สามีข้า คือพรานป่า 132 อย่าแทรกแซง

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 132 อย่าแทรกแซง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 132 อย่าแทรกแซง

 

“หยุนเถียนเถียนคงไม่ต้องการพบข้าอย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้ว โปรดนําเงินสองร้อยตําลึงนี้ไปให้นาง ถือเป็นสินน้ําใจจากข้า! จงมอบให้แต่ไม่ต้องกล่าวสิ่งใด เข้าใจหรือ

ไม่?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจโล่งอก เขาคิดว่าหลงเยว่จะสั่งให้ทําอย่างอื่นเสียอีก เพียงแค่นําเงินไปให้นางสินะ? ถ้าเช่นนี้ก็พอทําได้!”

 

ทันทีที่หลงเยว่พูดจบจึงเดินจากไป เจ้าหน้าที่คุ้มกันทั้งหมดก็เดินตามไปด้วย

 

ส่วนหัวหน้าหมู่บ้านยืนนิ่งอยู่เนิ่นนาน

 

เขาไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เหตุใดจึงเกิดเรื่องประหลาดมากมายขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน?

 

จากนั้นเขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ผู้เฒ่าสั่งให้หยุนเถียนเถียนแต่งงานกับหยุนเคอ ซึ่งเรื่องนี้ก็ทําให้เขารู้สึกปวดหัวไม่น้อย

 

การเป็นหัวหน้าหมู่บ้านในปีนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ!

 

ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรก็ย่อมมีผู้เฒ่าคอยกดดันอยู่เสมอ

 

แต่หากไม่ทําอะไรเลยก็จะทําให้พวกเขาขุ่นเคืองและคงจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างยากลําบาก

 

หัวหน้าหมู่บ้านคิดหนักจนแทบจะเอาขาขึ้นมาก่ายหน้าผาก!

 

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว หากเขาทําตามที่หลงเยาสั่ง ก็อาจจะสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับชาวบ้านได้ในหมู่บ้านนี้มีผู้เฒ่าเพียงไม่กี่คนที่ควรค่าแก่การนับถือ ดังนั้นหัวหน้าหมู่บ้านจึงตัดสินใจที่จะไปหารือกับอาวุโสสักหน่อย

 

หัวหน้าหมู่บ้านซ่อนเงินไว้ในมือของเขา โดยไม่ได้เดินทางไปหาหยุนเถียนเถียน แต่ตรงไปที่บ้านของผู้เฒ่าสี่ทันที!

 

ผู้เฒ่าทั้งสามมารวมตัวกันและรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากมีผู้พิพากษาเข้ามาแทรกแซง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แสดงตัวและปล่อยให้อีกฝ่ายจัด

การ

 

แต่ผู้เฒ่าทั้งสามกลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดหัวหน้าหมู่บ้านจึงมาตามหาพวกเขาในตอนนี้ ดังนั้นทั้งสามจึงมองไปยังหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความแปลกใจ

 

หัวหน้าหมู่บ้านวิ่งมาด้วยความตื่นตระหนกก่อนจะรีบปรับลมหายใจ และบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด

 

ใบหน้าของผู้เฒ่าหกที่กําลังหัวเราะกลับกลายเป็นจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่ได้ยินว่าหลินชวนฮวาต้องการฆ่าเฉินเฉิน เขากัดฟันแน่นด้วยความโกรธา!

 

ทว่าผู้เฒ่าสี่มีสีหน้าเรียบเฉย ดังนั้นทุกคนจึงมองไม่ออกว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่

 

ดูเหมือนว่ามีเพียงผู้เฒ่าใหญ่เท่านั้นที่เข้าใจประเด็นและถามว่า “ตระกูลเฉินงั้นหรือ? เจ้าหมายความว่าตัวตนที่แท้จริงของหยุนจิงเอ๋อนั้นไม่ใช่คนธรรมดาใช่ไหม? และท่านผู้พิพากษาก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?”

 

“มีชายผู้หนึ่งเขาเป็นถึงผู้ว่าเทศมณฑล นั่นคือท่านหลงเยว่ผู้ยิ่งใหญ่! เขาให้เกียรตินางยิ่ง ทั้งยังมอบเงินสองร้อยตําลึง มาให้ข้าเพื่อมอบให้ลูกสาวของนาง!”

 

ผู้เฒ่าสี่มองเหล่าพี่ชายพลางถามว่า “หยุนเถียนเถียนแห่งหมู่บ้านของเราน่ะหรือ?!”

 

ผู้เฒ่าใหญ่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเผยแววตาเปล่งประกาย…

 

“เราไม่ควรไปยุ่งอย่างยิ่ง หากเขาสนใจในตัวนางจริงๆ ก็ควรสารภาพกับนางตามตรง! แต่ไม่ว่าอย่างไร เราก็ไม่สามารถทําร้ายหญิงผู้นี้ได้! จําไว้ว่าเราไม่มีสิทธิ์บังคับให้นางต้องแต่งงานกับใครทั้งนั้น”

 

แต่ผู้เฒ่าสี่ตบโต๊ะพร้อมตะคอกเสียงดัง “ก็เห็นได้ชัดว่านางช่างไร้ยังอาย หากถูกจับได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร นางก็ต้องแต่งงานกับเขา! เราต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เหตุใดจึงต้องกังวลว่าแม่นางจะกลับมาแก้แค้น?!”

 

ผู้เฒ่าใหญ่มองน้องชายอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาเป็นพี่น้องที่มีมิตรภาพยาวนานจึงรับรู้ได้ทันทีว่าผู้เฒ่าสี่นั้นมีอารมณ์โมโหร้าย และยังคงเป็นเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้

 

“ในเมื่อตัวตนของนางไม่ใช่คนธรรมดา แล้วจะให้แต่งงานกับพรานปาเช่นนี้ได้อย่างไร? โอ้ ข้าคิดว่าอย่างไรแล้วก็กล่าวโทษพวกเราไม่ได้!”

 

จู่ ๆ หัวหน้าหมู่บ้านก็นึกถึงหยุนเคอและพูดต่ออย่างรวดเร็ว “ท่านหลงเยว่ถามถึงพรานปาผู้นี้ในตอนที่เขากําลังจะเดินทางกลับ ดูเหมือนว่าตัวตนของพรานปาผู้นี่ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน!”

 

ท่านผู้เฒ่ามองหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความสงสัย ขณะที่อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

 

เหตุผลที่ชายผู้นี้สามารถเป็นหัวหน้าหมู่บ้านได้เพราะเขาเป็นคนที่โดดเด่น ไม่เพียงแต่จะต้องโน้มน้าวประชาชนเก่งเท่านั้น แต่เขายังมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว!

 

เป็นเรื่องจริงที่ว่าเขาเป็นคนที่คาดเดาได้ยาก

 

“ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ในเมื่อตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองคนก็ต่างไม่ใช่คนธรรมดา! เพียงแค่เราไม่ต้องไปแทรกแซงพวกเขาอีกในอนาคต!”

 

ผู้เฒ่าสี่ตบโต๊ะอีกครั้ง “ไม่ได้! พี่ก็เห็นไม่ใช่หรือว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ หากหญิงผู้นี้ไม่แต่งงานสักที ก็จะทําลายศรัทธาและความเชื่อของชาวบ้านที่เคยมีมาทั้งหมด!”

 

“หากจะให้เราดูแล เราสามารถดูแลได้แต่ต้องไม่ใช่ในส ถานการณ์เช่นนี้! หากวันหนึ่งครอบครัวที่แท้จริงของนางมาพบเข้า พวกเรายังจะเหลือใบหน้าไว้ตั้งบนบ่าอยู่หรือ ไม่? อยากให้พวกเขาคิดว่าคนในหมู่บ้านนี้ได้อย่างอายหรืออย่างไร?!”

 

ผู้เฒ่าใหญ่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “จากมุมมองของข้า พวกเจ้ากังวลเร็วเกินไป! เนื่องจากหญิงผู้นั้นถูกบังคับให้แต่งงานกับหยุนเคอ นางจึงไม่มีข้อโต้แย้งและไม่ได้ปฏิเสธ แม้นางจะมีท่าทางขัดขืนก็จริงแต่ตอนนี้ทั้งสองอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านของหยุนเคอ! ลองให้โอกาสนางสักหน่อยเถิด!”

 

“เอาล่ะ เลิกพูดถึงเรื่องนี้ ปล่อยไปก่อนเถิด! แค่จับตาดูนางให้ดี ข้าไม่คิดว่านางเป็นคนไร้เหตุผลและทําให้ใครต้องอับอาย!”

 

บทสนทนานี้จบลงด้วยคําพูดของผู้เฒ่าใหญ่!

 

หัวหน้าหมู่บ้านนําเงินมาที่บ้านของหยุนเคอทันที “ดูสิ นี่คงเป็นอะไรที่พวกเขาคาดไม่ถึงหรอกใช่ไหม?”

 

ในตอนที่หยุนเถียนเถียนซื้อเฉินเฉินมา ชาวบ้านหลายคนเขาใจว่าเด็กน้อยผู้นี้จะต้องทุกข์ทรมานจากการแก้แค้นของหยุนเถียนเถียนเป็นแน่ แต่เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้า มาก็พบว่าเฉินเฉินกําลังนั่งตัวตรงถือพู่กันอยู่ในมือ และฝึกเขียนที่ละขีด!

 

เฉินเฉินตั้งใจมาก แม้กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามา แต่เด็กน้อยก็ไม่ทันรู้ตัว

 

หัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่าแขนน้อยๆนั่นก็ไม่ใช่จะแข็งแรงนัก แต่กลับเขียนหนังสือได้อย่างสวยงาม หัวหน้าหมู่บ้านเองเคยเข้าสอบขุนนาง เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่าเฉินเฉินขะมักเขม้นและใฝ่เรียนยิ่ง!

 

“ข่าวลือที่บอกว่าเฉินผิงอันต้องการส่งเด็กน้อยเข้าโรงเรียนเป็นเรื่องจริงสินะ! แต่เด็กคนนี้ยังไม่มีโอกาสได้ก้าวเข้ารั้วโรงเรียนเลยไม่ใช่หรือ?!?

 

“แล้วใครกันที่สอนเขา? ดูท่าทางการเขียนของเด็กคนนี้จริงจังเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีครูที่เข้มงวด!”

 

สิ่งสําคัญที่สุดในการเรียนรู้ไม่ใช่ความเก่งแต่คือความขยัน! เมื่อเห็นว่าเฉินเฉินฝึกเขียนอย่างตั้งใจและขะมักเขม้นก็นับว่าเขาเป็นคนขยันและตั้งใจจริง!”

 

ด้วยความสงสัยนี้ หัวหน้าหมู่บ้านจึงเคาะโต๊ะเบาๆ ทําให้เฉินเฉินตกใจพร้อมอุทานออก “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึง เหตุใดเด็กน้อยที่เพิ่งผ่าน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อันเจ็บปวดจากครอบครัว และต้องย้ายมายู่กับพี่สาวเช่นเฉินเถียนเถียนถึงผิดปกตินัก?! เราจะสามารถพูดคุยและหัวเราะได้อย่างอิสระเร็วถึงเช่นนี้เชียวหรือ??

 

ที่จริงแล้ว เมื่อเฉินเฉินกลับมายังมีอีกหลายสิ่งที่กระทบต่อความรู้สึกเขา แต่หยุนเถียนเถียนก็รู้จักวิธีการรับมือเป็นอย่างดี

 

ส่วนหยุนเคอเองไม่ได้สนใจในอารมณ์ของเด็กชายนัก หยุนเคอสังเด็กน้อยให้ฝึกเขียนอีกสองสามคําทันทีเพื่อเบียงเบนความสนใจออกจากความโศกเศร้า!

 

ขณะที่เขาเขียน อารมณ์ของเขาก็สงบลง! ค่อยๆจมอยู่ในการอ่าน จนทําให้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่สามารถรบกวนจิตใจเขาได้เลย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 132 อย่าแทรกแซง

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 132 อย่าแทรกแซง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 132 อย่าแทรกแซง

 

“หยุนเถียนเถียนคงไม่ต้องการพบข้าอย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้ว โปรดนําเงินสองร้อยตําลึงนี้ไปให้นาง ถือเป็นสินน้ําใจจากข้า! จงมอบให้แต่ไม่ต้องกล่าวสิ่งใด เข้าใจหรือ

ไม่?”

 

หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจโล่งอก เขาคิดว่าหลงเยว่จะสั่งให้ทําอย่างอื่นเสียอีก เพียงแค่นําเงินไปให้นางสินะ? ถ้าเช่นนี้ก็พอทําได้!”

 

ทันทีที่หลงเยว่พูดจบจึงเดินจากไป เจ้าหน้าที่คุ้มกันทั้งหมดก็เดินตามไปด้วย

 

ส่วนหัวหน้าหมู่บ้านยืนนิ่งอยู่เนิ่นนาน

 

เขาไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เหตุใดจึงเกิดเรื่องประหลาดมากมายขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน?

 

จากนั้นเขาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ผู้เฒ่าสั่งให้หยุนเถียนเถียนแต่งงานกับหยุนเคอ ซึ่งเรื่องนี้ก็ทําให้เขารู้สึกปวดหัวไม่น้อย

 

การเป็นหัวหน้าหมู่บ้านในปีนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ!

 

ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรก็ย่อมมีผู้เฒ่าคอยกดดันอยู่เสมอ

 

แต่หากไม่ทําอะไรเลยก็จะทําให้พวกเขาขุ่นเคืองและคงจะต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างยากลําบาก

 

หัวหน้าหมู่บ้านคิดหนักจนแทบจะเอาขาขึ้นมาก่ายหน้าผาก!

 

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว หากเขาทําตามที่หลงเยาสั่ง ก็อาจจะสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับชาวบ้านได้ในหมู่บ้านนี้มีผู้เฒ่าเพียงไม่กี่คนที่ควรค่าแก่การนับถือ ดังนั้นหัวหน้าหมู่บ้านจึงตัดสินใจที่จะไปหารือกับอาวุโสสักหน่อย

 

หัวหน้าหมู่บ้านซ่อนเงินไว้ในมือของเขา โดยไม่ได้เดินทางไปหาหยุนเถียนเถียน แต่ตรงไปที่บ้านของผู้เฒ่าสี่ทันที!

 

ผู้เฒ่าทั้งสามมารวมตัวกันและรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากมีผู้พิพากษาเข้ามาแทรกแซง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แสดงตัวและปล่อยให้อีกฝ่ายจัด

การ

 

แต่ผู้เฒ่าทั้งสามกลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดหัวหน้าหมู่บ้านจึงมาตามหาพวกเขาในตอนนี้ ดังนั้นทั้งสามจึงมองไปยังหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความแปลกใจ

 

หัวหน้าหมู่บ้านวิ่งมาด้วยความตื่นตระหนกก่อนจะรีบปรับลมหายใจ และบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด

 

ใบหน้าของผู้เฒ่าหกที่กําลังหัวเราะกลับกลายเป็นจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่ได้ยินว่าหลินชวนฮวาต้องการฆ่าเฉินเฉิน เขากัดฟันแน่นด้วยความโกรธา!

 

ทว่าผู้เฒ่าสี่มีสีหน้าเรียบเฉย ดังนั้นทุกคนจึงมองไม่ออกว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่

 

ดูเหมือนว่ามีเพียงผู้เฒ่าใหญ่เท่านั้นที่เข้าใจประเด็นและถามว่า “ตระกูลเฉินงั้นหรือ? เจ้าหมายความว่าตัวตนที่แท้จริงของหยุนจิงเอ๋อนั้นไม่ใช่คนธรรมดาใช่ไหม? และท่านผู้พิพากษาก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?”

 

“มีชายผู้หนึ่งเขาเป็นถึงผู้ว่าเทศมณฑล นั่นคือท่านหลงเยว่ผู้ยิ่งใหญ่! เขาให้เกียรตินางยิ่ง ทั้งยังมอบเงินสองร้อยตําลึง มาให้ข้าเพื่อมอบให้ลูกสาวของนาง!”

 

ผู้เฒ่าสี่มองเหล่าพี่ชายพลางถามว่า “หยุนเถียนเถียนแห่งหมู่บ้านของเราน่ะหรือ?!”

 

ผู้เฒ่าใหญ่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเผยแววตาเปล่งประกาย…

 

“เราไม่ควรไปยุ่งอย่างยิ่ง หากเขาสนใจในตัวนางจริงๆ ก็ควรสารภาพกับนางตามตรง! แต่ไม่ว่าอย่างไร เราก็ไม่สามารถทําร้ายหญิงผู้นี้ได้! จําไว้ว่าเราไม่มีสิทธิ์บังคับให้นางต้องแต่งงานกับใครทั้งนั้น”

 

แต่ผู้เฒ่าสี่ตบโต๊ะพร้อมตะคอกเสียงดัง “ก็เห็นได้ชัดว่านางช่างไร้ยังอาย หากถูกจับได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร นางก็ต้องแต่งงานกับเขา! เราต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เหตุใดจึงต้องกังวลว่าแม่นางจะกลับมาแก้แค้น?!”

 

ผู้เฒ่าใหญ่มองน้องชายอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาเป็นพี่น้องที่มีมิตรภาพยาวนานจึงรับรู้ได้ทันทีว่าผู้เฒ่าสี่นั้นมีอารมณ์โมโหร้าย และยังคงเป็นเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้

 

“ในเมื่อตัวตนของนางไม่ใช่คนธรรมดา แล้วจะให้แต่งงานกับพรานปาเช่นนี้ได้อย่างไร? โอ้ ข้าคิดว่าอย่างไรแล้วก็กล่าวโทษพวกเราไม่ได้!”

 

จู่ ๆ หัวหน้าหมู่บ้านก็นึกถึงหยุนเคอและพูดต่ออย่างรวดเร็ว “ท่านหลงเยว่ถามถึงพรานปาผู้นี้ในตอนที่เขากําลังจะเดินทางกลับ ดูเหมือนว่าตัวตนของพรานปาผู้นี่ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน!”

 

ท่านผู้เฒ่ามองหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความสงสัย ขณะที่อีกฝ่ายพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

 

เหตุผลที่ชายผู้นี้สามารถเป็นหัวหน้าหมู่บ้านได้เพราะเขาเป็นคนที่โดดเด่น ไม่เพียงแต่จะต้องโน้มน้าวประชาชนเก่งเท่านั้น แต่เขายังมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว!

 

เป็นเรื่องจริงที่ว่าเขาเป็นคนที่คาดเดาได้ยาก

 

“ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ในเมื่อตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองคนก็ต่างไม่ใช่คนธรรมดา! เพียงแค่เราไม่ต้องไปแทรกแซงพวกเขาอีกในอนาคต!”

 

ผู้เฒ่าสี่ตบโต๊ะอีกครั้ง “ไม่ได้! พี่ก็เห็นไม่ใช่หรือว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ หากหญิงผู้นี้ไม่แต่งงานสักที ก็จะทําลายศรัทธาและความเชื่อของชาวบ้านที่เคยมีมาทั้งหมด!”

 

“หากจะให้เราดูแล เราสามารถดูแลได้แต่ต้องไม่ใช่ในส ถานการณ์เช่นนี้! หากวันหนึ่งครอบครัวที่แท้จริงของนางมาพบเข้า พวกเรายังจะเหลือใบหน้าไว้ตั้งบนบ่าอยู่หรือ ไม่? อยากให้พวกเขาคิดว่าคนในหมู่บ้านนี้ได้อย่างอายหรืออย่างไร?!”

 

ผู้เฒ่าใหญ่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “จากมุมมองของข้า พวกเจ้ากังวลเร็วเกินไป! เนื่องจากหญิงผู้นั้นถูกบังคับให้แต่งงานกับหยุนเคอ นางจึงไม่มีข้อโต้แย้งและไม่ได้ปฏิเสธ แม้นางจะมีท่าทางขัดขืนก็จริงแต่ตอนนี้ทั้งสองอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านของหยุนเคอ! ลองให้โอกาสนางสักหน่อยเถิด!”

 

“เอาล่ะ เลิกพูดถึงเรื่องนี้ ปล่อยไปก่อนเถิด! แค่จับตาดูนางให้ดี ข้าไม่คิดว่านางเป็นคนไร้เหตุผลและทําให้ใครต้องอับอาย!”

 

บทสนทนานี้จบลงด้วยคําพูดของผู้เฒ่าใหญ่!

 

หัวหน้าหมู่บ้านนําเงินมาที่บ้านของหยุนเคอทันที “ดูสิ นี่คงเป็นอะไรที่พวกเขาคาดไม่ถึงหรอกใช่ไหม?”

 

ในตอนที่หยุนเถียนเถียนซื้อเฉินเฉินมา ชาวบ้านหลายคนเขาใจว่าเด็กน้อยผู้นี้จะต้องทุกข์ทรมานจากการแก้แค้นของหยุนเถียนเถียนเป็นแน่ แต่เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้า มาก็พบว่าเฉินเฉินกําลังนั่งตัวตรงถือพู่กันอยู่ในมือ และฝึกเขียนที่ละขีด!

 

เฉินเฉินตั้งใจมาก แม้กระทั่งหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามา แต่เด็กน้อยก็ไม่ทันรู้ตัว

 

หัวหน้าหมู่บ้านเห็นว่าแขนน้อยๆนั่นก็ไม่ใช่จะแข็งแรงนัก แต่กลับเขียนหนังสือได้อย่างสวยงาม หัวหน้าหมู่บ้านเองเคยเข้าสอบขุนนาง เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่าเฉินเฉินขะมักเขม้นและใฝ่เรียนยิ่ง!

 

“ข่าวลือที่บอกว่าเฉินผิงอันต้องการส่งเด็กน้อยเข้าโรงเรียนเป็นเรื่องจริงสินะ! แต่เด็กคนนี้ยังไม่มีโอกาสได้ก้าวเข้ารั้วโรงเรียนเลยไม่ใช่หรือ?!?

 

“แล้วใครกันที่สอนเขา? ดูท่าทางการเขียนของเด็กคนนี้จริงจังเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีครูที่เข้มงวด!”

 

สิ่งสําคัญที่สุดในการเรียนรู้ไม่ใช่ความเก่งแต่คือความขยัน! เมื่อเห็นว่าเฉินเฉินฝึกเขียนอย่างตั้งใจและขะมักเขม้นก็นับว่าเขาเป็นคนขยันและตั้งใจจริง!”

 

ด้วยความสงสัยนี้ หัวหน้าหมู่บ้านจึงเคาะโต๊ะเบาๆ ทําให้เฉินเฉินตกใจพร้อมอุทานออก “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน!”

 

หัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึง เหตุใดเด็กน้อยที่เพิ่งผ่าน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อันเจ็บปวดจากครอบครัว และต้องย้ายมายู่กับพี่สาวเช่นเฉินเถียนเถียนถึงผิดปกตินัก?! เราจะสามารถพูดคุยและหัวเราะได้อย่างอิสระเร็วถึงเช่นนี้เชียวหรือ??

 

ที่จริงแล้ว เมื่อเฉินเฉินกลับมายังมีอีกหลายสิ่งที่กระทบต่อความรู้สึกเขา แต่หยุนเถียนเถียนก็รู้จักวิธีการรับมือเป็นอย่างดี

 

ส่วนหยุนเคอเองไม่ได้สนใจในอารมณ์ของเด็กชายนัก หยุนเคอสังเด็กน้อยให้ฝึกเขียนอีกสองสามคําทันทีเพื่อเบียงเบนความสนใจออกจากความโศกเศร้า!

 

ขณะที่เขาเขียน อารมณ์ของเขาก็สงบลง! ค่อยๆจมอยู่ในการอ่าน จนทําให้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่สามารถรบกวนจิตใจเขาได้เลย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+