สามีข้า คือพรานป่า 116 หัวหน้าหมู่บ้าน

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 116 หัวหน้าหมู่บ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 116 หัวหน้าหมู่บ้าน

 

“ผิงอัน! เขาก็เป็นลูกชายของข้าเช่นกัน แต่ข้าไม่ต้องการเขาแล้ว! เด็กคนนี้ถูกเลี้ยงมาอย่างไร้ประโยชน์ อกตัญญูและยังเลือกที่จะอยู่กับหญิงนั้น เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะยอมถูกตัดขาเพราะเด็กไม่รู้จักบุญคุณหรือ?!”

 

“ผิงอัน… เจ้าไม่รู้หรือว่าคนของหลงเยวนั้นแข็งแกร่งเพียงใด?! มีคนในหมู่บ้านนี้เป็นหนี้เขาห้าตําลึง แต่ผ่านไปสามวันกลับโดนคิดดอกเบี้ยเป็นสิบตําลึง! เมื่อถึงวันที่พวกเขามาตามทวงหนี้และชายผู้นั้นไม่มีจ่าย เขาก็โดนตัดมือและคนในครอบครัวยังถูกจับตัวไป!”

 

“เพราะคนพวกนั้นติดสินบนให้กับตํารวจและหน่วยงานราชการ จึงไม่มีใครเข้าจัดการกับเรื่องนี้ได้! หากเจ้าไม่ขายเฉินเอ๋อ…. เมื่อพวกเขามาก็จะจับตัวลูกไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็จะถูกจับตัวไปด้วย!”

 

“หากเราถูกพาตัวไป ทุกอย่างก็อาจจบลงโดยการถูกฆ่า แต่หากเจ้ายอมขายเฉินเอ๋อให้เถียนเถียน… ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป! ประการแรก เจ้าก็จะได้มีเงินไปใช้หนี้ และประการที่สอง ลูกจะมีอนาคตที่ดีขึ้นเพราะนาง!”

 

เมื่อหลินชวนฮวาอธิบายทุกอย่างที่คิดว่าจะทําให้เฉินผิงอันเข้าใจได้อย่างถี่ถ้วนแล้ว นางจึงถอนหายใจด้วยความรู้สึกเหนื่อยก่อนจะเดินไปนอนบนเตียง

 

เฉินผิงอันรู้สึกกระวนกระวายและไม่เต็มใจที่จะขายเฉินเฉิน อีกทั้งยังไม่ต้องการให้หยุนเถียนเถียนดูถูก! 

 

แต่ในตอนนี้ ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากหยุนเถียนเถียนที่จะช่วยเขาได้!

 

“ชวนฮวา เหตุใดหญิงผู้นั้นจึงต้องการซื้อตัวเฉินเฉินเล่า?”

 

หลินชวนฮวาที่กําลังจะคล้อยหลับต้องถูกเฉินผิงอันปลุกเพื่อให้ลุกมาตอบคําถามนี้

 

แม้จะรู้สึกหงุดหงิด แต่หลินชวนฮวาก็แสร้งตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เพราะเฉินเอ๋อจะถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีเมื่ออยู่กับนาง อีกทั้งข้าว่าเราคงเลี้ยงลูกให้กินอิ่มนอนอุ่นไม่ได้ปล่อยให้เขาได้อยู่กับพี่สาวเถิด!”

 

“มีเด็กคนไหนในหมู่บ้านที่ออกจากอกพ่อแม่ไปแล้วสุขสบายบ้าง? อีขี้ครอกนั้นต้องกลั่นแกล้งลูกเราแน่!”

 

หลินชวนฮวาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดอย่างจริงจัง “ผิงอัน ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องกังวล! ทุกวันนี้เพราะเขายังเป็นเด็ก เราจึงยังสามารถเลี้ยงดูได้! แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้นในขณะที่สถานการณ์ทางการเงินของเรายังเป็นเช่นนี้ เราก็ไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้! หากมีใครสักคนที่ไว้ใจได้มาช่วยเลี้ยงดูลูก… มันไม่ดีหรือ?!”

 

“หญิงผู้นั้นบอกว่าให้หัวหน้าหมู่บ้านเป็นพยาน ต่อให้เราไม่รับเงินจากนาง ลูกก็ไม่อยากกลับมาหาเราอยู่ดี เช่นนั้นแล้วจะมีประโยชน์อะไร?! นอกจากนี้ เฉินเฉิงเยี่ยก็ได้ศึกษาเล่าเรียนมามากและยังกตัญญ เราสามารถพึ่งพาเขาได้ยามแก่เฒ่า แต่เด็กน้อยผู้นั้นเราอาจไม่สามารถพึ่งพาเขาได้ เช่นนั้นแล้วขายเขาไปเสียดีกว่า!”

 

เฉินผิงอันตกตะลึงเพราะไม่คาดคิดว่าหลินชวนฮวาผู้เป็นแม่จะกล้าพูดเรื่องเช่นนี้ออกมา!

 

ทันใดนั้นหลินชวนฮวาตระหนักได้ว่าสิ่งที่นางพูดนั้นไม่ค่อยดีนักจึงรีบลุกขึ้นแก้ตัวทันที “จริงอยู่ที่หญิงผู้นั้นหาเงินได้มากมายโดยการทําดอกไม้ขาย แต่ตอนนี้ชาวบ้านหลายคนก็เริ่มหันมาค้าขายในสิ่งเดียวกันกับนาง! และแม้นางจะใกล้ชิดกับคนปาผู้ซึ่งเชี่ยวชาญในการล่าสัตว์เพื่อนําไปขาย แต่ก็ย่อมมีรายได้ที่ลดลงในอนาคต”

 

“หลังจากนั้นนางก็จะพบว่าการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และแน่นอนว่านางต้องส่งเฉินเฉินคืนมาให้เรา! เมื่อถึงเวลานั้นลูกก็จะกลับมาอยู่ในอ้อมแขนเราไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่ว่าข้าไม่รักลูก แต่ข้าวางแผนทุกอย่างมาดีแล้ว เพื่อให้ทั้งเราและเขามีชีวิตที่ดีขึ้น!”

 

“หากรอให้พวกเจ้าหนี้มาจับตัวข้าและลูกไป ข้าทั้งสองอาจถูกส่งไปเป็นทาสที่ไหนสักแห่ง! แน่นอนว่าจะไม่มีวันถูกปล่อยออกมาง่าย ๆ และเราอาจไม่ได้เจอกันอีก!”

 

คําพูดของหลินชวนฮวาทําให้เฉินผิงอันรู้สึกผิดและเจ็บปวดยิ่ง!

 

หลังจากที่ได้ยินหลินชวนฮวาพูดเช่นนั้น เฉินผิงอันจึงยอมแพ้และเลือกที่จะเก็บรักษาขาและแขนของตนไว้

 

และคําพูดของหญิงผู้นี้ก็เปรียบดังข้ออ้างที่สามารถปลอบโยนหัวใจของเฉินผิงอันได้!

 

“พรุ่งนี้ข้าจะไปหาท่านหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ผิงอัน แน่นอนว่าคนในหมู่บ้านจะพูดถึงเจ้าในทางที่ไม่ดีเพราะเรื่องที่เจ้าตัดสินใจขายลูกชาย”

 

“แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องมีชีวิตอยู่และมีหวังในทุกสิ่ง! สามี.. คิดดูเถิด หากเจ้าเสียขาทั้งสองข้างไปเราจะทําอย่างไรเล่า?! เพราะเจ้าคือเสาหลักของครอบครัว!”

 

คําเหล่านี้นับเป็นคําปลอบโยนที่ยอดเยี่ยมสําหรับเฉินผิงอัน!

 

วันต่อมา เฉิงผิงอันแทบรอคอยการไปบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านไม่ไหว!

 

หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกกระวนกระวายในทันที เพราะเขาไม่รู้ว่าเฉินผิงอันมาหาเขาด้วยเรื่องอะไร

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านช่วยข้าได้!”

 

แววตาของหัวหน้าหมู่บ้านทอประกายวูบไหวเพียงครู่ก่อนกลับเป็นปกติ

 

เฉินผิงอันเป็นที่เกลียดชังของคนในหมู่บ้าน แม้เขาจะเป็นเพียงชายชนบทธรรมดาที่เต็มไปด้วยความโง่เขลาและซื่อตรง แต่ก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวจนทําให้ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน มีเพียงท่านผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยข้าได้ในตอนนี้ ข้ารู้ว่าข้าเป็นเพียงชายสารเลว แต่หากท่านช่วยข้าในครั้งนี้ข้าจะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างแน่นอน!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถามขึ้นอย่างไม่อดทน “เจ้ามาร้องขอความช่วยเหลืออะไรตั้งแต่เช้า?! ไหนลองบอกมาสิว่าข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?”

 

หลินชวนฮวารู้ดีว่าเฉินผิงอันไม่กล้าพูด จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดแทนเขาอย่างไร้ยางอาย

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน สามีของข้านั้นเป็นคนโง่เขลา! เค้าติดการพนันเป็นอย่างมากจนต้องยืมเงินผู้อื่นมากมายเพื่อเดิมพัน! ท่านก็รู้ใช่หรือไม่ว่ารายได้ของเราไม่ได้มากมายอะไรและส่วนใหญ่ก็มาจากค่าเช่าที่ดิน ดังนั้นการติดเงินดอกในบ่อนพนันจึงถือเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่ง!”

 

ท่านหัวหน้าหมู่บ้านไม่คาดคิดว่าเฉินผิงอันจะติดพนันเสียจนต้องยืมเงินเพื่อใช้เดิมพัน!

 

“เจ้าจะให้ข้าช่วยได้อย่างไร? จริงอยู่ที่ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ครอบครัวของข้าก็เป็นเพียงเกษตรกรและไม่ได้รวยไปกว่าเฉินผิงอันมากนัก หากข้าช่วย พวกเจ้าจะมีปัญญาจ่ายคืนข้าหรือ?”

 

หลินชวนฮวาจึงรีบก้าวออกไปและกล่าวว่า “แม้เราจะมั่นใจ แต่ก็ไม่กล้ารับปากว่าจะสามารถจ่ายคืนท่านได้ การยืมเงินในสมัยนี้เป็นเรื่องยาก มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะช่วยเราได้คือเถียนเถียน!”

 

“เพราะนางเคยเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรามาก่อน และยังเรียกเฉินผิงอันว่าพ่อมานานหลายปี ข้าจึงไปขอความช่วยเหลือจากนาง! แต่หญิงผู้นี้มีใจโหดเหี้ยมนัก แม้นางจะมีเงินมากมายแต่ก็ไม่เต็มใจที่จะมอบให้เรา เช่นนี้ข้าจึงต้องขายเฉินเอ๋อให้นางและต้องขอให้ท่านช่วยเป็นพยานให้!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 116 หัวหน้าหมู่บ้าน

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 116 หัวหน้าหมู่บ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 116 หัวหน้าหมู่บ้าน

 

“ผิงอัน! เขาก็เป็นลูกชายของข้าเช่นกัน แต่ข้าไม่ต้องการเขาแล้ว! เด็กคนนี้ถูกเลี้ยงมาอย่างไร้ประโยชน์ อกตัญญูและยังเลือกที่จะอยู่กับหญิงนั้น เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะยอมถูกตัดขาเพราะเด็กไม่รู้จักบุญคุณหรือ?!”

 

“ผิงอัน… เจ้าไม่รู้หรือว่าคนของหลงเยวนั้นแข็งแกร่งเพียงใด?! มีคนในหมู่บ้านนี้เป็นหนี้เขาห้าตําลึง แต่ผ่านไปสามวันกลับโดนคิดดอกเบี้ยเป็นสิบตําลึง! เมื่อถึงวันที่พวกเขามาตามทวงหนี้และชายผู้นั้นไม่มีจ่าย เขาก็โดนตัดมือและคนในครอบครัวยังถูกจับตัวไป!”

 

“เพราะคนพวกนั้นติดสินบนให้กับตํารวจและหน่วยงานราชการ จึงไม่มีใครเข้าจัดการกับเรื่องนี้ได้! หากเจ้าไม่ขายเฉินเอ๋อ…. เมื่อพวกเขามาก็จะจับตัวลูกไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็จะถูกจับตัวไปด้วย!”

 

“หากเราถูกพาตัวไป ทุกอย่างก็อาจจบลงโดยการถูกฆ่า แต่หากเจ้ายอมขายเฉินเอ๋อให้เถียนเถียน… ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป! ประการแรก เจ้าก็จะได้มีเงินไปใช้หนี้ และประการที่สอง ลูกจะมีอนาคตที่ดีขึ้นเพราะนาง!”

 

เมื่อหลินชวนฮวาอธิบายทุกอย่างที่คิดว่าจะทําให้เฉินผิงอันเข้าใจได้อย่างถี่ถ้วนแล้ว นางจึงถอนหายใจด้วยความรู้สึกเหนื่อยก่อนจะเดินไปนอนบนเตียง

 

เฉินผิงอันรู้สึกกระวนกระวายและไม่เต็มใจที่จะขายเฉินเฉิน อีกทั้งยังไม่ต้องการให้หยุนเถียนเถียนดูถูก! 

 

แต่ในตอนนี้ ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากหยุนเถียนเถียนที่จะช่วยเขาได้!

 

“ชวนฮวา เหตุใดหญิงผู้นั้นจึงต้องการซื้อตัวเฉินเฉินเล่า?”

 

หลินชวนฮวาที่กําลังจะคล้อยหลับต้องถูกเฉินผิงอันปลุกเพื่อให้ลุกมาตอบคําถามนี้

 

แม้จะรู้สึกหงุดหงิด แต่หลินชวนฮวาก็แสร้งตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เพราะเฉินเอ๋อจะถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีเมื่ออยู่กับนาง อีกทั้งข้าว่าเราคงเลี้ยงลูกให้กินอิ่มนอนอุ่นไม่ได้ปล่อยให้เขาได้อยู่กับพี่สาวเถิด!”

 

“มีเด็กคนไหนในหมู่บ้านที่ออกจากอกพ่อแม่ไปแล้วสุขสบายบ้าง? อีขี้ครอกนั้นต้องกลั่นแกล้งลูกเราแน่!”

 

หลินชวนฮวาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดอย่างจริงจัง “ผิงอัน ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องกังวล! ทุกวันนี้เพราะเขายังเป็นเด็ก เราจึงยังสามารถเลี้ยงดูได้! แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้นในขณะที่สถานการณ์ทางการเงินของเรายังเป็นเช่นนี้ เราก็ไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้! หากมีใครสักคนที่ไว้ใจได้มาช่วยเลี้ยงดูลูก… มันไม่ดีหรือ?!”

 

“หญิงผู้นั้นบอกว่าให้หัวหน้าหมู่บ้านเป็นพยาน ต่อให้เราไม่รับเงินจากนาง ลูกก็ไม่อยากกลับมาหาเราอยู่ดี เช่นนั้นแล้วจะมีประโยชน์อะไร?! นอกจากนี้ เฉินเฉิงเยี่ยก็ได้ศึกษาเล่าเรียนมามากและยังกตัญญ เราสามารถพึ่งพาเขาได้ยามแก่เฒ่า แต่เด็กน้อยผู้นั้นเราอาจไม่สามารถพึ่งพาเขาได้ เช่นนั้นแล้วขายเขาไปเสียดีกว่า!”

 

เฉินผิงอันตกตะลึงเพราะไม่คาดคิดว่าหลินชวนฮวาผู้เป็นแม่จะกล้าพูดเรื่องเช่นนี้ออกมา!

 

ทันใดนั้นหลินชวนฮวาตระหนักได้ว่าสิ่งที่นางพูดนั้นไม่ค่อยดีนักจึงรีบลุกขึ้นแก้ตัวทันที “จริงอยู่ที่หญิงผู้นั้นหาเงินได้มากมายโดยการทําดอกไม้ขาย แต่ตอนนี้ชาวบ้านหลายคนก็เริ่มหันมาค้าขายในสิ่งเดียวกันกับนาง! และแม้นางจะใกล้ชิดกับคนปาผู้ซึ่งเชี่ยวชาญในการล่าสัตว์เพื่อนําไปขาย แต่ก็ย่อมมีรายได้ที่ลดลงในอนาคต”

 

“หลังจากนั้นนางก็จะพบว่าการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และแน่นอนว่านางต้องส่งเฉินเฉินคืนมาให้เรา! เมื่อถึงเวลานั้นลูกก็จะกลับมาอยู่ในอ้อมแขนเราไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่ว่าข้าไม่รักลูก แต่ข้าวางแผนทุกอย่างมาดีแล้ว เพื่อให้ทั้งเราและเขามีชีวิตที่ดีขึ้น!”

 

“หากรอให้พวกเจ้าหนี้มาจับตัวข้าและลูกไป ข้าทั้งสองอาจถูกส่งไปเป็นทาสที่ไหนสักแห่ง! แน่นอนว่าจะไม่มีวันถูกปล่อยออกมาง่าย ๆ และเราอาจไม่ได้เจอกันอีก!”

 

คําพูดของหลินชวนฮวาทําให้เฉินผิงอันรู้สึกผิดและเจ็บปวดยิ่ง!

 

หลังจากที่ได้ยินหลินชวนฮวาพูดเช่นนั้น เฉินผิงอันจึงยอมแพ้และเลือกที่จะเก็บรักษาขาและแขนของตนไว้

 

และคําพูดของหญิงผู้นี้ก็เปรียบดังข้ออ้างที่สามารถปลอบโยนหัวใจของเฉินผิงอันได้!

 

“พรุ่งนี้ข้าจะไปหาท่านหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ผิงอัน แน่นอนว่าคนในหมู่บ้านจะพูดถึงเจ้าในทางที่ไม่ดีเพราะเรื่องที่เจ้าตัดสินใจขายลูกชาย”

 

“แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องมีชีวิตอยู่และมีหวังในทุกสิ่ง! สามี.. คิดดูเถิด หากเจ้าเสียขาทั้งสองข้างไปเราจะทําอย่างไรเล่า?! เพราะเจ้าคือเสาหลักของครอบครัว!”

 

คําเหล่านี้นับเป็นคําปลอบโยนที่ยอดเยี่ยมสําหรับเฉินผิงอัน!

 

วันต่อมา เฉิงผิงอันแทบรอคอยการไปบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านไม่ไหว!

 

หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกกระวนกระวายในทันที เพราะเขาไม่รู้ว่าเฉินผิงอันมาหาเขาด้วยเรื่องอะไร

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านช่วยข้าได้!”

 

แววตาของหัวหน้าหมู่บ้านทอประกายวูบไหวเพียงครู่ก่อนกลับเป็นปกติ

 

เฉินผิงอันเป็นที่เกลียดชังของคนในหมู่บ้าน แม้เขาจะเป็นเพียงชายชนบทธรรมดาที่เต็มไปด้วยความโง่เขลาและซื่อตรง แต่ก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวจนทําให้ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน มีเพียงท่านผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยข้าได้ในตอนนี้ ข้ารู้ว่าข้าเป็นเพียงชายสารเลว แต่หากท่านช่วยข้าในครั้งนี้ข้าจะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างแน่นอน!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถามขึ้นอย่างไม่อดทน “เจ้ามาร้องขอความช่วยเหลืออะไรตั้งแต่เช้า?! ไหนลองบอกมาสิว่าข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?”

 

หลินชวนฮวารู้ดีว่าเฉินผิงอันไม่กล้าพูด จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดแทนเขาอย่างไร้ยางอาย

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน สามีของข้านั้นเป็นคนโง่เขลา! เค้าติดการพนันเป็นอย่างมากจนต้องยืมเงินผู้อื่นมากมายเพื่อเดิมพัน! ท่านก็รู้ใช่หรือไม่ว่ารายได้ของเราไม่ได้มากมายอะไรและส่วนใหญ่ก็มาจากค่าเช่าที่ดิน ดังนั้นการติดเงินดอกในบ่อนพนันจึงถือเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่ง!”

 

ท่านหัวหน้าหมู่บ้านไม่คาดคิดว่าเฉินผิงอันจะติดพนันเสียจนต้องยืมเงินเพื่อใช้เดิมพัน!

 

“เจ้าจะให้ข้าช่วยได้อย่างไร? จริงอยู่ที่ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ครอบครัวของข้าก็เป็นเพียงเกษตรกรและไม่ได้รวยไปกว่าเฉินผิงอันมากนัก หากข้าช่วย พวกเจ้าจะมีปัญญาจ่ายคืนข้าหรือ?”

 

หลินชวนฮวาจึงรีบก้าวออกไปและกล่าวว่า “แม้เราจะมั่นใจ แต่ก็ไม่กล้ารับปากว่าจะสามารถจ่ายคืนท่านได้ การยืมเงินในสมัยนี้เป็นเรื่องยาก มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะช่วยเราได้คือเถียนเถียน!”

 

“เพราะนางเคยเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรามาก่อน และยังเรียกเฉินผิงอันว่าพ่อมานานหลายปี ข้าจึงไปขอความช่วยเหลือจากนาง! แต่หญิงผู้นี้มีใจโหดเหี้ยมนัก แม้นางจะมีเงินมากมายแต่ก็ไม่เต็มใจที่จะมอบให้เรา เช่นนี้ข้าจึงต้องขายเฉินเอ๋อให้นางและต้องขอให้ท่านช่วยเป็นพยานให้!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+