สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน 376 สิ้นหวัง

Now you are reading สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน Chapter 376 สิ้นหวัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 376 สิ้นหวัง

เย้นหว่านตัดสินใจอยู่ที่ตระกูลเย้น

ที่นี่จัดตกแต่งขึ้นเพื่อเธอโดยเฉพาะ​ ของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และอุปกรณ์​ต่างๆสำหรับความบันเทิง​นั้นถูกจัดไว้เต็มทุกแง่มุมบ้าน อยากได้อะไรก็มีหมด

โทรศัพท์​ก็เปลี่ยนเครื่องใหม่ เป็นยี่ห้อ​ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่มีแม้แต่เครื่องหมายการค้า ทว่า ฟังก์ชั่นมีประสิทธิภาพมากกว่าโทรศัพท์มือถือทั้งหมดในท้องตลาด มันสุดยอดราวกับการบัคเลย

เย้นหว่านยังเปลี่ยนซิมใหม่ด้วย และ​วีแชทนั้นเธอก็ไม่เคยเข้าสู่ระบบ​ใช้งานอีกเลย

เธอเปลี่ยนทุกอย่างหมดเลย

เธอเก็บโทรศัพท์​เครื่องเก่า และซ่อนไว้ที่ข้างล่างสุดของกล่อง คิดไว้ว่า ในตอนที่เธอหยิบโทรศัพท์​ขึ้นมาอีกครั้ง อย่างน้อยหัวใจก็คงไม่เจ็บปวดอีกแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียงอดีตที่เธอเคยประสบเจอ

อาจจะเป็นเร็วๆนี้ หรืออาจจะใช้เวลานาน

การกลับมาของลูกสาวตระกูลเย้น เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ทางผู้ใหญ่ตระกูลเย้นก็เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาให้แก่เย้นหว่าน

ว่ากันว่า แม้แต่คนในตระกูล​ที่ถูกส่งไปดูกิจการที่อื่นก็ถูกเรียกกลับมา

เย้นหว่านสวมใส่ชุดเด​รส​ที่กงจืออวีสั่งตัดให้เธอเป็นพิเศษ​ เธอดูสง่างามดั่งเจ้าหญิงอันสูงส่ง เธอควงแขนของเย้นโม่หลินแล้วเดินผ่านทางที่มีแสงไฟส่องสว่าง และอยู่ในท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย

ผู้คนในงานเลี้ยงต่างก็มองไปทางเธอ และสายตาเหล่านั้น ล้วนเป็นแววตาที่เคารพ

เย้นหว่านเดินลงไปทีละก้าว มองดูคนเหล่านั้นแล้ว ในใจของเธอไม่สามารถบอกได้ว่ารู้สึกอย่างไร ทว่า ในตอนนี้และสถานการณ์​แบบนี้ เธอรู้สึกราวกับตอนที่เธอออกงานเลี้ยงในฐานะ​คู่ของโห้หลีเฉิน

ในตอนนั้นที่เธอออกงานก็เหมือนตอนนี้ ที่เธอตกอยู่ในท่ามกลาง​สายตาของผู้คนมากมาย

“เป็นอะไรไป?”

เย้นโม่หลินเอียงศีรษะ​เล็กน้อย แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำ

เย้นหว่านได้สติกลับมา ทำไมเธอถึงคิดถึงโห้หลีเฉินในเวลานี้ล่ะ?

เธอส่ายหน้า “เปล่าค่ะ”

เย้นโม่หลินคิดว่าเย้นหว่านนั้นตื่นเต้น เขาจึงยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “ไม่เป็นไร แค่ให้พวกเขารู้จักเธอ หากเธอไม่สบายใจ เดี๋ยวจะไม่ให้ใครมารบกวนเธออีก”

งานเลี้ยงนี้เป็นการต้อนรับเย้นหว่าน ให้ทุกคนนั้นรู้ว่าเจ้าหญิงคนนี้คือใคร ทว่า การเข้าสังคมที่เหน็ดเหนื่อย​แบบนี้ ถ้าเย้นหว่านไม่ยินยอม พวกเขาก็จะไม่บังคับ

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่ต้องห่วง”

เย้นหว่านหายใจเข้าลึกๆ สลัดความคิดที่ไม่ควรมีในใจออกไป แล้วพยายามยิ้มออกมา

รอยยิ้มและท่าทางของเธอนั้นสง่างามมาก

การใส่ชุดเด​รส​ที่สวยงาม ช่วยเสริมให้เธอดูสวยสุดขีด

แม้จะยืนอยู่ตรงหน้าของเย้นโม่หลินที่หล่อไร้ที่ติ เธอก็ดูดีไม่น้อยหน้าเลยแม้แต่น้อย แถมเขาสองคนดูแล้วเข้ากันมากด้วย

ในตอนที่ทุกคนให้คำอวยพรนั้น ก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้

“สมกับเป็นลูกสาวตระกูลเย้น รูปร่างหน้าตาดูสะสวยและสง่ามาก”

“เจ้าหญิงน้อยแห่งตระกูลเย้นของเรา ต้องดูดีมีสง่าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”

“ต่อไปนี้เธอก็กลายเป็นคุณหนูของเรา เป็นหนึ่งในสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดของตระกูลเย้น”

ผู้คนต่างพูดคุยกันด้วยเสียงต่ำ และชื่นชมเธอ

ในตอนที่เย้นหว่านเดินลงมาจากบันได​ พวกเขาก็แยกออกเป็นสองแถว ยืนด้วยความเคารพ จากนั้นก็โค้งคำนับเก้าสิบองศา

ราวกับข้าราชบริพารต้อนรับเจ้าหญิงของพวกเขา

เย้นหว่านประหลาดใจ​เล็กน้อย พวกเขาทำอะไรกัน?

เย้นโม่หลินตบมือเล็กของเธอเบาๆ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่ำว่า “นี่คือกฎของตระกูลเย้น ต่อไปนี้ เธอก็คือเจ้าหญิงของทุกคน และจะไม่มีใครกล้าขัดคำพูดหรือคำสั่งของเธอ เสี่ยวหว่าน ต่อไปนี้เธอก็คือเจ้าหญิง เธออยากทำอะไร ไม่ว่าจะผิดกฎหมาย​หรือผิดกฎแห่งฟ้าอะไรก็ตาม ก็ย่อมทำได้”

หัวใจของเย้นหว่านเริ่มเต้นแรงขึ้น ในตอนนี้เธอถึงค่อยๆรู้ซึ้งว่า ความร่ำรวยของตระกูลเย้น มันมีความหมายอย่างไร

ผู้คนที่อยู่ที่นั่น แต่งตัวด้วยชุดสูทและรองเท้าหนัง ทุกคนนั้นโดดเด่นและมีออร่า ไม่มีใครเป็นคนธรรมดาทั่วไปเลย แม้ในโลกภายนอกพวกเขาจะเป็นผู้มีอำนาจขนาดไหน ทว่า ในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ เธอสามารถสั่งอะไรก็ได้

ลำดับชนชั้นแบบนี้ ไม่ใช่เพียงมหาเศรษฐี​ธรรมดาแล้ว แต่เป็นไปตามระบบพิธีกรรมของชนชั้นสูงแบบดั้งเดิม​

แต่ตอนนี้มันยุคสมัย​ไหนแล้ว ตระกูลเย้นยังสามารถทำแบบนี้ได้ จะเห็นได้ว่าพ่อแม่ของตระกูลเย้นมีอำนาจมากแค่ไหน สุดยอด

เย้นหว่านไม่สามารถจินตนาการ​ได้ว่า ตระกูลเย้นมีอำนาจและแข็งแกร่งขนาดไหนแล้ว

สรุปแล้วเธอกลับมาในครอบครัวแบบไหนกันแน่ เย้นหว่านเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย

เธอเดินตามเย้นโม่หลินเข้าไปกลางงานด้วยความยากลำบาก หลังจากได้รับการแนะนำอย่างทางการ บรรยากาศ​ที่จริงจังและน่าอึดอัด​ จึงจะค่อยๆหายไป

เย้นหว่านยังคงรู้สึกถึงการถูกจ้องมองตลอดเวลา และสายตาเหล่านั้นมีความเคารพมากขึ้น

“คุณชาย คุณหนู สวัสดีค่ะ พวกเราสามารถพูดคุยกับคุณหนูได้ไหมคะ?”

สาวสวยสองคนเดินเข้ามา ใบหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร

เย้นโม่หลินไม่ได้พูดอะไร แล้วมองไปยังเย้นหว่าน

ตามหลักแล้วพวกเธอก็เป็นคนในตระกูลเย้น ยังเป็นญาติที่ผ่านอุปสรรค​ต่างๆมาด้วยกัน ถึงแม้ว่าเย้นหว่านจะไม่สนิทกับพวกเธอ แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านหรือปฏิเสธ​

เธอยิ้มออกมา “แน่นอนว่าได้อยู่แล้วค่ะ”

หญิงสาวทั้งสองดีใจมาก “คุณหนู ฉันชื่อเย้นอวี่ซี เธอชื่อเย้นอี๋ เป็นลูกสาวของลุงสาม ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณหนูค่ะ”

ที่แท้ก็เป็นความสัมพันธ์​ที่แน่นแฟ้นแบบนี้นี่เอง

เย้นหว่านประหลาดใจเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหนูหรอก ต่อไปนี้เรียกชื่อของฉันก็พอ และสามารถเรียกฉันว่าเสี่ยวหว่านได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของเย้นหว่าน เย้นโม่หลินก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ค่อยเห็นด้วย ทว่า เขาทำเพียงมองไปยังเย้นหว่านไม่พูดอะไรออกไป

ไม่ว่ายังไง ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ

“ได้เลย เสี่ยวหว่าน”

เย้นอวี่ซีมีความสุขมาก แล้วก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว ไปยืนใกล้เย้นหว่านมากขึ้น แล้วยื่นแก้วไวน์ให้เธอ “เรามาดื่มด้วยกันสักแก้วเถอะ ต่อไปนี้ เราเป็นพี่น้องที่สนิทกันแล้ว”

พี่น้องที่สนิทกัน? เย้นหว่านนั้นไม่รู้ความหมายหรอก ทว่า ด้วยมารยาท จึงต้องดื่มไวน์เข้าไปจริงๆ

เธอกำลังจะหยิบแก้วไวน์ที่อยู่ข้างๆเธอ ชั่วขณะ​ที่มือกำลังจะโดนแก้ว ก็มีแก้วน้ำผลไม้ยัดเข้าไปในมือของเธอ

“เธอค่อนข้างคออ่อน ดื่มน้ำผลไม้เถอะ”

คำพูดที่คุ้นเคย และภาพที่คุ้นเคยแบบนี้ ทำให้เย้นหว่านตกตะลึงทันที

ความทรงจำในใจของเธอถูกฉายออกมาอีกครั้งในชั่วพริบตา

ตอนที่เธอไปร่วมงานเลี้ยงกับโห้หลีเฉิน เขาก็เคยทำแบบนี้ เปลี่ยนเครื่องดื่มของเธอจากไวน์เป็นน้ำผลไม้ แล้วบอกว่าเธอคออ่อน

มือของเย้นหว่านที่ถือแก้วน้ำผลไม้ไว้เกิดการแข็งทื่อ แล้วเกิดความอึดอัดขึ้นที่หน้าอก และเจ็บตรงจมูกเล็กน้อย

เป็นห่วง

รสชาติของความรักที่รักกันไม่ได้ แค่มีอะไรเล็กๆมาสะกิด​ ก็สามารถโจมตีความรู้สึกของคนได้ ทำให้คนพังยับเยิน

เธอวางน้ำผลไม้ลงด้วยความตกใจ แล้วรีบหาเหตุผลมาอ้าง

“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเล็กน้อย ขอโทษด้วยนะ ที่ไม่สามารถอยู่ต่อได้”

พูดจบ เธอไม่มองใครเลย ทำเพียงดึงชายกระโปรง​ขึ้นแล้วเดินออกไปจากงานเลี้ยง

เธอก้มหน้าไว้ เพราะกลัวผู้คนจะเห็นดวงตาที่เริ่มแดงก่ำของเธอ

จนถึงตอนนี้เย้นหว่านถึงตระหนัก​ได้ว่า แม้เธอจะตั้งใจลืม พยายามหลบซ่อน พยายามหนีมาไกลๆ ทว่า ความห่างไกลแบบนี้ ทำให้ภายในใจของเธอรู้สึกทรมาน​และว้าเหว่​ยิ่งขึ้น

ภายในใจลึกๆของเธอ มีความคิดหนึ่ง ความคิดที่อยากกลับไปเมืองหนาน ความคิดที่อยากกลับไปอยู่เคียงข้างเขา

ทว่า ชีวิตใหม่นี้ ไม่มีเขาอยู่เลย ทว่า ระยะทางนั้นห่างไกลมาก ไกลจนทำให้ความคิดนั้นเกือบเลือนหายไป

เธอและเขา ไร้ร่องรอย​การติดต่อโดยสิ้นเชิง​

มันตัดขาดกันแล้วจริงๆ

ความสิ้นหวังที่ทำให้คนพังยับเยินแบบนั้น ราวกับคนที่กำลังเดินอยู่บนเหว ถ้าก้าวต่อไปข้างหน้าก็มีแต่น้ำลึกที่พร้อมที่จะคลาดชีวิตเรา ไม่เห็นแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่มีคนช่วยเราได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด