ลำนำบุปผาพิษ 1357 (1)+(2)

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 1357 (1)+(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1357 เจ้าคนผู้นี้ พูดไปพูดมาก็หนีไม่พ้นเรื่องกินเนื้อ! (1)

ส่วนอื่นยังพอไหว ทว่าส่วนหนึ่งของร่างกายยังค่อนข้างเจ็บ ความเจ็บนี้ทำให้เธอแข้งขาอ่อนไปบ้าง

เขาไปไหนแล้ว?

กู้ซีจิ่วมองไปรอบห้อง เครื่องเรือนทั้งหมดดูงดงามยิ่งนัก แม้แต่แจกันที่เธอทำขึ้นเองใบหนึ่งที่มุมกำแพงยังสวยงาม

ข้างเตียงมีเสื้อผ้าวางพับไว้ สีเหลืองอ่อน เนื้อผ้านุ่มลื่น ละเอียดอ่อนราวบุบฝาผลิบานท่างกลางแสงวสันต์

เสื้อผ้านี้ย่อมเป็นชุดที่จัดเตรียมไว้ให้เธอ กู้ซีจิ่วสวมใส่แล้วดึงกระจกมาส่อง ดวงตาของคนในภาพสะท้อนดุจสายน้ำฤดูใบไม้ผลิ ริมฝีปากดังเติมแต่ง พวงแก้มแดงระเรื่อ อ่อนโยนประหนึ่งดอกไม้ผลิบานสดใส

เธอลูบไล้ริมฝีปาก ส่วนอื่นยังดีอยู่ แต่ริมฝีปากบวมแดงเล็กน้อย อีกทั้งยังมีรอยแดงที่ชวนให้คิดไกลบริเวณลำคอ คนสายตาดีมองแวบแรกก็รู้ว่าผ่านอะไรมา เธอไม่กล้าออกไปข้างนอกแล้ว!

“ตื่นแล้วหรือ? เหตุใดไม่นอนต่ออีกสักหน่อย?” ตี้ฝูอีผลักประตูเข้ามา

เขาเปลี่ยนเป็นอาภรณ์สีม่วงที่ใส่ประจำแล้ว ดูไปแล้วมีชีวิตชีวา ท่าทางกระปรี้กระเปร่า

หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย นึกถึงพละกำลังเขาเมื่อคืน หนังหน้าที่หนามาตลอดแดงแล้วแดงอีก

น่าแปลก เมื่อวานตอนเย็นคนผู้นี้ตากฝนอยู่ค่อนคืน ตอนที่พาเขากลับมาก็ไม่ได้สติ เมื่อคืนเขายัง ‘ยุ่ง’ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนฟ้าสางได้

ว่ากันด้วยเหตุผล เขาควรจะเหนื่อยเป็นที่สุด กลับนึกไม่ถึง…

ตี้ฝูอีมองใบหน้าน้อยที่แดงระเรื่อของนาง หัวใจพลันสั่นไหว โอบเอวนางไว้ “เหนื่อยหรือไม่? ข้าคิดว่าเจ้าจะนอนจนฟ้ามืดเสียอีก”

กู้ซีจิ่วเอนศีรษะซบกายเขา หยอกล้อว่า “ท่านไม่เหนื่อยกว่าหรือ? ข้าคิดว่าสายฝนเมื่อคืนจะทำให้ท่านอ่อนแอลงบ้าง”

ตี้ฝูอีโอบรัดเอวเธอแน่นขึ้น หรี่ตาลง มุมปากยิ้มมิเชิงยิ้ม “ดูเหมือนเมื่อคืนเจ้าไม่ค่อยพึงใจสามีเท่าใด?”

เขาพลันอุ้มเธอขึ้นเดินไปข้างเตียง เห็นได้ชัดว่าอยากทำให้เธอ ‘พึงพอใจ’

กู้ซีจิ่วตื่นตระหนก ดิ้นในอ้อมกอดเขาจนร่วงหล่นลงพื้น แล้วถอยหลังไปหลายก้าวติดกัน “ท่านยังไม่จบไม่สิ้น…”

ไม่น่าให้คนผู้นี้ได้กินเนื้อเลย พอได้กินแล้วเขาก็อยากกินมันทุกเมื่อเชื่อวัน…

ตี้ฝูอีไม่ได้กดดันนาง อย่างไรเสียเมื่อคืนก็เป็นครั้งแรกของนาง และเขาก็ต้องการนางติดต่อกันสามสี่ครั้งอย่างไม่อาจควบคุมได้ ถึงแม้ดื่มสุรานั้นแล้ว นางก็ยังถือว่าเจ็บปวด ตื่นขึ้นมาเช้านี้ไม่เหมาะให้ต้องการถี่เกินไป…

ดังนั้นเขาจึงยิ้ม “ข้าคิดว่าเจ้าไม่พึงพอใจ…”

เธอพึงพอใจยิ่งนัก!

เธอที่ร่างกายแข็งแกร่งได้รับบาดเจ็บสาหัสยังเป็นคนแข็งแรงมีชีวิตชีวาได้ ยามนี้ต้องมาขาแข้งอ่อนแรง! ทั้งหมดเป็นเพราะเขา…

กู้ซีจิ่วไม่อยากพูดคุยหัวข้อคลุมเครือเช่นนี้กับเขาอีกต่อไป เพื่อไม่ทำให้เขาแปลงกายดุดันขึ้นมาอีก เธอถามเขา “ท่านหิวหรือไม่? อยากกินอะไร?”

ถึงแม้ตี้ฝูอีมาที่นี่หลายวันแล้ว ทว่าหากเขาไม่บาดเจ็บนอนอยู่บนเตียง ก็ไม่รู้ว่าจะไปกักตนอยู่ที่ใด ทั้งยังไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้อย่างเป็นทางการ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดยปกติที่นี่กินอะไรกัน และไม่รู้ว่าห้องครัวอยู่ที่ไหน ยิ่งไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรอร่อยกันแน่…

ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี อยากให้เขาได้กินอาหารที่อร่อยที่สุดของที่นี่

ตี้ฝูอียิ้ม จุมพิตเบาๆ ลงบนริมฝีปากนาง “ข้าอยากกินเจ้า…”

เจ้าคนผู้นี้ พูดไปพูดมาก็หนีไม่พ้นเรื่องกินเนื้อ!

กู้ซีจิ่วพลิกมือกอดเอวเขาไว้ ประทับรอยจูบที่ปลายคางเขา “ข้าไม่เหมือนท่านนะ ท่านอดข้าวอดน้ำได้ แต่ข้าหิวแล้วจริงๆ…”

เมื่อคืนเธอดื่มสุรากับพี่ชายไปไม่กี่จอก ยังไม่ได้กินอะไรเลยจนถึงตอนนี้ หนำซ้ำเมื่อคืนยังใช้เรี่ยวแรงไปมากมาย ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกหิวจนจะตายอยู่แล้ว

————————————————————————————-

บทที่ 1357 เจ้าคนผู้นี้ พูดไปพูดมาก็หนีไม่พ้นเรื่องกินเนื้อ! (2)

ตี้ฝูอียกชายเสื้อขึ้น บนโต๊ะเต็มไปด้วยขนมหลายจานกับข้าวหลายอย่าง โจ๊กผลถันภังคีสองชาม ก่อนโอบนางลงนั่งข้างโต๊ะ “ข้ารู้ว่าเจ้าหิว สิ่งเหล่านี้ข้าจัดเตรียมมาให้เจ้า พอหรือไม่?”

แค่โจ๊กผลถันภังคีที่เป็นอาหารพื้นเมืองของที่นี่ก็พอแล้ว ทว่าขนมและกับข้าวแค่มองแวบแรกก็รู้ว่าเอามาจากด้านนอก ประณีตเป็นพิเศษ รสชาติดียิ่งนัก เป็นประเภทที่กู้ซีจิ่วชอบกินเป็นที่สุด

อาหารที่นี่ถึงแม้มีคุณประโยชน์ ทว่าโภคทรัพย์ยังคงเร้นแค้น พืชผักเป็นผักป่าในภูเขา เนื้อก็คือเนื้อสัตว์ร้าย ไม่มีเครื่องปรุงรสใดๆ ไม่ว่าทำกับข้าวอะไรก็จะใส่เพียงเกลือเล็กน้อยเท่านั้น ธัชพืชก็ไม่มี ย่อมไม่มีพวกข้าวต้มหรือโจ๊กข้าวฟ่าง อาศัยกินน้ำผลถันภังคีถึงจะอิ่มท้อง แต่ก็ไม่ได้กินดีอยู่ดีแน่นอน สำหรับคนที่ค่อนข้างเลือกกินอย่างกู้ซีจิ่ว กินอาหารที่นี่ทุกวันทำให้เธอกลืนลำบาก กินก็เพื่ออยู่เท่านั้น

ความจริงแล้วเธอโหยหาอาหารเลิศรสด้านนอกมาก เพียงแต่ออกไปไม่ได้จึงไม่คิดถึงมันอีก

เธอนึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีไม่เพียงแต่พกของในห้องหอมา ยังพกกับข้าวติดมาด้วย จิตใจของคนผู้นี้ละเอียดรอบคอบเหนือธรรมดาจริงๆ!

ได้ดอมดมขนมและกับข้าวที่ไม่ได้กลิ่นมาเป็นเวลานาน กู้ซีจิ่วยิ้มแย้มปานบุปผา หอมแก้มเขาไปฟอดหนึ่ง“เสี่ยวอีอี ท่านรู้ใจข้าเสียจริง!”

หลังจากนั้นจึงปล่อยเขา หยิบขนมชิ้นหนึ่งกำลังจะกินอย่างมีความสุข ตี้ฝูอีก็จับแขนนางไว้ ยิ้มมิเชิงยิ้มมองนาง “ข้ารู้ใจเจ้าขนาดนี้ เจ้าหอมแก้มข้าพอเป็นพิธีแค่นี้หรือ?”

หอมยังไม่พอหรือ? หรือว่าเธอต้องขึ้นเตียงกับเขาอีกรอบเพราะอาหารมื้อนี้?

กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขา “ท่านยังต้องการอะไรอีก?”

ตี้ฝูอีชี้นิ้วไปที่ริมฝีปากตัวเอง “จูบตรงนี้”

กู้ซีจิ่วเป็นคนใจกว้าง จุมพิตริมฝีปากเขาอย่างมีความสุข สัมผัสเพียงเล็กน้อยและจากไปดังแมลงปอ

ตี้ฝูอีย่อมไม่อยากให้เธอทำอย่างขอไปทีเช่นนี้ ไม่ทันรอให้ลุกขึ้นก็ดึงเธอไว้ในอ้อมกอดทันที หลังจากจุมพิตดูดดื่มอันแข็งกร้าว เขาจึงปล่อยเธอไป และกล่าวอย่างเชื่องช้า “ต้องเช่นนี้สิ!”

หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อถูกเขาจุมพิต เธอพบว่าตนไม่อาจปฏิเสธความสนิทชิดเชื้อของเขาได้ จูบของเขาทำให้ใบหน้าเธอร้อนผ่าว ใจเต้นรุนแรง ฟองอากาศหอมหวานในจิตใจปรากฏขึ้นอีกครั้ง…

เธอส่งเสียงฮึ่มหนึ่งคราแล้วไปกินอาหาร

ระหว่างกินกู้ซีจิ่วพูดคุยกับตี้ฝูอี ถามเขาว่ามีวิธีออกไปจากที่นี่หรือไม่

เขาเป็นถึงเทพของทวีปนี้ เขาควรจะพาทุกคนออกไปได้กระมัง?

ตี้ฝูอีลังเลครู่หนึ่ง ก่อนทอดถอนใจ “สถานที่แห่งนี้…ออกไปได้ไม่ง่าย ยามนี้ข้ายังอับจนหนทาง”

หัวใจกู้ซีจิ่วหนักอึ้ง “ไม่หรอกกระมัง? แม้แต่ท่านก็ไม่มีวิธีหรือ? สถานที่แห่งนี้คือที่ใดกันแน่?”

“ใจกลางค่ายในยอดเขาที่แปด” ตี้ฝูอีไม่ปิดบังนาง

“ที่แท้ที่นี่คือยอดเขาที่แปด บนยอดเขาที่แปดไม่ได้มีแต่สัตว์ขั้นแปดหรือ? เหตุใดจึงไม่พบเจอสักตัวเลย” กู้ซีจิ่วงงงวย

ตี้ฝูอีถอนหายใจเอ่ย “ที่นี่คือใจกลางค่ายของยอดเขาที่แปด ต้นถันภังคีนี้เป็นต้นไม้เทพที่ถือกำเนิดจากฟ้าดิน บริเวณที่มันปกคลุมมีพลังวิญญาณเปี่ยมล้น ย่อมก่อตัวเป็นอาณาเขตบริสุทธิ์คอยชำระล้างไอพิฆาตด้านนอกด้วยตัวเอง ทำให้สัตว์ร้ายขั้นแปดที่ก่อกำเนิดจากไอพิฆาตออกไปด้านนอกไม่ได้ มันคือกุญแจสำคัญในการค้ำจุนป่าทมิฬ หากเกิดเหตุอันใดขึ้นกับมัน ทั่วทั้งป่าทมิฬนี้จะทลายลงอย่างรวดเร็ว สัตว์ร้ายที่ถือกำเนิดจากไอพิฆาตฟ้าดินจะร่วงลงสู่โลกมนุษย์ เป็นมหันตภัยร้ายต่อทวีป…”

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน เธอเหงื่อออกโซมกาย! ตอนที่เธอเพิ่งเข้ามาก็รู้สึกรางๆ ว่าต้นไม้ยักษ์นี้เป็นจุดสำคัญของผืนแผ่นดินนี้ เคยคิดถึงว่าจะลองตัดออกดู…ยามนี้เคราะห์ดีที่ไม่ได้ตัดไป! มิเช่นนั้น เธอก็ก่อเรื่องไปแล้ว!

————————————————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด