ลืมรักเลือนใจ 115 หายวับไปอย่างสมบูรณ์ / 116 วันนี้ไม่เอาสมองมาจากบ้านหรือไง

Now you are reading ลืมรักเลือนใจ Chapter 115 หายวับไปอย่างสมบูรณ์ / 116 วันนี้ไม่เอาสมองมาจากบ้านหรือไง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 115 หายวับไปอย่างสมบูรณ์  

 

 

บรรดานักข่าวต่างรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มีกลิ่นไม่ชอบมาพากล! นักแสดงไร้ฝีมือแบบหลินเยียนจะสามารถคว้าบทในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ได้ยังไงถ้าไม่ใช่เพราะหลินซูหย่ายื่นมือเข้าช่วย!  

 

 

ว่ากันตามตรงแล้ว หลินเยียนนั่นแหละที่เป็นคนทรยศ!  

 

 

หลินเยียนเป็นแค่ดาราปลายแถวผู้ไม่มีทั้งการศึกษาและทักษะการแสดง เธอจึงต้องใช้วิธีสกปรกเพื่อใส่ร้ายคนอื่นอย่างไร้ยางอาย และเพื่อเป็นที่รู้จัก เธอจึงรับงานแสดงในกองถ่ายทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ห่วยระดับไหนก็ตาม  

 

 

ในขณะที่ผู้เป็นน้องของเธอนั้นจบการศึกษาจากโรงเรียนการละครและภาพยนตร์ของเมืองหลวง อีกทั้งยังเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมไปด้วยพรสวรรค์ ความเฉลียวฉลาด ความมีเมตตา และยังเป็นผู้ใจบุญที่มอบเงินบริจาคมากมายแก่โครงการระดมทุนต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นนางฟ้าของชาติ  

 

 

จึงเป็นธรรมดาที่ใครๆ ก็พร้อมเชื่อทุกคำพูดจากปากหลินซูหย่าโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ  

 

 

ท่าทีอ่อนแอและบอบบางของหลินซูหย่าทำให้ทุกคนโกรธขึ้งจนระเบิดอารมณ์ออกมาในทันที  

 

 

หลินเยียนยังคงยืนนิ่งโดยไม่พูดไม่จาขณะที่จ้องมองการเล่นละครตบตาของหลินซูหย่าไปพลาง  

 

 

ด้านน้องสาวเองก็จ้องมองเธอกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากซึ่งแฝงนัยดูถูกไว้  

 

 

หลินซูหย่าเดินตรงมาทางหลินเยียนด้วยท่าทีเสียอกเสียใจ “พี่คะ…ฉันรู้ว่าพี่ยังเกลียดฉัน ตอนเรายังเด็ก ฉันให้ของเล่นพี่หมดทุกชิ้น แล้วพอเราโตขึ้น ฉันก็ยกเครื่องสำอางให้พี่ ขนาดตอนที่พี่บอกว่าพี่จะไปเมืองนอก ฉันก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเพื่อหาเงินมาช่วยพี่ เรื่องพวกนี้ไม่ได้สลักสำคัญอะไรหรอกค่ะ…แต่…เรื่องความรักน่ะมันไม่ใช่เรื่องของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนะคะ ถึงฉันจะพยายามยอมแพ้เรื่องเขาแล้ว แต่ฉันก็ทำไม่ได้จริงๆ …”  

 

 

คำพูดชวนใจสลายของหลินซูหย่าโดนใจบรรดานักข่าวอย่างมาก และแน่นอนว่าปฏิกิริยาที่ตามมาของพวกเขาก็น่าจะเดาได้ไม่ยาก  

 

 

“หลินซูหย่าเพิ่งให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับพี่สาวเมื่อครู่นี้ค่ะ หลินเยียนนี่ช่างเป็นพี่สาวที่ร้ายกาจและโหดเ**้ยมจริงๆ!”  

 

 

นักข่าวหันมาประจันหน้ากับหลินเยียนด้วยแววตาที่ลุกโชนด้วยความโกรธ  

 

 

“หลินเยียน คุณจะทำเกินไปแล้วนะ! กล้าดียังไงถึงหน้าด้านอยากได้แฟนของน้องสาวแบบนี้”  

 

 

“ใช่! เธอทำร้ายน้องสาวซ้ำๆ ซากๆ เพราะเห็นว่าซูหย่าใจดี เธอแพร่ข่าวลือไปทั่วเพราะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ พระเจ้าช่วย! มีพี่สาวเลวขนาดนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอ ขยะอย่างเธอน่ะดีแต่จะทำให้วงการบันเทิงต้องเน่าเหม็นไปด้วย!”  

 

 

“ยัยนี่เคยโพสต์บนเว่ยป๋อว่าเป็นคนก่อตั้งศูนย์พักพิงสัตว์นางฟ้าด้วยนะ นอกจากเรื่องแย่งแฟนชาวบ้านแล้วยังจะพยายามแย่งเครดิตคนอื่นอีกต่างหาก! ทำไมถึงได้ชอบขโมยของของคนอื่นแบบนี้นักนะ”  

 

 

…  

 

 

หลินซูหย่าเดินเข้ามาประชิดตัวหลินเยียนในขณะที่ผู้คนรอบข้างพากันปรามาสด้วยเสียงดังเซ็งแซ่  

 

 

ผู้เป็นน้องจงใจกระซิบข้างหูพี่สาว “หลินเยียน ฉันน่ะโดดเด่นกว่าพี่มาตั้งแต่เรายังเป็นเด็กแล้ว ฉันเก่งกว่าพี่ทุกอย่าง แต่พี่น่ะเป็นพวกโชคดีจนน่าโมโห แค่พึ่งดวงนิดหน่อยพี่ก็เอาชนะฉันได้ทุกเรื่องซะแล้ว แต่ตอนนี้ฉันจะแสดงให้ทุกคนเห็นธาตุแท้ของพี่เอง!  

 

 

สำหรับฉันแล้วพี่ก็เป็นแค่มดตัวกระจ้อยร่อย ลำพังแค่จะคุกเข่าแล้วเลียรองเท้าฉันยังทำไม่ได้เลย ถึงเวลาแล้วที่พี่จะต้องอยู่ในฐานะต่ำต้อยแบบนี้ไปทั้งตลอดชีวิต…เข้าใจใช่ไหม”  

 

 

หลินเยียนเบ้ปากเมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว  

 

 

เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหลินซูหย่าที่เธอเคยพร้อมปกป้องด้วยชีวิตจะมีความคิดที่เห็นแก่ตัวและน่าขยะแขยงเช่นนี้  

 

 

แต่คราวนี้หลินเยียนไม่หงุดหงิดและยังสามารถควบคุมตัวเองไว้ได้ อันที่จริง เธอรู้สึกโล่งใจที่สถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว  

 

 

เพราะในที่สุด เศษเสี้ยวของความอดทนอดกลั้นและความรักที่เธอยังมีต่อน้องสาวก็หายวับไปอย่างสมบูรณ์  

 

 

หลินซูหย่ายิ้มเยาะอย่างเย็นชา “พี่ ไม่ต้องดิ้นรนแล้วล่ะ ไม่มีใครบนโลกนี้รู้จักพี่ดีเท่าฉัน และฉันกุมทุกจุดอ่อนของพี่ไว้ในมือฉันแล้ว…พี่น่ะก็เป็นแค่…ขยะไร้ประโยชน์กองหนึ่งเท่านั้นเอง…”  

 

 

หลินเยียนเงยหน้าขึ้นแล้วกวาดตามองใบหน้าของหลินซูหย่าอย่างเฉื่อยชาพร้อมส่งแรงกดดันถึงน้องสาว “หลินซูหย่า เธอคิดว่าเธอเข้าใจฉันจริงๆ เหรอ”  

 

 

หลินเยียนเปิดเผยทุกเรื่องให้หลินซูหย่ารู้เมื่อตอนที่ทั้งคู่ยังเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่  

 

 

แต่ตอนนี้ หลินเยียนตัดความสัมพันธ์กับน้องสาวและมองเห็นเธอเป็นเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น หลินเยียนคงไม่มอบอาวุธสำหรับทำร้ายตัวเธอเองให้กับผู้เป็นน้องอีกต่อไป  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 116 วันนี้ไม่เอาสมองมาจากบ้านหรือไง  

 

 

ดวงตาของหลินซูหย่าฉายแววเย่อหยิ่งขณะที่มองหลินเยียนราวกับเธอกำลังเห็นมดตัวเล็กๆ แสนกระจ้อยร่อยที่แทบไม่อยู่ในสายตา  

 

 

ในอดีต หลินเยียนเป็นคนโชคดีเกินไปจนเรียกได้ว่าชีวิตดี หลินเยียนมอบทุกอย่างให้กับเธอราวบริจาคเงินให้ผู้ยากไร้และพิชิตหัวใจของผู้ชายที่เธอชอบไปได้ แต่สุดท้ายหลินเยียนก็ใช้โชคของเธอจนหมด หลินซูหย่าสามารถกลับมาอยู่ในบ้านตระกูลหลินได้ รวมถึงยังได้หันอี้เซวียนและทุกอย่างที่สมควรเป็นของเธอกลับมาทั้งหมด  

 

 

ส่วนหลินเยียนก็เป็นได้แค่ขยะ…ขยะที่จะกองอยู่บนพื้นแบบนั้นไปตลอดกาล เธอไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นคนรับใช้คอยถือรองเท้าให้หลินซูหย่าด้วยซ้ำ  

 

 

“พี่คะ ถ้าต้องการอะไรก็บอกฉันได้นะคะ…” หลินซูหย่าผละจากหลินเยียนมายืนตัวตรงหน้าบรรดานักข่าวก่อนพูดกับหลินเยียนว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็คือพี่ของฉันค่ะ เรื่องในอดีตก็ให้แล้วกันไป และไม่ว่าจะยังไงเลือดก็ข้นกว่าน้ำ สายสัมพันธ์ของเราพี่น้องไม่มีวันขาดจากกันแน่นอน”  

 

 

เหล่านักข่าวต่างหัวเสียหลังจากได้ยินที่หลินซูหย่าพูด  

 

 

“ซูหย่าครับ คุณจะใจดีเกินไปแล้วนะ คนพรรค์นี้ไม่ใช่พี่สาวของคุณหรอก! ผมเห็นคนแบบนี้มามากมายเพราะทำงานในวงการมาหลายปี ยัยนี่มันคนเลวไร้คุณธรรม!” นักข่าวที่สวมแว่นตามองหลินเยียนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม  

 

 

แล้วบรรดานักข่าวทั้งหมดก็ต่างพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย  

 

 

นักข่าวหญิงในเดรสสีแดงคนหนึ่งมองหลินเยียนด้วยท่าทีดูหมิ่นสักพักก่อนเอ่ยออกมาว่า “ยังไงซะ คนบางคนก็ไม่สมควรได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นมนุษย์ เพราะคนพวกนี้น่ะจะทำทุกทางเพื่อบรรลุเป้าหมายโดยไม่สนใจว่าวิธีที่ใช้นั้นไร้ยางอายขนาดไหน บางคนอาจจะหลอกใช้คนที่ใกล้ชิดที่สุดเป็นเครื่องมือด้วยซ้ำ แล้วสายสัมพันธ์ในครอบครัวจะมีความหมายอะไรกันล่ะ”  

 

 

“ทุกคนอย่าพูดแบบนี้สิคะ พี่ของฉันเขาคงไม่ได้ตั้งใจ…” หลินซูหย่าขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่าเธอกำลังเจ็บปวดและพยายามเก็บซ่อนความเศร้าเอาไว้  

 

 

“คุณซูหย่าคะ ผู้ชายคนนั้นพูดถูกแล้วนะ คุณน่ะใจดีเกินไป หลินเยียนรู้ว่าจุดอ่อนของคุณคือความเมตตา หล่อนเลยหยิบจุดนั้นมาหาผลประโยชน์จากคุณหน้าด้านๆ ไงคะ ถ้าไม่ปกป้องตัวเองซะตั้งแต่ตอนนี้คุณจะลำบากนะคะ!” นักข่าวในชุดแดงตะโกนเสียงดัง  

 

 

จ้าวหงหลิงมองเหล่านักข่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง เธอคิดว่าเธอควรจะอยู่เงียบๆ ต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้  

 

 

ผู้จัดการสาวเข้าอกเข้าใจหลินเยียนเป็นอย่างดี เธอสัมผัสได้ว่าหลินซูหย่าน่าจะแฝงเจตนาร้ายมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ แล้ว แต่เธอไม่อยู่ในจุดที่จะสามารถออกความเห็นใดๆ ได้เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง แต่เมื่อลองวิเคราะห์สถานการณ์นี้ให้ดีๆ แล้ว เธอคิดว่าหลินซูหย่ากำลังจะเจอปัญหาครั้งใหญ่อย่างแน่นอน   

 

 

ถึงกระนั้น จ้าวหงหลิงก็ไม่ได้สนใจว่าทางฝ่ายเธอกำลังมีแต้มต่อแต่อย่างใด หลินซูหย่าได้เปรียบกว่าในเวลานี้เพราะทุกคนเลือกที่จะเชื่อคำพูดของเธอหมดใจ  

 

 

แต่ผู้จัดการสาวตัดสินใจไม่ชี้ทางให้หลินเยียนเพราะกังวลว่าสถานการณ์อาจกลับตาลปัตรมาทำร้ายฝ่ายเธอได้  

 

 

“หลินเยียน หล่อนนี่มันหน้าด้านจริงๆ ไปหลงระเริงอยู่เมืองนอกด้วยเงินพาร์ตไทม์ที่ซูหย่าตรากตรำทำงานหามาให้เนี่ยนะ? หล่อนยังเป็นคนอยู่รึเปล่า? หลินซูหย่าช่างโชคร้ายจริงๆ ที่มีพี่สาวแบบหล่อนน่ะ!” นักข่าวชุดแดงยังคงจ้องหลินเยียนด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง  

 

 

หลินเยียนขยับหมวกบนศีรษะก่อนจ้องกลับไปที่นักข่าวคนนั้นด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ไม่เอาสมองมาจากบ้านเหรอคะ”  

 

 

“ว่าไงนะ”  

 

 

นักข่าวที่สวมแว่นตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “นี่หล่อนพูดจาแบบนี้กับคนอื่นได้ไง คิดจะกลบเกลื่อนความอับอายหรือยังไงกัน”  

 

 

หลินเยียนยิ้มมุมปากและคงท่าทางนิ่งเฉยเหมือนอย่างเคย “ฉันแค่เตือนคุณด้วยความหวังดีนะ ในฐานะนักข่าวแล้ว คุณเชื่อข้อมูลที่มาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกค่ะ ทำไมไม่ลองสืบเสาะหาหลักฐานดูล่ะ ฉันว่าฉันไม่ได้พูดแรงเกินไปสักหน่อยนะคะ ที่ถามว่า ลืมสมองไว้ที่บ้านหรือไง เนี่ย”  

 

 

หลินเยียนพูดต่อไปเพื่อไม่ให้นักข่าวได้มีโอกาสตอบโต้ “เพราะพวกคุณมันไม่มีปัญญาพอจะไตร่ตรองและวิเคราะห์ ดีแต่เชื่อทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของคนคนเดียว…”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด