ลืมรักเลือนใจ 157 น่าจะได้มาในราคาดีทีเดียว / 158 ฝังกลบความทรงจำ

Now you are reading ลืมรักเลือนใจ Chapter 157 น่าจะได้มาในราคาดีทีเดียว / 158 ฝังกลบความทรงจำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 157 น่าจะได้มาในราคาดีทีเดียว

 

 

โปสเตอร์พร้อมลายเซ็นของเผยหนานซวี่นั้นยั่วใจหลินเยียนมาก…

 

 

อันที่จริง ประเด็นสำคัญอยู่ที่มันคือโปสเตอร์ของเผยหนานซวี่ และมันก็เซ็นโดยตัวเขา

 

 

ที่สำคัญที่สุดก็คือ มันเป็นโปสเตอร์ฉบับพิเศษที่มีจำนวนจำกัด!

 

 

ถ้าเธอเอามันออกประมูลละก็…เธอคงจะได้ราคางามทีเดียว!

 

 

ไม่ได้สิ!

 

 

มันเป็นโปสเตอร์ฉบับพิเศษพร้อมลายเซ็นของคนที่เป็นไอดอลของเธอเลยนะ เธอจะเอามาหากำไรแบบนี้ได้ยังไง

 

 

“พี่เยียน ยังอยู่รึเปล่า พูดอะไรหน่อยสิ อย่าเงียบไปแบบนี้! ผมรู้นะว่าพี่ได้ยินผมน่ะ!” เผยอวี่ถังขึ้นเสียง

 

 

“ฟังฉันนะ…” หลินเยียนหลุดออกจากภวังค์

 

 

“พี่เยียน พี่ช่วยบอกผมตามตรงได้ไหม พี่อยากเป็นพี่สะใภ้ใหญ่หรือพี่สะใภ้รองของผมกันแน่ พี่ช่วยไม่ทำให้ผมต้องตกที่นั่งลำบากได้ไหม ตอนนี้ผมไม่รู้จะเรียกพี่ว่ายังไงดีแล้ว!”

 

 

เผยอวี่ถังถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดต่อ “การต้องทำตัวซื่อสัตย์และยุติธรรมกับพี่ชายทั้งสองคนพร้อมกันเป็นเรื่องยาก พี่เยียน ผมจะเล่าความลับสุดประหลาดน่าตกใจให้พี่ฟัง แต่พี่ห้ามบอกคนอื่นนะ!”

 

 

“ความลับอะไร ของใคร” หลินเยียนอยากรู้

 

 

“ความลับของพี่ใหญ่!” เผยอวี่ถังกระซิบ

 

 

“โอ๊ย อย่าเล่านะ มันน่ากลัวเกินไป” หลินเยียนรีบเตือน

 

 

“ไม่ครับ พี่ต้องฟังเรื่องนี้! ผมกลัวว่าพี่จะเลือกทางเดินผิดๆ ที่ทำนี่ก็เพื่อตัวพี่เอง!” เผยอวี่ถังรีบบอก

 

 

หลินเยียนอึ้งไป…

 

 

นี่มีคนที่บังคับให้อีกคนต้องยอมฟังความลับสุดช็อกแบบนี้ก็ได้เหรอ นี่เขาไม่ควรจะเก็บรักษาความลับเอาไว้รึไง หมอนี่เป็นบ้าอะไรน่ะ

 

 

“เอาละ งั้นก็ว่ามา” หลินเยียนยอมแพ้

 

 

“พี่เยียน ตั้งใจฟังดีๆ นะครับ พี่ใหญ่น่ะไม่ใช่คนอย่างที่พี่เห็นภายนอกหรอก เขาน่ากลัวกว่านั้นมาก!”

 

 

หลินเยียนซัก “แล้วไงต่อ”

 

 

“แค่นั้นแหละครับ” เผยอวี่ถังตอบ

 

 

หลินเยียนอึ้งสนิท…

 

 

เนี่ยเหรอยะความลับสุดประหลาดน่าตกใจ

 

 

เธออุตส่าห์เตรียมฟังความลับสุดเด็ด

 

 

“ใครๆ ก็รู้เรื่องนี้กันทั้งนั้นแหละ…” มุมปากหลินเยียนกระตุกยิ้ม เผยอวี่ถังเองก็เคยพูดเรื่องนี้ตั้งหลายครั้งจนไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว

 

 

“พี่เยียน นี่พี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฟังผมนะ ที่พี่เห็นอยู่ตอนนี้น่ะเป็นแค่เปลือกนอก เป็นแค่การเสแสร้ง อย่าให้พี่ใหญ่หลอกเอาได้นะ! ตัวจริงเขาน่ะน่ากลัวกว่าที่พี่เห็นเป็นพัน…ไม่สิ เป็นล้านๆ เท่าเลย!” เผยอวี่ถังพูดอย่างร้อนใจ

 

 

“เอาละ เอาละ ฉันเข้าใจแล้ว” หลินเยียนยิ้มอย่างขบขัน

 

 

เผยอวี่ถังกำลังเกาจมูกอยู่ที่ปลายสาย ทำไมพี่เยียนถึงได้ฟังเหมือนไม่สนใจไม่เดือดร้อนอะไรกับเรื่องนี้เลยล่ะ เขาต้องได้ยินผิดไปแน่ๆ

 

 

“ถ้างั้น พี่เยียน พี่อยากจะเป็นพี่สะใภ้ใหญ่หรือพี่สะใภ้รองของผมครับ” เผยอวี่ถังถามซ้ำ

 

 

“เป็นแค่พี่สาวเธอนี่แหละ!” หลินเยียนนวดขมับอย่างท้อแท้

 

 

หมอนี่เป็นแผ่นเสียงตกร่องหรือไงนะ

 

 

“โอเคครับ พี่เยียน ถ้าพี่ยืนยันแบบนั้น…” เผยอวี่ถังยิ้มกว้าง

 

 

ครู่ต่อมา หลินเยียนก็วางสาย

 

 

เธอวางสายเพราะเธอรู้สึกว่าเผยอวี่ถังกำลังจะหาเรื่องเดือดร้อนให้เธอ นี่เขาเป็นน้องชายของเผยหนานซวี่และเผยอวี้เฉิงจริงๆ หรือนี่

 

 

ถ้าขืนเธอยังคุยต่อ คงจะต้องปัญญาอ่อนตามเขาไปแน่

 

 

พวกเขามีพ่อแม่คนเดียวกัน เติบโตมาในสภาพแวดล้อมเดียวกัน แล้วทำไมถึงได้ต่างกันนักนะ

 

 

เผยอวี่ถังโทรกลับมาอีกครั้งตอนที่หลินเยียนยังไม่ทันได้ตั้งสติ

 

 

“พี่เยียน ผมล้อเล่นน่า พี่วางสายใส่ผมทำไม มาพูดเรื่องจริงจังกันดีกว่า ตกลงพี่จะมาดูการแข่งขันหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าใครก็มาดูได้นะครับ ผมจริงจังนะ! รับรองว่าพี่ต้องตื่นตาตื่นใจแน่! พรุ่งนี้บรรดานักแข่งตัวท็อปของประเทศก็มาด้วยนะ!”

 

 

 

 

ตอนที่ 158 ฝังกลบความทรงจำ

 

 

ความกระตือรือร้นของเผยอวี่ถังถูกส่งมาตามสายโทรศัพท์ไม่หยุด

 

 

“เอาละ เอาละ ฉันเข้าใจแล้ว” หลินเยียนถอนหายใจตอบอย่างเหลืออด

 

 

เผยอวี่ถังนั้นเกาะหนึบยิ่งกว่าแผ่นปลาสเตอร์ยา ถ้าเธอไม่ตกลง เขาก็จะโทรไม่หยุดแล้วก็ก่อกวนจนกว่าเธอจะยอม

 

 

“ฮ่าฮ่า! พี่เยียน รับปากแล้วนะครับ! พี่ปล่อยให้ผมคอยเก้อไม่ได้นะ! บ๊ายบาย พี่เยียน!” เผยอวี่ถังหัวเราะร่าเริงด้วยความดีใจ

 

 

“เดี๋ยวก่อน!” หลินเยียนรีบขัดขึ้นก่อนที่เผยอวี่ถังจะวางสาย

 

 

“มีอะไรเหรอพี่เยียน” เผยอวี่ถังทำเสียงสงสัย

 

 

“โปสเตอร์…ลายเซ็น…ฉบับพิเศษ! อย่าลืมละ!” หลินเยียนเตือนเสียงดัง

 

 

เผยอวี่ถังนิ่งไป…

 

 

“โอเค ได้เลย! ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะขโมยมาให้พี่เอง!” เผยอวี่ถังมั่นใจเต็มเปี่ยม

 

 

หลินเยียนวางสายหลังจากที่เผยอวี่ถังรับปาก

 

 

ตาบ๊องเอ๊ย…

 

 

หลินเยียนถือโทรศัพท์ยืนเหม่อ ถ้าไม่มีการลักพาตัวเกิดขึ้น และน้องชายของเธอยังอยู่ใกล้ๆ เขาก็คงจะอายุไล่เลี่ยกันกับเผยอวี่ถังนี่แหละ

 

 

เมื่อคิดถึงน้องชาย ดวงตาของหลินเยียนก็วาววับด้วยความโกรธโดยไม่รู้ตัว

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะปีศาจพวกนั้นละก็…

 

 

เธอสาบานว่าสักวันเธอจะฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆ เพื่อเป็นการชดใช้ พวกมันจะต้องเสียใจ

 

 

หลินเยียนรวบรวมสติพลางสูดหายใจเข้าลึก เธอสลัดอารมณ์อ่อนไหวที่ก่อตัวขึ้นข้างในทิ้ง

 

 

เธอเคยสูญเสียการควบคุมตัวเองมาแล้วหลายครั้ง และผลที่ตามมาก็คือความหายนะ เธออาจจะก่อความวุ่นวายได้ทุกเมื่อ

 

 

แต่ตอนนี้หลินเยียนสามารถปรับเปลี่ยนและจัดการอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่าเดิมแล้ว ซึ่งนั่นช่วยทำให้เธอสูญเสียการควบคุมตัวเองน้อยลง

 

 

ทุกครั้งที่เธอจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องแล็บได้ สันหลังเธอก็ยังเย็นวาบทุกครั้ง มันให้ความรู้สึกเหมือนติดอยู่ในขุมนรกและสมรภูมิสงครามที่ยาวนานเป็นศตวรรษ ถ้าเธอมีทางเลือก เธอก็อยากจะลืมมันไปซะ แต่ความทรงจำพวกนั้นดูราวกับถูกสลักลงในหัวสมองด้วยเบ้าเหล็กเผาไฟ

 

 

สมัยเป็นเด็กหลินเยียนเป็นเด็กฉลาด เธอจึงมีทักษะในการทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้เร็วกว่าคนอื่น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องแล็บนั้น กลับช่วยขยายทักษะนี้ของเธอให้เด่นชัดขึ้นไปอีก ถ้าหากไม่มีเรื่องราวคราวนั้นเกิดขึ้น เธออาจจะไม่ได้กลายเป็นนักแข่งรถระดับโลกหรือมีมันสมองที่เฉลียวฉลาดแบบนี้ก็ได้

 

 

แต่ก็โชคร้าย เพราะในขณะเดียวกัน เธอก็ต้องสูญเสียน้องชาย และบ่อยครั้งที่เธอต้องสูญเสียการควบคุมตัวเองไปด้วย

 

 

ความทรงจำที่เจ็บปวดเหล่านั้นไม่สามารถลบทิ้งไปได้

 

 

หลังจากที่หนีรอดออกมา เธอก็พยายามสุดชีวิตที่จะปกปิดความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ให้คนอื่นรู้ แต่เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองจะยังกลับไปเป็นคนธรรมดาได้อีกหรือไม่

 

 

เธอเลือกที่จะกลัวว่าการสูญเสียจิตสำนึกของตัวเองครั้งนั้นเป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น เพราะมันฟังดูเป็นเหตุเป็นผลมากกว่าการบอกว่าเธอถูกวิญญาณเข้าสิง

 

 

แต่เธอก็ยังโล่งใจที่ช่วงนี้เธอค่อนข้างเป็นตัวของตัวเอง เธอหวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ต่อไป หลินเยียนไม่อยากถูกจับส่งโรงพยาบาลประสาท

 

 

 

 

วันต่อมา หลินเยียนไปยังสนามแข่งรถที่เผยอวี่ถังพูดถึง และเธอก็สวมหน้ากากและหมวกแก๊ปตามปกติ

 

 

สนามแข่งรถนั้นมีอยู่สองแบบ

 

 

แบบที่ไม่ได้เอาไว้แข่งความเร็วซึ่งไม่มีการกำหนดขอบเขตและมักจะตั้งอยู่นอกเมือง สำหรับการแข่งขันแบบแรลลี่ การแข่งรถข้ามประเทศ และการแข่งรถบนภูเขาซึ่งมักจะจัดที่นั่น

 

 

ทีมของปู่เธอมักจะร่วมการแข่งแบบแรลลี่ ซึ่งทั้งคนขับและคนดูทางจะต้องทำงานกันเป็นทีม

 

 

สนามแข่งอีกแบบจะมีการกำหนดขอบเขต และการแข่งขันจะเกิดขึ้นในพื้นที่ปิดล้อม การแข่งแบบนี้จะดึงดูดคนดูมากกว่า เพราะสามารถนั่งดูการแข่งขันจากข้างสนามได้

 

 

การแข่งขันของเผยอวี่ถังอยู่ในประเภทหลัง

 

 

ผู้ชมหลายคนเข้าประจำที่นั่งเรียบร้อยแล้ว หลินเยียนเดินผ่านฝูงชนเข้าไป มองหาทีมของเผยอวี่ถัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด