ลำนำบุปผาพิษ 1361 (1)+(2)

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 1361 (1)+(2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1361 อันที่จริงเขารีบร้อนยิ่งนักแล้ว… (1)

กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เอาคำถามเถอะ!”

“ซีจิ่ว หากว่าไม่มีทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอยู่ เจ้าจะชอบข้าไหม? ข้าอยากฟังคำตอบจากใจจริง โปรดตอบออกมาจากหัวใจของเจ้า มิใช่แค่ตัดปัญหายุ่งยากอันใดให้จบลงโดยเร็ว เจ้าคิดให้ดีแล้วค่อยตอบก็ได้”

แววตากู้ซีจิ่วสงบนิ่ง “ไม่ต้องคิดหรอก ข้าสามารถตอบได้ในยามนี้เลย ไม่มีทาง! ข้าสามารถปฏิบัติต่อเจ้าในฐานะคู่หูในฐานะสหายได้ แต่มิใช่ความสัมพันธ์แบบคนรักแน่นอน ข้าไม่มีความรู้สึกในเชิงนั้นให้เจ้าเลย”

น้ำเสียงเธอเยือกเย็นกระจ่างชัด ดับจินตนาการทั้งหมดของไป๋หลี่เช่อให้มอดลง สีหน้าเขาซีดเซียว “เจ้าชอบทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจริงๆ หรือ? หากว่าข้ายืนกรานไม่เห็นด้วยตลอดไปขอเพียงพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่อีกหนึ่งวัน ก็ไม่อาจอยู่ร่วมกันอย่างแท้จริงได้ เจ้ากับเขาจะต้องอยู่กันอย่างไร้ฐานะตลอดไป เช่นนี้เจ้าจะไม่เสียใจภายหลังใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วสุ่มหยิบผลไม้ลูกหนึ่งขึ้นมา ตอบอย่างเฉยเมยว่า “ความจริงแล้วหากข้าต้องการอยู่กับเขา ผู้ใดก็ไม่อาจขัดขวางพวกเราได้ ตอนอยู่ข้างนอกพวกเรามีสัญญาหมั้นหมายกันแล้ว หากไม่มีเหตุเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น ข้าคงออกเรือนกับเขาอย่างสง่าผ่าเผยไปแล้ว ว่ากันตามจริงตัวข้าผู้นี้ไม่แยแสวาจาคนเสมอมา และไม่สนใจสายตาของผู้อื่น ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่เกี่ยวข้องกับคนที่สามหน้าไหน”

สายตาของเธอกวาดมองฝูงชนรอบหนึ่ง ฝูงชนทั้งหมดก็มองเธอเช่นกัน เธอพูดต่อไป “เหตุผลที่เขายอมปฏิบัติตามกฎของหัวหน้าหลัว ด้วยไม่อยากให้ข้าถูกผู้ใดติฉินนินทา และเห็นแก่ที่หัวหน้าหลัวเป็นพี่ชายของข้า ไม่อยากให้เขาลำบากใจเกินไป เนื่องจากเขาให้เกียรติข้าดังนั้นจึงให้เกียรติกฎระเบียบของที่นี่ด้วย อยากได้รับคำอวยพรจากทุกคน แต่สำหรับข้าแล้ว กฎนี้ไม่มีข้อผูกมัดอันใดกับข้าเลย ข้าจะชอบใครก็เรื่องของข้า ได้รับการยอมรับความเห็นชอบจากทุกคนข้าดีใจยิ่งนัก แต่ถ้าจะอาศัยเรื่องนี้มาเจตนาเอาคืนล้างแค้น เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงกล่าวขออภัยแล้ว มิตรภาพของพวกเราคงต้องสิ้นสุดลงตรงนี้เช่นกัน!”

ไป๋หลี่เช่อหน้าซีดแล้ว

เด็กสาวนั้นหน้าบาง เมื่อก่อนยามที่บุรุษจะแต่งภรรยาต้องได้รับความเห็นชอบจากทุกคนจึงทุ่มเททำสารพัด เด็กสาวเหล่านั้นกระดากที่จะพูดให้มากความ ส่วนใหญ่แล้วทั้งหมดล้วนเบิกตามองว่าที่สามีของตนทุ่มเทสุดชีวิตอยู่ตรงนั้น บ้างก็ถึงขั้นที่ถูกหลอกปั่นหัว ว่าที่เจ้าสาวก็ไม่กล้าพูดมากเลยสักประโยค

ส่วนกู้ซีจิ่วกลับพูดออกมาที่นี่อย่างฉะฉาน และแสดงความรู้สึกของนางออกมาโดยไม่เคอะเขินเลยสักนิด นางทำเช่นนี้ในยามนี้เป็นการมอบคำเตือนให้เขาอยู่กลายๆ เกลี้ยกล่อมให้เขาหยุดลงตรงนี้ มิเช่นนั้นนางกับเขาก็ไม่อาจเป็นสหายกันได้แล้ว…

เด็กสาวผู้นี้มีความกล้าหาญ มีความรับผิดชอบ! ไม่เสแสร้งดัดจริต กล้าพูดกล้าทำ ตี้ฝูอีสามารถแต่งนางได้นับว่ามีโชคอย่างแท้จริง!

บุรุษหลายคนที่เคยเคี่ยวกรำลำบากลำบนแสนสาหัสจนฟกช้ำดำเขียวเพื่อให้ได้แต่งงานมองกู้ซีจิ่วด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใส

ไป๋หลี่เช่อก้มหน้าลง สูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “วางใจเถอะ ซีจิ่ว ข้าไม่มีเจตนากลั่นแกล้งพวกเจ้าหรอก ข้าแค่อยากเห็นว่าการถอยของข้าคุ้มค่าหรือไม่”

กู้ซีจิ่วยิ้มนิดๆ ชูจอกสุราขึ้น “ขอบคุณยิ่งนักสำหรับการสนับสนุน มา ข้าคารวะเจ้าหนึ่งจอก ไม่ว่าอย่างไรก็ขอบคุณในความชมชอบของเจ้า”

เมื่อไป๋หลี่เช่อดื่มสุราจอกนี้ลงไป ก็เท่ากับว่าเขาเห็นชอบกับเรื่องนี้แล้วเช่นกัน

สายตาที่หลัวจั่นอวี่มองกู้ซีจิ่วทอแววซับซ้อนรางๆ นึกไม่ถึงว่าไป๋หลี่เช่อที่กระดูกแข็งเคี้ยวยากปานนี้จะถูกกู้ซีจิ่วสยบลงอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้

มีบางคนกวาดตามองรอบข้างแวบหนึ่ง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นั้นล่ะ? หลายวันมานี้ไม่เห็นเขาเลยนะ”

คนอื่นก็พากันคล้อยตาม ล้วนแสดงความเห็นไม่ต่างกันว่าไม่เห็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาสามวันแล้ว

กู้ซีจิ่วยุ่งมากจริงๆ ง่วนอยู่กับเรื่องยกระดับวิชาหลอมโอสถ งานเลี้ยงรอบกองไฟครั้งนี้เดิมทีเธอไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ แต่เธอไม่ได้เจอตี้ฝูอีกว่าสิบวันแล้ว ในใจค่อนข้างคะนึงหายิ่งนัก คิดอาศัยโอกาสนี้พบหน้าเขาสักครั้ง ถึงแม้ไม่อาจพูดคุยได้ทว่าได้สบตากันสักแวบก็ยังดี คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไม่มา นี่ทำให้เธอค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย

————————————————————–

บทที่ 1361 อันที่จริงเขารีบร้อนยิ่งนักแล้ว… (2)

ในใจถึงขั้นที่ขุ่นเคืองอยู่บ้าง ถึงแม้ตามกฎแล้วเขาไม่สามารถพบเจอเธอได้ แต่อย่างไรเขาก็ไม่แอบมาหาเธอหน่อยหรือ? เขารู้อยู่ชัดๆ ว่าเธอไม่สนใจพิธีรีตองพวกนั้น ถึงแม้แอบมาหาเธอสักแวบหนึ่งก็ยังดีนี่!

ทูตสวรรค์ฝ่ายผู้นี้เห็นกฎระเบียบเป็นเพียงเมฆาเลื่อนลอยเสมอมา หนนี้กลับรักษากฎอย่างเคร่งครัดไม่ย่อหย่อนสักนิด ทำให้คนชิงชังจนกัดฟันกรอดๆ

ไม่ได้พบเธอมาหลายวันแบบนี้ เขาไม่คิดถึงเธอหรือไง?

ฮึ เห็นทีว่าคงไม่คิดถึงเท่าไหร่!

กู้ซีจิ่วหลุบตาดื่มสุราไปหนึ่งจอก จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา “นั่งคุยกันเฉยๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย มิสู้ให้ข้าร้องเพลงให้ทุกคนฟังสักเพลงดีไหม?”

ตั้งแต่กู้ซีจิ่วมาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยร้องเพลงเลย ทุกคนย่อมคาดไม่ถึงว่าเธอจะร้องเพลงเป็น ตะลึงกันอยู่ครู่หนึ่งก็พากันร้องว่าดี

ที่นี่คนที่ร้องเพลงได้ยอดเยี่ยมที่สุดคือหวงซังเซียง นางมักจะภูมิในเรื่องนี้อยู่เสมอ ยามนี้เมื่อได้ยินกู้ซีจิ่วกล่าวเช่นนี้ นางก็ยิ้มน้อยๆ แล้วเปิดปากเอ่ย “ใช่แล้ว ทุกคนลุกขึ้นมาร้องรำทำเพลงก็ค่อนข้างน่าสนุกดี ไม่ว่าจะร้องเป็นหรือร้องไม่เป็น กล้าร้องก็ยอดเยี่ยมแล้ว”

สองตามองไปที่กู้ซีจิ่ว นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววยั่วยุ “แม่นางกู้ ท่านมีความกล้าในการร้อง วางใจเถอะ ไม่ว่าท่านจะร้องแย่มากเพียงใดทุกคนก็จะไม่หัวเราะเยาะท่าน นับเป็นการโยนกระเบื้องล่อหยก[1]ที่ยอดเยี่ยม ประเดี๋ยวข้าค่อยร้องรำให้ทุกคนฟังอีกเพลง”

กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร เธอแทบจะขำออกมาแล้ว!

คงเป็นเพราะระยะนี้เธอโดดเด่นเหลือเกิน ทำให้จิตใจหวงซังเซียงคลอนแคลนยิ่งนัก ถึงแม้จะเคยได้รับบทลงโทษที่หนักหนาไปแล้ว แต่นางกลับไม่เรียนรู้ที่จะทำตัวสงบเสงี่ยมเก็บหางเสียบ้างเลย ลอบหาโอกาสเล่นงานกู้ซีจิ่วลับหลังอยู่เสมอ สำหรับนางแล้วแม้จะเป็นเพียงการใช้วาจายั่วยุก็ถือว่าดีมากแล้ว

กู้ซีจิ่วคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับคนเช่นนี้เสมอมา ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจนาง

ยากนักที่หวงซังเซียงจะยึดครองความได้เปรียบได้ ยามนี้จึงค่อนข้างภูมิใจ นางกวาดตามองทุกคนรอบหนึ่ง “ทุกคนอยากเห็นข้าร้องเพลงเต้นระบำหรือไม่?”

นางยังคงเข้าใจกลยุทธ์การกระตุ้นความอยากยิ่งนัก ทราบว่าของหายากสิถึงจะแพง ยามปกติจึงไม่ร้องรำต่อหน้าผู้คนเท่าไหร่ จะรอให้คนอื่นรบเร้าเชิญชวนให้หน้านางจนพอก่อน นางถึงจะร้องมาร้องรำสร้างความหรรษาอย่างไว้ท่าสักเพลง ทุกคนล้วนต้องโห่ร้องให้กำลังใจ มิเช่นนั้นจะเป็นการดูหมิ่นนาง ต่อไปนางก็จะไม่ร้องอีก

เนื่องจากเรื่องนี้ เหล่าบุรุษที่ยังคงค่อนข้างเอ็นดูนางอยู่ ยามที่นางร้องเพลงร่ายรำจะต้องปรบมือแล้วร้องว่ายอดเยี่ยมใส่หน้านาง

ยากนักที่จะได้เห็นนางเสนอตัวออกมาร้องรำเองเช่นยามนี้ คนส่วนใหญ่ยังคงชื่นชอบยิ่งนัก เพียงแต่นางถามเช่นนี้ออกมาในยามนี้ เห็นได้ชัดว่าอยากสร้างความลำบากให้กู้ซีจิ่ว ดังนั้นทุกคนจึงมองหน้ากันกระอักกระอ่วน สุดท้ายทุกคนก็ตอบกันอย่างคลุมเครือ “การร้องรำของเจ้าทั้งสองพวกเราล้วนอยากเห็นทั้งคู่”

“แม่นางทั้งสองต่างร้องรำกันเถิด ข้าตั้งตารอชมแล้ว…”

ทุกคนค่อนข้างมีประสบการณ์โชกโชน วาจาเช่นนี้ล้วนไม่ล่วงเกินแม่นางทั้งสอง

ในใจหวงซังเซียงไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้เผยท่าทีไม่พอใจออกมา นางจะทุ่มเทในการร้องรำเพื่อเอาชนะแล้วกู้หน้ากลับมาให้ตัวเอง ให้กลายเป็นจุดสนใจของเหล่าบุรุษอีกครั้ง

ผู้คนที่นี่มีอยู่ไม่กี่คนที่สามารถเล่นดนตรีได้ ถึงขั้นมีอยู่คนหนึ่งที่มีพิณโบราณอยู่หนึ่งตัว ดีดได้เข้าทีอยู่บ้าง ยามนี้เขาจึงขันอาสา “ข้าใช้พิณบรรเลงประกอบให้แม่นางทั้งสองเอง”

หวงซังซียงมองไปที่กู้ซีจิ่ว “แม่นางกู้ ท่านเริ่มก่อนเถิด”

————————————————————–

[1] โยนกระเบื้องล่อหยก เป็นหนึ่ง 36 ยอดกลยุทธ์ของจีน เป็นกลยุทธ์ที่มีความหมายถึงการใช้สิ่งใดที่มีความคล้ายคลึงกันในการหลอกล่อดึงดูดความสนใจของศัตรู แต่ปัจจุบันใช้เป็นสุภาษิตที่มีความหมายว่า เสนอความคิดตื้นๆ ที่ไม่ค่อยได้ความเพื่อหลอกล่อขอความคิดเห็นที่ดีกว่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด