ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 211 จับตัว (2)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 211 จับตัว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โจวอวี่ผงกศีรษะอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง พร้อมรับคำ “ขอรับ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เพิ่งพยุงเขาลุกขึ้นก็เห็นหยวนเจ๋อปรากฏกาย ยังคงเป็นท่าทางใจลอยและงงงัน

 

 

ชิวเยี่ยไป๋จดจ้องเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือกแล้วเอ่ย “ยังจะยืนทำอันใดอยู่ หาเรื่องตายหรือ”

 

 

เห็นชิวเยี่ยไป๋เขม้นมองเขาก็รีบเข้ามาช่วยพยุงโจวอวี่อย่างรวดเร็ว

 

 

โจวอวี่เห็นทั้งสองฟาดฟันกันด้วยสายตาก็มิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงรู้สึกว่าบรรยากาศออกจะพิกลและแข็งขืน ไอเย็นจากตัวชิวเยี่ยไป๋ทำให้เขาสำนึกเสียใจ เมื่อครู่นี้เขาไม่น่ายุ่งไม่เข้าเรื่องเลย

 

 

 

 

ระหว่างสามคนชิวเยี่ยไป๋กับหยวนเจ๋อล้วนมีพลังฝีมือกล้าแข็ง แม้ต้องคอยประคองโจวอวี่แต่ก็เดินได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานนักทั้งสามก็อยู่ไกลจากที่ที่เดิมซ่อนตัวอยู่ ทำให้องครักษ์ตระกูลเหมยและทหารของตงอั้นหาไม่พบ

 

 

องครักษ์คนหนึ่งหิ้วของสิ่งหนึ่งมุดออกจากพุ่มไม้ กล่าวกับเจิ้งหยางที่กำลังสั่งให้ทุกคนช่วยกันค้นหาอย่างนอบน้อม “เรียนท่านองครักษ์ใหญ่ สามคนนั้นน่าจะผ่านตรงนี้ แต่มิทราบว่าจากไปนานเท่าใด ข้าน้อยพบเสื้อที่เปื้อนเลือดอยู่ริมลำธาร”

 

 

เจิ้งหยางมองดูของในมือเขา เลิกคิ้วดกหนาแววตาคมกริบ “เสื้อเปื้อนเลือด”

 

 

หมายความว่าสามคนนั้นต้องมีคนหนึ่งบาดเจ็บ และดูจากคราบเลือดบนเสื้อผ้าแล้วคงบาดเจ็บไม่เบาทีเดียว

 

 

เจิ้งหยางหลุบตาลงกล่าวเสียงเย็นชา “ตามรอยพวกมันต่อ รีบส่งพิราบสื่อสารแจ้งข่าวนายท่าน ให้นายท่านตัดสินใจ”

 

 

“ขอรับ!” บรรดาองครักษ์รับคำพร้อมเพรียงกัน ระเบิดปลาเค็มไฟเมื่อครู่ ทำเอาพวกเขาขายหน้าต่อพวกทหารชั้นเลวที่พวกเขาดูแคลนอย่างมาก คราวนี้เขาจะต้องจับตัวไอ้สารเลวนายกองชิวที่ทำให้พวกเขาเสียหน้าให้จงได้!

 

 

 

 

ตะวันตกดินจันทราเริ่มขึ้นสู่ฟ้า รอบข้างสลัวลง พริบตาเดียวก็ได้เวลาเข้าไต้เข้าไฟแล้ว

 

 

แม้นอกหมู่บ้านซิ่งฮวาจะมีทหารในชุดพร้อมรบเต็มไปหมด คอยตรวจตราสอบปากคำผู้คนที่ผ่านไปมาทำเอาทุกคนใจคอไม่ดี แต่ราษฎรย่อมต้องกินข้าว ครัวเรือนในหมู่บ้านเล็กๆ นี้ยังคงติดไฟหุงอาหารตามปกติ

 

 

ชาวบ้านกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยแบกฟืนและปลาที่จับได้กลับเข้าหมู่บ้าน

 

 

ในบ้านอิฐที่จัดว่ากว้างขวางสะอาดหลังหนึ่งในหมู่บ้าน กรุ่นด้วยกลิ่นหอมกำยานล้ำค่า ซึ่งมิใช่กลิ่นของเจ้าของบ้าน หญิงรับใช้หน้าตาดีกำลังเติมเครื่องหอมในเตาบนโต๊ะข้างหน้าต่างอย่างระมัดระวัง

 

 

ด้านข้างมีบุรุษวัยกลางคนยืนค้อมเอวประคองถาดใบหนึ่งอย่างนอบน้อม ในถาดเต็มไปด้วยอาหาร เขามองดูคนที่อยู่ไม่ไกลนักอย่างกระสับกระส่าย ไม่รู้ว่าคนใหญ่คนโตที่มาในวันนี้จะพอใจสำรับที่เขาเตรียมไว้หรือไม่ เกิดอีกฝ่ายไม่พอใจเขาจะถูกลงโทษหรือไม่หนอ

 

 

หญิงรับใช้หน้าตาดีเติมเครื่องหอมเสร็จจึงหันกายมาแลดูสำรับในมือบุรุษ นางมองปราดเดียวก็เห็นปลาและเนื้อที่มันย่องจึงอดขมวดคิ้วมิได้กล่าวว่า “ผู้ใหญ่บ้านเฉิน นี่หรืออาหารที่ดีที่สุดในหมู่บ้านเจ้า คุณชายใหญ่บ้านข้าได้รับบาดเจ็บ จะกินของมันๆ พวกนี้ได้อย่างไร!”

 

 

“เอ้อ…อย่างนี้นี่เอง ข้าน้อยสะเพร่า จะรีบไปบอกยายแก่ให้ทำใหม่ ให้แม่นางชิงเหลียนช่วยขออภัยคุณชายเหมยด้วย” ผู้ใหญ่บ้านเฉินมองดูหญิงรับใช้อย่างประจบประแจงกล่าวตะกุกตะกัก

 

 

เขาเคยเรียนหนังสือมาบ้าง เป็นชาวบ้านหมู่บ้านซิ่งฮวาที่รู้ตัวหนังสือซึ่งมีน้อยมาก และยังเคยสอบได้ซิ่วไฉ แต่พออยู่ในหมู่บ้านประมงนานเข้า คำพูดประเภทเรียงร้อยถ้อยคำให้สุภาพบัดนี้ไม่คล่องแล้ว

 

 

ชิงเหลียนนึกโมโห ถลึงตางดงามกำลังจะพูดอะไรก็พอดีได้ยินเสียงนุ่มนวลดังมาจากข้างใน “ชิงเหลียน อย่าเสียมารยาท พวกเรายึดเอาบ้านของผู้ใหญ่เฉิน ทำเขายุ่งยากพอดูแล้ว”

 

 

ชิงเหลียนได้ยินเสียงของผู้เป็นนายก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ กล่าวกับผู้ใหญ่บ้านด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลลงไม่น้อย “อย่างนั้นผู้ใหญ่ก็วางของไว้ที่นี่เถิด!”

 

 

“มิบังอาจ ปรารถนาอยู่แล้วแต่มิกล้าเอ่ยคำ” ผู้ใหญ่เฉินดีใจ รีบวางสำรับลงอย่างระมัดระวังแล้วถอยออกไป

 

 

ชิงเหลียนแลดูผู้ใหญ่บ้านจากไปแล้วก็อดหัวร่อคิกคักมิได้ “นายท่าน ท่านดูชาวบ้านคนนี้สิ ยังพูดอะไรแบบประดิดประดอยด้วย ฮ่าๆ”

 

 

“ชิงเหลียน” เหมยซูเหลือบตามองนางแวบหนึ่งไม่พูดอะไร แต่สายตาที่นุ่มนวลนั้นกลับทำเอาชิงเหลียนสยิวกายและรีบหุบปาก

 

 

นางรู้ดีว่าเจ้านายของตนทำอะไรก็รอบคอบรัดกุมเสมอมา และไม่ชอบคนที่ถือดีเหิมเกริม

 

 

คนหนุ่มท่าทางเหมือนที่ปรึกษาคนหนึ่งหลังกายเหมยซู เห็นท่าทางของชิงเหลียนแล้วก็กล่าวกับเหมยซูยิ้มๆ ว่า “นายท่าน ชิงเหลียนก็แค่เห็นท่านได้รับบาดเจ็บแถมยังวิ่งวุ่นเช่นนี้ จึงพูดเล่นให้ท่านสบายใจบ้างเท่านั้น”

 

 

เหมยซูยืนที่ริมหน้าต่าง มองดูขอบฟ้าที่ค่อยๆ มืดลงและควันอ้อยอิ่งจากการหุงอาหาร หลุบตาสดใสลงเล็กน้อย “ถิงอวิ๋น เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย กำลังรอให้นกน้อยติดร่างแห ข้าย่อมสบายใจไม่ได้เป็นธรรมดา”

 

 

คนหนุ่มที่ถูกเรียกว่าถิงอวิ๋นหน้าตาธรรมดา แต่ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายวาววับ ยามนี้เขาเลิกคิ้วเลียนแบบเหมยซู มองไปนอกหน้าต่าง “นายท่าน ท่านกางตาข่ายฟ้าไว้ที่หมู่บ้านซิ่งฮวาเช่นนี้แล้ว ต่อให้เป็นนกตาบอดก็คงไม่บินมาติดกับเองหรอกขอรับ!”

 

 

นอกหมู่บ้านมีแต่ทหารเที่ยวถามชาวบ้านเต็มไปหมด มิเท่ากับบอกว่าที่นี่เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ มีการป้องกันอยู่แล้วมิใช่หรือ อีกฝ่ายมิใช่คนโง่จะมาติดกับดักได้อย่างไร

 

 

เหมยซูแลดูนกที่บินผ่านขอบฟ้าโค้งริมฝีปากกล่าวว่า “บัดนี้ทหารสอบปากคำทุกหมู่บ้านแล้ว ถ้าหละหลวมเฉพาะหมู่บ้านซิ่งฮวา เจ้าคิดหรือว่านกน้อยจะมิรู้ว่าตรงนี้คือที่อันตรายที่สุด และกำลังกางตาข่ายดักรออยู่”

 

 

ถิงอวิ๋นหยุดลงแล้วผงกศีรษะ “นายท่านพูดถูก เป็นถิงอวิ๋นเองที่คิดไม่รอบคอบ”

 

 

“ที่นี่ยังมีเหยื่อที่ดึงดูดใจนกน้อยที่สุด คนฝีมือสูงล้ำย่อมใจกล้า อย่าว่าแต่นกเหยี่ยวไห่ตงชิงที่ข้าต้องตาเป็นราชันแห่งปักษา มันต้องทดลองนำ ‘อาหาร’ ของทันไปให้ได้” เหมยซูหยิบคันธนูเบาบนโต๊ะ ปลายนิ้วไล้ผ่านศรคมกริบกล่าวเนือยๆ

 

 

เหล่าเจอกูยังอยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวา ถ้าชิวเยี่ยไป๋คิดจะใช้คดีนี้มาล้มเขาและตระกูลเหมย แม้จะมีหลักฐานที่ดีที่สุดคือสมุดบัญชี แต่เพื่อความรัดกุมทางที่ดีที่สุดย่อมต้องการพยานบุคคล นางวรยุทธ์สูงล้ำ ถ้าพูดกันถึงพลังฝีมืออย่างเดียวข้างกายเขาตอนนี้ไม่มีใครสู้นางได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทหารทางการที่เหมือนกระสอบหญ้าพวกนั้น

 

 

ดังนั้นนางไม่มีทางเลิกล้มโดยไม่ได้ลองแน่ ย่อมต้องหาทางมาช่วยเหล่าเจอกู

 

 

“นายท่าน ในเมื่อท่านทราบว่าเป้าหมายต้องมาแน่ ก็คงทราบว่าที่นี่ไม่มีใครต้านทานเขาได้ ไฉนท่านจึงแน่ใจว่าจะจับตัวเขาได้”

 

 

เหมยซูมิได้ตอบตามทันที เพียงยกคันธนูในมือเล็งใส่ห่านป่าที่บินผ่านฟากฟ้าเป็นครั้งแรกราวกับกำลังทดลองเล็งเป้า

 

 

ถิงอวิ๋นกับชิงเหลียนมองดูนายของตนเคลื่อนไหวคันธนูในมือช้าๆ ก็มิสอดคำอีก

 

 

เหมยซูพลันปล่อยสายธนู  ฟิ้ว  เสียงแหลมคมกรีดใส่ความเงียบของฟากฟ้า

 

 

ในเวลาเดียวกัน บนท้องฟ้ามีเสียงร้องโหยหวนของนกน้อยดังขึ้น เงาสีเทาสายหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 211 จับตัว (2)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 211 จับตัว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โจวอวี่ผงกศีรษะอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง พร้อมรับคำ “ขอรับ”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เพิ่งพยุงเขาลุกขึ้นก็เห็นหยวนเจ๋อปรากฏกาย ยังคงเป็นท่าทางใจลอยและงงงัน

 

 

ชิวเยี่ยไป๋จดจ้องเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือกแล้วเอ่ย “ยังจะยืนทำอันใดอยู่ หาเรื่องตายหรือ”

 

 

เห็นชิวเยี่ยไป๋เขม้นมองเขาก็รีบเข้ามาช่วยพยุงโจวอวี่อย่างรวดเร็ว

 

 

โจวอวี่เห็นทั้งสองฟาดฟันกันด้วยสายตาก็มิรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงรู้สึกว่าบรรยากาศออกจะพิกลและแข็งขืน ไอเย็นจากตัวชิวเยี่ยไป๋ทำให้เขาสำนึกเสียใจ เมื่อครู่นี้เขาไม่น่ายุ่งไม่เข้าเรื่องเลย

 

 

 

 

ระหว่างสามคนชิวเยี่ยไป๋กับหยวนเจ๋อล้วนมีพลังฝีมือกล้าแข็ง แม้ต้องคอยประคองโจวอวี่แต่ก็เดินได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานนักทั้งสามก็อยู่ไกลจากที่ที่เดิมซ่อนตัวอยู่ ทำให้องครักษ์ตระกูลเหมยและทหารของตงอั้นหาไม่พบ

 

 

องครักษ์คนหนึ่งหิ้วของสิ่งหนึ่งมุดออกจากพุ่มไม้ กล่าวกับเจิ้งหยางที่กำลังสั่งให้ทุกคนช่วยกันค้นหาอย่างนอบน้อม “เรียนท่านองครักษ์ใหญ่ สามคนนั้นน่าจะผ่านตรงนี้ แต่มิทราบว่าจากไปนานเท่าใด ข้าน้อยพบเสื้อที่เปื้อนเลือดอยู่ริมลำธาร”

 

 

เจิ้งหยางมองดูของในมือเขา เลิกคิ้วดกหนาแววตาคมกริบ “เสื้อเปื้อนเลือด”

 

 

หมายความว่าสามคนนั้นต้องมีคนหนึ่งบาดเจ็บ และดูจากคราบเลือดบนเสื้อผ้าแล้วคงบาดเจ็บไม่เบาทีเดียว

 

 

เจิ้งหยางหลุบตาลงกล่าวเสียงเย็นชา “ตามรอยพวกมันต่อ รีบส่งพิราบสื่อสารแจ้งข่าวนายท่าน ให้นายท่านตัดสินใจ”

 

 

“ขอรับ!” บรรดาองครักษ์รับคำพร้อมเพรียงกัน ระเบิดปลาเค็มไฟเมื่อครู่ ทำเอาพวกเขาขายหน้าต่อพวกทหารชั้นเลวที่พวกเขาดูแคลนอย่างมาก คราวนี้เขาจะต้องจับตัวไอ้สารเลวนายกองชิวที่ทำให้พวกเขาเสียหน้าให้จงได้!

 

 

 

 

ตะวันตกดินจันทราเริ่มขึ้นสู่ฟ้า รอบข้างสลัวลง พริบตาเดียวก็ได้เวลาเข้าไต้เข้าไฟแล้ว

 

 

แม้นอกหมู่บ้านซิ่งฮวาจะมีทหารในชุดพร้อมรบเต็มไปหมด คอยตรวจตราสอบปากคำผู้คนที่ผ่านไปมาทำเอาทุกคนใจคอไม่ดี แต่ราษฎรย่อมต้องกินข้าว ครัวเรือนในหมู่บ้านเล็กๆ นี้ยังคงติดไฟหุงอาหารตามปกติ

 

 

ชาวบ้านกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยแบกฟืนและปลาที่จับได้กลับเข้าหมู่บ้าน

 

 

ในบ้านอิฐที่จัดว่ากว้างขวางสะอาดหลังหนึ่งในหมู่บ้าน กรุ่นด้วยกลิ่นหอมกำยานล้ำค่า ซึ่งมิใช่กลิ่นของเจ้าของบ้าน หญิงรับใช้หน้าตาดีกำลังเติมเครื่องหอมในเตาบนโต๊ะข้างหน้าต่างอย่างระมัดระวัง

 

 

ด้านข้างมีบุรุษวัยกลางคนยืนค้อมเอวประคองถาดใบหนึ่งอย่างนอบน้อม ในถาดเต็มไปด้วยอาหาร เขามองดูคนที่อยู่ไม่ไกลนักอย่างกระสับกระส่าย ไม่รู้ว่าคนใหญ่คนโตที่มาในวันนี้จะพอใจสำรับที่เขาเตรียมไว้หรือไม่ เกิดอีกฝ่ายไม่พอใจเขาจะถูกลงโทษหรือไม่หนอ

 

 

หญิงรับใช้หน้าตาดีเติมเครื่องหอมเสร็จจึงหันกายมาแลดูสำรับในมือบุรุษ นางมองปราดเดียวก็เห็นปลาและเนื้อที่มันย่องจึงอดขมวดคิ้วมิได้กล่าวว่า “ผู้ใหญ่บ้านเฉิน นี่หรืออาหารที่ดีที่สุดในหมู่บ้านเจ้า คุณชายใหญ่บ้านข้าได้รับบาดเจ็บ จะกินของมันๆ พวกนี้ได้อย่างไร!”

 

 

“เอ้อ…อย่างนี้นี่เอง ข้าน้อยสะเพร่า จะรีบไปบอกยายแก่ให้ทำใหม่ ให้แม่นางชิงเหลียนช่วยขออภัยคุณชายเหมยด้วย” ผู้ใหญ่บ้านเฉินมองดูหญิงรับใช้อย่างประจบประแจงกล่าวตะกุกตะกัก

 

 

เขาเคยเรียนหนังสือมาบ้าง เป็นชาวบ้านหมู่บ้านซิ่งฮวาที่รู้ตัวหนังสือซึ่งมีน้อยมาก และยังเคยสอบได้ซิ่วไฉ แต่พออยู่ในหมู่บ้านประมงนานเข้า คำพูดประเภทเรียงร้อยถ้อยคำให้สุภาพบัดนี้ไม่คล่องแล้ว

 

 

ชิงเหลียนนึกโมโห ถลึงตางดงามกำลังจะพูดอะไรก็พอดีได้ยินเสียงนุ่มนวลดังมาจากข้างใน “ชิงเหลียน อย่าเสียมารยาท พวกเรายึดเอาบ้านของผู้ใหญ่เฉิน ทำเขายุ่งยากพอดูแล้ว”

 

 

ชิงเหลียนได้ยินเสียงของผู้เป็นนายก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ กล่าวกับผู้ใหญ่บ้านด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลลงไม่น้อย “อย่างนั้นผู้ใหญ่ก็วางของไว้ที่นี่เถิด!”

 

 

“มิบังอาจ ปรารถนาอยู่แล้วแต่มิกล้าเอ่ยคำ” ผู้ใหญ่เฉินดีใจ รีบวางสำรับลงอย่างระมัดระวังแล้วถอยออกไป

 

 

ชิงเหลียนแลดูผู้ใหญ่บ้านจากไปแล้วก็อดหัวร่อคิกคักมิได้ “นายท่าน ท่านดูชาวบ้านคนนี้สิ ยังพูดอะไรแบบประดิดประดอยด้วย ฮ่าๆ”

 

 

“ชิงเหลียน” เหมยซูเหลือบตามองนางแวบหนึ่งไม่พูดอะไร แต่สายตาที่นุ่มนวลนั้นกลับทำเอาชิงเหลียนสยิวกายและรีบหุบปาก

 

 

นางรู้ดีว่าเจ้านายของตนทำอะไรก็รอบคอบรัดกุมเสมอมา และไม่ชอบคนที่ถือดีเหิมเกริม

 

 

คนหนุ่มท่าทางเหมือนที่ปรึกษาคนหนึ่งหลังกายเหมยซู เห็นท่าทางของชิงเหลียนแล้วก็กล่าวกับเหมยซูยิ้มๆ ว่า “นายท่าน ชิงเหลียนก็แค่เห็นท่านได้รับบาดเจ็บแถมยังวิ่งวุ่นเช่นนี้ จึงพูดเล่นให้ท่านสบายใจบ้างเท่านั้น”

 

 

เหมยซูยืนที่ริมหน้าต่าง มองดูขอบฟ้าที่ค่อยๆ มืดลงและควันอ้อยอิ่งจากการหุงอาหาร หลุบตาสดใสลงเล็กน้อย “ถิงอวิ๋น เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย กำลังรอให้นกน้อยติดร่างแห ข้าย่อมสบายใจไม่ได้เป็นธรรมดา”

 

 

คนหนุ่มที่ถูกเรียกว่าถิงอวิ๋นหน้าตาธรรมดา แต่ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายวาววับ ยามนี้เขาเลิกคิ้วเลียนแบบเหมยซู มองไปนอกหน้าต่าง “นายท่าน ท่านกางตาข่ายฟ้าไว้ที่หมู่บ้านซิ่งฮวาเช่นนี้แล้ว ต่อให้เป็นนกตาบอดก็คงไม่บินมาติดกับเองหรอกขอรับ!”

 

 

นอกหมู่บ้านมีแต่ทหารเที่ยวถามชาวบ้านเต็มไปหมด มิเท่ากับบอกว่าที่นี่เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ มีการป้องกันอยู่แล้วมิใช่หรือ อีกฝ่ายมิใช่คนโง่จะมาติดกับดักได้อย่างไร

 

 

เหมยซูแลดูนกที่บินผ่านขอบฟ้าโค้งริมฝีปากกล่าวว่า “บัดนี้ทหารสอบปากคำทุกหมู่บ้านแล้ว ถ้าหละหลวมเฉพาะหมู่บ้านซิ่งฮวา เจ้าคิดหรือว่านกน้อยจะมิรู้ว่าตรงนี้คือที่อันตรายที่สุด และกำลังกางตาข่ายดักรออยู่”

 

 

ถิงอวิ๋นหยุดลงแล้วผงกศีรษะ “นายท่านพูดถูก เป็นถิงอวิ๋นเองที่คิดไม่รอบคอบ”

 

 

“ที่นี่ยังมีเหยื่อที่ดึงดูดใจนกน้อยที่สุด คนฝีมือสูงล้ำย่อมใจกล้า อย่าว่าแต่นกเหยี่ยวไห่ตงชิงที่ข้าต้องตาเป็นราชันแห่งปักษา มันต้องทดลองนำ ‘อาหาร’ ของทันไปให้ได้” เหมยซูหยิบคันธนูเบาบนโต๊ะ ปลายนิ้วไล้ผ่านศรคมกริบกล่าวเนือยๆ

 

 

เหล่าเจอกูยังอยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวา ถ้าชิวเยี่ยไป๋คิดจะใช้คดีนี้มาล้มเขาและตระกูลเหมย แม้จะมีหลักฐานที่ดีที่สุดคือสมุดบัญชี แต่เพื่อความรัดกุมทางที่ดีที่สุดย่อมต้องการพยานบุคคล นางวรยุทธ์สูงล้ำ ถ้าพูดกันถึงพลังฝีมืออย่างเดียวข้างกายเขาตอนนี้ไม่มีใครสู้นางได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทหารทางการที่เหมือนกระสอบหญ้าพวกนั้น

 

 

ดังนั้นนางไม่มีทางเลิกล้มโดยไม่ได้ลองแน่ ย่อมต้องหาทางมาช่วยเหล่าเจอกู

 

 

“นายท่าน ในเมื่อท่านทราบว่าเป้าหมายต้องมาแน่ ก็คงทราบว่าที่นี่ไม่มีใครต้านทานเขาได้ ไฉนท่านจึงแน่ใจว่าจะจับตัวเขาได้”

 

 

เหมยซูมิได้ตอบตามทันที เพียงยกคันธนูในมือเล็งใส่ห่านป่าที่บินผ่านฟากฟ้าเป็นครั้งแรกราวกับกำลังทดลองเล็งเป้า

 

 

ถิงอวิ๋นกับชิงเหลียนมองดูนายของตนเคลื่อนไหวคันธนูในมือช้าๆ ก็มิสอดคำอีก

 

 

เหมยซูพลันปล่อยสายธนู  ฟิ้ว  เสียงแหลมคมกรีดใส่ความเงียบของฟากฟ้า

 

 

ในเวลาเดียวกัน บนท้องฟ้ามีเสียงร้องโหยหวนของนกน้อยดังขึ้น เงาสีเทาสายหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+