ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 212 จับตัว (3)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 212 จับตัว (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“คุณชายใหญ่ยิงแม่นจัง!” ชิงเหลียนปรบมือหัวร่อมองดูผู้เป็นนายอย่างนับถือ “ชิงเหลียนไปช่วยเก็บเหยื่อมาดีไหมเจ้าคะ”

 

 

เหมยซูเก็บคันธนูเบาๆ พยักหน้าให้ชิงเหลียน กล่าวยิ้มๆ ว่า “ไปเถิด”

 

 

“เจ้าค่ะ” ชิงเหลียนสะกิดปลายเท้ากระโดดออกไปอย่างคล่องแคล่ว แม้ดูแล้วจะเป็นสตรีอ้อนแอ้น แต่พลังฝีมือมิอ่อนด้อยแม้แต่น้อย

 

 

เหมยซูพาดศรกับคันธนูอีก กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “แม้นกน้อยจะเล็บคมปีกยาว แต่หากบาดเจ็บแล้วย่อมบินไม่สูง อย่าว่าแต่ยังมีตาข่ายฟ้าดักไว้”

 

 

ถิงอวิ๋นพลันนึกถึงเสื้อเปื้อนเลือดที่เจิ้งหยางสั่งให้คนส่งมาตัวนั้น จึงกล่าวอย่างสงสัยว่า “ท่านรู้ได้อย่างไรว่า ‘นกน้อย’ ตัวนั้นบาดเจ็บ”

 

 

เขาฟังมาว่าเป้าหมายมีสามคน แน่นอนที่นายของตนจะละเว้นชีวิตย่อมมีเพียงคนที่เป็นเป้าหมายหลักเท่านั้น

 

 

เหมยซูท่าทางคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม “ถ้าข้าบอกว่าเป็นสัญชาตญาณล่ะ”

 

 

แม้ข่าวที่ตระกูลเหมยสืบมาได้จะบอกว่าคนที่บาดเจ็บคือโจวอวี่ แต่เขาบาดเจ็บที่แขน คิดดูแล้วน่าจะเป็นบาดแผลที่ถูกตนสั่งคนยิงธนูใส่จนทะลุ แต่คราบเลือดบนเสื้อตัวนั้นอยู่ที่ชายเสื้อเต็มไปหมด คล้ายบาดเจ็บที่ท่อนล่าง และขนาดของเสื้อตัวนั้นน่าจะเป็นสตรีร่างอ้อนแอ้น ถ้ามิใช่นกน้อยได้รับบาดเจ็บแล้วจะเป็นใครไปได้

 

 

ถิงอวิ๋นงงไปวูบหนึ่งแล้วยิ้มออกมา “สัญชาตญาณของนายท่านแม่นยำเสมอ”

 

 

 

 

ชาวบ้านที่แบกฟืนและหาปลาเรียงกันเป็นแถวอยู่ปากทางหมู่บ้าน หนุ่มน้อยคนหนึ่งร่างสูงโปร่งสวมงอบท่าทางเหมือนชาวประมง แบกหาบไว้จนตัวเกร็งท่าทางเหมือนตื่นเต้นอยู่บ้าง

 

 

ผู้เฒ่าที่อยู่ข้างตัวเขายุดชายเสื้อเขาไว้อย่างอดมิได้ “เจ้าเด็กน้อยผ่อนคลายหน่อย ท่าทางเช่นนี้เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าเรามีปัญหานะ!”

 

 

เด็กหนุ่มก้มศีรษะลงจึงเห็นหน้าไม่ถนัด เห็นผู้เฒ่าพูดเช่นนี้ก็พยายามผ่อนคลาย

 

 

อย่างรวดเร็ว ก็ถึงตาเขาต้องรับการตรวจสอบแล้ว ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามามองดูทั้งสองอย่างเย็นชา ใช้ทวนยาวในมือเขี่ยของในหาบพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นอะไรกัน”

 

 

ผู้เฒ่ารีบยิ้มประจบ “ข้าเป็นอากู๋ของเด็กน้อยคนนี้ พวกเราเพิ่งกลับจากหาปลา”

 

 

พูดจบเขาก็แอบยัดเงินพวงหนึ่งให้ทหารพลางยิ้มปลอบใจกล่าวว่า “นายท่าน ตอนนี้น้องสาวข้ายังป่วยซมอยู่กับเตียงอยู่เลย พวกเราเพิ่งไปเจียดยามา ท่านโปรดทำบุญทำกุศลเถิด ให้พวกเรารีบผ่านเข้าไปดีกว่า ขืนพลาดจากเวลาการต้มยา น้องสาวข้าคงเป็นเรื่องแน่”

 

 

ขณะตรวจค้น ทหารบางคนพยายามหาเศษหาเลย จึงมีการโอ้เอ้ไม่ยอมให้คนผ่านไปจริง บัดนี้ทหารคนนั้นเห็นเงินในมือไม่น้อยก็ดีใจ จึงพลิกดูข้าวของอีกที ไม่พบว่ามีปัญหาจึงโบกมือให้พวกเขาผ่าน “ไปเถิด”

 

 

ชาวบ้านที่มาเข้าแถวแต่แรกยังตรวจไม่ผ่าน พอเห็นคนที่มาทีหลังตนผ่านแล้วจึงไม่พอใจและร้องโวยวาย “เหล่าฟาน น้องสาวหม้ายของเจ้าก็มีแค่ลูกสาวคนเดียวที่ออกเรือนไปแล้วมิใช่หรือ ไปมีหลานมาจากไหน ทำไมพวกเราไม่เคยได้ยิน”

 

 

หัวหน้าหมวดนายทหารที่ยืนเคี้ยวหมากสายตาเย็นชาอยู่ด้านข้างได้ยินเข้า พลันนึกได้ว่าเมื่อเช้าฟังมาว่าโจรร้ายปลอมตัวฝ่าด่าน จึงตื่นตัวเดินเข้ามา มองดูชายชราอย่างเย็นชา สุดท้ายสายตาตกอยู่ที่ตัวหนุ่มน้อย เห็นเขาเอาแต่ก้มหน้าจึงถามว่า “เจ้าเป็นหลานไอ้แก่นี่หรือ เช่นนั้นข้าถามเจ้า ไอ้แก่นี่ชื่อว่าอะไร”

 

 

หนุ่มน้อยตัวแข็งทื่อ ยังคงก้มหน้าแต่ไม่พูด

 

 

หัวหน้าหมวดหรี่ตายิ่งรู้สึกสงสัย มือกุมกระบี่ที่เอว “ว่าอย่างไร แม้แต่อากู๋เจ้ายังเรียกไม่ถูกหรือ”

 

 

ชายชราที่ชื่อเหล่าฟานก็ลนลาน แต่ยังคงยิ้มประจบประแจงกล่าวว่า “นายท่าน หลานข้าคนนี้ตั้งแต่เกิดมาก็เป็นไข้สุมจนสมองเสีย เดิมทีน้องสาวข้าส่งไปให้คนอื่นเลี้ยง ต่อมามันฟังว่าน้องสาวข้าไม่ไหวแล้ว จึงออกจากหมู่บ้านข้างๆ กลับมาเยี่ยม มันพูดไม่ค่อยเป็นน่ะ”

 

 

พูดจบเขาก็เตะใส่หนุ่มน้อยแรงๆ อย่างอดมิได้ “เจ้าโง่ ยังไม่คารวะนายท่านอีก”

 

 

แต่คำอธิบายเช่นนี้ไม่อาจทำให้หัวหน้าหมวดพอใจได้ กลับทำให้เขาตื่นตัวกว่าเดิมและส่งสัญญาณทางสายตาให้ลูกน้องรอบข้างเข้าล้อมไว้ ขณะเดียวกันก็ชักกระบี่ออกจากฝักจี้ใส่เด็กหนุ่ม “ถอดหมวกออก เร็ว!”

 

 

เด็กหนุ่มตัวสั่น พลันไม่พูดไม่จาหาบบนบ่าทุ่มโครมเข้าใส่หัวหน้าหมวด

 

 

หัวหน้าหมวดนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะลงมือทันที จึงตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี กระบี่ในมือฟันใส่หาบข้าวของชนิดไม่ไว้ไมตรี หาบนั้นถูกทุ่มออกไปแล้วถูกคนงัดขึ้นฟันเอาข้าวของในหาบกระจัดกระจายทันที

 

 

เดิมทีข้าวของในหาบของหนุ่มน้อยผ่านการตรวจของทหารแล้ว ก็แค่พวกปลาเค็มแห้งเท่านั้น แต่ยามนี้ปลาแห้งกระจายปลิวว่อน ไม่เพียงมีกลิ่นปลาเค็ม พริบตานั้นยังติดไฟด้วย กลิ่นปลาแห้งจึงเหม็นไปทั่ว

 

 

และนายทหารส่วนมากไม่เคยผ่านกับดักของชิวเยี่ยไป๋ก่อนหน้านี้ ย่อมนึกไม่ถึงว่าปลาแห้งก็เป็นอาวุธลับได้ จึงตกใจกับปลาแห้งที่ติดไฟและถอยกระจายตัว

 

 

เด็กหนุ่มคนนั้นฉวยโอกาสวิ่งหนีไม่คิดชีวิต

 

 

เหล่าฟานนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ ตกใจจนก้นกระแทกพื้นไปแล้ว

 

 

หัวหน้าหมวดเพิ่งได้สติกรีดร้องทันที “ไอ้โจรจับมันไว้ จับมันไว้!”

 

 

พูดจบ รีบชูกระบี่นำกลุ่มทหารโถมออกไปทันที วิ่งไล่ไปทางที่หนุ่มน้อยหนีไป

 

 

ถึงอย่างไรการจับ ‘โจรร้าย’ ไว้ได้ มีคนบอกว่าจะได้เลื่อนสามขั้นเงินรางวัลอีกสองพันตำลึง ทหารทุกคนย่อมทุ่มสุดตัว ส่วนพวกองครักษ์ตระกูลเหมยย่อมใช้วิชาตัวเบาไล่ตามไปแล้ว

 

 

ชาวบ้านพากันตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเซ่อไป รู้สึกเบื้องหน้าสับสนอลหม่าน ดาบกระบี่กวัดแกว่ง ชาวบ้านที่ซื่อสัตย์สมถะเสมอมา พวกเขาไหนเลยจะเคยเห็นภาพเช่นนี้ จึงพากันตกใจและหาบข้าวของหนีกระเจิง คิดแต่จะรีบเข้าบ้านหลบให้พ้น

 

 

พวกทหารที่เหลือก็ไม่มีกะจิตกะใจจะตรวจค้นทีละคนแล้ว ครู่เดียวปากทางหมู่บ้านที่จอแจก็ไม่เหลือชาวบ้านแม้แต่คนเดียว

 

 

 

 

“เรียนนายท่าน เป้าหมายปรากฏตัวแล้วกำลังล้อมจับอยู่!” ชิงเหลียนหิ้วห่านป่าตัวใหญ่พลันเข้าไปอย่างรีบร้อน รายงานต่อเหมยซูอย่างตื่นเต้น

 

 

“ขอแสดงความยินดีกับนายท่าน ท่านคำนวณแม่นยำดุจเทพเทวา” ถิงอวิ๋นฟังแล้วอมยิ้มประสานมือคารวะเหมยซู

 

 

เหมยซูงงงันก่อน แล้วใบหน้าที่เรียบเฉยแต่ไหนแต่ไรยังคงปรากฏรอยยิ้มอย่างพอใจ “นึกไม่ถึงว่านกเหยี่ยวตัวนี้จะอดใจไม่ไหว ไม่ค่อยเหมือนเขาเลย ไหน เล่ารายละเอียดซิ”

 

 

ชิงเหลียนเพิ่งกลับจากการเก็บห่านป่าตัวใหญ่ที่ถูกเหมยซูยิงร่วง บังเอิญเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตาจึงหัวร่ออย่างได้ใจ “เดิมทีชิงเหลียนก็คิดจะไปช่วย แต่เห็นองครักษ์ใหญ่เจิ้งหยางนำคนไล่ไปแล้ว บ่าวจึงไม่มากเรื่องและรีบกลับมาเรียนนายท่าน”

 

 

จากนั้นก็เล่ารายละเอียดที่เห็นให้เหมยซูฟัง

 

 

แต่มิรู้เพราะสาเหตุใด ระหว่างที่นางเล่าอยู่ ตอนแรกเหมยซูสีหน้ายินดี แต่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสงสัย จากนั้นสีหน้าเย็นลง สุดท้ายกลายเป็นสีหน้าอับจนแต่เจือด้วยความยินดีอย่างสับสน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ 212 จับตัว (3)

Now you are reading ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ Chapter 212 จับตัว (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“คุณชายใหญ่ยิงแม่นจัง!” ชิงเหลียนปรบมือหัวร่อมองดูผู้เป็นนายอย่างนับถือ “ชิงเหลียนไปช่วยเก็บเหยื่อมาดีไหมเจ้าคะ”

 

 

เหมยซูเก็บคันธนูเบาๆ พยักหน้าให้ชิงเหลียน กล่าวยิ้มๆ ว่า “ไปเถิด”

 

 

“เจ้าค่ะ” ชิงเหลียนสะกิดปลายเท้ากระโดดออกไปอย่างคล่องแคล่ว แม้ดูแล้วจะเป็นสตรีอ้อนแอ้น แต่พลังฝีมือมิอ่อนด้อยแม้แต่น้อย

 

 

เหมยซูพาดศรกับคันธนูอีก กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “แม้นกน้อยจะเล็บคมปีกยาว แต่หากบาดเจ็บแล้วย่อมบินไม่สูง อย่าว่าแต่ยังมีตาข่ายฟ้าดักไว้”

 

 

ถิงอวิ๋นพลันนึกถึงเสื้อเปื้อนเลือดที่เจิ้งหยางสั่งให้คนส่งมาตัวนั้น จึงกล่าวอย่างสงสัยว่า “ท่านรู้ได้อย่างไรว่า ‘นกน้อย’ ตัวนั้นบาดเจ็บ”

 

 

เขาฟังมาว่าเป้าหมายมีสามคน แน่นอนที่นายของตนจะละเว้นชีวิตย่อมมีเพียงคนที่เป็นเป้าหมายหลักเท่านั้น

 

 

เหมยซูท่าทางคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม “ถ้าข้าบอกว่าเป็นสัญชาตญาณล่ะ”

 

 

แม้ข่าวที่ตระกูลเหมยสืบมาได้จะบอกว่าคนที่บาดเจ็บคือโจวอวี่ แต่เขาบาดเจ็บที่แขน คิดดูแล้วน่าจะเป็นบาดแผลที่ถูกตนสั่งคนยิงธนูใส่จนทะลุ แต่คราบเลือดบนเสื้อตัวนั้นอยู่ที่ชายเสื้อเต็มไปหมด คล้ายบาดเจ็บที่ท่อนล่าง และขนาดของเสื้อตัวนั้นน่าจะเป็นสตรีร่างอ้อนแอ้น ถ้ามิใช่นกน้อยได้รับบาดเจ็บแล้วจะเป็นใครไปได้

 

 

ถิงอวิ๋นงงไปวูบหนึ่งแล้วยิ้มออกมา “สัญชาตญาณของนายท่านแม่นยำเสมอ”

 

 

 

 

ชาวบ้านที่แบกฟืนและหาปลาเรียงกันเป็นแถวอยู่ปากทางหมู่บ้าน หนุ่มน้อยคนหนึ่งร่างสูงโปร่งสวมงอบท่าทางเหมือนชาวประมง แบกหาบไว้จนตัวเกร็งท่าทางเหมือนตื่นเต้นอยู่บ้าง

 

 

ผู้เฒ่าที่อยู่ข้างตัวเขายุดชายเสื้อเขาไว้อย่างอดมิได้ “เจ้าเด็กน้อยผ่อนคลายหน่อย ท่าทางเช่นนี้เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าเรามีปัญหานะ!”

 

 

เด็กหนุ่มก้มศีรษะลงจึงเห็นหน้าไม่ถนัด เห็นผู้เฒ่าพูดเช่นนี้ก็พยายามผ่อนคลาย

 

 

อย่างรวดเร็ว ก็ถึงตาเขาต้องรับการตรวจสอบแล้ว ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามามองดูทั้งสองอย่างเย็นชา ใช้ทวนยาวในมือเขี่ยของในหาบพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นอะไรกัน”

 

 

ผู้เฒ่ารีบยิ้มประจบ “ข้าเป็นอากู๋ของเด็กน้อยคนนี้ พวกเราเพิ่งกลับจากหาปลา”

 

 

พูดจบเขาก็แอบยัดเงินพวงหนึ่งให้ทหารพลางยิ้มปลอบใจกล่าวว่า “นายท่าน ตอนนี้น้องสาวข้ายังป่วยซมอยู่กับเตียงอยู่เลย พวกเราเพิ่งไปเจียดยามา ท่านโปรดทำบุญทำกุศลเถิด ให้พวกเรารีบผ่านเข้าไปดีกว่า ขืนพลาดจากเวลาการต้มยา น้องสาวข้าคงเป็นเรื่องแน่”

 

 

ขณะตรวจค้น ทหารบางคนพยายามหาเศษหาเลย จึงมีการโอ้เอ้ไม่ยอมให้คนผ่านไปจริง บัดนี้ทหารคนนั้นเห็นเงินในมือไม่น้อยก็ดีใจ จึงพลิกดูข้าวของอีกที ไม่พบว่ามีปัญหาจึงโบกมือให้พวกเขาผ่าน “ไปเถิด”

 

 

ชาวบ้านที่มาเข้าแถวแต่แรกยังตรวจไม่ผ่าน พอเห็นคนที่มาทีหลังตนผ่านแล้วจึงไม่พอใจและร้องโวยวาย “เหล่าฟาน น้องสาวหม้ายของเจ้าก็มีแค่ลูกสาวคนเดียวที่ออกเรือนไปแล้วมิใช่หรือ ไปมีหลานมาจากไหน ทำไมพวกเราไม่เคยได้ยิน”

 

 

หัวหน้าหมวดนายทหารที่ยืนเคี้ยวหมากสายตาเย็นชาอยู่ด้านข้างได้ยินเข้า พลันนึกได้ว่าเมื่อเช้าฟังมาว่าโจรร้ายปลอมตัวฝ่าด่าน จึงตื่นตัวเดินเข้ามา มองดูชายชราอย่างเย็นชา สุดท้ายสายตาตกอยู่ที่ตัวหนุ่มน้อย เห็นเขาเอาแต่ก้มหน้าจึงถามว่า “เจ้าเป็นหลานไอ้แก่นี่หรือ เช่นนั้นข้าถามเจ้า ไอ้แก่นี่ชื่อว่าอะไร”

 

 

หนุ่มน้อยตัวแข็งทื่อ ยังคงก้มหน้าแต่ไม่พูด

 

 

หัวหน้าหมวดหรี่ตายิ่งรู้สึกสงสัย มือกุมกระบี่ที่เอว “ว่าอย่างไร แม้แต่อากู๋เจ้ายังเรียกไม่ถูกหรือ”

 

 

ชายชราที่ชื่อเหล่าฟานก็ลนลาน แต่ยังคงยิ้มประจบประแจงกล่าวว่า “นายท่าน หลานข้าคนนี้ตั้งแต่เกิดมาก็เป็นไข้สุมจนสมองเสีย เดิมทีน้องสาวข้าส่งไปให้คนอื่นเลี้ยง ต่อมามันฟังว่าน้องสาวข้าไม่ไหวแล้ว จึงออกจากหมู่บ้านข้างๆ กลับมาเยี่ยม มันพูดไม่ค่อยเป็นน่ะ”

 

 

พูดจบเขาก็เตะใส่หนุ่มน้อยแรงๆ อย่างอดมิได้ “เจ้าโง่ ยังไม่คารวะนายท่านอีก”

 

 

แต่คำอธิบายเช่นนี้ไม่อาจทำให้หัวหน้าหมวดพอใจได้ กลับทำให้เขาตื่นตัวกว่าเดิมและส่งสัญญาณทางสายตาให้ลูกน้องรอบข้างเข้าล้อมไว้ ขณะเดียวกันก็ชักกระบี่ออกจากฝักจี้ใส่เด็กหนุ่ม “ถอดหมวกออก เร็ว!”

 

 

เด็กหนุ่มตัวสั่น พลันไม่พูดไม่จาหาบบนบ่าทุ่มโครมเข้าใส่หัวหน้าหมวด

 

 

หัวหน้าหมวดนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะลงมือทันที จึงตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี กระบี่ในมือฟันใส่หาบข้าวของชนิดไม่ไว้ไมตรี หาบนั้นถูกทุ่มออกไปแล้วถูกคนงัดขึ้นฟันเอาข้าวของในหาบกระจัดกระจายทันที

 

 

เดิมทีข้าวของในหาบของหนุ่มน้อยผ่านการตรวจของทหารแล้ว ก็แค่พวกปลาเค็มแห้งเท่านั้น แต่ยามนี้ปลาแห้งกระจายปลิวว่อน ไม่เพียงมีกลิ่นปลาเค็ม พริบตานั้นยังติดไฟด้วย กลิ่นปลาแห้งจึงเหม็นไปทั่ว

 

 

และนายทหารส่วนมากไม่เคยผ่านกับดักของชิวเยี่ยไป๋ก่อนหน้านี้ ย่อมนึกไม่ถึงว่าปลาแห้งก็เป็นอาวุธลับได้ จึงตกใจกับปลาแห้งที่ติดไฟและถอยกระจายตัว

 

 

เด็กหนุ่มคนนั้นฉวยโอกาสวิ่งหนีไม่คิดชีวิต

 

 

เหล่าฟานนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ ตกใจจนก้นกระแทกพื้นไปแล้ว

 

 

หัวหน้าหมวดเพิ่งได้สติกรีดร้องทันที “ไอ้โจรจับมันไว้ จับมันไว้!”

 

 

พูดจบ รีบชูกระบี่นำกลุ่มทหารโถมออกไปทันที วิ่งไล่ไปทางที่หนุ่มน้อยหนีไป

 

 

ถึงอย่างไรการจับ ‘โจรร้าย’ ไว้ได้ มีคนบอกว่าจะได้เลื่อนสามขั้นเงินรางวัลอีกสองพันตำลึง ทหารทุกคนย่อมทุ่มสุดตัว ส่วนพวกองครักษ์ตระกูลเหมยย่อมใช้วิชาตัวเบาไล่ตามไปแล้ว

 

 

ชาวบ้านพากันตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเซ่อไป รู้สึกเบื้องหน้าสับสนอลหม่าน ดาบกระบี่กวัดแกว่ง ชาวบ้านที่ซื่อสัตย์สมถะเสมอมา พวกเขาไหนเลยจะเคยเห็นภาพเช่นนี้ จึงพากันตกใจและหาบข้าวของหนีกระเจิง คิดแต่จะรีบเข้าบ้านหลบให้พ้น

 

 

พวกทหารที่เหลือก็ไม่มีกะจิตกะใจจะตรวจค้นทีละคนแล้ว ครู่เดียวปากทางหมู่บ้านที่จอแจก็ไม่เหลือชาวบ้านแม้แต่คนเดียว

 

 

 

 

“เรียนนายท่าน เป้าหมายปรากฏตัวแล้วกำลังล้อมจับอยู่!” ชิงเหลียนหิ้วห่านป่าตัวใหญ่พลันเข้าไปอย่างรีบร้อน รายงานต่อเหมยซูอย่างตื่นเต้น

 

 

“ขอแสดงความยินดีกับนายท่าน ท่านคำนวณแม่นยำดุจเทพเทวา” ถิงอวิ๋นฟังแล้วอมยิ้มประสานมือคารวะเหมยซู

 

 

เหมยซูงงงันก่อน แล้วใบหน้าที่เรียบเฉยแต่ไหนแต่ไรยังคงปรากฏรอยยิ้มอย่างพอใจ “นึกไม่ถึงว่านกเหยี่ยวตัวนี้จะอดใจไม่ไหว ไม่ค่อยเหมือนเขาเลย ไหน เล่ารายละเอียดซิ”

 

 

ชิงเหลียนเพิ่งกลับจากการเก็บห่านป่าตัวใหญ่ที่ถูกเหมยซูยิงร่วง บังเอิญเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตาจึงหัวร่ออย่างได้ใจ “เดิมทีชิงเหลียนก็คิดจะไปช่วย แต่เห็นองครักษ์ใหญ่เจิ้งหยางนำคนไล่ไปแล้ว บ่าวจึงไม่มากเรื่องและรีบกลับมาเรียนนายท่าน”

 

 

จากนั้นก็เล่ารายละเอียดที่เห็นให้เหมยซูฟัง

 

 

แต่มิรู้เพราะสาเหตุใด ระหว่างที่นางเล่าอยู่ ตอนแรกเหมยซูสีหน้ายินดี แต่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสงสัย จากนั้นสีหน้าเย็นลง สุดท้ายกลายเป็นสีหน้าอับจนแต่เจือด้วยความยินดีอย่างสับสน

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+