สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน 214 รอยลิปสติกอยู่ที่ไหน

Now you are reading สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน Chapter 214 รอยลิปสติกอยู่ที่ไหน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 214 รอยลิปสติกอยู่ที่ไหน

เขากลับโกรธมากขึ้น มือเรียวยาวยกขึ้นบีบคางเธอ บังคับให้สบตากับเขา

ระยะใกล้แค่นี้ เย้นหว่านเห็นริมฝีปากบางขยับ ตามมาด้วยเสียงต่ำพูดว่า:

“อยู่ดีๆก็ย้ายมาอยู่ห้องที่ผู้ชายเปิดง่ายดายนัก เย้นหว่าน คุณดูเหมือนจะรักอิสระพอดูนะ” โห้หลีเฉินแทบอยากบีบคางเธอให้แหละ ถ้าไม่ติดว่าเขาทำใจไม่ได้ คงบีบแหลกคามือไปแล้ว

เย้นหว่านอึ้ง เธอ…

ไม่รอเธอตอบ เขาถามต่ออีกดอก

“มันเคยเข้ามาในห้องด้วย?”

เย้นหว่าน: “…”

เธอไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้วคราวนี้

โห้หลีเฉินเห็นเธอไม่ตอบ ไฟโกรธยิ่งโหมกระหน่ำ มืออีกข้างจับเอวเธอไว้นิ่ง พลางถามอีก:

“มันเคยแตะต้องคุณ?”

คำถามสั้นๆ ไม่ใช่คำถามธรรมดา แต่กลับแสดงความโกรธของเขาอย่างไม่ปิดบัง

เย้นหว่านนึกถึงฉากวันนี้ได้พอดี เธอรู้สึกกระอักกระอ่วน รู้สึกไม่อยากบอกโห้หลีเฉินขึ้นมายังไงพิกล

กลัวเขาโกรธ กลัวเขาจะถือสา กลัวเขาจะ…เข้าใจผิด

“ไม่ ไม่เคย” สุดท้าย เธอกลั้นใจตอบออกมา พลางหลบสายตา ไม่กล้าสบตาเขา

โห้หลีเฉินมีหรือจะไม่รู้จักเย้นหว่าน? สีหน้าของเธออธิบายทุกอย่างแล้ว

ความโกรธพุ่งสูงอีกระดับ มือใหญ่ที่วางไว้ที่เอวเธอ:

“ดูท่า คู่หมั้นอย่างผมจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีนัก ถึงได้ทำให้คุณอยากหาผู้ชายอื่น”

พูดจบ เขาใช้แรงกระชากเชือกผูกเอวให้เสื้อคลุมกระจายออก

เย้นหว่านตกใจขวัญหนีดีฝ่อ เธอยกมือขึ้นจะจับเสื้อไว้ พลางถามเขาอย่างโมโห:

“คุณโห้ คุณจะทำอะไรเนี่ย?”

เขาในคืนนี้ทำให้เธอไม่เข้าใจ และรู้สึกถึงอันตรายอย่างชัดเจน

สายตาโห้หลีเฉินสายตาเปล่งประกายไฟ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากแนบติดหูเธอ พูดออกมาทีละคำ:

“ทำในสิ่งที่เป็นสิทธิ์ของคู่หมั้นอย่างผมไง!”

ลมหายใจอุ่นร้อนไล้เลียใบหู ทำเอาเธอสะดุ้ง

สิทธิ์ของคู่หมั้น…สิทธิ์อะไร เธอรู้ดี

เธอยกมือขึ้นผลักหน้าอกกว้างเขาออก ถามอย่างร้อนรนว่า:

“เดี๋ยว พวกเรา…ฉันอุ๊!”

คำที่พูดยังไม่จบค้างอยู่ในปาก

เย้นหว่านเบิกตากว้างอย่างอึ้งตะลึง เห็นใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายเข้าใกล้มาก

โห้หลีเฉินไม่สนอาการตะลึงของเธอ ยังคงยืนกรานทำอย่างที่อยากทำ

ลมหายใจผู้ชายปะทะริมฝีปากเธอ จวบจนตับไตไส้พุง อานุภาพรุนแรงมาก

เย้นหว่านตะลึงจนลืมขัดขืน จนใกล้หายใจไม่ออก เธอถึงได้สติ

“อุ๊…ปล่อย ปล่อยนะ”

เธอดิ้นรน ขัดขืน

โห้หลีเฉินกลับไม่ให้โอกาสเธอ ส่วนหนึ่งเพราะเขากำลังโกรธขึ้ง อีกส่วนเพราะเธอสวยมาก

เธอแบบนี้ทำให้เขาเขาอยากครอบครอง ในสมองแล่นความคิดแรงกล้าเข้ามา—อยากได้เธอ

เย้นหว่านหน้าแดงแทบเป็นสีเลือด ร่างกายแข็งเกร็ง ไม่กล้าดิ้นรนมั่ว

คนในอ้อมกอดพลันสงบว่าง่าย แรงของโห้หลีเฉินก็เริ่มเบาลง พูดเสียงแหบพร่าว่า:

“เย้นหว่าน คุณเป็นคู่หมั้นผม มีแค่ผมที่แตะต้องคุณได้”

พูดอย่างบ้าอำนาจเสร็จ เขาก็จูบต่อ

“เจ็บ” เย้นหว่านมีโอกาส รีบพูดอ้อนทันที

โห้หลีเฉินชะงักกึก เห็นว่าริมฝีปากเธอโดนเขากัดจนแตกแล้ว ยังแดงคล้ายจะมีเลือดออก ทำให้คนสงสารไม่น้อย

ต่อให้โกรธแค่ไหน ก็ทำใจลงที่เธอไม่ได้แล้ว

ริมฝีปากบางขยับออก: “ต่อให้ห้ามให้ผู้ชายที่ไหนแตะต้องคุณ ต่อให้เป็นมือก็ตาม ไม่งั้นคราวหน้าที่จะเลือดออกจะไม่ใช่ปาก แต่เป็น—คุณรู้ดีนะ”

คำสุดท้ายดูมีนัยยะพิเศษนะ

เย้นหว่านหน้าแดงฉับพลัน…คงไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นนะ?

เขาเขาเขา…โห้หลีเฉินจริงหรอเนี่ย? ทำไมพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้เนี่ย!

เขาเห็นเธอหวาดกลัว ก็บรรลุจุดประสงค์แล้ว เขาลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าเธอให้ดี รัดเชือกผูกเอวให้ สุดท้ายเตือนว่า:

“เย้นหว่าน ผมเคารพความรู้สึกของคุณ และยินดีรอคุณยอมรับผม แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะสามารถท้าทายอำนาจของผมได้ ต่อไปทำตัวว่าง่ายหน่อยนะ”

น้ำเสียงผู้ชายดูนุ่มนวลอบอุ่น พอมาอยู่ในตอนกลางคืนแบบนี้มันยิ่งมีเสน่ห์

โดยเฉพาะคำว่า ‘ว่าง่ายหน่อย’แฝงด้วยความเอ็นดู

เย้นหว่านใจกระตุก ทั้งกระอักกระอ่วนและทำตัวไม่ถูก

ในหูแว่วเสียงเขาไม่หยุด

‘เขาแตะต้องได้คนเดียว’‘คราวหน้าเลือดออกจะไม่ใช่ที่ปาก แต่เป็น….’

อ๊าอ๊าอ๊า น่าขายหน้าชะมัดเลย!

“มานี่” เขาสั่ง

เย้นหว่านเก็บความคิดไว้ เดินก้าวเท้าไปหาเขา

ในมือโห้หลีเฉินไปหยิบยาแก้อักเสบและสำลีจากในห้องมาแล้ว เขาให้เธอนั่งที่โซฟา ใส่ยาลงสำลีนิดหน่อย เตรียมใส่ยาให้เธอ

เย้นหว่านไม่คุ้นชิน ถึงจะได้รับการดูแลจากเขาหลายต่อหลายครั้ง แต่คนสูงส่งอย่างเขา ทำแต่ละครั้งไม่ชินเอาซะเลย

แต่ว่าเดี๋ยวนะ…

“หนักมากเลยหรอ?” เย้นหว่านถามขึ้นมาดื้อๆ

โห้หลีเฉินมองเธอ พยักหน้าอย่างเย็นชา

เย้นหว่านรีบผุดลุกขึ้นวิ่งไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองปากที่ทั้งบวมและแตกปริในกระจก เธอทั้งอาย หน้าแดง กล่าวโทษว่า:

“ทำไงดี? แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพบหน้าใครได้?”

ถ้าเพื่อนร่วมงานเห็นเข้า มันน่าอายชะมัด

โห้หลีเฉินเห็นเธอดูแคร์มาก ถามอย่างไม่สบอารมณ์ว่า:

“กลัวคุณฉูเห็นหรือไง?”

ทุกครั้งที่เขาพูดถึงคุณฉู มักจะพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ

เย้นหว่านหันกลับมาถลึงตาใส่เขา:

“เปล่าซะหน่อย ปากคุณมีรอยจูบติดอยู่ คงอายบ้างหรอกน่า…”

“คุณจะลองดูก็ได้นะ”

“ลองอะไร?” เย้นหว่านทำหน้างง ไม่เข้าใจที่เขาพูด

โห้หลีเฉินอธิบายอย่างใจเย็น:

“เหลือรอยจูบไว้ที่ปากผมไง หรือไม่ที่ตัวก็ได้”

เย้นหว่าน: …

กัดเขา เธอหรือจะกล้า?

แถมเรื่องน่าอายแบบนี้เธอมีหรือจะกล้าทำ!

โห้หลีเฉินยิ้ม พูดเสียงอ่อนโยนว่า:

“มาทายานี่ นอนสักตื่น พรุ่งนี้ตื่นมาก็หายแล้ว”

เย้นหว่านหันมามองปากในกระจกอีกครั้ง เป็นหนักขนาดนี้ จะหายจริงหรอ?

แต่ไม่มีทางเลือกอื่น ดึกป่านนี้โรงพยาบาลปิดหมดแล้ว แผลแบบนี้ก็ไม่มีหน้าไปพบหมอด้วย

เธอเดินมาตรงหน้าเขา ยกมือค้านว่า:

“คุณโห้ ฉันทำเองดีกว่าค่ะ”

โห้หลีเฉินไม่ชอบคำเรียกที่มันห่างเหินของเธอเลย: “ผมจูบเอง ผมก็ต้องรับผิดชอบสิ”

พูดจบ เขาทายาให้เธอเลย

หน้าเย้นหว่านแดงขึ้นมาอีก

เขาเป็นคนจูบเองน่ะจริง แต่มันจำเป็นต้องย้ำอีกรอบด้วยหรือไง? ทำเอาเธอคิดถึงภาพที่โดนเขาประชิดติดผนัง บังคับจูบเมื่อกี้…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด