ลำนำบุปผาพิษ 2115+2116

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 2115+2116 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2115 เชื่อใจเขาอย่างน่าประหลาด… ตี้ฝูอีมองนางแวบหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ “ได้ ข้าจะไม่พูดจาเหลวไหล” เขาไม่เคยพูดเหลวไหล เพียงพูดในสิ่งที่สมควรพูดเท่านั้น กู้ซีจิ่วใจเต้นเล็กน้อย มองเขาแวบหนึ่ง สบเข้ากับนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นของเขาพอดี ดวงตาของเขางดงามอย่างยิ่ง ราวกับมีสายธารฤดูใบไม้ผลิไหลวนอยู่ภายใน ดั่งมีไอวิญญาณมหาศาลควบรวมอยู่ในดวงตาเขา ยามนี้กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้ม ขนตาหนาเป็นแพโค้งงอนเล็กน้อย ทำให้คนรู้สึกคล้ายอยู่ท่ามกลายสายลมฤดูใบไม้ผลิ เสมือนมีบุปผาเบ่งบานอยู่ทั่วหล้า… เด็กหนุ่มผู้นี้ชอบยิ้มเหลือเกิน กู้ซีจิ่วพบหน้าเขาเพียงครึ่งชั่วยาม ได้เห็นรอยยิ้มเขาไปหลายรอบแล้ว ท่าทางอารมณ์ดียิ่งนัก แถมยังว่าง่ายเชื่อฟังด้วย กู้ซีจิ่วจดจำคนได้เป็นอย่างดี ต่อให้เธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปแล้ว แต่สัญชาตญาณนี้ยังคงอยู่ ปกติแล้วไม่เคยมองคนพลาดเลย ถึงแม้เด็กหนุ่มคนนี้จะแย้มยิ้มปานฤดูใบไม้ผลิบุปผาสะพรั่งเช่นนี้ แต่เธอรับรู้ได้ตามสัญชาตญาณว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดา เหมือนหมาป่าหางโตที่ห่มหนังแกะไว้… ดูสงบเสงี่ยมงดงาม เนื้อในน่าจะกล้าแกร่งเหี้ยมหาญ ไม่ควรไปยุแหย่ยิ่งนัก บุรุษผู้นี้เหมือนดอกฝิ่น งดงามน่าหลงใหลแต่อันตรายถึงชีวิต “เจ้าเป็นใคร?” เธออดใจไม่อยู่เอ่ยถามไปอีกประโยค “ตี้ฝูอี คู่หมั้นของเจ้า” ตี้ฝูอีตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ดูสมเหตุสมผล กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง “…ข้าจำไม่เห็นได้ว่าข้ามีคู่หมั้น…” “แล้วเจ้าจำอะไรได้บ้าง?” กู้ซีจิ่งเงียบไป เธอจำอะไรไม่ได้เลย จำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง ในห้วงความทรงจำว่างเปล่าขาวโพลน ตี้ฝูอีจับมือนาง น้ำเสียงอ่อนโยน “ซีจิ่ว เจ้าความจำเสื่อม จำข้าไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง ข้าจำเจ้าได้ก็พอแล้ว เจ้าหายตัวไปกว่าครึ่งปีแล้ว ข้าพยายามตามหาเจ้ามาโดยตลอด วันนี้ในที่สุดก็หาพบแล้ว” น้ำเสียงเขาดั่งสายธารไหลเอื่อย ไหลรินเข้าสู่หัวใจกู้ซีจิ่ว ทำให้หัวใจเธออบอุ่น เนื้อแท้แล้วเธอไม่เชื่อใจใครง่ายๆ แต่กลับเชื่อใจเขาอย่างน่าประหลาด… เธอรู้สึกว่าเขาดูคุ้นตา ในจิตใต้สำนึกมีความรู้สึกดีต่อเขา ถึงขั้นที่มีความคิดชั่ววูบว่าอยากโผเข้าสู่อ้อมแขนเขา หรือที่เขาพูดมาจะเป็นความจริง? เขาเป็นคู่หมั้นของตนจริงๆ? เธอตื่นขึ้นมาก็อยู่ในหุบเขาแห่งนี้แล้ว ไม่มีความทรงจำใดๆ เลย บาดเจ็บไปทั้งร่าง เกือบจะถูกสัตว์ร้ายในหุบเขากินแล้ว โชคดีที่วิชาเคลื่อนย้ายของเธอยังดีอยู่ ระหว่างที่หลบหนีอย่างน่าหวาดเสียวยังสบโอกาสสังหารเจ้าพวกนั้นด้วย ระหว่างหลบหนีมองเห็นคนผู้หนึ่งถูกสัตว์ร้ายเหล่านั้นโจมตี เพียงแต่ตัวเธอในตอนนั้นตัวเองยังเอาแทบไม่รอด ไม่อาจช่วยเหลือผู้อื่นได้ ทำได้เพียงเบิกตามองคนผู้นั้นถูกสัตว์ร้ายฉีกทึ้ง… ในหุบเขานี้มีสัตว์ร้ายมากมายเหลือเกิน ซ้ำเธอยังไม่ชำนาญทาง เป็นเช่นเดียวกับตี้ฝูอี ระหว่างหลบหนีได้ดึงดูดสัตว์ประหลาดมาโขยงใหญ่… โชคดีที่เธอยังพอมีโชคอยู่บ้าง ระหว่างที่หลบหนีมาถึงละแวกปากทางเข้าของที่นี่ ได้ถูกหัวหน้าเผ่าของที่นี่ดึงเข้าไปในถ้ำ รอดพ้นจากสัตว์ร้ายด้านนอกเหล่านั้น นับว่าช่วยชีวิตเธอเอาไว้ หัวหน้าเผ่าบอกว่าเขาออกมาตามหาสือโทวลูกชายของเขา ถามกู้ซีจิ่วว่าตอนที่อยู่ด้านนอกก่อนหน้านี้ได้พบเห็นคนอื่นบ้างหรือไม่… กู้ซีจิ่วจึงเล่าสิ่งที่ตนเพิ่งเห็นออกมา หัวหน้าเผ่าคนนั้นทึ่มทื่อไปพักใหญ่ น้ำตาชายชราพรั่งพรู บอกว่าสือโทวเป็นลูกชายคนเดียวของเขา และเป็นความหวังของคนทั้งเผ่า ไม่นึกเลยว่าจะเป็นไปเช่นนี้… กู้ซีจิ่วได้ทราบถึงสถานการณ์โดยรวมของสือโทว จากคำรำพันของหัวหน้าเผ่า ผู้คนของที่นี่ถูกสัตว์ร้ายรังความอยู่ชั่วนาตาปี ไม่อาจหนีออกไปจากที่นี่ได้ ลำบากยากแค้นเหลือพรรณนา สือโทวถือกำเนิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน พ่อหมอประจำหมู่บ้านทำนายว่าสือโทวคือความหวังในการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เป็นความหวังของคนทั้งหมู่บ้าน แต่สือโทวร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ซ้ำยังมีนิสัยเก็บตัว เก็บปากเก็บคำ ไม่ชำนาญการเข้าสังคม ยามทะเลาะกับผู้อื่นล้วนถูกผู้อื่นทุบตีจนลงไปนอนกองกับพื้นเสมอมา มีชีวิตเป็นตัวตลกของหมู่บ้าน ————————————————————————————- บทที่ 2116 เขียนชื่อของนางลงไปนางทีละขีด ยิ่งถูกรังแกเขาก็ยิ่งไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ในหนึ่งเดือนยังไม่แน่ว่าจะออกจากบ้านสักครั้ง ใช้ชีวิตอย่างมืดมนเหมือนคนไม่มีตัวตน เมื่ออยู่ในหมู่บ้านที่นิยมผู้กล้าแกร่งสถานะของเขาจึงต่ำต้อยอย่างยิ่ง หัวหน้าเผ่าเสียใจยิ่งนักและชิงชังยิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คำทำนายในปีนั้นของพ่อหมอจะผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงเคี่ยวเข็ญบุตรชายให้ฝึกฝนวรยุทธ์อยู่ที่บ้าน ซ้ำยังพยายามกระตุ้นเขาด้วยคำพูดด้วย ผลคือ เจ้าเด็กนี่เลือดร้อนวู่วาม ทิ้งจดหมายไว้ให้ผู้เป็นพ่อหนึ่งฉบับ บอกว่าจะไปจับสัตว์ร้ายสักตัวมาให้เขาดู พิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่สวะ จากนั้นเขาก็แอบหนีออกไป และจบชีวิตลงในปากของสัตว์ร้าย ถึงแม้สถานะของสือโทวผู้นี้จะต่ำต้อย แต่ในปีนั้นพ่อหมอทำนายไว้ว่าเมื่อเขาอายุครบสิบแปดจะได้พบพานเรื่องอัศจรรย์ จะกลายเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ทุกคนจึงยังคงคาดหวังตั้งตารอเขายิ่งนัก หัวหน้าเผ่าก็นึกไม่ถึงว่าบุตรชายจะสิ้นชีพลงเช่นนี้ เขาย่อมเสียใจยิ่งนัก แต่ปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นมากองอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เหตุผลที่ทุกคนสามารถอดทนฝ่าฟันอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ก็เพื่อรอวันที่สือโทวจะเติบใหญ่ขึ้นมาอย่างแท้จริง กล่าวได้ว่าตัวตนของสือโทวเป็นความหวังในการมีชีวิตอยู่ของพวกเขา ตอนนี้สือโทวตายแล้ว หากคนในหมู่บ้านทราบเรื่องเข้า ต้องทำให้จิตใจของทุกคนแตกสลายแน่นอน เมื่อถึงเวลาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดังนั้นหัวหน้าเผ่าจึงเกิดความคิดอันบรรเจิดขึ้น เมื่อเห็นว่ากู้ซีจิ่วมีรูปร่างคล้ายคลึงกับสือโทว จึงขอให้เธอช่วยปลอมตัวเป็นสือโทวสักระยะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนสักพักแล้วค่อยว่ากัน ส่วนกู้ซีจิ่วก็ไม่มีความทรงจำใดๆ เลย ไม่มีความเข้าใจในลกนี้ ไม่มีที่ไป ดังนั้นจึงตอบตกลง โชคดีที่ผู้คนที่นี่มักจะทาสีน้ำมันบนใบหน้าอยู่ตลอด และสือโทวผู้นั้นก็มีรูปร่างบอบบางสะโอดสะองยิ่ง ไม่เหมือนคนที่นี่ ปกติแล้วเป็นคนที่มีสถานะต้อยต่ำยิ่ง ความทรงจำที่ทุกคนมีต่อเขาเลือนรางนัก ประกอบกับถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเสียความทรงจำไป แต่ความสามารถในการแปลงโฉมไม่ได้หายไป เธอวาดเติมเสริมแต่งตัวเองเล็กน้อย ก็คล้ายคลึงกับสือโทวผู้นั้นถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว ใช้ฐานะของสือโทวอยู่ที่นี่มาครึ่งปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดมองออกเลย แน่นอนว่าต่อให้กู้ซีจิ่วความจำเสื่อม แต่นิสัยตามธรรมชาติไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่ยอมถูกกลั่งแกล้งรังแกเช่นเดียวกับสือโทว กระทำการเฉียบขาดว่องไว ไม่เพียงแต่ทุบตีคนที่คิดจะรังแกเธอให้ลงไปนอนร้องโอดโอยเท่านั้น ยังสามารถติดตามทุกคนออกไปล่าสัตว์ได้ด้วย พลังวิญญาณบนร่างเธอแทบจะเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว โชคดีที่ยังเหลือกำลังภายในอยู่หนึ่งในสาม ประกอบกับมีวิชาเคลื่อนย้ายอันพิสดาร ทำให้เธอแสดงความโดดเด่นด้านการล่าสัตว์ออกมา ทำให้ผู้คนของที่นี่เปลี่ยนแปลงทัศคติที่มีต่อสือโทวไปอย่างสิ้นเชิงได้ภายในระยะเวลาครึ่งปี เห็นเธอเป็นผู้นำไปรางๆ แล้ว และเธอก็ไม่มีความทรงจำเป็นของตัวเอง พอผ่านไปนานเข้า เธอก็เห็นตัวเองเป็นสือโทวไปแล้วจริงๆ… ยามนี้พอได้พบตี้ฝูอี เธอถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่นี่ ถึงขั้นที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าที่แท้แล้วตัวเธอเกี่ยวข้องกับที่ไหน เธอมองดูมือเขาที่จับจูงตนอยู่ ท่าทางเป็นธรรมชาติยิ่งนัก ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ราวกับในอดีตก็เคยจับจูงเช่นนี้อยู่บ่อยๆ “เจ้าบอกว่า…ข้าชื่อสีจิ่วใช่ไหม? มาจากชอบดื่มเหล้าใช่หรือเปล่า?” เธอกระซิบถาม คนที่เสียความทรงจำทั้งหมดไปจะรู้สึกไม่ปลอดภัยยิ่งนัก ครึ่งปีมานี้เธอพยายามค้นหาความทรงจำของตัวเองดูแล้ว จนปัญญาที่นึกไม่ออกเลยสักนิด… “เป็นกู้ซีจิ่ว ซีจากคำว่าเมตตาสงสาร…” บทที่ 2113+2114 ตี้ฝูอีดึงมือนางมาเสียเลย เขียนชื่อของนางลงไปบนฝ่ามือนางทีละขีดๆ ปลายนิ้วเขาราวกับหยก เห็นข้อนิ้วชัดเจน ผิวพรรณเนียนละเอียด ดูบอบบางยิ่งนักทว่าเปี่ยมไปด้วยกำลังที่ไม่อาจต้านทานได้ง่ายๆ ยามที่ลากไล้ผ่านฝ่ามือเธอรู้สึกจั๊กจี้นิดๆ เสมือนลากไล้ผ่านหัวใจเธอก็มิปาน… ตอนนี้เขาอยู่ใกล้เธอมาก มีกลิ่นหอมเย็นๆ ที่อ่อนจางกำจายออกมาจากร่างเขา อวลอยู่ที่ปลายจมูกเธอ หัวใจเธอพลันเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง กลิ่นอายนี้ทำให้เธอใจสั่นหวั่นไหวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอเกิดความปรารถนาที่อยากจะโผเข้าซบอกเขาขึ้นมาอีกวูบหนึ่ง —————————–

บทที่ 2115 เชื่อใจเขาอย่างน่าประหลาด…

ตี้ฝูอีมองนางแวบหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ

“ได้ ข้าจะไม่พูดจาเหลวไหล”

เขาไม่เคยพูดเหลวไหล เพียงพูดในสิ่งที่สมควรพูดเท่านั้น

กู้ซีจิ่วใจเต้นเล็กน้อย มองเขาแวบหนึ่ง สบเข้ากับนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นของเขาพอดี

ดวงตาของเขางดงามอย่างยิ่ง ราวกับมีสายธารฤดูใบไม้ผลิไหลวนอยู่ภายใน ดั่งมีไอวิญญาณมหาศาลควบรวมอยู่ในดวงตาเขา ยามนี้กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้ม ขนตาหนาเป็นแพโค้งงอนเล็กน้อย ทำให้คนรู้สึกคล้ายอยู่ท่ามกลายสายลมฤดูใบไม้ผลิ เสมือนมีบุปผาเบ่งบานอยู่ทั่วหล้า…

เด็กหนุ่มผู้นี้ชอบยิ้มเหลือเกิน กู้ซีจิ่วพบหน้าเขาเพียงครึ่งชั่วยาม ได้เห็นรอยยิ้มเขาไปหลายรอบแล้ว ท่าทางอารมณ์ดียิ่งนัก แถมยังว่าง่ายเชื่อฟังด้วย

กู้ซีจิ่วจดจำคนได้เป็นอย่างดี ต่อให้เธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปแล้ว แต่สัญชาตญาณนี้ยังคงอยู่ ปกติแล้วไม่เคยมองคนพลาดเลย

ถึงแม้เด็กหนุ่มคนนี้จะแย้มยิ้มปานฤดูใบไม้ผลิบุปผาสะพรั่งเช่นนี้ แต่เธอรับรู้ได้ตามสัญชาตญาณว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดา เหมือนหมาป่าหางโตที่ห่มหนังแกะไว้…

ดูสงบเสงี่ยมงดงาม เนื้อในน่าจะกล้าแกร่งเหี้ยมหาญ ไม่ควรไปยุแหย่ยิ่งนัก

บุรุษผู้นี้เหมือนดอกฝิ่น งดงามน่าหลงใหลแต่อันตรายถึงชีวิต

“เจ้าเป็นใคร?”

เธออดใจไม่อยู่เอ่ยถามไปอีกประโยค

“ตี้ฝูอี คู่หมั้นของเจ้า”

ตี้ฝูอีตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ดูสมเหตุสมผล

กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง

“…ข้าจำไม่เห็นได้ว่าข้ามีคู่หมั้น…”

“แล้วเจ้าจำอะไรได้บ้าง?”

กู้ซีจิ่งเงียบไป เธอจำอะไรไม่ได้เลย จำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง ในห้วงความทรงจำว่างเปล่าขาวโพลน

ตี้ฝูอีจับมือนาง น้ำเสียงอ่อนโยน

“ซีจิ่ว เจ้าความจำเสื่อม จำข้าไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง ข้าจำเจ้าได้ก็พอแล้ว เจ้าหายตัวไปกว่าครึ่งปีแล้ว ข้าพยายามตามหาเจ้ามาโดยตลอด วันนี้ในที่สุดก็หาพบแล้ว”

น้ำเสียงเขาดั่งสายธารไหลเอื่อย ไหลรินเข้าสู่หัวใจกู้ซีจิ่ว ทำให้หัวใจเธออบอุ่น

เนื้อแท้แล้วเธอไม่เชื่อใจใครง่ายๆ แต่กลับเชื่อใจเขาอย่างน่าประหลาด…

เธอรู้สึกว่าเขาดูคุ้นตา ในจิตใต้สำนึกมีความรู้สึกดีต่อเขา ถึงขั้นที่มีความคิดชั่ววูบว่าอยากโผเข้าสู่อ้อมแขนเขา

หรือที่เขาพูดมาจะเป็นความจริง? เขาเป็นคู่หมั้นของตนจริงๆ?

เธอตื่นขึ้นมาก็อยู่ในหุบเขาแห่งนี้แล้ว ไม่มีความทรงจำใดๆ เลย บาดเจ็บไปทั้งร่าง เกือบจะถูกสัตว์ร้ายในหุบเขากินแล้ว โชคดีที่วิชาเคลื่อนย้ายของเธอยังดีอยู่ ระหว่างที่หลบหนีอย่างน่าหวาดเสียวยังสบโอกาสสังหารเจ้าพวกนั้นด้วย ระหว่างหลบหนีมองเห็นคนผู้หนึ่งถูกสัตว์ร้ายเหล่านั้นโจมตี เพียงแต่ตัวเธอในตอนนั้นตัวเองยังเอาแทบไม่รอด ไม่อาจช่วยเหลือผู้อื่นได้ ทำได้เพียงเบิกตามองคนผู้นั้นถูกสัตว์ร้ายฉีกทึ้ง…

ในหุบเขานี้มีสัตว์ร้ายมากมายเหลือเกิน ซ้ำเธอยังไม่ชำนาญทาง เป็นเช่นเดียวกับตี้ฝูอี ระหว่างหลบหนีได้ดึงดูดสัตว์ประหลาดมาโขยงใหญ่…

โชคดีที่เธอยังพอมีโชคอยู่บ้าง ระหว่างที่หลบหนีมาถึงละแวกปากทางเข้าของที่นี่ ได้ถูกหัวหน้าเผ่าของที่นี่ดึงเข้าไปในถ้ำ รอดพ้นจากสัตว์ร้ายด้านนอกเหล่านั้น นับว่าช่วยชีวิตเธอเอาไว้

หัวหน้าเผ่าบอกว่าเขาออกมาตามหาสือโทวลูกชายของเขา ถามกู้ซีจิ่วว่าตอนที่อยู่ด้านนอกก่อนหน้านี้ได้พบเห็นคนอื่นบ้างหรือไม่…

กู้ซีจิ่วจึงเล่าสิ่งที่ตนเพิ่งเห็นออกมา หัวหน้าเผ่าคนนั้นทึ่มทื่อไปพักใหญ่ น้ำตาชายชราพรั่งพรู บอกว่าสือโทวเป็นลูกชายคนเดียวของเขา และเป็นความหวังของคนทั้งเผ่า ไม่นึกเลยว่าจะเป็นไปเช่นนี้…

กู้ซีจิ่วได้ทราบถึงสถานการณ์โดยรวมของสือโทว จากคำรำพันของหัวหน้าเผ่า

ผู้คนของที่นี่ถูกสัตว์ร้ายรังความอยู่ชั่วนาตาปี ไม่อาจหนีออกไปจากที่นี่ได้ ลำบากยากแค้นเหลือพรรณนา

สือโทวถือกำเนิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน พ่อหมอประจำหมู่บ้านทำนายว่าสือโทวคือความหวังในการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เป็นความหวังของคนทั้งหมู่บ้าน

แต่สือโทวร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ซ้ำยังมีนิสัยเก็บตัว เก็บปากเก็บคำ ไม่ชำนาญการเข้าสังคม ยามทะเลาะกับผู้อื่นล้วนถูกผู้อื่นทุบตีจนลงไปนอนกองกับพื้นเสมอมา มีชีวิตเป็นตัวตลกของหมู่บ้าน

————————————————————————————-

บทที่ 2116 เขียนชื่อของนางลงไปนางทีละขีด

ยิ่งถูกรังแกเขาก็ยิ่งไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ในหนึ่งเดือนยังไม่แน่ว่าจะออกจากบ้านสักครั้ง ใช้ชีวิตอย่างมืดมนเหมือนคนไม่มีตัวตน เมื่ออยู่ในหมู่บ้านที่นิยมผู้กล้าแกร่งสถานะของเขาจึงต่ำต้อยอย่างยิ่ง

หัวหน้าเผ่าเสียใจยิ่งนักและชิงชังยิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คำทำนายในปีนั้นของพ่อหมอจะผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงเคี่ยวเข็ญบุตรชายให้ฝึกฝนวรยุทธ์อยู่ที่บ้าน ซ้ำยังพยายามกระตุ้นเขาด้วยคำพูดด้วย

ผลคือ เจ้าเด็กนี่เลือดร้อนวู่วาม ทิ้งจดหมายไว้ให้ผู้เป็นพ่อหนึ่งฉบับ บอกว่าจะไปจับสัตว์ร้ายสักตัวมาให้เขาดู พิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่สวะ

จากนั้นเขาก็แอบหนีออกไป และจบชีวิตลงในปากของสัตว์ร้าย

ถึงแม้สถานะของสือโทวผู้นี้จะต่ำต้อย แต่ในปีนั้นพ่อหมอทำนายไว้ว่าเมื่อเขาอายุครบสิบแปดจะได้พบพานเรื่องอัศจรรย์ จะกลายเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ทุกคนจึงยังคงคาดหวังตั้งตารอเขายิ่งนัก

หัวหน้าเผ่าก็นึกไม่ถึงว่าบุตรชายจะสิ้นชีพลงเช่นนี้ เขาย่อมเสียใจยิ่งนัก แต่ปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นมากองอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

เหตุผลที่ทุกคนสามารถอดทนฝ่าฟันอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ก็เพื่อรอวันที่สือโทวจะเติบใหญ่ขึ้นมาอย่างแท้จริง กล่าวได้ว่าตัวตนของสือโทวเป็นความหวังในการมีชีวิตอยู่ของพวกเขา

ตอนนี้สือโทวตายแล้ว หากคนในหมู่บ้านทราบเรื่องเข้า ต้องทำให้จิตใจของทุกคนแตกสลายแน่นอน เมื่อถึงเวลาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ดังนั้นหัวหน้าเผ่าจึงเกิดความคิดอันบรรเจิดขึ้น เมื่อเห็นว่ากู้ซีจิ่วมีรูปร่างคล้ายคลึงกับสือโทว จึงขอให้เธอช่วยปลอมตัวเป็นสือโทวสักระยะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนสักพักแล้วค่อยว่ากัน

ส่วนกู้ซีจิ่วก็ไม่มีความทรงจำใดๆ เลย ไม่มีความเข้าใจในลกนี้ ไม่มีที่ไป ดังนั้นจึงตอบตกลง

โชคดีที่ผู้คนที่นี่มักจะทาสีน้ำมันบนใบหน้าอยู่ตลอด และสือโทวผู้นั้นก็มีรูปร่างบอบบางสะโอดสะองยิ่ง ไม่เหมือนคนที่นี่ ปกติแล้วเป็นคนที่มีสถานะต้อยต่ำยิ่ง ความทรงจำที่ทุกคนมีต่อเขาเลือนรางนัก

ประกอบกับถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเสียความทรงจำไป แต่ความสามารถในการแปลงโฉมไม่ได้หายไป เธอวาดเติมเสริมแต่งตัวเองเล็กน้อย ก็คล้ายคลึงกับสือโทวผู้นั้นถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว ใช้ฐานะของสือโทวอยู่ที่นี่มาครึ่งปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดมองออกเลย

แน่นอนว่าต่อให้กู้ซีจิ่วความจำเสื่อม แต่นิสัยตามธรรมชาติไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่ยอมถูกกลั่งแกล้งรังแกเช่นเดียวกับสือโทว กระทำการเฉียบขาดว่องไว ไม่เพียงแต่ทุบตีคนที่คิดจะรังแกเธอให้ลงไปนอนร้องโอดโอยเท่านั้น ยังสามารถติดตามทุกคนออกไปล่าสัตว์ได้ด้วย

พลังวิญญาณบนร่างเธอแทบจะเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว โชคดีที่ยังเหลือกำลังภายในอยู่หนึ่งในสาม ประกอบกับมีวิชาเคลื่อนย้ายอันพิสดาร ทำให้เธอแสดงความโดดเด่นด้านการล่าสัตว์ออกมา ทำให้ผู้คนของที่นี่เปลี่ยนแปลงทัศคติที่มีต่อสือโทวไปอย่างสิ้นเชิงได้ภายในระยะเวลาครึ่งปี เห็นเธอเป็นผู้นำไปรางๆ แล้ว

และเธอก็ไม่มีความทรงจำเป็นของตัวเอง พอผ่านไปนานเข้า เธอก็เห็นตัวเองเป็นสือโทวไปแล้วจริงๆ…

ยามนี้พอได้พบตี้ฝูอี เธอถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่นี่ ถึงขั้นที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าที่แท้แล้วตัวเธอเกี่ยวข้องกับที่ไหน

เธอมองดูมือเขาที่จับจูงตนอยู่ ท่าทางเป็นธรรมชาติยิ่งนัก ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ราวกับในอดีตก็เคยจับจูงเช่นนี้อยู่บ่อยๆ

“เจ้าบอกว่า…ข้าชื่อสีจิ่วใช่ไหม? มาจากชอบดื่มเหล้าใช่หรือเปล่า?”

เธอกระซิบถาม

คนที่เสียความทรงจำทั้งหมดไปจะรู้สึกไม่ปลอดภัยยิ่งนัก ครึ่งปีมานี้เธอพยายามค้นหาความทรงจำของตัวเองดูแล้ว จนปัญญาที่นึกไม่ออกเลยสักนิด…

“เป็นกู้ซีจิ่ว ซีจากคำว่าเมตตาสงสาร…” บทที่ 2113+2114

ตี้ฝูอีดึงมือนางมาเสียเลย เขียนชื่อของนางลงไปบนฝ่ามือนางทีละขีดๆ

ปลายนิ้วเขาราวกับหยก เห็นข้อนิ้วชัดเจน ผิวพรรณเนียนละเอียด ดูบอบบางยิ่งนักทว่าเปี่ยมไปด้วยกำลังที่ไม่อาจต้านทานได้ง่ายๆ ยามที่ลากไล้ผ่านฝ่ามือเธอรู้สึกจั๊กจี้นิดๆ เสมือนลากไล้ผ่านหัวใจเธอก็มิปาน…

ตอนนี้เขาอยู่ใกล้เธอมาก มีกลิ่นหอมเย็นๆ ที่อ่อนจางกำจายออกมาจากร่างเขา อวลอยู่ที่ปลายจมูกเธอ หัวใจเธอพลันเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง กลิ่นอายนี้ทำให้เธอใจสั่นหวั่นไหวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอเกิดความปรารถนาที่อยากจะโผเข้าซบอกเขาขึ้นมาอีกวูบหนึ่ง

—————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลำนำบุปผาพิษ 2115+2116

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 2115+2116 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2115 เชื่อใจเขาอย่างน่าประหลาด… ตี้ฝูอีมองนางแวบหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ “ได้ ข้าจะไม่พูดจาเหลวไหล” เขาไม่เคยพูดเหลวไหล เพียงพูดในสิ่งที่สมควรพูดเท่านั้น กู้ซีจิ่วใจเต้นเล็กน้อย มองเขาแวบหนึ่ง สบเข้ากับนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นของเขาพอดี ดวงตาของเขางดงามอย่างยิ่ง ราวกับมีสายธารฤดูใบไม้ผลิไหลวนอยู่ภายใน ดั่งมีไอวิญญาณมหาศาลควบรวมอยู่ในดวงตาเขา ยามนี้กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้ม ขนตาหนาเป็นแพโค้งงอนเล็กน้อย ทำให้คนรู้สึกคล้ายอยู่ท่ามกลายสายลมฤดูใบไม้ผลิ เสมือนมีบุปผาเบ่งบานอยู่ทั่วหล้า… เด็กหนุ่มผู้นี้ชอบยิ้มเหลือเกิน กู้ซีจิ่วพบหน้าเขาเพียงครึ่งชั่วยาม ได้เห็นรอยยิ้มเขาไปหลายรอบแล้ว ท่าทางอารมณ์ดียิ่งนัก แถมยังว่าง่ายเชื่อฟังด้วย กู้ซีจิ่วจดจำคนได้เป็นอย่างดี ต่อให้เธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปแล้ว แต่สัญชาตญาณนี้ยังคงอยู่ ปกติแล้วไม่เคยมองคนพลาดเลย ถึงแม้เด็กหนุ่มคนนี้จะแย้มยิ้มปานฤดูใบไม้ผลิบุปผาสะพรั่งเช่นนี้ แต่เธอรับรู้ได้ตามสัญชาตญาณว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดา เหมือนหมาป่าหางโตที่ห่มหนังแกะไว้… ดูสงบเสงี่ยมงดงาม เนื้อในน่าจะกล้าแกร่งเหี้ยมหาญ ไม่ควรไปยุแหย่ยิ่งนัก บุรุษผู้นี้เหมือนดอกฝิ่น งดงามน่าหลงใหลแต่อันตรายถึงชีวิต “เจ้าเป็นใคร?” เธออดใจไม่อยู่เอ่ยถามไปอีกประโยค “ตี้ฝูอี คู่หมั้นของเจ้า” ตี้ฝูอีตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ดูสมเหตุสมผล กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง “…ข้าจำไม่เห็นได้ว่าข้ามีคู่หมั้น…” “แล้วเจ้าจำอะไรได้บ้าง?” กู้ซีจิ่งเงียบไป เธอจำอะไรไม่ได้เลย จำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง ในห้วงความทรงจำว่างเปล่าขาวโพลน ตี้ฝูอีจับมือนาง น้ำเสียงอ่อนโยน “ซีจิ่ว เจ้าความจำเสื่อม จำข้าไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง ข้าจำเจ้าได้ก็พอแล้ว เจ้าหายตัวไปกว่าครึ่งปีแล้ว ข้าพยายามตามหาเจ้ามาโดยตลอด วันนี้ในที่สุดก็หาพบแล้ว” น้ำเสียงเขาดั่งสายธารไหลเอื่อย ไหลรินเข้าสู่หัวใจกู้ซีจิ่ว ทำให้หัวใจเธออบอุ่น เนื้อแท้แล้วเธอไม่เชื่อใจใครง่ายๆ แต่กลับเชื่อใจเขาอย่างน่าประหลาด… เธอรู้สึกว่าเขาดูคุ้นตา ในจิตใต้สำนึกมีความรู้สึกดีต่อเขา ถึงขั้นที่มีความคิดชั่ววูบว่าอยากโผเข้าสู่อ้อมแขนเขา หรือที่เขาพูดมาจะเป็นความจริง? เขาเป็นคู่หมั้นของตนจริงๆ? เธอตื่นขึ้นมาก็อยู่ในหุบเขาแห่งนี้แล้ว ไม่มีความทรงจำใดๆ เลย บาดเจ็บไปทั้งร่าง เกือบจะถูกสัตว์ร้ายในหุบเขากินแล้ว โชคดีที่วิชาเคลื่อนย้ายของเธอยังดีอยู่ ระหว่างที่หลบหนีอย่างน่าหวาดเสียวยังสบโอกาสสังหารเจ้าพวกนั้นด้วย ระหว่างหลบหนีมองเห็นคนผู้หนึ่งถูกสัตว์ร้ายเหล่านั้นโจมตี เพียงแต่ตัวเธอในตอนนั้นตัวเองยังเอาแทบไม่รอด ไม่อาจช่วยเหลือผู้อื่นได้ ทำได้เพียงเบิกตามองคนผู้นั้นถูกสัตว์ร้ายฉีกทึ้ง… ในหุบเขานี้มีสัตว์ร้ายมากมายเหลือเกิน ซ้ำเธอยังไม่ชำนาญทาง เป็นเช่นเดียวกับตี้ฝูอี ระหว่างหลบหนีได้ดึงดูดสัตว์ประหลาดมาโขยงใหญ่… โชคดีที่เธอยังพอมีโชคอยู่บ้าง ระหว่างที่หลบหนีมาถึงละแวกปากทางเข้าของที่นี่ ได้ถูกหัวหน้าเผ่าของที่นี่ดึงเข้าไปในถ้ำ รอดพ้นจากสัตว์ร้ายด้านนอกเหล่านั้น นับว่าช่วยชีวิตเธอเอาไว้ หัวหน้าเผ่าบอกว่าเขาออกมาตามหาสือโทวลูกชายของเขา ถามกู้ซีจิ่วว่าตอนที่อยู่ด้านนอกก่อนหน้านี้ได้พบเห็นคนอื่นบ้างหรือไม่… กู้ซีจิ่วจึงเล่าสิ่งที่ตนเพิ่งเห็นออกมา หัวหน้าเผ่าคนนั้นทึ่มทื่อไปพักใหญ่ น้ำตาชายชราพรั่งพรู บอกว่าสือโทวเป็นลูกชายคนเดียวของเขา และเป็นความหวังของคนทั้งเผ่า ไม่นึกเลยว่าจะเป็นไปเช่นนี้… กู้ซีจิ่วได้ทราบถึงสถานการณ์โดยรวมของสือโทว จากคำรำพันของหัวหน้าเผ่า ผู้คนของที่นี่ถูกสัตว์ร้ายรังความอยู่ชั่วนาตาปี ไม่อาจหนีออกไปจากที่นี่ได้ ลำบากยากแค้นเหลือพรรณนา สือโทวถือกำเนิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน พ่อหมอประจำหมู่บ้านทำนายว่าสือโทวคือความหวังในการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เป็นความหวังของคนทั้งหมู่บ้าน แต่สือโทวร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ซ้ำยังมีนิสัยเก็บตัว เก็บปากเก็บคำ ไม่ชำนาญการเข้าสังคม ยามทะเลาะกับผู้อื่นล้วนถูกผู้อื่นทุบตีจนลงไปนอนกองกับพื้นเสมอมา มีชีวิตเป็นตัวตลกของหมู่บ้าน ————————————————————————————- บทที่ 2116 เขียนชื่อของนางลงไปนางทีละขีด ยิ่งถูกรังแกเขาก็ยิ่งไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ในหนึ่งเดือนยังไม่แน่ว่าจะออกจากบ้านสักครั้ง ใช้ชีวิตอย่างมืดมนเหมือนคนไม่มีตัวตน เมื่ออยู่ในหมู่บ้านที่นิยมผู้กล้าแกร่งสถานะของเขาจึงต่ำต้อยอย่างยิ่ง หัวหน้าเผ่าเสียใจยิ่งนักและชิงชังยิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คำทำนายในปีนั้นของพ่อหมอจะผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงเคี่ยวเข็ญบุตรชายให้ฝึกฝนวรยุทธ์อยู่ที่บ้าน ซ้ำยังพยายามกระตุ้นเขาด้วยคำพูดด้วย ผลคือ เจ้าเด็กนี่เลือดร้อนวู่วาม ทิ้งจดหมายไว้ให้ผู้เป็นพ่อหนึ่งฉบับ บอกว่าจะไปจับสัตว์ร้ายสักตัวมาให้เขาดู พิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่สวะ จากนั้นเขาก็แอบหนีออกไป และจบชีวิตลงในปากของสัตว์ร้าย ถึงแม้สถานะของสือโทวผู้นี้จะต่ำต้อย แต่ในปีนั้นพ่อหมอทำนายไว้ว่าเมื่อเขาอายุครบสิบแปดจะได้พบพานเรื่องอัศจรรย์ จะกลายเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ทุกคนจึงยังคงคาดหวังตั้งตารอเขายิ่งนัก หัวหน้าเผ่าก็นึกไม่ถึงว่าบุตรชายจะสิ้นชีพลงเช่นนี้ เขาย่อมเสียใจยิ่งนัก แต่ปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นมากองอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เหตุผลที่ทุกคนสามารถอดทนฝ่าฟันอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ก็เพื่อรอวันที่สือโทวจะเติบใหญ่ขึ้นมาอย่างแท้จริง กล่าวได้ว่าตัวตนของสือโทวเป็นความหวังในการมีชีวิตอยู่ของพวกเขา ตอนนี้สือโทวตายแล้ว หากคนในหมู่บ้านทราบเรื่องเข้า ต้องทำให้จิตใจของทุกคนแตกสลายแน่นอน เมื่อถึงเวลาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดังนั้นหัวหน้าเผ่าจึงเกิดความคิดอันบรรเจิดขึ้น เมื่อเห็นว่ากู้ซีจิ่วมีรูปร่างคล้ายคลึงกับสือโทว จึงขอให้เธอช่วยปลอมตัวเป็นสือโทวสักระยะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนสักพักแล้วค่อยว่ากัน ส่วนกู้ซีจิ่วก็ไม่มีความทรงจำใดๆ เลย ไม่มีความเข้าใจในลกนี้ ไม่มีที่ไป ดังนั้นจึงตอบตกลง โชคดีที่ผู้คนที่นี่มักจะทาสีน้ำมันบนใบหน้าอยู่ตลอด และสือโทวผู้นั้นก็มีรูปร่างบอบบางสะโอดสะองยิ่ง ไม่เหมือนคนที่นี่ ปกติแล้วเป็นคนที่มีสถานะต้อยต่ำยิ่ง ความทรงจำที่ทุกคนมีต่อเขาเลือนรางนัก ประกอบกับถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเสียความทรงจำไป แต่ความสามารถในการแปลงโฉมไม่ได้หายไป เธอวาดเติมเสริมแต่งตัวเองเล็กน้อย ก็คล้ายคลึงกับสือโทวผู้นั้นถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว ใช้ฐานะของสือโทวอยู่ที่นี่มาครึ่งปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดมองออกเลย แน่นอนว่าต่อให้กู้ซีจิ่วความจำเสื่อม แต่นิสัยตามธรรมชาติไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่ยอมถูกกลั่งแกล้งรังแกเช่นเดียวกับสือโทว กระทำการเฉียบขาดว่องไว ไม่เพียงแต่ทุบตีคนที่คิดจะรังแกเธอให้ลงไปนอนร้องโอดโอยเท่านั้น ยังสามารถติดตามทุกคนออกไปล่าสัตว์ได้ด้วย พลังวิญญาณบนร่างเธอแทบจะเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว โชคดีที่ยังเหลือกำลังภายในอยู่หนึ่งในสาม ประกอบกับมีวิชาเคลื่อนย้ายอันพิสดาร ทำให้เธอแสดงความโดดเด่นด้านการล่าสัตว์ออกมา ทำให้ผู้คนของที่นี่เปลี่ยนแปลงทัศคติที่มีต่อสือโทวไปอย่างสิ้นเชิงได้ภายในระยะเวลาครึ่งปี เห็นเธอเป็นผู้นำไปรางๆ แล้ว และเธอก็ไม่มีความทรงจำเป็นของตัวเอง พอผ่านไปนานเข้า เธอก็เห็นตัวเองเป็นสือโทวไปแล้วจริงๆ… ยามนี้พอได้พบตี้ฝูอี เธอถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่นี่ ถึงขั้นที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าที่แท้แล้วตัวเธอเกี่ยวข้องกับที่ไหน เธอมองดูมือเขาที่จับจูงตนอยู่ ท่าทางเป็นธรรมชาติยิ่งนัก ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ราวกับในอดีตก็เคยจับจูงเช่นนี้อยู่บ่อยๆ “เจ้าบอกว่า…ข้าชื่อสีจิ่วใช่ไหม? มาจากชอบดื่มเหล้าใช่หรือเปล่า?” เธอกระซิบถาม คนที่เสียความทรงจำทั้งหมดไปจะรู้สึกไม่ปลอดภัยยิ่งนัก ครึ่งปีมานี้เธอพยายามค้นหาความทรงจำของตัวเองดูแล้ว จนปัญญาที่นึกไม่ออกเลยสักนิด… “เป็นกู้ซีจิ่ว ซีจากคำว่าเมตตาสงสาร…” บทที่ 2113+2114 ตี้ฝูอีดึงมือนางมาเสียเลย เขียนชื่อของนางลงไปบนฝ่ามือนางทีละขีดๆ ปลายนิ้วเขาราวกับหยก เห็นข้อนิ้วชัดเจน ผิวพรรณเนียนละเอียด ดูบอบบางยิ่งนักทว่าเปี่ยมไปด้วยกำลังที่ไม่อาจต้านทานได้ง่ายๆ ยามที่ลากไล้ผ่านฝ่ามือเธอรู้สึกจั๊กจี้นิดๆ เสมือนลากไล้ผ่านหัวใจเธอก็มิปาน… ตอนนี้เขาอยู่ใกล้เธอมาก มีกลิ่นหอมเย็นๆ ที่อ่อนจางกำจายออกมาจากร่างเขา อวลอยู่ที่ปลายจมูกเธอ หัวใจเธอพลันเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง กลิ่นอายนี้ทำให้เธอใจสั่นหวั่นไหวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอเกิดความปรารถนาที่อยากจะโผเข้าซบอกเขาขึ้นมาอีกวูบหนึ่ง —————————–

บทที่ 2115 เชื่อใจเขาอย่างน่าประหลาด…

ตี้ฝูอีมองนางแวบหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ

“ได้ ข้าจะไม่พูดจาเหลวไหล”

เขาไม่เคยพูดเหลวไหล เพียงพูดในสิ่งที่สมควรพูดเท่านั้น

กู้ซีจิ่วใจเต้นเล็กน้อย มองเขาแวบหนึ่ง สบเข้ากับนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นของเขาพอดี

ดวงตาของเขางดงามอย่างยิ่ง ราวกับมีสายธารฤดูใบไม้ผลิไหลวนอยู่ภายใน ดั่งมีไอวิญญาณมหาศาลควบรวมอยู่ในดวงตาเขา ยามนี้กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้ม ขนตาหนาเป็นแพโค้งงอนเล็กน้อย ทำให้คนรู้สึกคล้ายอยู่ท่ามกลายสายลมฤดูใบไม้ผลิ เสมือนมีบุปผาเบ่งบานอยู่ทั่วหล้า…

เด็กหนุ่มผู้นี้ชอบยิ้มเหลือเกิน กู้ซีจิ่วพบหน้าเขาเพียงครึ่งชั่วยาม ได้เห็นรอยยิ้มเขาไปหลายรอบแล้ว ท่าทางอารมณ์ดียิ่งนัก แถมยังว่าง่ายเชื่อฟังด้วย

กู้ซีจิ่วจดจำคนได้เป็นอย่างดี ต่อให้เธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปแล้ว แต่สัญชาตญาณนี้ยังคงอยู่ ปกติแล้วไม่เคยมองคนพลาดเลย

ถึงแม้เด็กหนุ่มคนนี้จะแย้มยิ้มปานฤดูใบไม้ผลิบุปผาสะพรั่งเช่นนี้ แต่เธอรับรู้ได้ตามสัญชาตญาณว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดา เหมือนหมาป่าหางโตที่ห่มหนังแกะไว้…

ดูสงบเสงี่ยมงดงาม เนื้อในน่าจะกล้าแกร่งเหี้ยมหาญ ไม่ควรไปยุแหย่ยิ่งนัก

บุรุษผู้นี้เหมือนดอกฝิ่น งดงามน่าหลงใหลแต่อันตรายถึงชีวิต

“เจ้าเป็นใคร?”

เธออดใจไม่อยู่เอ่ยถามไปอีกประโยค

“ตี้ฝูอี คู่หมั้นของเจ้า”

ตี้ฝูอีตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ดูสมเหตุสมผล

กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง

“…ข้าจำไม่เห็นได้ว่าข้ามีคู่หมั้น…”

“แล้วเจ้าจำอะไรได้บ้าง?”

กู้ซีจิ่งเงียบไป เธอจำอะไรไม่ได้เลย จำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง ในห้วงความทรงจำว่างเปล่าขาวโพลน

ตี้ฝูอีจับมือนาง น้ำเสียงอ่อนโยน

“ซีจิ่ว เจ้าความจำเสื่อม จำข้าไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง ข้าจำเจ้าได้ก็พอแล้ว เจ้าหายตัวไปกว่าครึ่งปีแล้ว ข้าพยายามตามหาเจ้ามาโดยตลอด วันนี้ในที่สุดก็หาพบแล้ว”

น้ำเสียงเขาดั่งสายธารไหลเอื่อย ไหลรินเข้าสู่หัวใจกู้ซีจิ่ว ทำให้หัวใจเธออบอุ่น

เนื้อแท้แล้วเธอไม่เชื่อใจใครง่ายๆ แต่กลับเชื่อใจเขาอย่างน่าประหลาด…

เธอรู้สึกว่าเขาดูคุ้นตา ในจิตใต้สำนึกมีความรู้สึกดีต่อเขา ถึงขั้นที่มีความคิดชั่ววูบว่าอยากโผเข้าสู่อ้อมแขนเขา

หรือที่เขาพูดมาจะเป็นความจริง? เขาเป็นคู่หมั้นของตนจริงๆ?

เธอตื่นขึ้นมาก็อยู่ในหุบเขาแห่งนี้แล้ว ไม่มีความทรงจำใดๆ เลย บาดเจ็บไปทั้งร่าง เกือบจะถูกสัตว์ร้ายในหุบเขากินแล้ว โชคดีที่วิชาเคลื่อนย้ายของเธอยังดีอยู่ ระหว่างที่หลบหนีอย่างน่าหวาดเสียวยังสบโอกาสสังหารเจ้าพวกนั้นด้วย ระหว่างหลบหนีมองเห็นคนผู้หนึ่งถูกสัตว์ร้ายเหล่านั้นโจมตี เพียงแต่ตัวเธอในตอนนั้นตัวเองยังเอาแทบไม่รอด ไม่อาจช่วยเหลือผู้อื่นได้ ทำได้เพียงเบิกตามองคนผู้นั้นถูกสัตว์ร้ายฉีกทึ้ง…

ในหุบเขานี้มีสัตว์ร้ายมากมายเหลือเกิน ซ้ำเธอยังไม่ชำนาญทาง เป็นเช่นเดียวกับตี้ฝูอี ระหว่างหลบหนีได้ดึงดูดสัตว์ประหลาดมาโขยงใหญ่…

โชคดีที่เธอยังพอมีโชคอยู่บ้าง ระหว่างที่หลบหนีมาถึงละแวกปากทางเข้าของที่นี่ ได้ถูกหัวหน้าเผ่าของที่นี่ดึงเข้าไปในถ้ำ รอดพ้นจากสัตว์ร้ายด้านนอกเหล่านั้น นับว่าช่วยชีวิตเธอเอาไว้

หัวหน้าเผ่าบอกว่าเขาออกมาตามหาสือโทวลูกชายของเขา ถามกู้ซีจิ่วว่าตอนที่อยู่ด้านนอกก่อนหน้านี้ได้พบเห็นคนอื่นบ้างหรือไม่…

กู้ซีจิ่วจึงเล่าสิ่งที่ตนเพิ่งเห็นออกมา หัวหน้าเผ่าคนนั้นทึ่มทื่อไปพักใหญ่ น้ำตาชายชราพรั่งพรู บอกว่าสือโทวเป็นลูกชายคนเดียวของเขา และเป็นความหวังของคนทั้งเผ่า ไม่นึกเลยว่าจะเป็นไปเช่นนี้…

กู้ซีจิ่วได้ทราบถึงสถานการณ์โดยรวมของสือโทว จากคำรำพันของหัวหน้าเผ่า

ผู้คนของที่นี่ถูกสัตว์ร้ายรังความอยู่ชั่วนาตาปี ไม่อาจหนีออกไปจากที่นี่ได้ ลำบากยากแค้นเหลือพรรณนา

สือโทวถือกำเนิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน พ่อหมอประจำหมู่บ้านทำนายว่าสือโทวคือความหวังในการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เป็นความหวังของคนทั้งหมู่บ้าน

แต่สือโทวร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก ซ้ำยังมีนิสัยเก็บตัว เก็บปากเก็บคำ ไม่ชำนาญการเข้าสังคม ยามทะเลาะกับผู้อื่นล้วนถูกผู้อื่นทุบตีจนลงไปนอนกองกับพื้นเสมอมา มีชีวิตเป็นตัวตลกของหมู่บ้าน

————————————————————————————-

บทที่ 2116 เขียนชื่อของนางลงไปนางทีละขีด

ยิ่งถูกรังแกเขาก็ยิ่งไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ในหนึ่งเดือนยังไม่แน่ว่าจะออกจากบ้านสักครั้ง ใช้ชีวิตอย่างมืดมนเหมือนคนไม่มีตัวตน เมื่ออยู่ในหมู่บ้านที่นิยมผู้กล้าแกร่งสถานะของเขาจึงต่ำต้อยอย่างยิ่ง

หัวหน้าเผ่าเสียใจยิ่งนักและชิงชังยิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คำทำนายในปีนั้นของพ่อหมอจะผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงเคี่ยวเข็ญบุตรชายให้ฝึกฝนวรยุทธ์อยู่ที่บ้าน ซ้ำยังพยายามกระตุ้นเขาด้วยคำพูดด้วย

ผลคือ เจ้าเด็กนี่เลือดร้อนวู่วาม ทิ้งจดหมายไว้ให้ผู้เป็นพ่อหนึ่งฉบับ บอกว่าจะไปจับสัตว์ร้ายสักตัวมาให้เขาดู พิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่สวะ

จากนั้นเขาก็แอบหนีออกไป และจบชีวิตลงในปากของสัตว์ร้าย

ถึงแม้สถานะของสือโทวผู้นี้จะต่ำต้อย แต่ในปีนั้นพ่อหมอทำนายไว้ว่าเมื่อเขาอายุครบสิบแปดจะได้พบพานเรื่องอัศจรรย์ จะกลายเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง ทุกคนจึงยังคงคาดหวังตั้งตารอเขายิ่งนัก

หัวหน้าเผ่าก็นึกไม่ถึงว่าบุตรชายจะสิ้นชีพลงเช่นนี้ เขาย่อมเสียใจยิ่งนัก แต่ปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นมากองอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

เหตุผลที่ทุกคนสามารถอดทนฝ่าฟันอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ก็เพื่อรอวันที่สือโทวจะเติบใหญ่ขึ้นมาอย่างแท้จริง กล่าวได้ว่าตัวตนของสือโทวเป็นความหวังในการมีชีวิตอยู่ของพวกเขา

ตอนนี้สือโทวตายแล้ว หากคนในหมู่บ้านทราบเรื่องเข้า ต้องทำให้จิตใจของทุกคนแตกสลายแน่นอน เมื่อถึงเวลาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ดังนั้นหัวหน้าเผ่าจึงเกิดความคิดอันบรรเจิดขึ้น เมื่อเห็นว่ากู้ซีจิ่วมีรูปร่างคล้ายคลึงกับสือโทว จึงขอให้เธอช่วยปลอมตัวเป็นสือโทวสักระยะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนสักพักแล้วค่อยว่ากัน

ส่วนกู้ซีจิ่วก็ไม่มีความทรงจำใดๆ เลย ไม่มีความเข้าใจในลกนี้ ไม่มีที่ไป ดังนั้นจึงตอบตกลง

โชคดีที่ผู้คนที่นี่มักจะทาสีน้ำมันบนใบหน้าอยู่ตลอด และสือโทวผู้นั้นก็มีรูปร่างบอบบางสะโอดสะองยิ่ง ไม่เหมือนคนที่นี่ ปกติแล้วเป็นคนที่มีสถานะต้อยต่ำยิ่ง ความทรงจำที่ทุกคนมีต่อเขาเลือนรางนัก

ประกอบกับถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเสียความทรงจำไป แต่ความสามารถในการแปลงโฉมไม่ได้หายไป เธอวาดเติมเสริมแต่งตัวเองเล็กน้อย ก็คล้ายคลึงกับสือโทวผู้นั้นถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว ใช้ฐานะของสือโทวอยู่ที่นี่มาครึ่งปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าไม่มีผู้ใดมองออกเลย

แน่นอนว่าต่อให้กู้ซีจิ่วความจำเสื่อม แต่นิสัยตามธรรมชาติไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่ยอมถูกกลั่งแกล้งรังแกเช่นเดียวกับสือโทว กระทำการเฉียบขาดว่องไว ไม่เพียงแต่ทุบตีคนที่คิดจะรังแกเธอให้ลงไปนอนร้องโอดโอยเท่านั้น ยังสามารถติดตามทุกคนออกไปล่าสัตว์ได้ด้วย

พลังวิญญาณบนร่างเธอแทบจะเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว โชคดีที่ยังเหลือกำลังภายในอยู่หนึ่งในสาม ประกอบกับมีวิชาเคลื่อนย้ายอันพิสดาร ทำให้เธอแสดงความโดดเด่นด้านการล่าสัตว์ออกมา ทำให้ผู้คนของที่นี่เปลี่ยนแปลงทัศคติที่มีต่อสือโทวไปอย่างสิ้นเชิงได้ภายในระยะเวลาครึ่งปี เห็นเธอเป็นผู้นำไปรางๆ แล้ว

และเธอก็ไม่มีความทรงจำเป็นของตัวเอง พอผ่านไปนานเข้า เธอก็เห็นตัวเองเป็นสือโทวไปแล้วจริงๆ…

ยามนี้พอได้พบตี้ฝูอี เธอถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่นี่ ถึงขั้นที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าที่แท้แล้วตัวเธอเกี่ยวข้องกับที่ไหน

เธอมองดูมือเขาที่จับจูงตนอยู่ ท่าทางเป็นธรรมชาติยิ่งนัก ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ราวกับในอดีตก็เคยจับจูงเช่นนี้อยู่บ่อยๆ

“เจ้าบอกว่า…ข้าชื่อสีจิ่วใช่ไหม? มาจากชอบดื่มเหล้าใช่หรือเปล่า?”

เธอกระซิบถาม

คนที่เสียความทรงจำทั้งหมดไปจะรู้สึกไม่ปลอดภัยยิ่งนัก ครึ่งปีมานี้เธอพยายามค้นหาความทรงจำของตัวเองดูแล้ว จนปัญญาที่นึกไม่ออกเลยสักนิด…

“เป็นกู้ซีจิ่ว ซีจากคำว่าเมตตาสงสาร…” บทที่ 2113+2114

ตี้ฝูอีดึงมือนางมาเสียเลย เขียนชื่อของนางลงไปบนฝ่ามือนางทีละขีดๆ

ปลายนิ้วเขาราวกับหยก เห็นข้อนิ้วชัดเจน ผิวพรรณเนียนละเอียด ดูบอบบางยิ่งนักทว่าเปี่ยมไปด้วยกำลังที่ไม่อาจต้านทานได้ง่ายๆ ยามที่ลากไล้ผ่านฝ่ามือเธอรู้สึกจั๊กจี้นิดๆ เสมือนลากไล้ผ่านหัวใจเธอก็มิปาน…

ตอนนี้เขาอยู่ใกล้เธอมาก มีกลิ่นหอมเย็นๆ ที่อ่อนจางกำจายออกมาจากร่างเขา อวลอยู่ที่ปลายจมูกเธอ หัวใจเธอพลันเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง กลิ่นอายนี้ทำให้เธอใจสั่นหวั่นไหวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอเกิดความปรารถนาที่อยากจะโผเข้าซบอกเขาขึ้นมาอีกวูบหนึ่ง

—————————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+