ลืมรักเลือนใจ 211 ตอนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเขาน่ากลัวกว่าเยอะ / 212 คำขอร้องจากไอดอลของเธอ

Now you are reading ลืมรักเลือนใจ Chapter 211 ตอนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเขาน่ากลัวกว่าเยอะ / 212 คำขอร้องจากไอดอลของเธอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 211 ตอนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเขาน่ากลัวกว่าเยอะ

 

 

“เดาออกไหมว่าแฟนของพี่สะใภ้ใหญ่คนไหนที่จะไปขัดลูกตานายท่าน จะเป็นนักร้องดังเว่ยสวีเฟิงไหมนะ หรืออาจจะเป็นเฉินเจามู่ หรือถังจยาเยี่ย…”

 

 

ชายหนุ่มที่ถืออมยิ้มแอบลอบหันไปมองเขา “แฟนของพี่สะใภ้ใหญ่ที่เขาลือกันมีอยู่ทั่วทั้งวงการบันเทิง ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าคนไหน โชคดีที่ในช่วงสองปีที่ผ่านมานายท่านทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งกับข่าวพวกนี้ ไม่งั้นละก็โลกนี้ได้พังพินาศแน่

 

 

ถ้านายท่านเลือกที่จะอยู่ห่างไม่ยุ่งกับเธอเลยไปตลอดก็เยี่ยมไปเลยสิ แต่ยังไงพวกเขาก็กลับมาเจอกันแล้ว เพราะฉะนั้นบางอย่างคงปิดได้อีกไม่นาน เขาจะอดทนต่อเรื่องแบบนั้นได้ยังไง ขอบคุณพระเจ้าที่ครั้งนี้เขาแค่พังโต๊ะกับแก้วกาแฟ…”

 

 

ชายหนุ่มลูบคางตัวเองและพูดอย่างสบายอารมณ์ “นั่นทำให้ฉันวกกลับไปที่คำถามเดิม ฉันคิดว่านายท่านตัดสินใจปล่อยให้เธอเป็นอิสระแล้วเสียอีก ทำไมเขาถึงเปลี่ยนใจ”

 

 

ชายหนุ่มอีกคนยักไหล่ “ใครจะไปรู้…บางทีที่ผ่านมานายท่านอาจไม่เคยลืมเธอได้เลยก็ได้ ตอนนั้นฉันแทบไม่อยากจะเชื่อว่านายท่านยอมปล่อยเธอไป…”

 

 

หญิงสาวอีกคนทำหน้านิ่งขณะที่ประกายแห่งความเกลียดชังแล่นพาดผ่านแววตาของเธอ “ยัยผู้หญิงคนนั้นต้องทำอะไรลงไปสักอย่าง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพี่อวี้ถึงหลงเข้าไปติดกับเธออีกครั้ง”

 

 

ชายหนุ่มกับอมยิ้มคู่ใจกะพริบตาปริบๆ และออกความเห็น “พี่หลาน พี่คิดแบบนั้นไม่ได้ เธอลืมทุกอย่างไปหมดสิ้น เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งตัวตนของนายท่าน ลองบอกสถานะและตัวตนที่แท้จริงของนายท่านให้เธอฟังสิ เธอจะกล้าเข้าใกล้นายท่านได้ยังไง เธอจะไปทำอะไรได้”

 

 

ชายหนุ่มในชุดสูทหัวเราะหึๆ ออกมาเสียงดัง “นายท่านต้องเป็นผู้คุมเกมอยู่แน่ๆ เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับอดีตหลงเหลืออยู่เลย ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาดของนายท่านแล้ว ทำให้เธอหลงเชื่อไม่ใช่เรื่องที่ต้องเปลืองแรงอะไรเลยไม่ใช่เหรอ”

 

 

ชายหนุ่มถืออมยิ้มหันไปมองเขาด้วยสายตาไม่เห็นด้วย “นายพูดเรื่องอะไรของนาย ดูจากรูปร่างหน้าตาของนายท่าน นายคิดว่านายท่านจำเป็นต้องล่อลวงเธองั้นเหรอ”

 

 

หญิงสาวหันไปจ้องชายหนุ่มทั้งคู่ตาขวาง “นี่พวกนายสองคนออกรับแทนยัยนั่นเหรอ ซิงเฉิน นายลืมไปแล้วเหรอว่าทำไมแขนนายถึงพิการ ส่วนนายฉินฮวน ใครกันที่นอนพะงาบติดเตียงอยู่เป็นสามเดือน”

 

 

ซิงเฉินขยับข้อมือซ้ายซึ่งทำให้เกิดเสียโลหะกระทบกันดังกริ๊ก ใบหน้าฉายชัดด้วยความกลัวขณะที่เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เรื่องนี้โทษนายท่านไม่ได้ ฉันเองที่ไม่สังเกตและระวังให้ดีพอ ฉันรู้ว่านายท่านควบคุมตัวเองไม่ได้และหวาดระแวงเป็นที่สุด ใครก็ตามที่คุยกับผู้หญิงคนนั้นเกินห้าวินาทีหรือยืนห่างจากเธอน้อยกว่าสามก้าวถือเป็นการกระทำที่ฆ่าตัวตายชัดๆ…”

 

 

ชายหนุ่มอีกคนบ่นงึมงำกับตัวเอง “ฉันโชคร้ายอยู่คนเดียว! ตอนที่เธอจู่ๆ ก็เป็นลมล้มพับ จะให้ฉันยืนอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยได้ยังไงกัน ไม่ว่าจะเข้าไปช่วยหรือไม่ช่วยฉันก็โดนอัดอยู่ดี นี่มันหนักเกินไปแล้วสำหรับฉัน…”

 

 

ชายหนุ่มที่กำลังเขี่ยดอกทิวลิปในมือเล่นจู่ๆ ก็คิดอะไรออก “นึกย้อนไปฉันก็ชื่นชมแฟนเก่าของหลินเยียนอยู่ เขาชื่ออะไรนะ อ้อ หันอี้เซวียน…

 

 

เขาวาสนาดีจริงๆ! นายท่านเพิ่งมอบอิสระให้กับพี่สะใภ้ใหญ่ แต่ไม่ทันไรเธอก็ไปเป็นแฟนกับหันอี้เซวียน นายท่านอาจไม่ทันรู้ตัว แต่ตอนนี้เขาจะได้รู้แน่นอน! เธอนอกใจเขา แต่ไอ้หมอนั่นยังมีชีวิตอยู่!

 

 

สองปีมานี้อารมณ์ของนายท่านดีขึ้นมาก เขากลายมาเป็นสุภาพบุรุษผู้สมบูรณ์แบบเพียบพร้อมทุกกระเบียดนิ้วและเป็นสุภาพชนผู้มีมารยาทงดงาม บางครั้งฉันก็สงสัยจริงๆ ว่าเขากลับมาเป็นปกติแล้วหรือเปล่า!”

 

 

ชายหนุ่มเลียอมยิ้มขณะมองเผยอวี้เฉิงที่ยืนอยู่สุดปลายทางเดิน เขาขนลุกซู่โดยไม่รู้ตัวก่อนจะพูด “พูดตรงๆ นะ ฉันว่านายท่านตอนเงียบๆ นิ่งๆ ไม่พูดอะไรน่ากลัวกว่าเยอะ…”

 

 

 

 

 

  ตอนที่ 212 คำขอร้องจากไอดอลของเธอ

 

 

ใครก็ตามที่อยู่กลุ่มซีหรือต่ำกว่าจะต้องถูกกำจัด…

 

 

ข่าวที่หลินเยียนได้รับในค่ำคืนนี้สะเทือนใจเธออย่างรุนแรง

 

 

เธอมักจะหวังอยู่เสมอว่าน้องชายของเธอยังคงมีชีวิตอยู่ ณ ที่ใดสักที่ในโลกใบนี้ หากไม่นับที่ที่เขาเคยอยู่ ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิต เธอจะต้องหาเขาเจอแน่นอน

 

 

ถึงกระนั้นข่าวนี้แทบทลายทุกความหวังของเธอ…

 

 

หลินเยียนยืนอยู่ตรงระเบียงดำดิ่งสู่ห้วงความคิด สายลมเย็นยามค่ำคืนโชยโบกปะทะใบหน้าเธอ

 

 

เธอตกอยู่ในภวังค์ตอนที่เสียงโทรศัพท์ดัง มีเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรเข้ามา

 

 

หลินเยียนรับสาย “ฮัลโหล ใครพูดสายคะ”

 

 

“พี่สะใภ้ใหญ่ ผมเองครับ”

 

 

เสียงสุภาพนุ่มนวลจากปลายสายทำให้หลินเยียนอึ้งจนพูดไม่ออกและต้องใช้เวลาพักใหญ่เพื่อเรียกสติคืนมา “เผย…คุณเผย…”

 

 

“ขอโทษที่ผมโทรมาดึกขนาดนี้นะครับ ผมรบกวนเวลาพักผ่อนของพี่สะใภ้หรือเปล่าครับ” เผยหนานซวี่เสียงฟังดูอ่อนล้า

 

 

“ไม่ ไม่ ฉันยังไม่นอนค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” หลินเยียนรีบตอบอย่างร้อนรน

 

 

เผยหนานซวี่พูดต่อ “อันที่จริงมีบางอย่าง…ที่ผมอาจต้องขอความช่วยเหลือพี่สะใภ้…”

 

 

หลินเยียนถาม “ความช่วยเหลือ?”

 

 

อะไรที่เธอพอจะช่วยเผยหนานซวี่ได้นะ

 

 

“ใช่ครับ…” เผยหนานซวี่เงียบไปแปปนึงก่อนที่จะพูดต่อ “พี่สะใภ้โทรหาพี่ใหญ่ตอนนี้ได้ไหมครับ”

 

 

“หา?” หลินเยียนงง “คุณอยากให้ฉันโทรหาคุณเผยตอนนี้?”

 

 

เผยหนานซวี่พูดย้ำอีกครั้ง “ครับ”

 

 

หลินเยียนพูดต่อ “แต่…ทำไมจู่ๆ ฉันต้องโทรหาเขาล่ะคะ ฉันจะพูดอะไรดี”

 

 

เผยหนานซวี่รีบบอก “ตอนที่พี่สะใภ้โทรไปหาพี่ใหญ่พูดอะไรก็ได้เลยครับ บางทีพี่สะใภ้อาจชวนพี่ใหญ่ออกมาข้างนอกคืนพรุ่งนี้…”

 

 

“เอ่อ…” หลินเยียนรู้สึกทำอะไรไม่ถูก

 

 

ทำไมเธอต้องโทรหาเผยอวี้เฉิงปุบปับขนาดนี้

 

 

ที่ผ่านมาเธอพยายามเค้นความคิดเพื่อหาทางบอกเลิกเขา…โดยปกติเธอควรจะลดการติดต่อกับเขาก่อนเป็นอย่างแรกสิ…

 

 

เผยหนานซวี่ขอร้องอย่างจริงจังอีกครั้ง “ได้โปรดเถอะครับ…พี่สะใภ้ใหญ่พอช่วยได้ไหม”

 

 

นี่คือคำขอร้องจากไอดอลของเธอ…เธอจะปฏิเสธเขาได้ยังไงกัน

 

 

หลินเยียนรีบตอบตกลงอย่างว่าง่าย “ได้ค่ะ ฉันจะโทรหาเขา”

 

 

“ขอบคุณครับ!” เผยหนานซวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

 

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเผยหนานซวี่ถึงได้ขอร้องเธอแบบนี้ แต่ฟังจากน้ำเสียงเขาดูจริงจังและต้องการความช่วยเหลือจริงๆ นี่น่าจะเป็นเรื่องสำคัญ

 

 

หลินเยียนทำอย่างที่เผยหนานซวี่ขอร้องและกดโทรไปหาเผยอวี้เฉิงทันที

 

 

“สวัสดีค่ะ คุณเผย…”

 

 

แทบไม่ต้องรอสาย เธอก็ได้ยินเสียงทุ้มตอบกลับมา “เรียกหาฉันเหรอ”

 

 

หลินเยียนไม่รู้ว่าสมองหลอกเธอหรือเปล่า เสียงนั้นคือเสียงเดิมที่เธอคุ้นเคย แต่น้ำเสียงกลับฟังดูน่ากลัว

 

 

หลินเยียนพูดโดยไม่ต้องคิด “เอ่อ…ค่ะ ฉัน…คืนพรุ่งนี้…เจอกันไหมคะ”

 

 

เผยอวี้เฉิงตอบ “ได้สิ”

 

 

ความรู้สึกที่เธอได้รับเมื่อกี้จางหายไปราวกับภาพลวงและเผยอวี้เฉิงเองก็กลับมาพูดด้วยน้ำเสียงปกติของเขาอีกครั้ง

 

 

หลินเยียนรีบวางสายและส่งข้อความไปหาเผยหนานซวี่ [คุณเผยคะ ฉันโทรหาเขาและขอให้เขาออกมาเจอพรุ่งนี้ค่ะ]

 

 

[เยี่ยม ขอบคุณมากเลยครับ!]

 

 

[ด้วยความยินดีค่ะ]

 

 

หลินเยียนทรุดลงไปนั่งพิงผนังและถอนหายใจ

 

 

โทรไปหาเขาน่ะง่าย แต่พรุ่งนี้น่ะสิเธอจะทำอะไรตอนที่เจอเขา

 

 

เธออยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธเผยหนานซวี่ได้เช่นกัน ในความคิดเขา เผยอวี้เฉิงคือแฟนของเธอ เพราะฉะนั้นการโทรชวนแฟนออกไปเที่ยวข้างนอกเป็นเรื่องที่สุดแสนจะธรรมดา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ลืมรักเลือนใจ 211 ตอนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเขาน่ากลัวกว่าเยอะ / 212 คำขอร้องจากไอดอลของเธอ

Now you are reading ลืมรักเลือนใจ Chapter 211 ตอนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเขาน่ากลัวกว่าเยอะ / 212 คำขอร้องจากไอดอลของเธอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 211 ตอนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเขาน่ากลัวกว่าเยอะ

 

 

“เดาออกไหมว่าแฟนของพี่สะใภ้ใหญ่คนไหนที่จะไปขัดลูกตานายท่าน จะเป็นนักร้องดังเว่ยสวีเฟิงไหมนะ หรืออาจจะเป็นเฉินเจามู่ หรือถังจยาเยี่ย…”

 

 

ชายหนุ่มที่ถืออมยิ้มแอบลอบหันไปมองเขา “แฟนของพี่สะใภ้ใหญ่ที่เขาลือกันมีอยู่ทั่วทั้งวงการบันเทิง ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าคนไหน โชคดีที่ในช่วงสองปีที่ผ่านมานายท่านทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งกับข่าวพวกนี้ ไม่งั้นละก็โลกนี้ได้พังพินาศแน่

 

 

ถ้านายท่านเลือกที่จะอยู่ห่างไม่ยุ่งกับเธอเลยไปตลอดก็เยี่ยมไปเลยสิ แต่ยังไงพวกเขาก็กลับมาเจอกันแล้ว เพราะฉะนั้นบางอย่างคงปิดได้อีกไม่นาน เขาจะอดทนต่อเรื่องแบบนั้นได้ยังไง ขอบคุณพระเจ้าที่ครั้งนี้เขาแค่พังโต๊ะกับแก้วกาแฟ…”

 

 

ชายหนุ่มลูบคางตัวเองและพูดอย่างสบายอารมณ์ “นั่นทำให้ฉันวกกลับไปที่คำถามเดิม ฉันคิดว่านายท่านตัดสินใจปล่อยให้เธอเป็นอิสระแล้วเสียอีก ทำไมเขาถึงเปลี่ยนใจ”

 

 

ชายหนุ่มอีกคนยักไหล่ “ใครจะไปรู้…บางทีที่ผ่านมานายท่านอาจไม่เคยลืมเธอได้เลยก็ได้ ตอนนั้นฉันแทบไม่อยากจะเชื่อว่านายท่านยอมปล่อยเธอไป…”

 

 

หญิงสาวอีกคนทำหน้านิ่งขณะที่ประกายแห่งความเกลียดชังแล่นพาดผ่านแววตาของเธอ “ยัยผู้หญิงคนนั้นต้องทำอะไรลงไปสักอย่าง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพี่อวี้ถึงหลงเข้าไปติดกับเธออีกครั้ง”

 

 

ชายหนุ่มกับอมยิ้มคู่ใจกะพริบตาปริบๆ และออกความเห็น “พี่หลาน พี่คิดแบบนั้นไม่ได้ เธอลืมทุกอย่างไปหมดสิ้น เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งตัวตนของนายท่าน ลองบอกสถานะและตัวตนที่แท้จริงของนายท่านให้เธอฟังสิ เธอจะกล้าเข้าใกล้นายท่านได้ยังไง เธอจะไปทำอะไรได้”

 

 

ชายหนุ่มในชุดสูทหัวเราะหึๆ ออกมาเสียงดัง “นายท่านต้องเป็นผู้คุมเกมอยู่แน่ๆ เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับอดีตหลงเหลืออยู่เลย ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาดของนายท่านแล้ว ทำให้เธอหลงเชื่อไม่ใช่เรื่องที่ต้องเปลืองแรงอะไรเลยไม่ใช่เหรอ”

 

 

ชายหนุ่มถืออมยิ้มหันไปมองเขาด้วยสายตาไม่เห็นด้วย “นายพูดเรื่องอะไรของนาย ดูจากรูปร่างหน้าตาของนายท่าน นายคิดว่านายท่านจำเป็นต้องล่อลวงเธองั้นเหรอ”

 

 

หญิงสาวหันไปจ้องชายหนุ่มทั้งคู่ตาขวาง “นี่พวกนายสองคนออกรับแทนยัยนั่นเหรอ ซิงเฉิน นายลืมไปแล้วเหรอว่าทำไมแขนนายถึงพิการ ส่วนนายฉินฮวน ใครกันที่นอนพะงาบติดเตียงอยู่เป็นสามเดือน”

 

 

ซิงเฉินขยับข้อมือซ้ายซึ่งทำให้เกิดเสียโลหะกระทบกันดังกริ๊ก ใบหน้าฉายชัดด้วยความกลัวขณะที่เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เรื่องนี้โทษนายท่านไม่ได้ ฉันเองที่ไม่สังเกตและระวังให้ดีพอ ฉันรู้ว่านายท่านควบคุมตัวเองไม่ได้และหวาดระแวงเป็นที่สุด ใครก็ตามที่คุยกับผู้หญิงคนนั้นเกินห้าวินาทีหรือยืนห่างจากเธอน้อยกว่าสามก้าวถือเป็นการกระทำที่ฆ่าตัวตายชัดๆ…”

 

 

ชายหนุ่มอีกคนบ่นงึมงำกับตัวเอง “ฉันโชคร้ายอยู่คนเดียว! ตอนที่เธอจู่ๆ ก็เป็นลมล้มพับ จะให้ฉันยืนอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยได้ยังไงกัน ไม่ว่าจะเข้าไปช่วยหรือไม่ช่วยฉันก็โดนอัดอยู่ดี นี่มันหนักเกินไปแล้วสำหรับฉัน…”

 

 

ชายหนุ่มที่กำลังเขี่ยดอกทิวลิปในมือเล่นจู่ๆ ก็คิดอะไรออก “นึกย้อนไปฉันก็ชื่นชมแฟนเก่าของหลินเยียนอยู่ เขาชื่ออะไรนะ อ้อ หันอี้เซวียน…

 

 

เขาวาสนาดีจริงๆ! นายท่านเพิ่งมอบอิสระให้กับพี่สะใภ้ใหญ่ แต่ไม่ทันไรเธอก็ไปเป็นแฟนกับหันอี้เซวียน นายท่านอาจไม่ทันรู้ตัว แต่ตอนนี้เขาจะได้รู้แน่นอน! เธอนอกใจเขา แต่ไอ้หมอนั่นยังมีชีวิตอยู่!

 

 

สองปีมานี้อารมณ์ของนายท่านดีขึ้นมาก เขากลายมาเป็นสุภาพบุรุษผู้สมบูรณ์แบบเพียบพร้อมทุกกระเบียดนิ้วและเป็นสุภาพชนผู้มีมารยาทงดงาม บางครั้งฉันก็สงสัยจริงๆ ว่าเขากลับมาเป็นปกติแล้วหรือเปล่า!”

 

 

ชายหนุ่มเลียอมยิ้มขณะมองเผยอวี้เฉิงที่ยืนอยู่สุดปลายทางเดิน เขาขนลุกซู่โดยไม่รู้ตัวก่อนจะพูด “พูดตรงๆ นะ ฉันว่านายท่านตอนเงียบๆ นิ่งๆ ไม่พูดอะไรน่ากลัวกว่าเยอะ…”

 

 

 

 

 

  ตอนที่ 212 คำขอร้องจากไอดอลของเธอ

 

 

ใครก็ตามที่อยู่กลุ่มซีหรือต่ำกว่าจะต้องถูกกำจัด…

 

 

ข่าวที่หลินเยียนได้รับในค่ำคืนนี้สะเทือนใจเธออย่างรุนแรง

 

 

เธอมักจะหวังอยู่เสมอว่าน้องชายของเธอยังคงมีชีวิตอยู่ ณ ที่ใดสักที่ในโลกใบนี้ หากไม่นับที่ที่เขาเคยอยู่ ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิต เธอจะต้องหาเขาเจอแน่นอน

 

 

ถึงกระนั้นข่าวนี้แทบทลายทุกความหวังของเธอ…

 

 

หลินเยียนยืนอยู่ตรงระเบียงดำดิ่งสู่ห้วงความคิด สายลมเย็นยามค่ำคืนโชยโบกปะทะใบหน้าเธอ

 

 

เธอตกอยู่ในภวังค์ตอนที่เสียงโทรศัพท์ดัง มีเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรเข้ามา

 

 

หลินเยียนรับสาย “ฮัลโหล ใครพูดสายคะ”

 

 

“พี่สะใภ้ใหญ่ ผมเองครับ”

 

 

เสียงสุภาพนุ่มนวลจากปลายสายทำให้หลินเยียนอึ้งจนพูดไม่ออกและต้องใช้เวลาพักใหญ่เพื่อเรียกสติคืนมา “เผย…คุณเผย…”

 

 

“ขอโทษที่ผมโทรมาดึกขนาดนี้นะครับ ผมรบกวนเวลาพักผ่อนของพี่สะใภ้หรือเปล่าครับ” เผยหนานซวี่เสียงฟังดูอ่อนล้า

 

 

“ไม่ ไม่ ฉันยังไม่นอนค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” หลินเยียนรีบตอบอย่างร้อนรน

 

 

เผยหนานซวี่พูดต่อ “อันที่จริงมีบางอย่าง…ที่ผมอาจต้องขอความช่วยเหลือพี่สะใภ้…”

 

 

หลินเยียนถาม “ความช่วยเหลือ?”

 

 

อะไรที่เธอพอจะช่วยเผยหนานซวี่ได้นะ

 

 

“ใช่ครับ…” เผยหนานซวี่เงียบไปแปปนึงก่อนที่จะพูดต่อ “พี่สะใภ้โทรหาพี่ใหญ่ตอนนี้ได้ไหมครับ”

 

 

“หา?” หลินเยียนงง “คุณอยากให้ฉันโทรหาคุณเผยตอนนี้?”

 

 

เผยหนานซวี่พูดย้ำอีกครั้ง “ครับ”

 

 

หลินเยียนพูดต่อ “แต่…ทำไมจู่ๆ ฉันต้องโทรหาเขาล่ะคะ ฉันจะพูดอะไรดี”

 

 

เผยหนานซวี่รีบบอก “ตอนที่พี่สะใภ้โทรไปหาพี่ใหญ่พูดอะไรก็ได้เลยครับ บางทีพี่สะใภ้อาจชวนพี่ใหญ่ออกมาข้างนอกคืนพรุ่งนี้…”

 

 

“เอ่อ…” หลินเยียนรู้สึกทำอะไรไม่ถูก

 

 

ทำไมเธอต้องโทรหาเผยอวี้เฉิงปุบปับขนาดนี้

 

 

ที่ผ่านมาเธอพยายามเค้นความคิดเพื่อหาทางบอกเลิกเขา…โดยปกติเธอควรจะลดการติดต่อกับเขาก่อนเป็นอย่างแรกสิ…

 

 

เผยหนานซวี่ขอร้องอย่างจริงจังอีกครั้ง “ได้โปรดเถอะครับ…พี่สะใภ้ใหญ่พอช่วยได้ไหม”

 

 

นี่คือคำขอร้องจากไอดอลของเธอ…เธอจะปฏิเสธเขาได้ยังไงกัน

 

 

หลินเยียนรีบตอบตกลงอย่างว่าง่าย “ได้ค่ะ ฉันจะโทรหาเขา”

 

 

“ขอบคุณครับ!” เผยหนานซวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

 

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเผยหนานซวี่ถึงได้ขอร้องเธอแบบนี้ แต่ฟังจากน้ำเสียงเขาดูจริงจังและต้องการความช่วยเหลือจริงๆ นี่น่าจะเป็นเรื่องสำคัญ

 

 

หลินเยียนทำอย่างที่เผยหนานซวี่ขอร้องและกดโทรไปหาเผยอวี้เฉิงทันที

 

 

“สวัสดีค่ะ คุณเผย…”

 

 

แทบไม่ต้องรอสาย เธอก็ได้ยินเสียงทุ้มตอบกลับมา “เรียกหาฉันเหรอ”

 

 

หลินเยียนไม่รู้ว่าสมองหลอกเธอหรือเปล่า เสียงนั้นคือเสียงเดิมที่เธอคุ้นเคย แต่น้ำเสียงกลับฟังดูน่ากลัว

 

 

หลินเยียนพูดโดยไม่ต้องคิด “เอ่อ…ค่ะ ฉัน…คืนพรุ่งนี้…เจอกันไหมคะ”

 

 

เผยอวี้เฉิงตอบ “ได้สิ”

 

 

ความรู้สึกที่เธอได้รับเมื่อกี้จางหายไปราวกับภาพลวงและเผยอวี้เฉิงเองก็กลับมาพูดด้วยน้ำเสียงปกติของเขาอีกครั้ง

 

 

หลินเยียนรีบวางสายและส่งข้อความไปหาเผยหนานซวี่ [คุณเผยคะ ฉันโทรหาเขาและขอให้เขาออกมาเจอพรุ่งนี้ค่ะ]

 

 

[เยี่ยม ขอบคุณมากเลยครับ!]

 

 

[ด้วยความยินดีค่ะ]

 

 

หลินเยียนทรุดลงไปนั่งพิงผนังและถอนหายใจ

 

 

โทรไปหาเขาน่ะง่าย แต่พรุ่งนี้น่ะสิเธอจะทำอะไรตอนที่เจอเขา

 

 

เธออยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธเผยหนานซวี่ได้เช่นกัน ในความคิดเขา เผยอวี้เฉิงคือแฟนของเธอ เพราะฉะนั้นการโทรชวนแฟนออกไปเที่ยวข้างนอกเป็นเรื่องที่สุดแสนจะธรรมดา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+