ลำนำบุปผาพิษ 931-932

Now you are reading ลำนำบุปผาพิษ Chapter 931-932 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 931 + 932

บทที่ 931 ข้าเมามากอยากพักผ่อนแล้ว

ดังนั้นหนนี้เธอจึงปลดปล่อยได้เต็มที่

ทั้งสองคนนั่งดื่มอย่างหนำใจอยู่บนกิ่งไม้ จากนั้นกู้ซีจิ่วก็เมามายไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ทันระวัง ร่วงลงมาจากกิ่งไม้ทันที!

‘ผลุบ!’ เธอนึกว่าตัวเองจะล้มหัวทิ่มมุดเข้าไปในกองหิมะเสียแล้ว นึกไม่ถึงว่าจจะหล่นสู่อ้อมกอดของคนผู้นึ่ง

กลิ่มหอมจางๆ อวลอยู่ที่ปลายจมูก กู้ซีจิ่วที่เมามายอยู่คล้ายได้กลิ่นที่คุ้นเคย จึงลืมตาขึ้นนิดๆ ก้อนสีม่วงเข้าสู่ครรลองสายตา หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นมาแวบหนึ่ง โพล่งนามหนึ่งออกไป “ตี้ฝูอี!”

อ้อมกอดที่โอบอุ้มเธออยู่แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงกระจ่างเยือกเย็นสายหนึ่งดังขึ้นริมหูเธอ “ข้าเหมือนเขามากหรือ?”

กู้ซีจิ่วพยายามเพ่งสายตา อยากมองหน้าตาคนที่โอบอุ้มเธอไว้ชัดๆ แต่เธอดื่มมากเกินไปจริงๆ ใบหน้าหล่อเหลาเบื้องหน้าจึงเดี๋ยวกลมเดี๋ยวก้อน จู่ๆ ก็แยกออกเป็นสองเป็นสาม…

เธอยื่นมืออกไป คิดจะจับใบหน้าที่สั่นไหวนั้นไว้ให้นิ่ง “อย่า…อย่าสั่นสิ เจ้าสั่นจนข้าตาลายไปหมดแล้ว…”

เดิมทีคนผู้นั้นอุ้มเธอเดินยู่ ยามนี้จึงหยุดฝีเท้าลงแล้วมองเธอ มองใบหน้าที่แดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราของเธอ “เช่นนี้หรือ?”

มือน้อยๆ ของกู้ซีจิ่วลูบคลำใบหน้าของเขาอยู่พักหนึ่ง แจ่มใสขึ้นมาในทันใด มองเห็นใบหน้าคนที่อุ้มเธอไว้อย่างชัดเจน มือน้อยปล่อยลงอย่างห่อเหี่ยว “ไม่ใช่เขา…”

ทันใดนั้นเธอก็พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ดิ้นจนหลุดจากอ้อมแขนของเขา แต่เนื่องจากดื่มมากเกินไป เมื่อสายลมโชยมา ฤทธิ์สุราตีขึ้น ฝ่าเท้าพลันอ่อนยวบ เกือบสะดุดขั้นบันไดแล้ว จึงถูกคนประคองไว้อีกครั้ง

กู้ซจิ่วรู้สึกเพียงว่าฟ้าดินพลิกหมุน ทว่ายังคิดจะผลักคนที่พยุงตนไว้ผู้นี้ออก “ข้า…ข้าจะเดินเอง…”

เธอออกแรงผลักให้มากหน่อย ทว่าผลักคนออกไม่ได้ ตนกลับเป็นฝ่ายล้มลงแทน นั่งอยู่ในหิมะทันที

หิมะที่เพิ่งตกลงมาย่อมอ่อนนุ่ม หลังจากเธอนั่งลงก็รู้สึกเสมือนนั่งอยู่บนเตียงของตน ด้วยเหตุนี้จึงเอนกายในกองหิมะ แล้วโบกมือไปมา “ข้าเมามากอยากพักผ่อนแล้ว” จากนั้นก็หลับตาหมายจะนอนหลับ…

อิงเหยียนนั่วแทบจะกุมขมับแล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรลากนางออกมาจากกองหิมะ “ตัวโง่งม เจ้าอยากแข็งตายหรือไง!”

จากนั้นก็ปัดหิมะที่เกาะบนร่างร่างออก ด้วยเกรงว่านางจะหนาวจัดจึงทาบฝ่ามือเข้าที่ด้านหลังนาง ถ่ายทอดกระแสความอบอุ่นสายหนึ่งเข้าไปในแผ่นหลังนาง โคจรวนทั่วร่างรอบหนึ่ง ขจัดไอเย็นที่แทรกซึมเข้าสู่ร่างนางออกไป

ขณะที่เขากำลังยุ่งง่วน จู่ๆ คนในอ้อมแขนพลิกตัว กอดเอวเขาทันที ศีรษะซบตรงอกเขา พึมพำออกมาตามที่คิด “ตี้ฝูอี…ข้าคิดถึงท่าน ข้าไม่ต้องการข้าแล้วหรือ? ทำไมถึงผิดนัด?”

ความอุ่นชื้นค่อยๆ แผ่ซึมออกมาตรงอก ร่างของอิงเหยียนนั่วนิ่งงัน กอดเธอไว้แน่น หลุบตามองเธอ ผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็ก้มลงจูบห้าผากเธอ ดูเหมือนจะกระซิบบอกบางสิ่ง

ลมแรงเกินไป แถมกู้ซีจิ่ยังเมาด้วย เธอจึงได้ยินไม่ชัด เพียงขดตัวเข้าหาอ้อมกอดผู้อื่นตามสัญชาตญาณ ระว่างที่สะลึมสะลือคล้ายจะได้กลิ่นอายอันมีเอกลักษณ์ที่คุ้นเคยกลิ่นนั้น เธอเกาะเขาแน่น ไม่คิดจะปล่อยมืออีก ผล็อยลับไปอย่างมึนงง

….

ภายในโถงใหญ่แห่งหนึ่ง

ในห้องโถงมีสระน้ำร้อนสระหนึ่ง ในสระมีคนผู้หนึ่งกำลังแช่อยู่ คนที่แช่อยู่ในสระผู้นี้ประหลาดยิ่ง แช่ทั้งๆ ที่ยังสวมเสื้อคลุมสีขาวเอาไว้ แม้แต่หน้ากากบนศีรษะก็ไม่ถอดออก เขานั่งอยู่ในนั้นคล้ายจะทำสมาธิอยู่ และคล้ายว่าเพลิดเพลินอยู่

ริมสระมีบุรุษในชุดสีมรกตผู้หนึ่งกำลังค้อมเอวรายงานเขา “เรียนท่านเจ้า การพัฒนาของทุกแห่งล้วนเป็นไปตามที่ท่านเจ้าคาดการไว้ขอรับ ไม่มีผู้ใดค้นพบกองกำลังของพวกเราที่ซุ่มอยู่…”

คนชุดขาวผู้นั้นพยักหน้านิดๆ “แล้วตี้ฝูอีล่ะ? มีข่าวเขาหรือไม่?”

————————————————————————————-

บทที่ 932 มีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนที่จะใช้นางเป็นหมาก

บุรุษชุดสีมรกตผู้นั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ส่ายหน้าพลางเอ่ยตอบ “ยังไม่มีเช่นเดิมขอรับ” จากนั้นก็คาดเดาในแง่ดี “เขาอาจตายไปแล้วก็ได้ คนของเราจับตามองความเคลื่อนไหวของของคนในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อยู่ตลอด และจับตามองกู้ซีจิ่วตลอดเวลาเช่นกัน ถึงแม้การแสดงออกของนางจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่แอบส่งออกไปสืบข่างคราวของตี้ฝูอีอยู่หลายครั้ง นี่แสดงว่าตี้ฝูอีไม่ได้ไปพบนางเลย…”

บนร่างคนชุดขาวผู้นั้นคล้ายมีรังสีสังหารแผ่ออกมา น้ำเสียงเฉยเมยทว่าเยียบเย็น “ถึงเจ้าตายเขาก็ไม่ตาย! เขาน่าจะหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อตรวจสอบพวกเรา…”

บุรุษชุดสีมรกตขมวดคิ้ว “เมื่อเขาอยู่ในที่สว่าง พวกเราอยู่ในที่มืด ตอนนี้พวกเราสองฝ่ายต่างอยู่ในที่มืดแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะงัดลูกไม้อะไรออกมาต่อกรกับพวกเรา ข้าน้อยรู้สึกอยู่เสมอว่าไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ ผู้อาวุโสหลงก็สิ้นท่าครั้งใหญ่ในเงื้อมมือเขา ถูกเขาวางแผนทำลายดวงวิญญาณ จงบจนยามนี้ก็ยังไม่อาจกลัมารวมตัวได้…”

คนชุดขาวผู้นั้นหัวเราะเบาๆ เอนร่างพิงขอบสระ กล่าวคำหนึ่งออกมาอย่างเฉื่อยชา “โง่!”

ถ้อยคำนี้ไม่ทราบเช่นกันว่าตำหนิผู้ใด

บุรุษชุดสีมรกตไม่กล้าพูดอะไรต่อแล้ว

คนชุดขาวผู้นั้นเงียบอยู่ครู่หนึ่ง “ระยะนี้สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มีความเคลื่นไหวใหม่ๆ บ้างไหม?”

บุรุษชุดสีมรกตส่ายหน้า “ไม่มีขอรับ” เขาอดกลั้นอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าอดไม่อยู่ เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “กู้ซีจิ่วผู้นั้นสรุปแล้วมิใช่คนรักของตี้ฝูอีหรือขอรับ? หนึ่งปีก่อนเขารักใคร่เอ็นดูนางอย่างยิ่ง ถึงขึ้นมีคนร่ำลือว่าเขาคิดจะสู่ขอตบแต่งนาง แต่ยามนี้ผ่านไปเกือบปีหนึ่งแล้ว แม้แต่หน้าก็ยังไม่โผล่มา เขาไม่ต้องการนางแล้วหรือขอรับ? หรือคิดจะใช้นางเป็นเหยื่อล่อพวกเรา?”

คนชุดขาวผู้นั้นหรี่ตาลงนิดๆ น้ำเสียงก็ราบเรียบเช่นกัน “ตี้ฝูอีผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก เรื่องที่ชมชอบละเล่นที่สุดก็คือกลับเท็จเป็นจริง กลับจริงเป็นเท็จ จิตใจของเขาไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้กระจ่าง คนผู้นี้ใช้ชีวิตมาเนิ่นนานถึงปานนี้ยังไม่เคยเห็นว่าเขาจะชอบใครจริงสักคน ไม่ว่าผู้ใดล้วนเป็นตัวหมากในมือเขาทั้งนั้น…”

เขายิ้มบางๆ อีกครา “ความเป็นไปได้ที่เขาจะชอบพอกู้ซีจิ่วมีน้อยนัก มีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วนที่จะใช้นางเป็นหมาก…เจ้าลืมเรื่องที่เขาเคยใช้นางเป็นตัวหมากวางแผนร่วมกับหลงซือเย่ จนเกือบสังหารผู้อาวุโสหลงได้ไปแล้วหรือ? หากมิใช่ข้าลงมือ ผู้อาวุโสหลงคนนั้นคงฟื้นฟูไม่ได้แล้ว ยังไม่รู้เลยว่ายามนี้จะไปเป็นผีเร่ร่อนอยู่ที่ใด!”

“ใช่ขอรับ ท่านเจ้าปราดเปรื่องนัก!”

นิ้วมือคนชุดขาวเคาะขอบสระเบาๆ คล้ายจะครุ่นคิดอยู่

บุรุษชุดสีมรกตพลันกล่าวขึ้น “ท่านเจ้าขอรับ กู้ซีจิ่วผู้นั้นค่อนข้างประหลาด ความเวในการฝึกฝนของนางว่องไวยิ่ง! อีกทั้งความคิดจิตใจก็ละเอียดลออจนน่ากลัว ข้าน้อยเกรงว่าภายหน้านางจะกลายเป็นอุปสรรคของท่านเจ้า มิสู้กำจัดนางไปเสีย…”

นิ้วมือคนชุดขาวชะงักไปเล็กน้อย น้ำเสียงแผ่วเบาทว่าเย็นยะเยือก “อย่าคิดร้ายต่อนาง นางจะกลายเป็นคนของข้าในไม่ช้าก็เร็ว”

บุรุษชุดสีมรกตตะลึงงัน พลั้งปากเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “ท่านเจ้าชอบนางหรือขอรับ?”

คนชุดขาวหันหน้ามา เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเขาสวมหน้ากากอยู่ ผู้อื่นไม่มีทางมองเห็นใบหน้าเขา แต่บุราชุดกลับรู้สึกว่าสายตาของคนชุดขาวราวกับมีดที่ร่อนลงบนร่างจนก็มิปาน เฉียบคมเยือกเย็น ทำให้เขาแทบจะทรุดเข่าลง

เขาไม่กล้าพูดต่อแล้ว คนชุดขาวมองเขาครู่หนึ่ง คล้ายจะแย้มยิ้มแวบหนึ่ง “ดูเหมือนเจ้าจะพูดมากไปหน่อยแล้ว…”

บุรุษชุดสีมรกตผู้นั้นหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบคุกเข่าหมอบอยู่บนพื้น “ขอรับ! ข้าน้อยทราบความผิดแล้ว!” และไม่ทราบว่าไปคว้ามีดเล่มหนึ่งมาจากที่ใด ตัดลิ้นตนทิ้งครึ่งหนึ่งเสียงดังฉัวะ

โลหิตสดๆ พุ่งกระฉูด เขาเจ็บจนทั้งร่างสั่นสะท้าน ทว่าไม่กล้าร้องออกมาสักคำ

คนชุดขาวถอนหายใจเบาๆ “ข้าก็ไม่ได้พูดสักหน่อยว่าจะเอาลิ้นเจ้า…ช่างเถอะ เห็นแก่เจ้าที่รู้ความถึงเพียงนี้ ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าอีก เจ้านำลิ้นไปให้ผู้อาวุดสหลงต่อคืนเสียเถอะ”

บุรุษชุดสีมรกตดั่งได้รับการอภัยโทษ ตอบรับเสียงอู้อี้ หยิบลิ้นที่ขาดครึ่งของตนขึ้นมาแล้วรีบรุดจากไป

————————————————————————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด