สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน 1078 การได้เหน็บแนมมันยิ่งมีความสุขมาก

Now you are reading สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน Chapter 1078 การได้เหน็บแนมมันยิ่งมีความสุขมาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอเองก็ไม่อยากร้องไห้ แต่อารมณ์ความรู้สึกก็เหมือนกับภูเขาลูกหนึ่ง ที่เกือบจะกดเธอให้ทรุดลง

เธอก้มหน้ากินโจ๊กต่อไป น้ำตากลับค่อย ๆ ไหลลงไปในชามโจ๊กทีละหยดๆ

เสี่ยวย่ามองด้วยความสงสารจับใจ

แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดปลอบใจเย้นหว่านอย่างไรดี

คนเดียวที่จะปลอบเธอได้ ก็มีแต่โห้หลีเฉิน แต่เขากลับต้องมารับความทุกข์ทรมานอย่างที่สุด เป็นคนที่เอาตัวเองแทบไม่รอดที่สุด

เสี่ยวย่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า

“คุณนาย อาการป่วยของคุณผู้ชายรุนแรงมาก รักษามานานขนาดนี้ก็ยังไม่เห็นจะดีขึ้นมาบ้าง ทำไมไม่ลองเรียกป่ายฉีมารักษาเขาดูล่ะ ป่ายฉีเป็นหมอเทวดา เทคนิคทางการแพทย์จะต้องเก่งกว่าคุณแคทเธอรีนหลายร้อยเท่าแน่นอน

เย้นหว่านส่ายหน้า “ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลเย้นกับตระกูลหยูมาถึงทางตันแล้ว ทั้งสองตระกูลเป็นดั่งน้ำกับไฟ หยูฉู่สองยิ่งจับตาดูความเคลื่อนไหวของเย้นโม่หลินกับป่ายฉี

ถ้าเขามีความเคลื่อนไหว ถูกหยูฉู่สองสังเกตเห็นได้ตั้งแต่แรก หยูฉู่สองก็ยิ่งต้องขัดขวางย่างเต็มที่ ไม่ให้ป่ายฉีเข้ามาในบ้านตระกูลหยูได้

ดังนั้นต่อให้ป่ายฉีจะมีความสามารถในทางการแพทย์มากแค่ไหน ก็ไม่อาจทำลายกองกำลังติดอาวุธของหยูฉู่สองได้ ก็เท่ากับไร้ประโยชน์

ถ้าหากป่ายฉีมีการเคลื่อนไหว ก็ต้องถูกหยูฉู่สองเชื่อมโยงไปถึงอาการป่วยของโห้หลีเฉินได้

ถ้าหยู่ฉู่สองรู้ว่าตอนนี้โห้หลีเฉินป่วยหนัก จะต้องฉวยโอกาสนี้ โจมตีพวกเขา

เวลานี้พวกเขาก็อยู่ในการจับตาของตระกูลหยูแต่แรกอยู่แล้ว ไม่มีการคุ้มครองของโห้หลีเฉิน ถ้าถูกหยูฉู่สองโจมตีอีก อาจจะถูกเข้ายึดครองทั้งหมด

ถึงเวลา สถานการณ์ก็จะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

ข้อดีข้อเสียและสถานการณ์ทั้งหมด ทำให้เย้นหว่านไม่สามารถตัดสินใจเรียกป่ายฉีมาได้

“แต่ว่า…”

เสี่ยวย่าคิดทบทวน พูดต่อไปว่า “ถ้าให้คุณป่ายแอบมาเงียบๆ ล่ะ”

เย้นหว่านส่ายหน้าอย่างจนปัญญา นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ การจับตาดูพวกเขาของหยูฉู่สอง ต่อให้เป็นแมลงวันก็คงบินเข้ามาไม่ได้ง่ายๆ

“ไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้ค่ะ” เสี่ยวย่ามองเย้นหว่านด้วยแววตาเปล่งประกาย “คุณนาย ไม่ลองดูก่อนเหรอคะ ถ้าสำเร็จ การรักษาของคุณชาย ก็จะยิ่งมีความหวังมากขึ้น”

ถ้าป่ายฉีมาแล้ว สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเธอกับโห้หลีเฉินตอนนี้ก็น่าจะแก้ไขคลี่คลายลงได้

ป่ายฉีจะต้องมีวิธีทำให้โห้หลีเฉินมีชีวิตอยู่จนถึงตอนที่ลูกคลอดออกมาได้อย่างแน่นอน

เย้นหว่านที่ท้อแท้ยอมจำนนต่อโชคชะตาในตอนแรก ก็กลับมีความหวังขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

แม้จะรู้ดีว่า โอกาสที่จะประสบความสำเร็จนี้ ช่างน้อยนิดก็ตาม

หลังจากทานอะไรง่ายๆ ไปนิดหน่อยแล้ว ในหัวสมองของเย้นหว่าน ก็ยังคิดถึงคำพูดของเสี่ยวย่าซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

ความหวังในใจเธอ ยังคงเพิ่มมากขึ้นไม่หยุด

เธอเริ่มคิดหาวิธี ให้ป่ายฉีมาหา

ถ้าอย่างนั้น ลองดูสักครั้งไหม?

ตอนที่เธอกำลังลังเล ยังไม่ได้ตัดสินใจอยู่นั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ส่งเสียงดังขึ้นมา

เวลานี้ โห้หลีเฉินอาจจะตื่นแล้ว

เขาตื่นแล้ว น่าจะเรียกหาเธอ

ภายในใจเย้นหว่านร้อนรนกระวนกระวาย รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่กลับผิดหวังเมื่อมองเห็นภาพที่แสดงบนหน้าจอ กู้จื่อเฟยเป็นคนโทรมา

เธอจากมาจนถึงตอนนี้แล้ว โห้หลีเฉินยังไม่ได้ติดต่อเธอเลย

เขายังไม่ตื่นเหรอ

ตื่นมากลางคันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตกอยู่ในสภาพนอนหลับไม่ได้สติอย่างยาวนาน ตกลงว่าร่างกายเขาเป็นอะไรกันแน่

เย้นหว่านเป็นห่วงและร้อนใจอย่างพูดไม่ถูก

ใช้เวลาพักหนึ่งเพื่อตั้งสติควบคุมอารมณ์เป็นปกติได้ เธอจึงรับสายวิดีโอคอลของกู้จื่อเฟย

เพื่อไม่ให้พวกของกู้จื่อเฟยเป็นห่วง เย้นหว่านพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกมากมายภายในใจ ต่อหน้ากู้จื่อเฟย พลันรักษาอารมณ์และท่าทางเอาไว้อย่างดี

ตอนนี้เย้นหว่านสับสนกระวนกระวายพอแล้ว เธอไม่อยากเพิ่มภาระให้พวกเขาอีก

อย่างไรเสีย ก็เป็นเรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรงอยู่ดี

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นของกู้จื่อเฟยปรากฏอยู่ในวิดีโอคอลตอนนี้ แต่รอยยิ้มที่เธอมุมปากเธอ ดวงตาที่แฝงด้วยรอยยิ้ม ดูแล้วอารมณ์ดีมาก สดใสอย่างยิ่ง ทำให้คนมองยิ่งรู้สึกสวยงามสบายตาไปด้วย

แม้แต่รอยแผลเป็นของเธอก็ยังดูสวยน่ามองเลย

จนส่งผลกระทบต่อความรู้สึกคับข้องใจของเย้นหว่านค่อยๆ ดีขึ้นมาเล็กน้อย ยิ้มพลางเอ่ยว่า

“จื่อเฟย แกอ้วนขึ้นอีกแล้ว”

กู้จื่อเฟยคลำใบหน้า ยิ้มอย่างดีใจ

“ใช่แล้ว ช่วงนี้น้ำหนักฉันขึ้นพรวดพราดเลย หนัก47.5กิโลแล้วเนี่ย อีกไม่นานก็ถึง50กิโลแล้ว”

เป็นครั้งแรก ที่เธออ้วนขึ้นด้วยความลิงโลดดีใจขนาดนี้

เมื่อถึง50กิโลกรัม เธอก็จะสามารถทำการผ่าตัด กลับมารูปร่างหน้าตาเหมือนเดิมได้แล้ว

จากนั้นก็จะกลับมาเป็นกู้จื่อเฟยที่สวยสะพรั่งคนนั้นอีกครั้ง

เย้นหว่านดีใจกับเธออย่างจริงใจ

“ฮึ ยังขาดอีกสองกิโลครึ่ง อย่าคิดว่ามันจะขึ้นเร็วขนาดนั้น”

เวลานี้เอง เสียงชายหนุ่มดังขึ้นอย่างเยาะเย้ยดูถูก

จากนั้นก็เห็นป่ายฉีเดินมาจากด้านหลัง เอาเค้กจานหนึ่งวางตรงหน้ากู้จื่อเฟย

“นี่เป็นอาหารหมูที่ผมเตรียมให้คุณโดยเฉพาะ ใส่สารเติมแต่งมากมาย รีบกินสิ”

เย้นหว่านมองป่ายฉี แววตาสั่นไหว มีความคิดหุนหันพลันแล่นมาขึ้นเล็กน้อยในชั่วพริบตา

เธอกำลังคิดใคร่ครวญว่าจะเรียกหาป่ายฉีดีหรือไม่….

กู้จื่อเฟยมองเค้กจานนั้นก็โอดครวญว่า “หวานจนจะเลี่ยนตายแล้ว นายจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยเหรอ”

“ไม่เปลี่ยน ผมชอบมองท่าทางคุณที่ไม่อยากกินแต่ก็ต้องจำใจยัดเข้าไปในปาก” ป่ายฉีพูดอย่างเจ้าเล่ห์

กู้จื่อเฟยเอามือข้างหนึ่งฟาดไปที่เขา “ไปให้พ้น”

ป่ายฉีดูเหมือนจะเตรียมตัวไว้แต่แรก หลบได้อย่างว่องไว แถมอารมณ์ดีอย่างมาก

เขาหันไปมองวิดีโอคอลในโทรศัพท์มือถือ รอยยิ้มก็เปลี่ยนมาเป็นหนึ่งร้อยแปดสิบองศา กลายเป็นพี่ชายผู้แสนดีอ่อนโยนอย่างนั้น

“เสี่ยวหว่าน สวัสดีตอนเย็น คิดถึงผมมั้ย ผมคิดถึงคุณจังเลย”

มาถึงก็หยอดคำหวานอย่างสนิทสนม

เย้นหว่านเคยชินแล้ว นี่เป็นมุกที่ป่ายฉีใช้หยอดเธอ

กู้จื่อเฟยที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน ดูสิ นี่คือเลือกปฏิบัติขนาดไหน

พูดกับเสี่ยวหว่านก็เสี่ยวหว่านอย่างงั้นอย่างนี้ ทีกับเธอเรียกกู้จื่อเฟยทื่อๆ เลย แล้วยังหาของกินที่เลี่ยนๆ พวกนั้นมาให้เธอกินทั้งวันอีก

ชาติที่แล้วเธอคงต้องไปขุดสุสานบรรพบุรุษของป่ายฉีมาแน่นอน ชาตินี้จึงตามมาจองเวรเธอ

กู้จื่อเฟยส่งเสียงฮึ่มในลำคออย่างไม่พอใจ

เย้นหว่านมองท่าทางที่รังเกียจกันของทั้งสองคนก็อยากหัวเราะ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว กู้ชื่อเฟยกับป่ายฉีก็ยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตไม่เลิก

เธอพูดว่า “ทำไมเวลานี้ยังเอาของกินให้จื่อเฟยอีกล่ะคะ เธอต้องเพิ่มน้ำหนักกินตั้งแต่เช้ายันมืดเลยเหรอคะ”

แน่นอนว่าสบายมาก แต่ต้องกินของที่ตัวเองไม่ชอบ ก็ลำบากมาก็จริงๆ

ป่ายฉีส่ายหน้า มองกู้จื่อเฟยอย่างรังเกียจ “เธอฝันไปเถอะ เค้กที่หนุ่มหล่ออย่างฉันทำเองกับมือไม่ใช่อาหารเลี้ยงหมูที่จะให้เธอกินตั้งแต่เช้าจนค่ำ”

เย้นหว่านยิ้มอย่างหมดหนทาง รังเกียจกันจนเข้ากระดูกดำไปแล้วจริงๆ ทุกประโยคแสดงออกมาอย่างชัดเจน

แต่ที่ตั้งใจเอาไว้ให้กินถึงค่ำ เพราะว่ากินแล้วก็นอน ยิ่งดูดซึมง่ายและทำให้อ้วนเหรอ

“เสี่ยวหว่าน เธออย่าไปฟังเขาโม้ เขายุ่งทั้งวัน แทบไม่มีเวลามาสนใจฉันเลย ดังนั้นก็เลยต้องมากินเค้กก้อนนี้ตอนค่ำไง ให้ฉันกินฮอร์โมน ให้ฉันอ้วนเร็วๆ

ไม่อยากนั้นฉันก็ไม่อ้วนสักที เขาก็ไม่มีหน้าจะไปพบกับพี่เย้น”

ป่ายฉีเหมือนถูกแฉ พลางลูบจมูกด้วยสีหน้าท่าทางไม่เป็นตัวของตัวเอง พูดอย่างไม่พอใจมากว่า

“ใครใช้ให้พูดมาก ปากมากจริงๆ เลย”

เย้นหว่านค่อยๆ ขมวดคิ้ว มองไปยังป่ายฉี “ตอนนี้คุณงานยุ่งมากเหรอคะ”

พูดจบ ดูเหมือนจะรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย เธอจึงรีบเสริมขึ้นมาอย่างมีพิรุธว่า”หยูฉู่สองทำเรื่องอะไรขึ้นมาอีกเหรอ”

ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ ป่ายฉีถูกปล่อยให้อยู่ต่อเพื่อดูแลกู้จื่อเฟย

สายตาล้ำลึกของป่ายฉีมองไปที่เย้นหว่าน พยักหน้า “อืม มีเรื่องนิดหน่อย ผมจำเป็นต้องไปจัดการด้วยตัวเองถึงจะได้”

เขาจำเป็นต้องจัดการด้วยตัวเอง หมายความว่าเขาไม่ทางปลีกตัวไปไหนได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน 1078 การได้เหน็บแนมมันยิ่งมีความสุขมาก

Now you are reading สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน Chapter 1078 การได้เหน็บแนมมันยิ่งมีความสุขมาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอเองก็ไม่อยากร้องไห้ แต่อารมณ์ความรู้สึกก็เหมือนกับภูเขาลูกหนึ่ง ที่เกือบจะกดเธอให้ทรุดลง

เธอก้มหน้ากินโจ๊กต่อไป น้ำตากลับค่อย ๆ ไหลลงไปในชามโจ๊กทีละหยดๆ

เสี่ยวย่ามองด้วยความสงสารจับใจ

แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดปลอบใจเย้นหว่านอย่างไรดี

คนเดียวที่จะปลอบเธอได้ ก็มีแต่โห้หลีเฉิน แต่เขากลับต้องมารับความทุกข์ทรมานอย่างที่สุด เป็นคนที่เอาตัวเองแทบไม่รอดที่สุด

เสี่ยวย่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า

“คุณนาย อาการป่วยของคุณผู้ชายรุนแรงมาก รักษามานานขนาดนี้ก็ยังไม่เห็นจะดีขึ้นมาบ้าง ทำไมไม่ลองเรียกป่ายฉีมารักษาเขาดูล่ะ ป่ายฉีเป็นหมอเทวดา เทคนิคทางการแพทย์จะต้องเก่งกว่าคุณแคทเธอรีนหลายร้อยเท่าแน่นอน

เย้นหว่านส่ายหน้า “ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลเย้นกับตระกูลหยูมาถึงทางตันแล้ว ทั้งสองตระกูลเป็นดั่งน้ำกับไฟ หยูฉู่สองยิ่งจับตาดูความเคลื่อนไหวของเย้นโม่หลินกับป่ายฉี

ถ้าเขามีความเคลื่อนไหว ถูกหยูฉู่สองสังเกตเห็นได้ตั้งแต่แรก หยูฉู่สองก็ยิ่งต้องขัดขวางย่างเต็มที่ ไม่ให้ป่ายฉีเข้ามาในบ้านตระกูลหยูได้

ดังนั้นต่อให้ป่ายฉีจะมีความสามารถในทางการแพทย์มากแค่ไหน ก็ไม่อาจทำลายกองกำลังติดอาวุธของหยูฉู่สองได้ ก็เท่ากับไร้ประโยชน์

ถ้าหากป่ายฉีมีการเคลื่อนไหว ก็ต้องถูกหยูฉู่สองเชื่อมโยงไปถึงอาการป่วยของโห้หลีเฉินได้

ถ้าหยู่ฉู่สองรู้ว่าตอนนี้โห้หลีเฉินป่วยหนัก จะต้องฉวยโอกาสนี้ โจมตีพวกเขา

เวลานี้พวกเขาก็อยู่ในการจับตาของตระกูลหยูแต่แรกอยู่แล้ว ไม่มีการคุ้มครองของโห้หลีเฉิน ถ้าถูกหยูฉู่สองโจมตีอีก อาจจะถูกเข้ายึดครองทั้งหมด

ถึงเวลา สถานการณ์ก็จะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

ข้อดีข้อเสียและสถานการณ์ทั้งหมด ทำให้เย้นหว่านไม่สามารถตัดสินใจเรียกป่ายฉีมาได้

“แต่ว่า…”

เสี่ยวย่าคิดทบทวน พูดต่อไปว่า “ถ้าให้คุณป่ายแอบมาเงียบๆ ล่ะ”

เย้นหว่านส่ายหน้าอย่างจนปัญญา นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ การจับตาดูพวกเขาของหยูฉู่สอง ต่อให้เป็นแมลงวันก็คงบินเข้ามาไม่ได้ง่ายๆ

“ไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้ค่ะ” เสี่ยวย่ามองเย้นหว่านด้วยแววตาเปล่งประกาย “คุณนาย ไม่ลองดูก่อนเหรอคะ ถ้าสำเร็จ การรักษาของคุณชาย ก็จะยิ่งมีความหวังมากขึ้น”

ถ้าป่ายฉีมาแล้ว สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเธอกับโห้หลีเฉินตอนนี้ก็น่าจะแก้ไขคลี่คลายลงได้

ป่ายฉีจะต้องมีวิธีทำให้โห้หลีเฉินมีชีวิตอยู่จนถึงตอนที่ลูกคลอดออกมาได้อย่างแน่นอน

เย้นหว่านที่ท้อแท้ยอมจำนนต่อโชคชะตาในตอนแรก ก็กลับมีความหวังขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

แม้จะรู้ดีว่า โอกาสที่จะประสบความสำเร็จนี้ ช่างน้อยนิดก็ตาม

หลังจากทานอะไรง่ายๆ ไปนิดหน่อยแล้ว ในหัวสมองของเย้นหว่าน ก็ยังคิดถึงคำพูดของเสี่ยวย่าซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

ความหวังในใจเธอ ยังคงเพิ่มมากขึ้นไม่หยุด

เธอเริ่มคิดหาวิธี ให้ป่ายฉีมาหา

ถ้าอย่างนั้น ลองดูสักครั้งไหม?

ตอนที่เธอกำลังลังเล ยังไม่ได้ตัดสินใจอยู่นั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ส่งเสียงดังขึ้นมา

เวลานี้ โห้หลีเฉินอาจจะตื่นแล้ว

เขาตื่นแล้ว น่าจะเรียกหาเธอ

ภายในใจเย้นหว่านร้อนรนกระวนกระวาย รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่กลับผิดหวังเมื่อมองเห็นภาพที่แสดงบนหน้าจอ กู้จื่อเฟยเป็นคนโทรมา

เธอจากมาจนถึงตอนนี้แล้ว โห้หลีเฉินยังไม่ได้ติดต่อเธอเลย

เขายังไม่ตื่นเหรอ

ตื่นมากลางคันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตกอยู่ในสภาพนอนหลับไม่ได้สติอย่างยาวนาน ตกลงว่าร่างกายเขาเป็นอะไรกันแน่

เย้นหว่านเป็นห่วงและร้อนใจอย่างพูดไม่ถูก

ใช้เวลาพักหนึ่งเพื่อตั้งสติควบคุมอารมณ์เป็นปกติได้ เธอจึงรับสายวิดีโอคอลของกู้จื่อเฟย

เพื่อไม่ให้พวกของกู้จื่อเฟยเป็นห่วง เย้นหว่านพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกมากมายภายในใจ ต่อหน้ากู้จื่อเฟย พลันรักษาอารมณ์และท่าทางเอาไว้อย่างดี

ตอนนี้เย้นหว่านสับสนกระวนกระวายพอแล้ว เธอไม่อยากเพิ่มภาระให้พวกเขาอีก

อย่างไรเสีย ก็เป็นเรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรงอยู่ดี

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นของกู้จื่อเฟยปรากฏอยู่ในวิดีโอคอลตอนนี้ แต่รอยยิ้มที่เธอมุมปากเธอ ดวงตาที่แฝงด้วยรอยยิ้ม ดูแล้วอารมณ์ดีมาก สดใสอย่างยิ่ง ทำให้คนมองยิ่งรู้สึกสวยงามสบายตาไปด้วย

แม้แต่รอยแผลเป็นของเธอก็ยังดูสวยน่ามองเลย

จนส่งผลกระทบต่อความรู้สึกคับข้องใจของเย้นหว่านค่อยๆ ดีขึ้นมาเล็กน้อย ยิ้มพลางเอ่ยว่า

“จื่อเฟย แกอ้วนขึ้นอีกแล้ว”

กู้จื่อเฟยคลำใบหน้า ยิ้มอย่างดีใจ

“ใช่แล้ว ช่วงนี้น้ำหนักฉันขึ้นพรวดพราดเลย หนัก47.5กิโลแล้วเนี่ย อีกไม่นานก็ถึง50กิโลแล้ว”

เป็นครั้งแรก ที่เธออ้วนขึ้นด้วยความลิงโลดดีใจขนาดนี้

เมื่อถึง50กิโลกรัม เธอก็จะสามารถทำการผ่าตัด กลับมารูปร่างหน้าตาเหมือนเดิมได้แล้ว

จากนั้นก็จะกลับมาเป็นกู้จื่อเฟยที่สวยสะพรั่งคนนั้นอีกครั้ง

เย้นหว่านดีใจกับเธออย่างจริงใจ

“ฮึ ยังขาดอีกสองกิโลครึ่ง อย่าคิดว่ามันจะขึ้นเร็วขนาดนั้น”

เวลานี้เอง เสียงชายหนุ่มดังขึ้นอย่างเยาะเย้ยดูถูก

จากนั้นก็เห็นป่ายฉีเดินมาจากด้านหลัง เอาเค้กจานหนึ่งวางตรงหน้ากู้จื่อเฟย

“นี่เป็นอาหารหมูที่ผมเตรียมให้คุณโดยเฉพาะ ใส่สารเติมแต่งมากมาย รีบกินสิ”

เย้นหว่านมองป่ายฉี แววตาสั่นไหว มีความคิดหุนหันพลันแล่นมาขึ้นเล็กน้อยในชั่วพริบตา

เธอกำลังคิดใคร่ครวญว่าจะเรียกหาป่ายฉีดีหรือไม่….

กู้จื่อเฟยมองเค้กจานนั้นก็โอดครวญว่า “หวานจนจะเลี่ยนตายแล้ว นายจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยเหรอ”

“ไม่เปลี่ยน ผมชอบมองท่าทางคุณที่ไม่อยากกินแต่ก็ต้องจำใจยัดเข้าไปในปาก” ป่ายฉีพูดอย่างเจ้าเล่ห์

กู้จื่อเฟยเอามือข้างหนึ่งฟาดไปที่เขา “ไปให้พ้น”

ป่ายฉีดูเหมือนจะเตรียมตัวไว้แต่แรก หลบได้อย่างว่องไว แถมอารมณ์ดีอย่างมาก

เขาหันไปมองวิดีโอคอลในโทรศัพท์มือถือ รอยยิ้มก็เปลี่ยนมาเป็นหนึ่งร้อยแปดสิบองศา กลายเป็นพี่ชายผู้แสนดีอ่อนโยนอย่างนั้น

“เสี่ยวหว่าน สวัสดีตอนเย็น คิดถึงผมมั้ย ผมคิดถึงคุณจังเลย”

มาถึงก็หยอดคำหวานอย่างสนิทสนม

เย้นหว่านเคยชินแล้ว นี่เป็นมุกที่ป่ายฉีใช้หยอดเธอ

กู้จื่อเฟยที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน ดูสิ นี่คือเลือกปฏิบัติขนาดไหน

พูดกับเสี่ยวหว่านก็เสี่ยวหว่านอย่างงั้นอย่างนี้ ทีกับเธอเรียกกู้จื่อเฟยทื่อๆ เลย แล้วยังหาของกินที่เลี่ยนๆ พวกนั้นมาให้เธอกินทั้งวันอีก

ชาติที่แล้วเธอคงต้องไปขุดสุสานบรรพบุรุษของป่ายฉีมาแน่นอน ชาตินี้จึงตามมาจองเวรเธอ

กู้จื่อเฟยส่งเสียงฮึ่มในลำคออย่างไม่พอใจ

เย้นหว่านมองท่าทางที่รังเกียจกันของทั้งสองคนก็อยากหัวเราะ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว กู้ชื่อเฟยกับป่ายฉีก็ยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตไม่เลิก

เธอพูดว่า “ทำไมเวลานี้ยังเอาของกินให้จื่อเฟยอีกล่ะคะ เธอต้องเพิ่มน้ำหนักกินตั้งแต่เช้ายันมืดเลยเหรอคะ”

แน่นอนว่าสบายมาก แต่ต้องกินของที่ตัวเองไม่ชอบ ก็ลำบากมาก็จริงๆ

ป่ายฉีส่ายหน้า มองกู้จื่อเฟยอย่างรังเกียจ “เธอฝันไปเถอะ เค้กที่หนุ่มหล่ออย่างฉันทำเองกับมือไม่ใช่อาหารเลี้ยงหมูที่จะให้เธอกินตั้งแต่เช้าจนค่ำ”

เย้นหว่านยิ้มอย่างหมดหนทาง รังเกียจกันจนเข้ากระดูกดำไปแล้วจริงๆ ทุกประโยคแสดงออกมาอย่างชัดเจน

แต่ที่ตั้งใจเอาไว้ให้กินถึงค่ำ เพราะว่ากินแล้วก็นอน ยิ่งดูดซึมง่ายและทำให้อ้วนเหรอ

“เสี่ยวหว่าน เธออย่าไปฟังเขาโม้ เขายุ่งทั้งวัน แทบไม่มีเวลามาสนใจฉันเลย ดังนั้นก็เลยต้องมากินเค้กก้อนนี้ตอนค่ำไง ให้ฉันกินฮอร์โมน ให้ฉันอ้วนเร็วๆ

ไม่อยากนั้นฉันก็ไม่อ้วนสักที เขาก็ไม่มีหน้าจะไปพบกับพี่เย้น”

ป่ายฉีเหมือนถูกแฉ พลางลูบจมูกด้วยสีหน้าท่าทางไม่เป็นตัวของตัวเอง พูดอย่างไม่พอใจมากว่า

“ใครใช้ให้พูดมาก ปากมากจริงๆ เลย”

เย้นหว่านค่อยๆ ขมวดคิ้ว มองไปยังป่ายฉี “ตอนนี้คุณงานยุ่งมากเหรอคะ”

พูดจบ ดูเหมือนจะรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย เธอจึงรีบเสริมขึ้นมาอย่างมีพิรุธว่า”หยูฉู่สองทำเรื่องอะไรขึ้นมาอีกเหรอ”

ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ ป่ายฉีถูกปล่อยให้อยู่ต่อเพื่อดูแลกู้จื่อเฟย

สายตาล้ำลึกของป่ายฉีมองไปที่เย้นหว่าน พยักหน้า “อืม มีเรื่องนิดหน่อย ผมจำเป็นต้องไปจัดการด้วยตัวเองถึงจะได้”

เขาจำเป็นต้องจัดการด้วยตัวเอง หมายความว่าเขาไม่ทางปลีกตัวไปไหนได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+