ลืมรักเลือนใจ 119 เธอเสพติดการหาเงินจนหยุดไม่ได้ / 120 เข้าเป้าเผง

Now you are reading ลืมรักเลือนใจ Chapter 119 เธอเสพติดการหาเงินจนหยุดไม่ได้ / 120 เข้าเป้าเผง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 119 เธอเสพติดการหาเงินจนหยุดไม่ได้

 

 

บรรดาทีมงานกองถ่ายพากันรุมล้อมเจี่ยงซือเฟยกันเป็นกลุ่มก้อนโดยทิ้งหลินเยียน ตัวตัว และจ้าวหงหลิงไว้ลำพัง

 

 

และก็ยังไม่มีใครสนใจทั้งสามคนอยู่ดีแม้เวลาจะผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว

 

 

ทุกคนพากันห้อมล้อมเจี่ยงซือเฟยราวกับจะถ่ายภาพแฟชั่นโชว์ก็มิปาน ดาราสาวเปลี่ยนชุดไปแล้วมากมายหลายชุดในขณะที่ทีมงานก็เยินยอเธออยู่เรื่อยๆ

 

 

เวลาผ่านไปจนบ่ายคล้อย หลินเยียนรอมานานถึงสามชั่วโมงเต็ม

 

 

จ้าวหงหลิงมองนาฬิกาด้วยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย

 

 

เธอเดาว่าหลินเยียนคงไม่ได้ถ่ายรูปวันนี้แน่นอน

 

 

ตามกำหนดการแล้ว หลินเยียนและเจี่ยงซือเฟยจะต้องได้ถ่ายรูปในช่วงเช้า ส่วนดาราคนอื่นๆ อยู่ในคิวช่วงบ่าย

 

 

แต่ถ้าเจี่ยงซือเฟยใช้เวลามากขนาดนี้ ทางทีมงานคงข้ามลำดับของหลินเยียนไป

 

 

ตัวตัวมองหลินเยียนอย่างลุกลี้ลุกลน เธอคิดว่าหลินเยียนจะโวยวายเพราะถูกปล่อยให้รอนานเกินไป แต่กลับกลายเป็นว่าดาราสาวกลับไปหมกมุ่นอยู่กับเกมมือถืออีกครั้ง

 

 

ตัวตัวพูดไม่ออก “พี่หลิง ขอบคุณพระเจ้าที่พี่บอกให้หลินเยียนดาวน์โหลดเกมลงมือถือไว้…”

 

 

แต่ความจริงแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าหลินเยียนแค่กำลัง ‘เสพติดการหาเงิน’ และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

 

 

หลังจากคิดวิเคราะห์อยู่หลายตลบ ในที่สุดหลินเยียนก็รู้ว่าเกมประเภทนี้กำลังเป็นที่นิยมมาก และเธออาจจะใช้ความถนัดและเวลาว่างเพื่อหาเงินจากเกมพวกนี้ได้

 

 

ได้เล่นเกมแล้วยังได้เงิน ช่างเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาที่บันเทิงอะไรเช่นนี้!

 

 

และหลินเยียนยังแอบส่งข้อความเชิญหลอกล่อถึงผู้เล่นเงินถุงเงินถังในระหว่างที่ฝึกเล่นอีกด้วย

 

 

“พี่หลิงคะ เดี๋ยวฉันไปเช็กให้ดีกว่าว่าเราจะได้ถ่ายตอนไหน”

 

 

“โอเค”

 

 

ตัวตัวลุกขึ้นแล้วเดินหาทีมงาน

 

 

ทีมงานคนหนึ่งที่เป็นแม่งานนี้กำลังพูดคุยอยู่กับจูมั่นเชี่ยนด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “พี่เชี่ยนคะ น้องซือเฟยเนี่ยหุ่นดีจริงๆ ใส่อะไรก็สวยไปหมดเลย! อย่างกับนางแบบเลยนะคะ…”

 

 

“สวัสดีค่ะ ฉันขอถามหน่อยได้ไหมว่าหลินเยียนจะได้ถ่ายรูปตอนไหน” ตัวตัวถาม

 

 

แม่งานที่ถูกขัดจังหวะหันมามองตัวตัวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “จะเร่งอะไรหนักหนา? นางเอกยังถ่ายรูปไม่เสร็จเลย แล้วตัวประกอบจะรีบไปไหนล่ะ”

 

 

ตัวตัวเริ่มร้อนใจ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ชอบหลินเยียนเท่าไรนัก แต่เธอก็ต้องทำงานเพื่อรักษาประโยชน์ของหลินเยียน “เจี่ยงซือเฟยทั้งแต่งหน้าทั้งลองชุดมาหลายชั่วโมงแล้วนะคะ อย่างนี้จะมีเวลาพอให้พี่เยียนเหรอ…”

 

 

ช่างภาพที่ทางกองถ่ายจ้างมาเป็นระดับมืออาชีพผู้โด่งดังและมีประสบการณ์ ตารางงานของเขาแน่นเอี้ยดจนน่าจะไม่มีเวลาถ่ายภาพให้อีกรอบแล้ว เจี่ยงซือเฟยกำลังพยายามฉวยโอกาสแย่งเวลาถ่ายภาพของหลินเยียน

 

 

ถ้าหากหลินเยียนไม่ได้ถ่ายภาพในวันนี้ เธอก็จะไม่ได้ปรากฏตัวในแคมเปญโปรโมตภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน

 

 

เจี่ยงซือเฟยที่ทำท่าทีอืดอาดและเดินวนไปเวียนมาจ้องมองตัวตัวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ตัวตัว ตอนนี้เป็นผู้ช่วยของหลินเยียนแล้วเหรอ”

 

 

“แล้วจะทำไม” ตัวตัวสวนกลับ

 

 

ตัวตัวเคยดูแลเจี่ยงซือเฟยอย่างดีและพยายามรับใช้เธอราวกับเป็นนายหญิงโดยไม่เคยคาดคิดว่าเธอจะใจไม้ไส้ระกำได้ถึงขนาดนี้

 

 

เจี่ยงซือเฟยในชุดเดรสยาวแสนสง่าค้อมศีรษะลงมามองตาตัวตัว “ไหนๆ เราก็เคยสนิทกันมากและฉันก็ยังไม่คุ้นเคยกับผู้ช่วยคนใหม่ เธอดูแลคนอื่นเก่งจะตายไป มาเป็นผู้ช่วยฉันไหมล่ะ ฉันจ่ายให้สองเท่าเลย”

 

 

นั่นหมายความว่าตัวตัวรับใช้เจี่ยงซือเฟยได้ดีมากจนเธอยินดีจ่ายค่าจ้างให้เป็นสองเท่าถ้าตัวตัวสนใจที่จะปรนนิบัติพัดวีเธอต่อไป

 

 

ตัวตัวเกือบจะหัวระเบิดด้วยความโกรธ

 

 

กล้าดียังไงถึงตั้งใจจะฉกเธอไปด้วย?

 

 

ยัยเจี่ยงซือเฟยนี่คิดว่าคนอื่นเขาเป็นคนเนรคุณแบบเธอหรือยังไงกัน?

 

 

 

 

ตอนที่ 120 เข้าเป้าเผง

 

 

ตัวตัวออกจากบ้านเกิดที่เป็นเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งมาหางานทำในเมืองหลวง เธอเคยทำงานเป็นลูกกระจ๊อกในกองถ่ายหลายแห่งมานานก่อนที่จะพบกับพี่หลิง หน้าที่ของตัวตัวมีตั้งแต่ขนย้ายอุปกรณ์ ซื้อเครื่องดื่ม และทำงานบางอย่างแทนหลายๆ คน

 

 

พี่หลิงสังเกตเห็นว่าตัวตัวขยันทำงานจึงว่าจ้างเธอเป็นผู้ช่วย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นงานที่หลายคนอิจฉา

 

 

ถึงแม้ว่าตัวตัวจะไม่ได้รู้อะไรมากมายนัก แต่เธอไม่มีทางหักหลังผู้มีพระคุณอย่างแน่นอน!

 

 

ตัวตัวหัวเราะหึๆ “เก็บเงินไว้ทำศัลยกรรมเหอะ!”

 

 

คำพูดของตัวตัวเข้าเป้าอย่างจัง ดวงตาของเจี่ยงซือเฟยเปล่งประกายสีแดงฉาน “แก…”

 

 

จูมั่นเชี่ยนรีบปลอบโยนดาราสาว “ซือเฟย ช่างมันเถอะจ้ะ! ยัยเด็กนี่โง่เกินไปจนไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องลำบากไปกับหลินเยียน เหนื่อยหน่อยนะหนู!”

 

 

 

 

ตัวตัวมีสีหน้าเศร้าสร้อย ดวงตาของเธอแดงก่ำราวกับเพิ่งถูกรังแกมา

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” จ้าวหงหลิงถามอย่างรวดเร็ว

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะพี่หลิง พวกนั้นมันร้ายเกินไปแล้ว! เจี่ยงซือเฟยพยายามทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปใหญ่…”

 

 

จ้าวหงหลิงมองตัวตัวด้วยท่าทางสับสน หลังเวลาผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยกับผู้ช่วยสาว “ที่ฉันจ้างเธอครั้งแรกเป็นเพราะซือเฟยต้องการผู้ช่วย เธอทำหน้าที่ดูแลซือเฟยได้ดีมาตลอด จริงๆ แล้ว ผู้ช่วยกับดาราน่ะมักจะตัวติดกันเสมอ…และซือเฟยกับเธอสนิทกันมากจริงๆ ถ้าเธอ…”

 

 

ตัวตัวเข้าใจว่าจ้าวหงหลิงพยายามจะสื่ออะไร เธอรีบพูดอย่างกระวนกระวายใจ “พี่หลิง! พี่คิดว่าฉันเป็นคนแบบไหนกัน ฉันไม่สนใจหรอกนะคะว่าฉันจะต้องดูแลใคร ฉันมีแต่พี่เท่านั้น! ฉันฟังแค่คำสั่งของพี่! ต่อให้ต้องติดตามคนอวดเก่งแบบหลินเยียนก็ตาม แต่ฉันไม่มีวันทำงานกับคนอกตัญญูอย่างเจี่ยงซือเฟยแน่นอน!”

 

 

หลินเยียนผู้มัวแต่ง่วนอยู่กับเกมมือถือถูกตัวตัวแซะเข้าอีกครั้งอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่…

 

 

แล้วก็เป็นไปตามคาด หลินเยียนไม่ได้ถ่ายภาพในวันนี้

 

 

 

 

แม่งานแจ้งกับพวกจ้าวหงหลิงอย่างครึ่งๆ กลางๆ ว่า “เราจะนัดถ่ายรูปใหม่วันหลัง” แต่ลึกๆ แล้ว ทั้งสองสาวรู้ดีแก่ใจว่าความจริงเป็นอย่างไร

 

 

“เรารอมาตั้งนานแต่ดันบอกให้เรากลับไปซะเนี่ยนะ พี่หลิง ฉันจะไปคุยกับผู้กำกับ!” ตัวตัวอารมณ์ขึ้นอีกครั้ง

 

 

จ้าวหงหลิงส่ายศีรษะไปมา “ถ้าไม่ได้คำสั่งจากเบื้องบน ยัยแม่งานนั่นก็คงไม่กล้าทำแบบนี้หรอก”

 

 

นั่นหมายความว่าทางทีมบริหารเห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้แล้ว

 

 

คงไม่มีทีมบริหารคนไหนสมองกลวงพอที่จะให้ความสำคัญกับหลินเยียนมากกว่าเจี่ยงซือเฟย

 

 

แน่นอนว่าทางทีมต้องสนับสนุนเฉพาะฝ่ายที่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขามากที่สุด

 

 

หลินเยียนถูกปล่อยให้ก่อเรื่องก่อราวเพราะข่าวฉาวสามารถกระพือชื่อหนังออกไปให้คนรู้จักได้ ในขณะที่เจี่ยงซือเฟยก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีเพราะมีคนหนุนหลัง

 

 

“ไปเถอะ” จ้าวหงหลิงหันมามองหลินเยียน

 

 

ผู้จัดการสาวตั้งใจจะปลอบหลินเยียนแต่กลับเห็นสายตางุนงงของดาราสาวที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมา “หา? เร็วจังอะ? เดี๋ยว! ขอฉันจบตานี้ก่อน! แม่จะเล่นให้ยับเล้ย!”

 

 

จ้าวหงหลิงพูดอะไรไม่ออก…

 

 

เธอกับตัวตัวเป็นกังวลอยู่นานสองนาน แต่ยัยเด็กนี่กลับสนุกอยู่กับเกมของเธอตลอดเวลา

 

 

ราวกับว่าเธอรู้ดีอยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…

 

 

 

 

พวกหลินเยียนเดินลงบันไดไปยังที่จอดรถ

 

 

จ้าวหงหลิงโทรศัพท์หาคนขับรถ เธอดูอารมณ์บูดหลังจากที่วางสาย

 

 

“ข้างนอกสตูดิโอกับที่ลานจอดรถมีแฟนๆ อยู่เต็มไปหมด” จ้าวหงหลิงเอ่ย

 

 

ตัวตัวรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่ออ่านข่าวและเว่ยป๋อ “อย่างที่คิดเลย พวกสื่อโพสต์วิดีโอคลิปก่อนหน้านี้ไปแล้ว…แถมลงที่อยู่สตูดิโอไว้เสร็จสรรพด้วย พวกแฟนๆ เลยแห่มาที่นี่กัน…”

 

 

หลินเยียนยืนนิ่งพลางใช้ความคิด ในอึดใจต่อมาเธอก็กล่าวว่า “พี่หลิงคะ พวกแฟนๆ คงจำพี่กับตัวตัวไม่ได้หรอก เราแยกกันดีกว่า เดี๋ยวฉันจะหาทางเอง”

 

 

จ้าวหงหลิงปฏิเสธทันควัน “ไม่ได้”

 

 

หลินเยียนกำลังจะอ้าปากพูด แต่ในขณะนั้นเอง ฝูงชนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏกายที่สุดโถงทางเดิน

 

 

เหล่าผู้ช่วยและบอดี้การ์ดเดินล้อมรอบชายหนุ่มคนหนึ่งที่สูงเด่นเป็นสง่า เขาสวมชุดสูทย้อนยุคสีเทาหม่น รูปร่างที่สมบูรณ์แบบนั้นดูดีราวกับถูกแกะสลักขึ้นมาด้วยหัตถ์ของพระเจ้า ส่วนใบหน้าของเขาก็หล่อเหลาและงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้

 

 

ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนยิ้มกว้าง การปรากฏตัวของเขาดุจดั่งสายลมเย็นสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิ

 

 

ตัวตัวหน้าแดงก่ำเมื่อสังเกตเห็นเขา เธอตื่นเต้นมากจนละล่ำละลักไม่เป็นภาษา “กรี๊ด! คุณเผย…เผย…เผยหนานซวี่!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด