สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน 1154 โกรธเหรอ แถมยังหึงอีกด้วย

Now you are reading สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน Chapter 1154 โกรธเหรอ แถมยังหึงอีกด้วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โห้หลีเฉินละสายตาจากด้านหลังของเย้นหว่าน และมองไปที่ใบหน้าของแองเจล่า

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา

"หลังจากนี่อย่าทำอาหารเช้าอีก"

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็เลื่อนรถเข็นและไปตามทางที่เย้นหว่านเดินจากไป

แองเจล่ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอจ้องไปที่แผ่นหลังของโห้หลีเฉินด้วยความรำคาญและโกรธ

มือของเธอกำไว้แน่น เธอรู้สึกไม่พอใจมาก

ทำไมในตอนนี้โห้หลีเฉินยังคงมีท่าทีเช่นนี้ต่อเธอ!?

ทำไม มันถึงขาดอีกแค่นิดเดียวเสมอมา…

ป่ายฉีอาหารเช้าอย่างช้าๆ เขาใช้สายตามองสำรวจไปที่แองเจล่า ในดวงตาคมลึกคู่นั้น มีประกายของความเย็นชาแอบแฝงอยู่

โห้หลีเฉินเจอเย้นหว่านอยู่ในห้อง เธอนั่งเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่าง

แต่ก็เห็นได้ชัด ว่าอารมณ์ของเธอนั้นเศร้าหมองมาก

โห้หลีเฉินเลื่อนรถเข็นไปด้านข้างของเธอ แล้วถามเบาๆ

"โกรธเหรอ? แถมยังหึงอีกด้วย?"

เย้นหว่านตัวแข็งทื่อ เธอหันศีรษะไปมองชายที่อยู่ข้างๆ ดวงตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อย

เธอบีบนิ้วแน่น และพยายามควบคุมอารมณ์ภายในใจ จากนั้นเธอก็ส่ายหัวช้าๆ

"ไม่"

โห้หลีเฉินมีความอดทน เขาปลอบโยนเธออย่างอ่อนโยน "ดูเหมือนคุณจะไม่มีความสุข คุณภรรยา คนรู้สึกไม่มีความสุขตรงไหน บอกมา…"

"ฉันบอกไปแล้วว่าไม่มี"

เย้นหว่านขัดจังหวะเขาด้วยความรำคาญ เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขาพูดอีกต่อไป คำพูดที่อ่อนโยนและน่าฟังเหล่านี้ ใต้เงาของการทรยศ เมื่อเธอได้ยิน มันก็มีเพียงความโศกเศร้าที่ไม่รู้จบ

เธอส่ายหน้า "ได้เวลานวดแล้ว"

เธอนั่งลงข้างโห้หลีเฉินอย่างเชี่ยวชาญ นิ้วของเย้นหว่านวางลงบนขาของเขา

เมื่อสัมผัสเขา คนที่คุ้นเคยคนนี้ เย้นหว่านรู้สึกว่านิ้วของเธอแข็งทื่อมาก

การสัมผัสและการเข้าใกล้แบบนี้ มันทำให้อารมณ์ของเธอเอ่อล้นออกมาเป็นครั้งคราว และเธอไม่รู้ว่าเธอจะยับยั้งตัวเองได้นานแค่ไหน

แต่ เธอไม่สามารถพูดออกมาได้

ความรู้สึกนี้ ก็เหมือนความรู้สึกที่กำลังบังคับคนบ้าไม่ให้มีอาการ บังคับคนให้อดกลั้นไว้ มันน่าอึดอัดใจจนทุกอย่างมืดสนิท และก็พังทลายลง

เย้นหว่านกัดฟันแน่น เธอก้มศีรษะลง และนวดอย่างตั้งใจ เธอพยายามจะเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ บังคับตัวเองไม่ให้คิดอะไรมาก

โห้หลีเฉินมองไปที่เธอ เขาขมวดคิ้วแน่น

เขารู้สึกทุกข์ใจและวิตกกังวล

เห็นได้ชัดว่าเย้นหว่านไม่มีความสุขและหดหู่มาก แต่ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเป็นแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?

เป็นเรื่องที่ยากมาก ที่การนวดตลอดหนึ่งชั่วโมงนี้มีแต่ความเงียบสงบ

ไม่มีใครพูดอะไรมาก อากาศที่เงียบสงัดทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ ทรมาน และอึดอัด

หลังจากที่เย้นหว่านนวดเสร็จ เธอก็หาข้ออ้างว่าจะไปหาป่ายฉีเพื่อเอายา จากนั้นก็รีบออกจากห้องไปทันที

โห้หลีเฉินมองไปที่เธอ ดวงตาของเขาดูมืดมน

หลังจากที่เย้นหว่านออกไป เธอก็ออกไปหาสถานที่เพื่อสงบจิตสงบใจ ก่อนจะไปหาป่ายฉี

ตอนที่ป่ายฉีเห็นเธอมา เขารู้สึกประหลาดใจมาก

"เสี่ยวหว่าน ทำไมคุณถึงมาที่นี่ ยังไม่ถึงเวลาทำแผลของฉัน"

เย้นหว่านส่ายหัว เธอรู้สึกหดหู่มาก

"ฉันมีเรื่องจะถามคุณ"

"เรื่องอะไร?" ป่ายฉีเดินตามเย้นหว่านไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่สายตาก็เอาแต่จับจ้องดูท่าทีของเธออย่างใกล้ชิด "คุณพูดเถอะ"

"ขาของโห้หลีเฉินอาการดีขึ้นมากแล้ว เขาต้องนวดนานแค่ไหนถึงจะเดินบนพื้นได้?"

"สามวัน"

ป่ายฉีคิดอยู่ครู่หนึ่ง "หลังจากนี้สามวัน ก็ไม่ต้องนวดให้เขาแล้ว ช่วยพยุงเขาฝึกเดินได้เลย"

สามวัน

เย้นหว่านตกตะลึงครู่หนึ่ง ภายในใจมันมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ อยู่ดีๆ ก็เหลือเวลาเพียงสามวัน

ถ้านี่เป็นเวลาครั้งสุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างเธอกับโห้หลีเฉิน

หลังจากนี้สามวัน เธอไม่ต้องนวดให้เขาอีก และเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องมีเธออยู่อีก เขาเองก็จะค่อยๆ ฟื้นตัว แล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก

สามวันนี้ เหมือนเป็นเวลาสุดท้ายของพวกเขา

ป่ายฉีมองเย้นหว่านด้วยความแปลกใจ "เสี่ยวหว่าน คุณเป็นอะไรไป? คุณดูไม่มีความสุขเลย เหมือนกับว่าคุณมีเรื่องอะไรที่เป็นกังวลอยู่"

เย้นหว่านพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง และส่ายหัวแสร้งทำเป็นว่าไม่เป็นอะไร

"ไม่มีอะไร ฉันไม่เป็นไร"

หลังจากพูดจบ เย้นหว่านก็เดินออกไปอย่างเร่งรีบ เหมือนพยายามหลีกเลี่ยงบางสิ่ง

ป่ายฉีขมวดคิ้วและมองไปทางที่เย้นหว่าน เหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่างแล้ว

ในตอนกลางคืน

กลางดึกที่มืดและเงียบสงบ

แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นแบบนั้น เมื่อตกดึก หลังจากที่เธอหลับสนิท โห้หลีเฉินจะแอบออกไปอย่างเงียบๆ

แม้ว่าเย้นหว่านจะดื่มซุปที่ทำให้หลับสบาย แต่ตอนนี้เธอคุ้นเคยกับฤทธิ์ของยามากแล้ว หลังจากทานยาก่อนเวลา เธอก็ไม่ได้หลับจริงๆ

หลังจากที่โห้หลีเฉินแอบออกไปเงียบๆ เธอก็จะลืมตาของเธอเสมอ

เธอมองไปยังทิศทางของประตูห้อง ในใจเธอรู้สึกปั่นป่วน และอ้างว้าง แต่เธอก็ทำแค่นอนอยู่บนเตียง และเหมือนจะไม่มีท่าทีใดๆ

เธอไม่อยากตามออกไปดูด้วยซ้ำ

ไม่อยากเห็น เธอไม่อยากเห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แม้ว่าหัวใจของเธอจะเต็มไปบาดแผลและเลือดที่ไหลไม่หยุด

และก็เป็นเพราะว่าการที่เธอจะออกไปดูหรือไม่ มันก็เป็นสิ่งที่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว

แต่ในความมืด เขาที่ออกไปนานแค่ไหน นิ้วของเธอก็จะจิกไปที่เนื้อของเธอแน่นและนานขึ้น ทุกวินาทีนี้ มันก็เหมือนกำลังโดนทรมานอย่างเงียบๆ

สิ่งนี้ทำให้คนขาดสติ และก็หมดแรงมาก

เวลาสามวัน มันก็เหมือนกับการอยู่ในนรกบนดิน

เย้นหว่านไม่รู้ว่าจะผ่านสิ่งนี้ไปได้อย่างไร เธอมักจะเหม่อลอย ฟุ้งซ่านอยู่เสมอ และมักจะตั้งตารอช่วงเวลาสำคัญนั้นอยู่เสมอ

แต่เมื่อมันมาถึงจริงๆ ตอนที่มือของเธอปล่อยออกจากขาของโห้หลีเฉิน เธอก็อยู่ในความเศร้าสลด มันเหมือนกับว่าในตอนนั้นหัวใจของเธอโดนควักออกไปแล้ว

ในทุกที่มีแต่บาดแผล แล้วก็ล่องลอยอยู่ในสายลมอยู่แบบนั้น

เย้นหว่านไม่กล้าสบตาโห้หลีเฉิน เธอเพียงบอกเขาแค่ว่า

"หลังจากนวดเสร็จ ขาของคุณจะสามารถลองลุกยืนขึ้นได้แล้ว หลังจากนี้ถ้าคุณพยายามที่จะเดินและออกกำลังกายทุกวัน คุณจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ในอนาคตสิ่งนี้ก็จะไม่มีผลกระทบต่อการกระทำของคุณ ขอแสดงความยินดีด้วย ต่อไปนี้คุณจะกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง"

โห้หลีเฉินรู้สึกได้ถึงการฟื้นตัวและความแข็งแกร่งของขาของเขาอย่างเห็นได้ชัด

เขาเอื้อมมือไปทางเย้นหว่าน "คุณช่วยพยุงผมลุกขึ้นเดินหน่อยสิ"

เขาตื่นเต้นมาก เขานั่งรถเข็นมาเกือบสองปีแล้ว และเกือบลืมไปแล้วว่าการเดินด้วยเท้าทั้งสองข้างมีความรู้สึกอย่างไร

เย้นหว่านกลับยืนนิ่งไม่ขยับตัว

สีหน้าของเธอสั่นไหว มือของเธอกำหมัดแน่นข้างหลังเธอ และเล็บของเธอก็จิกลงบนฝ่ามือของเธอ

เธอพูดอย่างยากลำบาก "ฉันมีกำลังจำกัด ไม่สามารถพยุงคุณได้ ให้เว่ยชีมาพยุงเถอะ"

เย้นหว่านเรียกเว่ยชีให้มาที่นี่

รอยยิ้มบนใบหน้าของโห้หลีเฉินหายไป "นอกจากคุณ ผมไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะต้องตัวผม"

เธอควรจะเข้าใจดี

เย้นหว่านกลับยิ้มอย่างขมขื่นภายในใจ เมื่อสำหรับเขาแล้ว มันยกเว้นแค่เธอจริงๆ แม้แต่เว่ยชีก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องตัวเขา แต่ตอนนี้เขาก็ไปสัมผัสแองเจล่าแล้วนี่?

แม้ว่าจะเป็นเว่ยชีไม่ได้ แต่ก็สามารถเป็นแองเจล่าได้

เย้นหว่านไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งเดียวของเขาแล้ว

เย้นหว่านจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่รอยยิ้มของเธอนั้นดูขมขื่นมาก

"โห้หลีเฉิน ฉันนวดให้คุณมานานขนาดนี้แล้ว ฉันเหนื่อยมากแล้ว ฉันอยากพักผ่อน"

"งั้นพรุ่งนี้ผมค่อยฝึกเดิน"

โห้หลีเฉินจ้องไปที่เธอ "มานี่ ผมจะนวดแขนของคุณให้"

เย้นหว่านส่ายหัวโดยที่ไม่ได้คิดอะไร และเธอก็ได้ถอยไปข้างหลังสองก้าว

"ตอนนี้คุณฟื้นตัวแล้ว จะต้องรีบเดินในทันที ให้เว่ยชีมาพยุงคุณแล้วกัน อันที่จริงไม่มีเรื่องที่ว่าห้ามมาแตะต้องตัวคุณ มันอยู่ที่ว่าคุณจะสามารถรับมันได้ไหมแค่นั้นแหละ"

เย้นหว่านยิ้มอย่างยากลำบาก "ได้เวลาทานยาของแรบบิทแล้ว ฉันจะไปหาเธอ"

หลังจากพูดเสร็จ เย้นหว่านก็ไม่รอให้โห้หลีเฉินได้พูดอะไร เธอหันหลังกลับและจากไปทันที

เธอเดินอย่างรวดเร็ว และรีบร้อน ราวกับว่าเธอกำลังพยายามหนีจากที่นี่อย่างร้อนใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน 1154 โกรธเหรอ แถมยังหึงอีกด้วย

Now you are reading สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน Chapter 1154 โกรธเหรอ แถมยังหึงอีกด้วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โห้หลีเฉินละสายตาจากด้านหลังของเย้นหว่าน และมองไปที่ใบหน้าของแองเจล่า

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา

"หลังจากนี่อย่าทำอาหารเช้าอีก"

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็เลื่อนรถเข็นและไปตามทางที่เย้นหว่านเดินจากไป

แองเจล่ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอจ้องไปที่แผ่นหลังของโห้หลีเฉินด้วยความรำคาญและโกรธ

มือของเธอกำไว้แน่น เธอรู้สึกไม่พอใจมาก

ทำไมในตอนนี้โห้หลีเฉินยังคงมีท่าทีเช่นนี้ต่อเธอ!?

ทำไม มันถึงขาดอีกแค่นิดเดียวเสมอมา…

ป่ายฉีอาหารเช้าอย่างช้าๆ เขาใช้สายตามองสำรวจไปที่แองเจล่า ในดวงตาคมลึกคู่นั้น มีประกายของความเย็นชาแอบแฝงอยู่

โห้หลีเฉินเจอเย้นหว่านอยู่ในห้อง เธอนั่งเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่าง

แต่ก็เห็นได้ชัด ว่าอารมณ์ของเธอนั้นเศร้าหมองมาก

โห้หลีเฉินเลื่อนรถเข็นไปด้านข้างของเธอ แล้วถามเบาๆ

"โกรธเหรอ? แถมยังหึงอีกด้วย?"

เย้นหว่านตัวแข็งทื่อ เธอหันศีรษะไปมองชายที่อยู่ข้างๆ ดวงตาของเธอสั่นไหวเล็กน้อย

เธอบีบนิ้วแน่น และพยายามควบคุมอารมณ์ภายในใจ จากนั้นเธอก็ส่ายหัวช้าๆ

"ไม่"

โห้หลีเฉินมีความอดทน เขาปลอบโยนเธออย่างอ่อนโยน "ดูเหมือนคุณจะไม่มีความสุข คุณภรรยา คนรู้สึกไม่มีความสุขตรงไหน บอกมา…"

"ฉันบอกไปแล้วว่าไม่มี"

เย้นหว่านขัดจังหวะเขาด้วยความรำคาญ เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขาพูดอีกต่อไป คำพูดที่อ่อนโยนและน่าฟังเหล่านี้ ใต้เงาของการทรยศ เมื่อเธอได้ยิน มันก็มีเพียงความโศกเศร้าที่ไม่รู้จบ

เธอส่ายหน้า "ได้เวลานวดแล้ว"

เธอนั่งลงข้างโห้หลีเฉินอย่างเชี่ยวชาญ นิ้วของเย้นหว่านวางลงบนขาของเขา

เมื่อสัมผัสเขา คนที่คุ้นเคยคนนี้ เย้นหว่านรู้สึกว่านิ้วของเธอแข็งทื่อมาก

การสัมผัสและการเข้าใกล้แบบนี้ มันทำให้อารมณ์ของเธอเอ่อล้นออกมาเป็นครั้งคราว และเธอไม่รู้ว่าเธอจะยับยั้งตัวเองได้นานแค่ไหน

แต่ เธอไม่สามารถพูดออกมาได้

ความรู้สึกนี้ ก็เหมือนความรู้สึกที่กำลังบังคับคนบ้าไม่ให้มีอาการ บังคับคนให้อดกลั้นไว้ มันน่าอึดอัดใจจนทุกอย่างมืดสนิท และก็พังทลายลง

เย้นหว่านกัดฟันแน่น เธอก้มศีรษะลง และนวดอย่างตั้งใจ เธอพยายามจะเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ บังคับตัวเองไม่ให้คิดอะไรมาก

โห้หลีเฉินมองไปที่เธอ เขาขมวดคิ้วแน่น

เขารู้สึกทุกข์ใจและวิตกกังวล

เห็นได้ชัดว่าเย้นหว่านไม่มีความสุขและหดหู่มาก แต่ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเป็นแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?

เป็นเรื่องที่ยากมาก ที่การนวดตลอดหนึ่งชั่วโมงนี้มีแต่ความเงียบสงบ

ไม่มีใครพูดอะไรมาก อากาศที่เงียบสงัดทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ ทรมาน และอึดอัด

หลังจากที่เย้นหว่านนวดเสร็จ เธอก็หาข้ออ้างว่าจะไปหาป่ายฉีเพื่อเอายา จากนั้นก็รีบออกจากห้องไปทันที

โห้หลีเฉินมองไปที่เธอ ดวงตาของเขาดูมืดมน

หลังจากที่เย้นหว่านออกไป เธอก็ออกไปหาสถานที่เพื่อสงบจิตสงบใจ ก่อนจะไปหาป่ายฉี

ตอนที่ป่ายฉีเห็นเธอมา เขารู้สึกประหลาดใจมาก

"เสี่ยวหว่าน ทำไมคุณถึงมาที่นี่ ยังไม่ถึงเวลาทำแผลของฉัน"

เย้นหว่านส่ายหัว เธอรู้สึกหดหู่มาก

"ฉันมีเรื่องจะถามคุณ"

"เรื่องอะไร?" ป่ายฉีเดินตามเย้นหว่านไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่สายตาก็เอาแต่จับจ้องดูท่าทีของเธออย่างใกล้ชิด "คุณพูดเถอะ"

"ขาของโห้หลีเฉินอาการดีขึ้นมากแล้ว เขาต้องนวดนานแค่ไหนถึงจะเดินบนพื้นได้?"

"สามวัน"

ป่ายฉีคิดอยู่ครู่หนึ่ง "หลังจากนี้สามวัน ก็ไม่ต้องนวดให้เขาแล้ว ช่วยพยุงเขาฝึกเดินได้เลย"

สามวัน

เย้นหว่านตกตะลึงครู่หนึ่ง ภายในใจมันมีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ อยู่ดีๆ ก็เหลือเวลาเพียงสามวัน

ถ้านี่เป็นเวลาครั้งสุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างเธอกับโห้หลีเฉิน

หลังจากนี้สามวัน เธอไม่ต้องนวดให้เขาอีก และเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องมีเธออยู่อีก เขาเองก็จะค่อยๆ ฟื้นตัว แล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก

สามวันนี้ เหมือนเป็นเวลาสุดท้ายของพวกเขา

ป่ายฉีมองเย้นหว่านด้วยความแปลกใจ "เสี่ยวหว่าน คุณเป็นอะไรไป? คุณดูไม่มีความสุขเลย เหมือนกับว่าคุณมีเรื่องอะไรที่เป็นกังวลอยู่"

เย้นหว่านพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง และส่ายหัวแสร้งทำเป็นว่าไม่เป็นอะไร

"ไม่มีอะไร ฉันไม่เป็นไร"

หลังจากพูดจบ เย้นหว่านก็เดินออกไปอย่างเร่งรีบ เหมือนพยายามหลีกเลี่ยงบางสิ่ง

ป่ายฉีขมวดคิ้วและมองไปทางที่เย้นหว่าน เหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่างแล้ว

ในตอนกลางคืน

กลางดึกที่มืดและเงียบสงบ

แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นแบบนั้น เมื่อตกดึก หลังจากที่เธอหลับสนิท โห้หลีเฉินจะแอบออกไปอย่างเงียบๆ

แม้ว่าเย้นหว่านจะดื่มซุปที่ทำให้หลับสบาย แต่ตอนนี้เธอคุ้นเคยกับฤทธิ์ของยามากแล้ว หลังจากทานยาก่อนเวลา เธอก็ไม่ได้หลับจริงๆ

หลังจากที่โห้หลีเฉินแอบออกไปเงียบๆ เธอก็จะลืมตาของเธอเสมอ

เธอมองไปยังทิศทางของประตูห้อง ในใจเธอรู้สึกปั่นป่วน และอ้างว้าง แต่เธอก็ทำแค่นอนอยู่บนเตียง และเหมือนจะไม่มีท่าทีใดๆ

เธอไม่อยากตามออกไปดูด้วยซ้ำ

ไม่อยากเห็น เธอไม่อยากเห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แม้ว่าหัวใจของเธอจะเต็มไปบาดแผลและเลือดที่ไหลไม่หยุด

และก็เป็นเพราะว่าการที่เธอจะออกไปดูหรือไม่ มันก็เป็นสิ่งที่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว

แต่ในความมืด เขาที่ออกไปนานแค่ไหน นิ้วของเธอก็จะจิกไปที่เนื้อของเธอแน่นและนานขึ้น ทุกวินาทีนี้ มันก็เหมือนกำลังโดนทรมานอย่างเงียบๆ

สิ่งนี้ทำให้คนขาดสติ และก็หมดแรงมาก

เวลาสามวัน มันก็เหมือนกับการอยู่ในนรกบนดิน

เย้นหว่านไม่รู้ว่าจะผ่านสิ่งนี้ไปได้อย่างไร เธอมักจะเหม่อลอย ฟุ้งซ่านอยู่เสมอ และมักจะตั้งตารอช่วงเวลาสำคัญนั้นอยู่เสมอ

แต่เมื่อมันมาถึงจริงๆ ตอนที่มือของเธอปล่อยออกจากขาของโห้หลีเฉิน เธอก็อยู่ในความเศร้าสลด มันเหมือนกับว่าในตอนนั้นหัวใจของเธอโดนควักออกไปแล้ว

ในทุกที่มีแต่บาดแผล แล้วก็ล่องลอยอยู่ในสายลมอยู่แบบนั้น

เย้นหว่านไม่กล้าสบตาโห้หลีเฉิน เธอเพียงบอกเขาแค่ว่า

"หลังจากนวดเสร็จ ขาของคุณจะสามารถลองลุกยืนขึ้นได้แล้ว หลังจากนี้ถ้าคุณพยายามที่จะเดินและออกกำลังกายทุกวัน คุณจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ในอนาคตสิ่งนี้ก็จะไม่มีผลกระทบต่อการกระทำของคุณ ขอแสดงความยินดีด้วย ต่อไปนี้คุณจะกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้ง"

โห้หลีเฉินรู้สึกได้ถึงการฟื้นตัวและความแข็งแกร่งของขาของเขาอย่างเห็นได้ชัด

เขาเอื้อมมือไปทางเย้นหว่าน "คุณช่วยพยุงผมลุกขึ้นเดินหน่อยสิ"

เขาตื่นเต้นมาก เขานั่งรถเข็นมาเกือบสองปีแล้ว และเกือบลืมไปแล้วว่าการเดินด้วยเท้าทั้งสองข้างมีความรู้สึกอย่างไร

เย้นหว่านกลับยืนนิ่งไม่ขยับตัว

สีหน้าของเธอสั่นไหว มือของเธอกำหมัดแน่นข้างหลังเธอ และเล็บของเธอก็จิกลงบนฝ่ามือของเธอ

เธอพูดอย่างยากลำบาก "ฉันมีกำลังจำกัด ไม่สามารถพยุงคุณได้ ให้เว่ยชีมาพยุงเถอะ"

เย้นหว่านเรียกเว่ยชีให้มาที่นี่

รอยยิ้มบนใบหน้าของโห้หลีเฉินหายไป "นอกจากคุณ ผมไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะต้องตัวผม"

เธอควรจะเข้าใจดี

เย้นหว่านกลับยิ้มอย่างขมขื่นภายในใจ เมื่อสำหรับเขาแล้ว มันยกเว้นแค่เธอจริงๆ แม้แต่เว่ยชีก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องตัวเขา แต่ตอนนี้เขาก็ไปสัมผัสแองเจล่าแล้วนี่?

แม้ว่าจะเป็นเว่ยชีไม่ได้ แต่ก็สามารถเป็นแองเจล่าได้

เย้นหว่านไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งเดียวของเขาแล้ว

เย้นหว่านจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่รอยยิ้มของเธอนั้นดูขมขื่นมาก

"โห้หลีเฉิน ฉันนวดให้คุณมานานขนาดนี้แล้ว ฉันเหนื่อยมากแล้ว ฉันอยากพักผ่อน"

"งั้นพรุ่งนี้ผมค่อยฝึกเดิน"

โห้หลีเฉินจ้องไปที่เธอ "มานี่ ผมจะนวดแขนของคุณให้"

เย้นหว่านส่ายหัวโดยที่ไม่ได้คิดอะไร และเธอก็ได้ถอยไปข้างหลังสองก้าว

"ตอนนี้คุณฟื้นตัวแล้ว จะต้องรีบเดินในทันที ให้เว่ยชีมาพยุงคุณแล้วกัน อันที่จริงไม่มีเรื่องที่ว่าห้ามมาแตะต้องตัวคุณ มันอยู่ที่ว่าคุณจะสามารถรับมันได้ไหมแค่นั้นแหละ"

เย้นหว่านยิ้มอย่างยากลำบาก "ได้เวลาทานยาของแรบบิทแล้ว ฉันจะไปหาเธอ"

หลังจากพูดเสร็จ เย้นหว่านก็ไม่รอให้โห้หลีเฉินได้พูดอะไร เธอหันหลังกลับและจากไปทันที

เธอเดินอย่างรวดเร็ว และรีบร้อน ราวกับว่าเธอกำลังพยายามหนีจากที่นี่อย่างร้อนใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+