถูกนางทุบจนสลบไสล ยิ่งมองก็ยิ่งโมโห ดวงตาฉายรอยยิ้มเจตนาร้าย เดินถึงข้างกายเขา ยกเท้าถีบใส่ไหล่เขาอย่างแรงจนหยวนเจ๋อตกลงไปในน้ำ

 

 

หยวนเจ๋อมึนงง เลื่อนลอย จู่ๆ ก็ฝันว่าตนเองบิณฑบาตได้ซาลาเปามาสองลูก เขาหิวมาก กำลังกอดซาลาเปากัดกิน ซาลาเปาทั้งนุ่มทั้งลื่นทั้งหอม แต่แทะได้ไม่กี่คำก็มีนักเลงคนหนึ่งพุ่งเข้ามาชกหน้าเขาอย่างแรงแล้วแย่งซาลาเปาไป เขาร้อนใจคิดจะแย่งคืน กลับถูกอีกฝ่ายถีบตกน้ำ

 

 

พริบตาเดียวน้ำเย็นเหมือนน้ำแข็งก็ทะลักเข้าจมูก เขาสำลักจนตื่นทันที

 

 

“แค่กๆๆ…แค่กๆๆ…” หยวนเจ๋อนั่งเกาะกราบเรืออย่างมึนงง

 

 

ทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้าพร่ามัว เขาขยี้ตาอย่างอดมิได้ จึงพบว่านั่งอยู่ในเรือน้อยลำหนึ่ง

 

 

“ว่าอย่างไร ตื่นแล้วหรือ ข้ายังคิดว่าเจ้าตกน้ำสิบครั้งก็ไม่ตื่นเสียอีก นึกไม่ถึงว่าแค่สามครั้งก็ตื่นแล้ว ออกจะดูแคลนเจ้าไปหน่อย” ชิวเยี่ยไป๋ละสายตาจากสมุดบัญชีมองดูเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง โยนสายรัดเอวเปียกโชกที่ผูกตัวเขาไว้ใส่ศีรษะเขา “ตื่นแล้วก็ไปเถอะ”

 

 

เมื่อครู่นางใช้วิธีเดียวกันถีบเขาแล้วลากขึ้นสามครั้งไอ้หมอนี่จึงตื่น ถ้าเช่นนั้นก่อนหน้าที่เขากระชากผ้ารัดอกนางออก น่าจะเป็นพฤติกรรมตอนงัวเงีย ซึ่งหมายความว่าในสายตาของเขาสุดท้ายแล้วมีเพียง…ซาลาเปา

 

 

ความจริงของการถูกมองว่าเป็นซาลาเปากัดเอากัดเอาเช่นนี้ทำเอานางเสียใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าความลับมีคนรู้อีกคน โดยเฉพาะเจ้าหลวงจีนโง่งม ดูเหมือนปากจะไม่มีหูรูดด้วย อาจพลั้งปากได้ง่าย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไหนเลยจะรู้ว่า เคยมีใครอีกคนจับคลำทั้งบนทั้งล่างทั้งตัวไปแล้ว ไม่มีความลับอีกต่อไป

 

 

ยามนี้ที่นางครุ่นคิดคือ แม้เรื่องนี้จะถูกคนที่ไม่ควรรู้เข้าแล้ว ย่อมไม่เป็นความลับอีกต่อไป ถ้า

 

 

เหมยซูจมน้ำตายก็แล้วไป ถ้าไม่…ความลับบุตรีคนที่สี่ของตระกูลชิวย่อมต้องกลายเป็นอาวุธสำคัญที่จะใช้ข่มขู่นางแน่

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 199 ตนเองโง่เกินไป (3)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 199 ตนเองโง่เกินไป (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สีหน้า ‘หยวนเจ๋อ’ พิกลขึ้นทุกที เขาพลันตระหนักว่าตนเองทำอะไร บางอย่างที่ลามกและมิอาจเข้าใจได้ พริบตานั้นก็หน้าเปลี่ยนสีแทบจะโยนชิวเยี่ยไป๋ออกไป

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หลับจนอิ่มแล้ว ประสาทเริ่มฟื้นคืนความเฉียบไวตามแบบของผู้ฝึกวิทยายุทธ์ การกระทำที่มิรู้เหมาะรู้ควรของใครคนนั้นรบกวนจนนางหลับไม่เป็นสุข

 

 

คนในอ้อมกอดดิ้นรนอย่างแรง เป็นเค้าลางของการค่อยๆ ได้สติ การเคลื่อนไหวของเขาหยุดลง สีหน้าสับสนและรีบกำปลายนิ้วที่เปื้อนความหอมจากส่วนที่เร้นลับที่สุดของนาง

 

 

เห็นขนตาของชิวเยี่ยไป๋สั่นไหว หมอกดำในตาของเขาเริ่มแผ่กว้าง หัวร่อเบาๆ คราหนึ่ง กระซิบเสียงนุ่มนวลแหบพร่า “เอาเถิด ยังมิใช่เวลาจะพบหน้ากัน ถ้าให้เจ้ารู้ว่าความลับถูกเปิดเผยแล้ว เกรงว่าเจ้าคงหนีไปยิ่งไกล ข้าเองก็ต้องการเวลาในการปรับตัวต่อ ‘ความลับ’ ของเจ้า ปล่อยให้อาเจ๋องี่เง่าเป็นเพื่อนเจ้าไปก่อนเถิด ไหนๆ ก็…”

 

 

เขาหยุดลงแล้วนำสมุดบัญชีที่ห่อด้วยกระดาษหยาบออกจากแขนเสื้อ วางไว้ข้างมือของชิวเยี่ยไป๋ มุมปากงดงามโค้งเป็นรอยยิ้มอย่างหยามหยัน “ไหนๆ เจ้าก็ยอมรับเขามากกว่า”

 

 

พูดจบก็ก้มลงกัดริมฝีปากนางอย่างดุดัน แล้วซบศีรษะบนไหล่ของนาง นาทีที่เขาหลับตาลง ตาดำที่กินพื้นที่เกือบหมดก็ค่อยๆ หดตัวลง สีดำนั้นยิ่งหดยิ่งเล็กและค่อยๆ ผนึกตัวเป็นจุดหมึก และแล้วจึงเหลือแต่ดวงตาสีเทาเงินว่างเปล่า

 

 

สายลมโชยแผ่ว คนสองคนซบกันบนเรืออย่างเงียบสงบและหลับสนิท

 

 

 

 

สายลมเอื่อยเฉื่อย ผิวน้ำไร้ระลอก

 

 

สายลมอ่อนโยนพัดผ่านใบหน้า นางนอนอยู่กับเปลนุ่มริมน้ำ แกว่งไปแกว่งมาสองมือรองใต้ศีรษะต่างหมอน ฟังเสียงขับขานลำนำอันไพเราะของดรุณีที่อุ้มพิณหยางฉินดีดประสาน ทำให้นางรู้สึกสบายอารมณ์

 

 

หนิงซย่าคืนสู่สภาพปกติแล้ว อุ้มสุนัขตัวน้อยวิ่งเข้ามาอย่างร่าเริง “คุณชายสี่ ท่านดูนี่ สุนัขตัวนี้น่าสนใจจริงๆ”

 

 

น้อยครั้งที่จะเห็นหนิงซย่าผู้หนักแน่นมีท่าทางเช่นนี้ นางจึงเอื้อมมืออุ้มเจ้าสุนัขตัวน้อยสีขาวน่ารัก วางบนอกเล่นกับมัน เห็นมันใช้จมูกสีดำเล็กๆ ดมไปทั่ว โก่งตัวบนร่างนางอย่างไม่กลัวคนแปลกหน้า จึงหัวร่ออย่างอดมิได้ “พวกเจ้าไปเอาเจ้าตัวน้อยมาจากไหน น่ารักจริงๆ”

 

 

หนิงซย่ายิ้มแต่ไม่พูด ชิวเยี่ยไป๋จึงหยอกเย้าไปหลายคำ แต่มิรู้ว่าทำไมเจ้าสุนัขตัวน้อยจึงดูเหมือนไม่สุภาพเรียบร้อยมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับหิวแล้ว

 

 

สุนัขตัวน้อยไม่เพียงมุดไปมุดมาในอ้อมอกนาง แถมยังฉวยโอกาสที่นางไม่ทันระวังกัดนางด้วย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋สะดุ้งด้วยความเจ็บปวด พริบตานั้นก็ตื่นขึ้น นางมองดูท้องฟ้าสลัว ขยี้ตา ยังงัวเงียอยู่และเพิ่งรู้ว่าที่แท้ฝันไป ฝันว่าถูกสุนัขกัด…

 

 

“ซาลาเปา…ซาลาเปา…”

 

 

แต่เสียงพึมพำที่มาจากทรวงอก บวกกับความเจ็บแปลบทำเอาชิวเยี่ยไป๋ตื่นเต็มตา!

 

 

มีอะไรกัดตนจริงๆ!

 

 

พริบตาที่ชิวเยี่ยไป๋ก้มดูสิ่งที่กัดตนก็รู้สึกเหมือนฟ้าผ่ากลางกระหม่อม หรือจะบรรยายว่าเหมือนสายฟ้าฟาดใส่ห้าสายก็มิเกินเลย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋หน้าเขียวแล้วขาว ขาวแล้วแดง แดงแล้วเขียวสุดจะอดกลั้น กำปั้นจึงทุบใส่ศีรษะหยวนเจ๋ออย่างแรง “ไสหัวไป!”

 

 

นางทุบแรงมาก พริบตานั้นหยวนเจ๋อตาเหลือกแล้วสลบไป

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ทั้งโกรธทั้งอาย แทบอยากจะบีบคอไอ้โง่ที่เห็นนางเป็นซาลาเปาแทะเอาๆ ให้ตายเสียรู้แล้วรู้รอด

 

 

นางลุกพรวดขึ้นทันที เดินไปข้างกายหยวนเจ๋อที่สลบเหมือดลากเสื้อคลุมของเขาออกอย่างหยาบคาย แล้วใช้เสื้อคลุมนั้นจุ่มน้ำในแม่น้ำเช็ดคราบเหนียวตามตัว

 

 

บาดแผลที่พอถูกน้ำก็เจ็บแสบจนนางหน้าเหยเก น่าตายจริง แผลที่หลังยังไม่สาหัสเท่าที่โดนไอ้งี่เง่านี่กัดเอา! ชิวเยี่ยไป๋กลั้นความโกรธจัดแจงตนเองจนเสร็จ ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยจึงพบว่ากางเกงของตนเองหายไป พริบตานั้นสีหน้าเขียวและขาวสลับกัน

 

 

ถ้านางจำไม่ผิด ตอนลงน้ำไอ้สารเลวเหมยซูต้องการพิสูจน์ตัวตนของนาง ถึงกับลงมือรูดกางเกงนางทั้งที่อันตรายคับขัน แม้จะถูกนางถีบกระเด็นไป แต่กางเกงที่ไร้สายรัดเอวถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากกระชากไป แม้แต่กางเกงในก็ไม่เหลือ!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่นด่าเหมยซูสิบแปดชั่วโคตร จากนั้นสายตาก็ตกลงที่ร่างหยวนเจ๋อที่ถูกนางทุบสลบไป นางหรี่ตาแล้วหัวร่อคราหนึ่งแล้วเดินเข้าหา

 

 

ในเมื่อเขาเห็นแก่กิน ทั้งที่หลับอยู่ยังสามารถถอดเสื้อผ้านางได้ ก็ไม่ต้องโทษนางที่จะขอเก็บอะไรบางอย่างจากตัวเขาบ้าง!

 

 

ครู่หนึ่ง ชิวเยี่ยไป๋ก็รัดขากางเกงท่อนสุดท้ายเสร็จสรรพแล้วมองดูกางเกงของตนอย่างพึงพอใจ แม้จะหลวมไปหน่อย แต่เนื่องจากหยวนเจ๋อยังมีจีวรห่มคลุมอีกชั้น จึงไม่เหมือนกางเกงแพรต่วนที่นุ่มลื่นของบ้านตระกูลเหมย ดังนั้นจึงรัดไว้ได้ง่าย

 

 

จากนั้นนางเหลือบดูหยวนเจ๋อที่ถูกนางทุบจนสลบไสล ยิ่งมองก็ยิ่งโมโห ดวงตาฉายรอยยิ้มเจตนาร้าย เดินถึงข้างกายเขา ยกเท้าถีบใส่ไหล่เขาอย่างแรงจนหยวนเจ๋อตกลงไปในน้ำ

 

 

หยวนเจ๋อมึนงง เลื่อนลอย จู่ๆ ก็ฝันว่าตนเองบิณฑบาตได้ซาลาเปามาสองลูก เขาหิวมาก กำลังกอดซาลาเปากัดกิน ซาลาเปาทั้งนุ่มทั้งลื่นทั้งหอม แต่แทะได้ไม่กี่คำก็มีนักเลงคนหนึ่งพุ่งเข้ามาชกหน้าเขาอย่างแรงแล้วแย่งซาลาเปาไป เขาร้อนใจคิดจะแย่งคืน กลับถูกอีกฝ่ายถีบตกน้ำ

 

 

พริบตาเดียวน้ำเย็นเหมือนน้ำแข็งก็ทะลักเข้าจมูก เขาสำลักจนตื่นทันที

 

 

“แค่กๆๆ…แค่กๆๆ…” หยวนเจ๋อนั่งเกาะกราบเรืออย่างมึนงง

 

 

ทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้าพร่ามัว เขาขยี้ตาอย่างอดมิได้ จึงพบว่านั่งอยู่ในเรือน้อยลำหนึ่ง

 

 

“ว่าอย่างไร ตื่นแล้วหรือ ข้ายังคิดว่าเจ้าตกน้ำสิบครั้งก็ไม่ตื่นเสียอีก นึกไม่ถึงว่าแค่สามครั้งก็ตื่นแล้ว ออกจะดูแคลนเจ้าไปหน่อย” ชิวเยี่ยไป๋ละสายตาจากสมุดบัญชีมองดูเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง โยนสายรัดเอวเปียกโชกที่ผูกตัวเขาไว้ใส่ศีรษะเขา “ตื่นแล้วก็ไปเถอะ”

 

 

เมื่อครู่นางใช้วิธีเดียวกันถีบเขาแล้วลากขึ้นสามครั้งไอ้หมอนี่จึงตื่น ถ้าเช่นนั้นก่อนหน้าที่เขากระชากผ้ารัดอกนางออก น่าจะเป็นพฤติกรรมตอนงัวเงีย ซึ่งหมายความว่าในสายตาของเขาสุดท้ายแล้วมีเพียง…ซาลาเปา

 

 

ความจริงของการถูกมองว่าเป็นซาลาเปากัดเอากัดเอาเช่นนี้ทำเอานางเสียใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าความลับมีคนรู้อีกคน โดยเฉพาะเจ้าหลวงจีนโง่งม ดูเหมือนปากจะไม่มีหูรูดด้วย อาจพลั้งปากได้ง่าย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไหนเลยจะรู้ว่า เคยมีใครอีกคนจับคลำทั้งบนทั้งล่างทั้งตัวไปแล้ว ไม่มีความลับอีกต่อไป

 

 

ยามนี้ที่นางครุ่นคิดคือ แม้เรื่องนี้จะถูกคนที่ไม่ควรรู้เข้าแล้ว ย่อมไม่เป็นความลับอีกต่อไป ถ้า

 

 

เหมยซูจมน้ำตายก็แล้วไป ถ้าไม่…ความลับบุตรีคนที่สี่ของตระกูลชิวย่อมต้องกลายเป็นอาวุธสำคัญที่จะใช้ข่มขู่นางแน่

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+