ลำนำบุปผาพิษ 1678+1679

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 1678+1679 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1678 นางมีวิธีมากมาย!

และกู้ซีจิ่วโยน ‘เสบียง’ เหล่านี้ลงเหมยโลหิตต้นนั้นทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น ทั้งหมดถูกเหมยโลหิตกลืนกินหายไปในชั่วพริบตา

เจ้าหอยยักษ์กระชับกำปั้นแน่นมองดู

ไอ้ต้นไม้นี่กินเก่งยิ่งกว่ามันเสียอีก!

หลานเยวี่ยไม่ค่อยเข้าใจ กู้ซีจิ่วให้อาหารต้นไม้อยู่ชัดๆ กำลังทลายค่ายกลตรงไหนกัน?

“ค่ายกลนี้เป็นค่ายกลมารบรรพกาล ข้าก็ทลายได้ ทว่าหากใช้วิธีการแก้ตามค่ายกลปกติ ความรุนแรงจะทำให้ผู้บงการอยู่เบื้องหลังไหวตัวทัน เมื่อพวกเราบุกเข้าไป ไม่แน่ผู้บงการอยู่เบื้องหลังอาจพาพวกหลานไว่หู่หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว” ตี้ฝูอีอธิบาย

เยี่ยนเฉินมองกู้ซีจิ่ว “นี่นางใช้วิธีไม่ปกติอย่างนั้นหรือ? ให้อาหารเหมยโลหิตจนอิ่ม มันก็จะเปิดค่ายกลด้วยตัวเอง?”

เขาเพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ จู่ๆ ป่าเหมยด้านล่างก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย เหมยโลหิตสั่นสะท้านราวเป็นไข้มาลาเรีย แล้วเบื้องล่างของมันก็เปิดขึ้นเป็นโพรงใหญ่โพรงหนึ่งอย่างเงียบเชียบ…

หลานเยวี่ยเบิกตาโพลง ไม่ใช่กระมัง?! เช่นนี้ก็ได้หรือ?!

ต้นไม้ต้นนี้กินจนอิ่มแล้วก็เปิดประตูจริงๆ ด้วย!

ทว่า การคาดการณ์ของเขาเช่นนี้อยู่ในหัวได้ไม่เกินสามวินาที ก็รู้ว่าตัวเองคาดการณ์ผิดไปแล้ว

เนื่องจากมีคนสองคนมุดออกมาจากโพรงยักษ์นั้น

รูปแบบการแต่งตัวของสองคนนี้เหมือนกับผู้คงแก่เรียน ไม่เหมือนพวกที่มุดออกมาจากใต้ดิน ทว่าเหมือนหลุดออกมาจากสนามสอบ

พวกเขามองดูไปรอบๆ คนผู้หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? คืนนี้ต้นไม้นี้คึกคักเหนือธรรมดา มีอาหารโลหิตมากมายขนาดนี้มาจากที่ใดกัน?”

คนอีกผู้หนึ่งส่ายหน้า “ลองตรวจสอบดูเถิด จะได้ไม่รบกวนการทำงานของนายท่าน”

ทั้งสองเริ่มเดินตรวจสอบป่าเหมยอย่างรวดเร็ว…

แน่นอนว่าตอนพวกเขาอยู่ห่างจากเหมยโลหิต ก็ไม่ลืมที่จะปิดค่ายกลก่อน ทำให้เหมยโลหิตกลับสู่สภาพเดิม

พวกกู้ซีจิ่วหยุดอยู่กลางอากาศ รอบกายมีเขตแดนที่ตี้ฝูอีสร้างขึ้น สองคนนั้นจึงมองไม่เห็นพวกเขา

เยี่ยนเฉินมองกู้ซีจิ่วด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธา นางมีวิธีมากมาย!

สองคนนั้นเดินตรวจสอบละแวกนั้นรอบหนึ่งอย่างรวดเร็ว พวกเขายังจับหนูหริ่งกับหมาป่าตัวหนึ่งท่ามกลางป่าเหมยได้

ยามที่กลับมาก็ให้อาหารต้นไม้นั้น คนผู้หนึ่งในนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหยื่อในค่ำคืนนี้มีไม่น้อยเลยจริงๆ มากมายยิ่งกว่าที่ผ่านมาอีก”

อีกผู้หนึ่งเอ่ย “อันที่จริงก็ไม่แปลก นายท่านบอกว่าป่าเหมยนี้ปล่อยกลิ่นอายชนิดพิเศษได้เพื่อดึงดูดเหยื่อเหล่านั้น บางทีคืนนี้กลิ่นอายเหล่านั้นน่าจะเข้มข้นเป็นพิเศษ”

ทั้งสองพูดคุยกันพลางใช้พลังวิญญาณพิเศษเปิด ‘ประตู’ เข้าไปด้วยบันไดภายในโพรงยักษ์นั้น

แน่นอนว่าตอนพวกเขาเข้าไปในโพรงก็ไม่ลืมที่จะปิด ‘ประตู’ ทำให้ด้านนอกกลับคืนสู่สภาพเดิม

บันไดมีหลายขั้นและลึกมาก กำแพงโพรงทั้งสองฝั่งมีเปลวเทียนที่ไม่ดับนับพันปีส่องสว่างพลิ้วไหว

ทั้งสองคนกำลังเดินอยู่ คนผู้หนึ่งในนั้นหนาวจนสั่นสะท้านอย่างมิอาจบรรยายได้ จึงพูดกับสหายร่วมทาง “น่าแปลก ข้ารู้สึกว่ามีคนตามพวกเรามาตลอดเวลา…”

สหายของเขารีบกวาดตามองรอบด้าน เมื่อไม่เห็นอะไรก็โล่งใจ “อย่าทำให้ตัวเองตกใจเองสิ! สถานที่แห่งนี้ผู้ใดจะเข้ามาได้? พวกเราเปิดปิดประตูด้วยความระมัดระวังมาก อย่าว่าแต่คนเลย ต่อให้เป็นแมลงวันตัวหนึ่งก็ไม่อาจตามเข้ามาได้ อย่าได้หวาดระแวงไป!”

คนผู้นั้นเกาศีรษะ “ข้าก็รู้สึกว่าไม่น่าจะมีใครตามเข้ามาได้…” แล้วทอดถอนใจอีกครั้ง “คงเพราะที่นี่มีคนตายมากมาย ข้ารู้สึกว่ารอบด้านมีเงาภูตผีอยู่ตลอดเวลาเลย”

เขาพูดพลางสาวเท้าก้าวเดินไปด้านหน้า เดินไปได้พักหนึ่งก็พบว่าสหายร่วมทางโอ้เอ้อยู่ด้านหลัง จึงหันกลับมารอให้เขาไล่ตามมา บ่นว่า “ทําไมจู่ๆ เจ้าถึงเดินช้าขนาดนี้กัน? ทําเอาข้าตกใจหมด!

—————————————————————–

บทที่ 1679 ปะปนเข้าไป!

เขาพูดพลางสาวเท้าก้าวเดินไปด้านหน้าด้วย เดินไปได้พักหนึ่ง ก็พบว่าเพื่อนร่วมงานโอ้เอ้อยู่ด้านหลัง จึงหันกลับมารอให้เขาไล่ตามมา บ่นว่า “ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงเดินช้าขนาดนี้กันล่ะ? ทำเอาข้าตกใจหมด! รีบเดินเถอะ คืนนี้เป็นวันสำคัญของนายท่าน จะปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุอันใดขึ้นไม่ได้ คืนนี้พวกเราต้องเฝ้าประตูให้เข้มงวด…”

“นายท่านจะเริ่มกินเนื้อแล้วกระมัง?” สุ้มเสียงของเพื่อนร่วมงานเขาเอื่อยเฉื่อย

“ใช่แล้ว เฮ้อ ดรุณีสองนางที่งดงามถึงเพียงนั้น ต้องการเป็นอาหารโลหิตสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ์ของนายท่าน น่าเสียดายเหลือเกิน ถ้ามอบให้พวกเราพี่น้องได้เล่นสนุกกันก่อนก็คงดี”

“นี่ก็ถูก ใช่แล้ว นายท่านเริ่มกลืนกินไม่อนุญาตให้มีคนไปรบกวน แล้วใครไปคอยคุ้มกันนายท่านอยู่ที่นั่นเล่า? ต้องเข้าไปกำชับพวกเขาหน่อยหรือไม่? ให้พวกเขาอย่าก่อความเคลื่อนไหวที่จะเป็นการรบกวนนายท่านดีไหม?” เพื่อนร่วมงานของเขาเสนอความเห็น

คนผู้นั้นหัวเราะขึ้นมา “ที่นั่นมียอดฝีมือกลุ่มใหญ่คอยคุ้มกันนายท่านอยู่! คนใดบ้างเล่าที่ฝีมือไม่เหนือล้ำกว่าพวกเรายิ่งนัก? อีกอย่างทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ ย่อมไม่รบกวนนายท่านแน่นอน ไม่ต้อการให้ยามเฝ้าประตูใหญ่อย่างเจ้าไปกำชับหรอก”

เพื่อนร่วมงานของเขาถอนหายใจ “อันที่จริงข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าการกลืนกินจะเป็นอย่างไร…ไม่ได้รับผลประโยชน์ ได้เห็นเป็นบุญตาก็ยังดี”

คนผู้นั้นตบไหล่เขาทีหนึ่ง “ดูเดออะไรกันล่ะ นายท่านอยู่ในสระโลหิตนะ ที่นั่นอันตรายอย่างยิ่ง มิใช่สถานที่ที่เจ้ากับข้าจะเข้าใกล้ได้ พวกเรามีส่วนช่วยในการบุกเบิกอาณาจักร ต้องมีรางวัลใหญ่แน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นสาวงามเช่นใดเล่าที่อยากเห็นแล้วจะไม่ได้เห็น? ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับดรุณีสองนางนั้นเลย”

เพื่อร่วมงานของเขาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ที่เจ้าพูดมาก็ถูก”

คนผู้นั้นหัวเราะ “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว ดีชั่วอย่างไรข้าก็อายุมากกว่าเจ้าสามสี่ปี มองเรื่องราวกระจ่าง” เขายื่นแขนไปโอบไหล่เพื่อนร่วมงาน “ภายหน้าเจ้าติดตามคลุกคลีกับข้า ข้าจะสอนเจ้า…” ถ้อยคำท่อนหลังเขาไม่อาจกล่าวออกมาได้แล้ว

แขนของเขายังไม่ทันพาดลงบนบ่าของเพื่อนร่วมงาน บั้นเอวพลันปวดแปลบชาหนึบขึ้นมา!

เขาเบิกตากว้างจ้องไปที่เพื่อนร่วมงานของตน ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยคล้ายอยากจะตะโกนอะไรออกมา ทว่ากล่าวไม่ออกเลยสักคำ! ร่างกายอ่อนยวบทรุดลงไป ไม่หายใจอีกต่อไป

คนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในมุมมืด ก้มตัวลงหมายจะถอดเสื้อคลุมตัวนอกของศพนั้นออกมา

“รอเดี๋ยว” เพื่อนร่วมงานคนนั้นโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง อาภรณ์บนร่างผู้ตายถอดออกมาจากร่างด้วยตัวเอง คลื่นแสงสายเล็กๆ เส้นหนึ่งวาบขึ้นมา ทำความสะอาดเสื้อคลุมตัวนอกนี้อย่างหมดจด ถึงได้ส่งมอบให้

ผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นในมุมมืดคือกู้ซีจิ่ว ส่วนคนที่สวมรอยเป็น ‘เพื่อนร่วมงาน’ แล้วลอบจู่โจมอย่างรวดเร็วย่อมเป็นตี้ฝูอี

ทักษะการแสดงของคนผู้นี้เป็นเลิศ สวมรอยเป็นเพื่อนร่วมงานของคนผู้นั้นอย่างแนบเนียนไร้พิรุธ ตราบจนวินาทีสุดท้ายคนผู้นั้นก็ยังไม่ทราบว่าตนตายได้อย่างไร

กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร รับเอาเสื้อผ้าชุดนนั้นมาสวม แล้วแปลงโฉมอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ใช้พลังวิญญาณปรับเปลี่ยนความสูงและเครื่องหน้าของตน ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ไม่มีสิ่งใดต่างไปจากยามเฝ้าประตูที่สิ้นชีพไปคนนั้นแล้ว

ตอนที่ยามเฝ้าประตูสองคนเข้ามาก่อนหน้านี้ เธอกับตี้ฝูอีก็รีบใช้วิชาเร้นกายตามเข้ามาด้วย กระทำการอย่างเทพไม่รู้ผีไม่เห็นโดยแท้

เดิมทีกู้ซีจิ่วไม่คิดจะร่วมมือกับเขา แต่ที่นี่คนที่สามารถใช้วิชาเร้นกายได้มีเพียงเธอกับเขาเท่านั้น…

และที่ตี้ฝูอีเอาการเอางานถึงเพียงนี้ ก็เพื่อหลานจิ้งอี๋อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

เขายังคงเกรงว่าเธอจะเกิดอารมณ์ชั่ววูบลอบทำร้ายหลานจิ้งอี๋เพื่อล้างแค้นกระมัง?

เหอะๆ เธอไม่ทำเรื่องโง่ๆ ที่จะชักนำความเดือดร้อนมาสหายอีกหรอกน่า! อย่างน้อยก็ไม่ทำในตอนที่ยังมีความสามารถไม่เพียงพอ…

หลังจากที่เธอเก็บกวาดรอบข้างแล้ว ก็รีบมุ่งสู่ด้านในทันที

ผู้บงการเบื้องหลังคนนั้นจะลงมือกับหลานไว่หูในคืนนี้แล้ว! เธอต้องรีบตามไปช่วยคน…

——————————————————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด