สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน 475 เขาหายไปแล้ว

Now you are reading สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน Chapter 475 เขาหายไปแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่475 เขาหายไปแล้ว

เย้นหว่านขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ จิตใจกระสับกระส่าย

หยูซือห้านผู้นี้อย่างกับแมลงสาบฆ่าไม่ตายที่น่าขยะแขยง

“เฮอะ คุณชายหยูกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เชื่อ ก็ได้ ถ้าคุณอยากจะผูกสัมพันธ์กับผมขนาดนั้น จะเรียกผมว่าคุณอา ผมก็ไม่ติดขัด”

กู้ซึงก้าวไปสองก้าวอย่างสง่างาม ร่างสูงของเขายืนอยู่ตรงหน้าเย้นหว่านอย่างไม่เอนเอียง ปกป้องเธอไว้ข้างหลังเขา

เขาจ้องตรงไปยังหยูซือห้าน มุมปากยกยิ้มอย่างร้ายกาจ “หลานชาย”

สีหน้าของหยูซือห้านพลันมืดลงทันที!

กู้ซึงเรียกเขาแบบนั้น เดิมก็เพื่อจงใจเย้ยหยันเขา

เขาคิดจะตอบโต้อย่างหงุดงิด แต่ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่พูดว่ากู้ซึงคือโห้หลีเฉิน คืออาของเขา ถ้าตอนนี้ไม่ยอมรับคำเรียกนี้ นั่นก็ตบหน้าตัวเองแล้วล่ะ

หยูซือห้านเม้มปากแน่น ในใจทั้งโกรธทั้งอึดอัด

ตระกูลเย้นเห็นฉากนี้ ก็อดส่ายหัวอย่างลับ ๆ ไม่ได้ แม้แต่สายตาที่มองกู้ซึงก็ดีขึ้นไม่น้อย

การแสดงออกของกู้ซึงไร้ขอบเขต ยิ่งไม่ใส่ใจเมินเฉยใส่ตระกูลเย้น กระทั่งกับตัวตนของโห้หลีเฉินก็ยังไม่สนใจ

หากเขาคือโห้หลีเฉินตัวจริง คงไม่มีทางทำเรื่องที่บ่อนทำลายชื่อเสียงของตัวเองแบบนี้ออกมาแน่

ทำให้หลานชายอัปยศแบบนี้ ไม่เท่ากับทำให้ตัวเองอับอายหรอกเหรอ?

ด้วยเหตุนี้ กู้ซึงคนนี้ เกรงว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับโห้หลีเฉินแม้แต่น้อยจริง ๆ

ข่าวลือพวกนั้นก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นเท็จ

ลุงมองไปยังกู้ซึง พยักหน้าให้กับเขา ก่อนหันไปมองกงจืออวี เอ่ยด้วยน้ำเสียงเมตตา

“ในเมื่อเรื่องกระจ่างชัดแล้ว เป็นเพียงข้อเข้าใจผิด ก็หยุดกันแค่นี้เถอะ”

ลุงป้าคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าแสดงความเห็นด้วยเช่นกัน

ใบหน้าของหยูซือห้านหม่นมืดอย่างหนัก กำหมัดแน่นอย่างไม่เต็มใจ กัดฟันเพื่ออดกลั้นกลืนกองไฟในท้องกลับเข้าไป

คราวนี้ เขาคงพ่ายแพ้แน่แล้ว

จะพูดอะไรอีกก็คงพัดคลื่นพายุให้ใหญ่ขึ้นไม่ได้

แต่จะให้ปล่อยกู้ซึงไปแบบนี้ หัวใจที่ไม่ยอมรับของเขาก็เจ็บปวด

เย้นหว่านเห็นลุงป้าหลายคนผ่อนลง ในที่สุดก็ปล่อยหินที่ทับอยู่ในใจลงได้

แม้ไม่รู้ว่าโห้หลีเฉินปิดฟ้าข้ามทะเลมาได้ยังไงกันแน่ แต่ผลท้ายที่สุดนั้นดีที่สุด ปกปิดไปได้อย่างราบรื่น

เธอกับโห้หลีเฉินยังมีโอกาสที่จะย้อนคืนมาได้

กงจืออวีพยักหน้า ก่อนเงยขึ้น สายตาอ่อนโยนมองไปที่กู้ซึงอย่างขออภัย

“กู้ซึง ขอโทษด้วย เป็นความเข้าใจผิดของพวกเรา ทำให้เธอได้รับความไม่เป็นธรรม”

กงจืออวีพอใจกับผลลัพธ์นี้ ถึงยังไงเธอก็มองกู้ซึงในแง่ดี และหวังว่ากู้ซึงกับเย้นหว่านจะได้อยู่ด้วยกัน ให้ความสุขกับเธอไปตลอดชีวิต

กู้ซึงยิ้มอย่างสุภาพบุรุษ เอ่ยอย่างไม่ถือสา “ไม่เป็นไรครับ ข่าวลือในช่วงนี้ก็รบกวนผมอยู่บ้าง ตอนนี้ได้ตรวจสอบอย่างชัดเจน ผมก็ลดเรื่องวุ่นวายไปได้มากเหมือนกัน”

เย้นโม่หลินได้ยินดังนั้น จึงก้าวออก พูดอย่างจริงจัง

“วางใจเถอะ คุณได้รับความไม่เป็นธรรมในครั้งนี้ ไม่รับไปเสียเปล่าแน่ ฉันรับรองว่า จะจับผู้อยู่เบื้องหลังออกไป ไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่!”

น้ำเสียงเย็นลอดไรฟันนั้น มีความโหดเหี้ยมเฉียบขาด

ร่างกายของหยูซือห้านแข็งค้างอย่างช่วยไม่ได้ เหงื่อสองสามเหงื่อผุดออกมาจากหน้าผาก

ข่าวลือนี้ ก็เป็นเขาจัดเตรียมคนกระจายมันออกไปนี่!

ถ้าหากเย้นโม่หลินตรวจเจอว่าเขาทำเรื่องแบบนี้อยู่เบื้องหลัง น่ากลัวว่าเขาคงจะไม่สามารถอยู่ที่ตระกูลเย้นต่อไปได้อีก

เวลาที่เหลืออยู่ให้เขา คงจะไม่มากแล้ว

เรื่องข่าวลือก็ได้บทสรุปแล้ว คนของตระกูลเย้นเองก็ต่างแยกย้ายกันไป

เย้นหว่านกับกู้ซึงได้กลับไปยังลานบ้านของเธอด้วยกัน

เพียงแค่เดินเข้าประตู เย้นหว่านก็คว้าจับข้อมือของกู้ซึงเอาไว้ ก่อนลากเขาเดินไปยังอีกด้านของทางเดินอย่างกระวนกระวาย

เธอมองไปรอบ ๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอื่นอยู่ จึงรีบเอ่ยถาม

“ฉันตกใจแทบตายแหนะ เมื่อกี้ผ่านการตรวจของป่ายฉีมาได้ยังไงน่ะ?”

เย้นหว่านยังคงสงสัยว่าโห้หลีเฉินใช้วิธีอะไรถึงจัดการกับป่ายฉีเป็นการส่วนตัวได้ แต่คำพูดของคุณลุงก็เตือนสติเธอ ป่ายฉีโตมาในตระกูลเย้นตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่ใช่สายเลือดของตระกูลเย้น แต่ก็สนิทสนมกับตระกูลเย้นเหมือนคนในครอบครัว

ไม่อย่างนั้นคงไม่ระเหเร่ร่อนอยู่ข้างนอกเองคนเดียวตั้งหลายปี เพื่อตามเธอกลับมา

ด้วยความซื่อสัตย์ที่ป่ายฉีมีต่อตระกูลเย้น เขาไม่มีทางรวมหัวกับโห้หลีเฉินหลอกลวงกงจืออวีแน่

กู้ซึงก้มหน้า แววตาลึกล้ำมองมือเล็กของเย้นหว่านที่จับข้อมือของตัวเองอยู่ มุมปากยกยิ้มหยอกล้อ

น้ำเสียงขี้เล่นและท่าทีสบาย ๆ “เสี่ยวหว่าน เธอฉลาดขนาดนี้ ลองทายดูสิ?”

เย้นหว่านอึ้งไปเล็กน้อย

เธอกำลังจะบอกว่าก็เพราะคิดไม่ออกถึงได้ถามเขา แต่เมื่อมองใบหน้าที่ยิ้มขี้เล่นตรงหน้า หัวใจของเธอก็พลันเต้นผิดจังหวะ

ชายตรงหน้า รูปลักษณ์ของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แต่กลิ่นอายของร่างกายและสายตาขี้เล่นนั่น แตกต่างกับคนในความประทับใจของเธออย่างสิ้นเชิง!

เย้นหว่านปล่อยเขาออกทันทีราวกับฟ้าผ่า

“นาย นาย นาย…”

กู้ซึงสอดมือของสองข้างเข้าในกระเป๋ากางเกง ก่อนเอนตัวพิงกำแพงอย่างสบาย ๆ

เขาเอ่ยพลางยิ้ม “เสี่ยวหว่าน เธอเป็นอะไรไปเหรอ?”

เย้นหว่านคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ข้อเท็จจริงนั้นชัดเจนต่อหน้าต่อตาของเธอ

ชายตรงหน้านี้ แตกต่างจากโห้หลีเฉินอย่างสิ้นเชิงและ โห้หลีเฉินมักเรียกเธอว่าเย้นหว่าน ไม่เคยเรียกว่าเสี่ยวหว่านมาก่อน

เธอตัวสั่นระริก กัดฟัน “นายไม่ใช่โห้หลีเฉิน!”

กู้ซึงเอนหลังพิงกำแพงอย่างเฉื่อยชา บนหน้ายังคงมีรอยยิ้ม ไม่มีความตื่นตระหนกที่ถูกเปิดโปงแม้แต่น้อย

เขาเอ่ยชมอย่างแผ่วเบา “เธอฉลาดจริง ๆ”

เย้นหว่านกลับไม่ดีใจเลยแม้แต่น้อย เธอพลันรู้สึกว่าหัวใจเย็นเยียบลง

จนตอนนี้เธอเพิ่งจะรู้ตัว เธอฉลาดที่ไหนกัน ช่างโง่เขลาจริง ๆ !

มิน่าตอนป่ายฉีตรวจ ถึงตรวจไม่พบร่องรอยการปลอมตัวของกู้ซึง นี่ไม่ได้ปลอมตัวแน่นอน ตรงหน้านี้ที่จริงแล้วคือกู้ซึงตัวจริง!

เพราะอย่างนี้เขาถึงได้พูดจาเหยียดหยามตระกูลหยูพวกนั้นอย่างไร้ความรับผิดชอบ ไร้ยางอายขนาดนั้น

เพราะแท้จริงเขาไม่ใช้คนตระกูลหยูอยู่แล้ว

ตอนอยู่ที่ห้องโถงเย้นหว่านลนลานเกินไปจริง เธอกลัวเกินไป กู้ซึงก็จงใจแสดงเป็นสไตล์ของโห้หลีเฉินก่อนหน้านี้อีก เธอก็ไม่มีเวลาได้สงสัย

เย้นหว่านกัดฟันอย่างหงุดหงิด รีบถามออกไป “แล้วโห้หลีเฉินล่ะ? เขาไปไหนแล้ว?”

“เสี่ยวหว่าน พอเธอรู้ตัวตนของฉัน ก็ไม่มองฉันอยู่ในสายตาทันทีเลยนะ เธอรู้รึเปล่า ว่าความรู้สึกแตกต่างนี้มันทำให้หัวใจที่เปราะบางของฉันแตกสลายเลยนะ?”

กู้ซึงพูดหยอกล้อ ทั้งยังจงใจยื่นมือสัมผัสที่ตำแหน่งหัวใจของตัวเอง

เย้นหว่านมองพลางมุมปากกระตุก แขนนั่น เป็นแขนข้างที่เธอเพิ่งจะจูงมา

การแสดงออกแบบนั้นของเธอต่อเขา ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ช่างขายหน้าจริง ๆ

เย้นหว่านหน้าแดงระเรื่อ พูดเสียงแข็ง “ฉันกับนายก็ไม่ได้คุ้นเคยกัน เพิ่งจะเจอกันครั้งแรกเท่านั้น หัวใจนายจะแตกสลายแล้วงั้นเหรอ? เลิกพูดไร้สาระ รีบบอกฉันมาว่าโห้หลีเฉินอยู่ที่ไหน?”

เธอค่อนข้างร้อนใจ อยากจะเจอเขาเสียเดี๋ยวนั้น

กู้ซึงกลับส่ายหน้า น้ำเสียงทุ้มต่ำอันตราย

“เสี่ยวหว่าน ในเมื่อฉันก็มาแล้ว โห้หลีเฉินก็ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด