ลำนำบุปผาพิษ 1912+1913

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 1912+1913 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1912 คนอัปลักษณ์ หญิงวิปริต! 4

เขาเตะงูดำตัวนั้นที่สิ้นชีพจนไม่อาจสิ้นชีพไปมากกว่านี้ได้แล้วอีกครั้ง จากนั้นก็ลูบพุงน้อยๆ ที่ร้องโครกครากของตน ตัดสินใจในทันใด ชำแหละงูตัวนั้นเสียเลย

หนังงูตัวนั้นเป็นสีดำแวววาว แต่เนื้อของมันกลับเป็นสีขาวน้ำนม ใสกระจ่างปานเต้าหู้นมสดชั้นดี

เสี่ยวเนี่ยนโม่หั่นส่วนที่อร่อยที่สุดบนร่างของงูตัวนั้นออกมา จากนั้นก็ก่อไฟ ย่างกินเสีย

ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดมาแย่งชิงกับเขาแล้ว เนื้องูสดใหม่ ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อยกว่าที่คาดไว้ เขากินจนอิ่มหนำอย่างมีความสุข หลังจากกินอิ่มแล้ว เขาก็รู้สึกว่าพละกำลังเพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าตัว จิตวิญญาณการต่อสู้ลุกโชน จากนั้นก็สาวเท้าก้าวออกไป

หลังเขาจากไปได้ไม่นาน กู้ซีจิ่วก็ปรากฏตัวขึ้น เธอก้มลงตรวจเนื้องูหนังงูกองนั้นดูเล็กน้อย ส่ายหน้านิดๆ มองไปยังทิศทางที่เสี่ยวเนี่ยนโม่จากไปแววตาวูบไหวนิดๆ

 ในที่สุดพู่หยกที่หว่างเอวเธอก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาอีกครั้ง ทอแสงอ่อนจางออกมา น่ามองยิ่งนัก

สิ่งที่เรียกว่าผู้ถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ที่อยู่ในสมองเธอบอกไว้ว่า เมื่อพู่หยกนี้พบเจ้าจองที่แท้จริง จะส่องแสงเจ็ดสีออกมา

เมื่อดูจากยามนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเสินเนี่ยนโม่จะเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์…

‘จะต้องบีบคั้นเขาให้ถึงที่สุด!’ เสียงที่ไม่ชายไม่หญิงสายนั้นแว่วขึ้นมาในสมองแล้ว

กู้ซีจิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง เห็นทีว่าที่เธอบีบคั้นไปจะยังไม่เพียงพอ…

เธอพริ้มตาลงเล็กน้อย โบกมืออยู่กลางอากาศ ผ่านไปครู่หนึ่ง เกิดเสียงพึ่บพั่บแว่วขึ้นในอากาศ สิ่งมีชีวิตดำเมื่อมฝูงใหญ่พุ่งตรงเข้าสู่ป่าดิบชื้น…

เสินเนี่ยนโม่นึกไม่ถึงเลยว่าเพิ่งสังหารงูดำเสร็จสิ้นไป ยังไม่ทันได้หายใจหายคออย่างจริงจัง ก็มีค้างคาวประหลาดฝูงหนึ่งมาอีกแล้ว

ค้างคาวชนิดนี้ดุร้ายพิสดาร เขี้ยวยาวในปากเสมือนฟันเลื่อยสองแถว เสี่ยวเนี่ยนโม่ได้เห็นค้างคาวประหลาดชนิดนี้กัดลงบนศิลาเขียวก้อนหนึ่งด้วยตาตน กัดจนศิลาเขียวก้อนใหญ่แหลกเป็นผุยผงได้ทันที

ค้างคาวประหลาดชนิดนี้ไม่ได้มาตัวเดียว แต่มาเป็นฝูง!

โอบล้อมเสี่ยวเนี่ยนโม่ไว้ปานฝูงต่อที่หนาแน่น ทำให้เขาเกิดความรู้สึกหลอนเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปในถ้ำค้างคาว…

ค้างคาวมากมายเกินไป กรูกันเข้ามาโจมตีจามสามร้อยหกสิบองศา กระบี่ล้ำค่าของเสี่ยวเนี่ยนโม่ค่อยๆ ผุกร่อนไปทีละน้อย ถูกค้างคาวตัวหนึ่งฉวยโอกาสพุ่งเข้ามา งับลงบนเนื้อผ้าตรงส่วนอกของเขา!

เนื้อผ้าหลอมละลายอย่างรวดเร็วปานถูกกร่อนด้วยน้ำกรด เสี่ยวเนี่ยนโม่ตกตะลึงยิ่ง แทบไม่คิดให้มากความเลย มือข้างหนึ่งโยนเสื้อคลุมบนร่างออกไปทันที!

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว บนร่างเขาจึงเหลือเพียงเสื้อเอี๊ยมผืนหนึ่งและกางเกงตัวในหนึ่งตัว เผยให้เห็นแขนน้อยที่ขาวนวลเนียน

มีค้างคาวมากเกินไป บนร่างเขาจึงมีรอยแผลมากมายเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สองแขนเล็กๆ มีแผลอาบเลือดเพิ่มขึ้นมาสองสามแห่ง แม้แต่กางเกงตัวในก็ถูกทึ้งจนประหนึ่งกางเกงขอทาน ขาดรุ่งริ่ง แทบจะทำให้เขาเปลือยเปล่าล่อนจ้อนแล้ว…

โชคดีที่ค้างคาวใช้ปลายปีกกรีดเฉือนกางเกงตัวในของเขา หากว่าเป็นการกัด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังถูกกัดกร่อน เสี่ยวเนี่ยนโม่คงต้องถอดกางเกงสู้เสียแล้ว

บนกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง กู้ซีจิ่วนั่งห้อยอยู่ตรงนั้น มองการต่อสู้ด้านล่าง

แบบนี้น่าจะนับว่าบีบคั้นเขาจนถึงที่สุดได้แล้วกระมัง?

เอยื่นมือไปเคาะพู่หยกที่หว่างเอว จากนั้นก็มองดูเด็กน้อยคนนั้นที่สู้อย่างสุดชีวิตอยู่

ช่างเถอะ ไม่แกล้งเขาแล้ว! เดี๋ยวจะทำร้ายเขาเขาจริงๆ…

ขณะที่เธอกำลังจะทำบางอย่าง จู่ๆ ก็เห็นว่าเสี่ยวเนี่ยนโม่ที่อยู่ในสนามรบพลันมีแสงทองสายหนึ่งระเบิดออกมาจากร่าง! แสงทองนั้นแฝงสีรุ้งสดใสเอาไว้รางๆ ด้วย

ในเวลาเดียวกันนี้ พู่หยกที่หว่างเอวของเธอก็ส่องแสงเจ็ดสีออกมาทันทีเช่นกัน ตอบรับกับคลื่นแสงที่ส่องออกมาจากร่างของเสินเนี่ยนโม่

แม้ว่าแสงทองนั้นจะอ่อนจางยิ่งนัก แต่ก็ยังอยู่ในสายตาของกู้ซีจิ่ว

————————————————————————-

บทที่ 1913 คนอัปลักษณ์ หญิงวิปริต! 5

แม้ว่าแสงทองนั้นจะอ่อนจางยิ่งนัก แต่ก็ยังอยู่ในสายตาของกู้ซีจิ่ว เธอชักมือที่จรดมุทรา มองดูเด็กน้อยที่ต่อสู้อย่างสุดชีวิตเบื้องล่างด้วยสายตาซับซ้อน

ไม่รู้ว่าสุขสันต์หรือทุกข์ตรม

เป็นเขาจริงๆ! นึกไม่ถึงว่าเขาก็คือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์…

แสงทองบนเรือนกายของเสี่ยวเนี่ยนโม่ทำให้ค้างคาวประหลาดเหล่านั้นตกใจจนล่าถอยไป หลายตัวที่ถูกลำแสงสีทองนั้นสาดส่องถึงขั้นกรีดร้องโหยหวนก่อนจะร่วงหล่นไป ชักกระตุกไม่กี่ครั้งแล้วตายจากไป

เสี่ยวเนี่ยนโม่รู้สึกว่ายามวิกฤตที่ต้องเอาตัวรอดสุดชีวิตเมื่อครู่ มีพละกำลังบางอย่างภายในร่างกายพุ่งออกมา ถึงได้มีแสงทองอ่อนจางสายนั้นวาบขึ้น เมื่อเห็นว่าแสงทองใช้ได้ผล เขาจึงรีบรับรู้พละกำลังที่มิอาจบรรยายได้นั้นอีกครั้งทันที

นึกไม่ถึงว่าพละกำลังนั้นเกิดขึ้นและดับสูญไปอย่างมิอาจบรรยายได้เช่นกัน เมื่อเขาอยากใช้งานกลับกลายเป็นหาไม่เจอเสียแล้ว!

ในขณะต่อสู้เขาเหลือบมองอยู่บ้างเป็นครั้งคราว จู่ๆ ก็มองเห็นคนหน้าผีอาภรณ์ดำนั่งอยู่บนยอดไม้ กำปั้นน้อยกระชับแน่นทันใด!

คนผู้นี้เป็นคนออกอุบายจริงๆ ด้วย!

เมื่อเห็นนิ้วมือคนผู้นั้นจรดขึ้น ราวกับต้องการจะเคลื่อนไหวอะไรสักอย่าง เสี่ยวเนี่ยนโม่พลันหันเรือนกายกระโจนเข้าไปในวงล้อมของค้างคาวเหล่านั้น พุ่งตรงไปทางคนหน้าผีลึกลับ ประหนึ่งกระสุนที่ออกจากรังปืน!

การพุ่งทะยานครั้งนี้เขาใช้กำลังถึงสิบส่วน ความเร็วสูงอย่างยิ่ง! แทบจะในชั่วพริบตา เขาก็พุ่งชนเบื้องหน้าของคนหน้าผีผู้นั้นแล้ว!

ถึงแม้กู้ซีจิ่วไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้ก่อน แต่ถึงอย่างไรเธอก็มีวรยุทธ์เก่งกาจยอดเยี่ยม เรือนกายวาบไหวเล็กน้อยก็หลบหลีกได้

ทว่าระหว่างที่เรือนกายเธอหลบเลี่ยงก็พบว่าเบื้องหลังของตัวเองเป็นต้นไม้ใหญ่ขนาดคนโอบรอบต้นหนึ่ง การหลบฉากของเธอนั้นไม่สำคัญ แต่ศีรษะของเสี่ยวเนี่ยนโม่กำลังพุ่งเข้าชนต้นไม้ใหญ่พอดี!

หากชนถูกจริงๆ เสี่ยวเนี่ยนโม่จะเกือบทิ้งชีวิตไปกึ่งหนึ่ง แม้จะไม่ได้ชนจนวิญญาณแตกสลายก็ตาม!

กู้ซีจิ่วสะบัดมือทันใด พันแขนเสื้อรอบเอวของเสี่ยวเนี่ยนโม่แล้วดึงเขากลับมา…

นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนั้นคล้ายกำลังรอกระบวนท่านี้ของเธออยู่ เขาใช้ประโยชน์จากมันพุ่งชนเข้าที่กลางอกเธอ

คราวนี้เธอก็ไม่มีทางหลบเลี่ยงอะไรได้อีก ถูกเจ้าเด็กน้อยพุ่งหลาวเอาหัวชนเข้ากลางทรวงอกดั่งจรวด!

เสมือนถูกค้อนเหล็กทุบตี หน้าอกเธอพลันจุกแน่น เกือบจะตกลงจากบนยอดไม้!

มือเธอพลันสั่นเทา ดึงขาของเสี่ยวเนี่ยนโม่ไว้แล้วโยนเขาทิ้งไป!

เสี่ยวเนี่ยนโม่มีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว ทรงตัวขณะหมุนวนกลางอากาศ แล้วร่อนลงบนยอดต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขาเบิกตาทั้งคู่จ้องมองคนหน้าผีลึกลับผู้นั้น แล้วโพล่งคำพูดหนึ่งออกมา “เจ้าเป็นผู้หญิง!”

เมื่อสักครู่เขาพุ่งชนหน้าอกนาง สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่ม ประหนึ่งพุ่งชนยอดเขาอ่อนนุ่มอะไรสักอย่าง

กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจา

เธอมองเด็กน้อยด้วยความเย็นชา มองเห็นทัศนียภาพงามตาที่แท้จริงของเขาแล้ว…

เอ๋ อันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรน่ามอง

เธอเอ่ยปากในที่สุด “เจ้าล่อนจ้อนแล้ว”

เสี่ยวเนี่ยนโม่นิ่งงัน เขาก้มลงมองโดยสัญชาตญาณ ไม่มีร่องรอยของกางเกงที่เดิมทีขาดรุ่งริ่งแล้ว บนเรือนกายเหลือเพียงแค่ชั้นในตัวหนึ่ง เรือนร่างเปลือยเปล่าของเขาจึงปรากฏต่อหน้าอีกฝ่ายจนหมดสิ้น

ถึงแม้เสี่ยวเนี่ยนโม่จะยังเด็ก ทว่าก็รู้เรื่องรู้ราวแล้ว ดวงหน้าน้อยแดงเถือก มือทั้งสองรีบร้อนป้องปิดส่วนสงวน เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง คนผู้นั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว…

มีเพียงเศษผ้าชิ้นหนึ่งเหลือทิ้งไว้ เสี่ยวเนี่ยนโม่ร้อนรนเก็บขึ้นมา สะบัดมันเล็กน้อย หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีพิษใด จึงเอามาผูกไว้ที่เอว

ยามนี้ค้างคาวเหล่านั้นก็หายไปหมดแล้ว

เสี่ยวเนี่ยนโม่โล่งใจ คนหน้าผีลึกลับผู้นี้กลับเป็นสตรีนางหนึ่ง! นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ

ในเมื่อเป็นสตรีนางหนึ่ง เช่นนั้นก็ไม่ใช่ลั่วจิ่วเฉิน แล้วจะเป็นใครไปได้?

เหตุใดจึงเข้ามากลั่นแกล้งเขา?

——————————————-

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลำนำบุปผาพิษ 1912+1913

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 1912+1913 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1912 คนอัปลักษณ์ หญิงวิปริต! 4

เขาเตะงูดำตัวนั้นที่สิ้นชีพจนไม่อาจสิ้นชีพไปมากกว่านี้ได้แล้วอีกครั้ง จากนั้นก็ลูบพุงน้อยๆ ที่ร้องโครกครากของตน ตัดสินใจในทันใด ชำแหละงูตัวนั้นเสียเลย

หนังงูตัวนั้นเป็นสีดำแวววาว แต่เนื้อของมันกลับเป็นสีขาวน้ำนม ใสกระจ่างปานเต้าหู้นมสดชั้นดี

เสี่ยวเนี่ยนโม่หั่นส่วนที่อร่อยที่สุดบนร่างของงูตัวนั้นออกมา จากนั้นก็ก่อไฟ ย่างกินเสีย

ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดมาแย่งชิงกับเขาแล้ว เนื้องูสดใหม่ ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อยกว่าที่คาดไว้ เขากินจนอิ่มหนำอย่างมีความสุข หลังจากกินอิ่มแล้ว เขาก็รู้สึกว่าพละกำลังเพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าตัว จิตวิญญาณการต่อสู้ลุกโชน จากนั้นก็สาวเท้าก้าวออกไป

หลังเขาจากไปได้ไม่นาน กู้ซีจิ่วก็ปรากฏตัวขึ้น เธอก้มลงตรวจเนื้องูหนังงูกองนั้นดูเล็กน้อย ส่ายหน้านิดๆ มองไปยังทิศทางที่เสี่ยวเนี่ยนโม่จากไปแววตาวูบไหวนิดๆ

 ในที่สุดพู่หยกที่หว่างเอวเธอก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาอีกครั้ง ทอแสงอ่อนจางออกมา น่ามองยิ่งนัก

สิ่งที่เรียกว่าผู้ถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ที่อยู่ในสมองเธอบอกไว้ว่า เมื่อพู่หยกนี้พบเจ้าจองที่แท้จริง จะส่องแสงเจ็ดสีออกมา

เมื่อดูจากยามนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเสินเนี่ยนโม่จะเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์…

‘จะต้องบีบคั้นเขาให้ถึงที่สุด!’ เสียงที่ไม่ชายไม่หญิงสายนั้นแว่วขึ้นมาในสมองแล้ว

กู้ซีจิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง เห็นทีว่าที่เธอบีบคั้นไปจะยังไม่เพียงพอ…

เธอพริ้มตาลงเล็กน้อย โบกมืออยู่กลางอากาศ ผ่านไปครู่หนึ่ง เกิดเสียงพึ่บพั่บแว่วขึ้นในอากาศ สิ่งมีชีวิตดำเมื่อมฝูงใหญ่พุ่งตรงเข้าสู่ป่าดิบชื้น…

เสินเนี่ยนโม่นึกไม่ถึงเลยว่าเพิ่งสังหารงูดำเสร็จสิ้นไป ยังไม่ทันได้หายใจหายคออย่างจริงจัง ก็มีค้างคาวประหลาดฝูงหนึ่งมาอีกแล้ว

ค้างคาวชนิดนี้ดุร้ายพิสดาร เขี้ยวยาวในปากเสมือนฟันเลื่อยสองแถว เสี่ยวเนี่ยนโม่ได้เห็นค้างคาวประหลาดชนิดนี้กัดลงบนศิลาเขียวก้อนหนึ่งด้วยตาตน กัดจนศิลาเขียวก้อนใหญ่แหลกเป็นผุยผงได้ทันที

ค้างคาวประหลาดชนิดนี้ไม่ได้มาตัวเดียว แต่มาเป็นฝูง!

โอบล้อมเสี่ยวเนี่ยนโม่ไว้ปานฝูงต่อที่หนาแน่น ทำให้เขาเกิดความรู้สึกหลอนเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปในถ้ำค้างคาว…

ค้างคาวมากมายเกินไป กรูกันเข้ามาโจมตีจามสามร้อยหกสิบองศา กระบี่ล้ำค่าของเสี่ยวเนี่ยนโม่ค่อยๆ ผุกร่อนไปทีละน้อย ถูกค้างคาวตัวหนึ่งฉวยโอกาสพุ่งเข้ามา งับลงบนเนื้อผ้าตรงส่วนอกของเขา!

เนื้อผ้าหลอมละลายอย่างรวดเร็วปานถูกกร่อนด้วยน้ำกรด เสี่ยวเนี่ยนโม่ตกตะลึงยิ่ง แทบไม่คิดให้มากความเลย มือข้างหนึ่งโยนเสื้อคลุมบนร่างออกไปทันที!

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว บนร่างเขาจึงเหลือเพียงเสื้อเอี๊ยมผืนหนึ่งและกางเกงตัวในหนึ่งตัว เผยให้เห็นแขนน้อยที่ขาวนวลเนียน

มีค้างคาวมากเกินไป บนร่างเขาจึงมีรอยแผลมากมายเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สองแขนเล็กๆ มีแผลอาบเลือดเพิ่มขึ้นมาสองสามแห่ง แม้แต่กางเกงตัวในก็ถูกทึ้งจนประหนึ่งกางเกงขอทาน ขาดรุ่งริ่ง แทบจะทำให้เขาเปลือยเปล่าล่อนจ้อนแล้ว…

โชคดีที่ค้างคาวใช้ปลายปีกกรีดเฉือนกางเกงตัวในของเขา หากว่าเป็นการกัด เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังถูกกัดกร่อน เสี่ยวเนี่ยนโม่คงต้องถอดกางเกงสู้เสียแล้ว

บนกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง กู้ซีจิ่วนั่งห้อยอยู่ตรงนั้น มองการต่อสู้ด้านล่าง

แบบนี้น่าจะนับว่าบีบคั้นเขาจนถึงที่สุดได้แล้วกระมัง?

เอยื่นมือไปเคาะพู่หยกที่หว่างเอว จากนั้นก็มองดูเด็กน้อยคนนั้นที่สู้อย่างสุดชีวิตอยู่

ช่างเถอะ ไม่แกล้งเขาแล้ว! เดี๋ยวจะทำร้ายเขาเขาจริงๆ…

ขณะที่เธอกำลังจะทำบางอย่าง จู่ๆ ก็เห็นว่าเสี่ยวเนี่ยนโม่ที่อยู่ในสนามรบพลันมีแสงทองสายหนึ่งระเบิดออกมาจากร่าง! แสงทองนั้นแฝงสีรุ้งสดใสเอาไว้รางๆ ด้วย

ในเวลาเดียวกันนี้ พู่หยกที่หว่างเอวของเธอก็ส่องแสงเจ็ดสีออกมาทันทีเช่นกัน ตอบรับกับคลื่นแสงที่ส่องออกมาจากร่างของเสินเนี่ยนโม่

แม้ว่าแสงทองนั้นจะอ่อนจางยิ่งนัก แต่ก็ยังอยู่ในสายตาของกู้ซีจิ่ว

————————————————————————-

บทที่ 1913 คนอัปลักษณ์ หญิงวิปริต! 5

แม้ว่าแสงทองนั้นจะอ่อนจางยิ่งนัก แต่ก็ยังอยู่ในสายตาของกู้ซีจิ่ว เธอชักมือที่จรดมุทรา มองดูเด็กน้อยที่ต่อสู้อย่างสุดชีวิตเบื้องล่างด้วยสายตาซับซ้อน

ไม่รู้ว่าสุขสันต์หรือทุกข์ตรม

เป็นเขาจริงๆ! นึกไม่ถึงว่าเขาก็คือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์…

แสงทองบนเรือนกายของเสี่ยวเนี่ยนโม่ทำให้ค้างคาวประหลาดเหล่านั้นตกใจจนล่าถอยไป หลายตัวที่ถูกลำแสงสีทองนั้นสาดส่องถึงขั้นกรีดร้องโหยหวนก่อนจะร่วงหล่นไป ชักกระตุกไม่กี่ครั้งแล้วตายจากไป

เสี่ยวเนี่ยนโม่รู้สึกว่ายามวิกฤตที่ต้องเอาตัวรอดสุดชีวิตเมื่อครู่ มีพละกำลังบางอย่างภายในร่างกายพุ่งออกมา ถึงได้มีแสงทองอ่อนจางสายนั้นวาบขึ้น เมื่อเห็นว่าแสงทองใช้ได้ผล เขาจึงรีบรับรู้พละกำลังที่มิอาจบรรยายได้นั้นอีกครั้งทันที

นึกไม่ถึงว่าพละกำลังนั้นเกิดขึ้นและดับสูญไปอย่างมิอาจบรรยายได้เช่นกัน เมื่อเขาอยากใช้งานกลับกลายเป็นหาไม่เจอเสียแล้ว!

ในขณะต่อสู้เขาเหลือบมองอยู่บ้างเป็นครั้งคราว จู่ๆ ก็มองเห็นคนหน้าผีอาภรณ์ดำนั่งอยู่บนยอดไม้ กำปั้นน้อยกระชับแน่นทันใด!

คนผู้นี้เป็นคนออกอุบายจริงๆ ด้วย!

เมื่อเห็นนิ้วมือคนผู้นั้นจรดขึ้น ราวกับต้องการจะเคลื่อนไหวอะไรสักอย่าง เสี่ยวเนี่ยนโม่พลันหันเรือนกายกระโจนเข้าไปในวงล้อมของค้างคาวเหล่านั้น พุ่งตรงไปทางคนหน้าผีลึกลับ ประหนึ่งกระสุนที่ออกจากรังปืน!

การพุ่งทะยานครั้งนี้เขาใช้กำลังถึงสิบส่วน ความเร็วสูงอย่างยิ่ง! แทบจะในชั่วพริบตา เขาก็พุ่งชนเบื้องหน้าของคนหน้าผีผู้นั้นแล้ว!

ถึงแม้กู้ซีจิ่วไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้ก่อน แต่ถึงอย่างไรเธอก็มีวรยุทธ์เก่งกาจยอดเยี่ยม เรือนกายวาบไหวเล็กน้อยก็หลบหลีกได้

ทว่าระหว่างที่เรือนกายเธอหลบเลี่ยงก็พบว่าเบื้องหลังของตัวเองเป็นต้นไม้ใหญ่ขนาดคนโอบรอบต้นหนึ่ง การหลบฉากของเธอนั้นไม่สำคัญ แต่ศีรษะของเสี่ยวเนี่ยนโม่กำลังพุ่งเข้าชนต้นไม้ใหญ่พอดี!

หากชนถูกจริงๆ เสี่ยวเนี่ยนโม่จะเกือบทิ้งชีวิตไปกึ่งหนึ่ง แม้จะไม่ได้ชนจนวิญญาณแตกสลายก็ตาม!

กู้ซีจิ่วสะบัดมือทันใด พันแขนเสื้อรอบเอวของเสี่ยวเนี่ยนโม่แล้วดึงเขากลับมา…

นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนั้นคล้ายกำลังรอกระบวนท่านี้ของเธออยู่ เขาใช้ประโยชน์จากมันพุ่งชนเข้าที่กลางอกเธอ

คราวนี้เธอก็ไม่มีทางหลบเลี่ยงอะไรได้อีก ถูกเจ้าเด็กน้อยพุ่งหลาวเอาหัวชนเข้ากลางทรวงอกดั่งจรวด!

เสมือนถูกค้อนเหล็กทุบตี หน้าอกเธอพลันจุกแน่น เกือบจะตกลงจากบนยอดไม้!

มือเธอพลันสั่นเทา ดึงขาของเสี่ยวเนี่ยนโม่ไว้แล้วโยนเขาทิ้งไป!

เสี่ยวเนี่ยนโม่มีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว ทรงตัวขณะหมุนวนกลางอากาศ แล้วร่อนลงบนยอดต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขาเบิกตาทั้งคู่จ้องมองคนหน้าผีลึกลับผู้นั้น แล้วโพล่งคำพูดหนึ่งออกมา “เจ้าเป็นผู้หญิง!”

เมื่อสักครู่เขาพุ่งชนหน้าอกนาง สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่ม ประหนึ่งพุ่งชนยอดเขาอ่อนนุ่มอะไรสักอย่าง

กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจา

เธอมองเด็กน้อยด้วยความเย็นชา มองเห็นทัศนียภาพงามตาที่แท้จริงของเขาแล้ว…

เอ๋ อันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรน่ามอง

เธอเอ่ยปากในที่สุด “เจ้าล่อนจ้อนแล้ว”

เสี่ยวเนี่ยนโม่นิ่งงัน เขาก้มลงมองโดยสัญชาตญาณ ไม่มีร่องรอยของกางเกงที่เดิมทีขาดรุ่งริ่งแล้ว บนเรือนกายเหลือเพียงแค่ชั้นในตัวหนึ่ง เรือนร่างเปลือยเปล่าของเขาจึงปรากฏต่อหน้าอีกฝ่ายจนหมดสิ้น

ถึงแม้เสี่ยวเนี่ยนโม่จะยังเด็ก ทว่าก็รู้เรื่องรู้ราวแล้ว ดวงหน้าน้อยแดงเถือก มือทั้งสองรีบร้อนป้องปิดส่วนสงวน เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง คนผู้นั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว…

มีเพียงเศษผ้าชิ้นหนึ่งเหลือทิ้งไว้ เสี่ยวเนี่ยนโม่ร้อนรนเก็บขึ้นมา สะบัดมันเล็กน้อย หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีพิษใด จึงเอามาผูกไว้ที่เอว

ยามนี้ค้างคาวเหล่านั้นก็หายไปหมดแล้ว

เสี่ยวเนี่ยนโม่โล่งใจ คนหน้าผีลึกลับผู้นี้กลับเป็นสตรีนางหนึ่ง! นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ

ในเมื่อเป็นสตรีนางหนึ่ง เช่นนั้นก็ไม่ใช่ลั่วจิ่วเฉิน แล้วจะเป็นใครไปได้?

เหตุใดจึงเข้ามากลั่นแกล้งเขา?

——————————————-

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+