สามีข้า คือพรานป่า 139 เข้าสู่ร้านอาหาร

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 139 เข้าสู่ร้านอาหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 139 เข้าสู่ร้านอาหาร

 

ทันใดนั้นชายวัยกลางคนเดินออกมาด้วยท่าทีที่ต่างออกไปซึ่งเขาอาจเป็นผู้จัดการร้าน

 

“เสี่ยวหลินเจ้าอวดดีมากเกินไปแล้ว!เอาล่ะไปหยิบเงินค่าแรงของเจ้าแล้วออกไปซะ! ร้านอาหารแห่งนี้เป็นเพียงร้านเล็กๆคงไม่สามารถรองรับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เช่นเจ้าได้!”

 

หลังจากตําหนิลูกจ้างด้วยสีหน้าจริงจังแล้ว เขาเดินมาหาทั้งคู่ก่อนจะกล่าวต้อนรับ “ท่านทั้งสองถามถึงข้า… มีเรื่องอะไรหรือ?”

 

แม้หยุนเสียนเถียนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูไม่ดีนักแต่ก็กล่าวออกด้วยท่าทางอ่อนโยน “ข้าอยากจะขอพบนายน้อยหลี่พวกเรามีเรื่องจะต้องเจรจากับเขาเช่นนี้จึงต้องรบ กวนท่านด้วย”

 

ผู้จัดการร้านหลี่ตาเล็กน้อยพลางมองไปยังหยุนเถียน เถียนแม้นางจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าและทรุดโทรมแต่ก็ยังคงงดงามในทุกการเคลื่อนไหวการเผชิญหน้ากับนางนั้นทําให้เขาแทบควบคุมตนเองไม่ได้

 

หากมองข้ามเสื้อผ้าเก่า ๆ ที่สวมใส่ ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะคิดผู้คนจะคิดว่านางคือสนมของชายยศใหญ่ในวัง

 

ส่วนนายน้อยหลี่เองนั่งอยู่ในห้องใต้หลังคาและเฝ้ารอการมาถึงของหญิงสาวผู้งดงามมาตลอดหลายวัน…

 

เช่นนี้ผู้จัดการร้านไม่รีรอและนําทั้งสามขึ้นไปยังชั้นบนทันที

 

“เอาล่ะสาวน้อย ให้ชายวัยกลางคนและเด็กน้อยรอตรงนี้เสียก่อน”

 

“ชายวัยกลางคน??

 

หยุนเทียนเถียนถึงกับอดไม่ได้ที่จะยิ้ม.

 

หยุนเคอบอกว่าเขาอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้นเหตุใดอีกฝ่ายจึงมองว่าเขาเป็นชายวัยกลางคน?!

 

มันง่ายที่จะสับสนอายุที่แท้จริงของหยุนเคอเพราะหนวดเครารุงรังนั้น

 

เฉินเฉินเองก็สงสัยและแปลกใจว่าเจ้าของร้านรู้ได้อย่างไรว่าหยุนเคอเป็นชายวัยกลางคน?!

 

อย่างไรก็ตาม หยุนเถียนเถียนไม่สนใจคํากล่าวนั้นและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อห้ามตนเองไม่ให้หัวเราะออกมาก่อนจะเดินต่อไปพร้อมกับหยุนเคอ

 

ทันทีที่หยุนเถียนเถียนเดินขึ้นไปถึงชั้นบนก็พบว่านายน้อยหลีกําลังยืนอยู่ริมหน้าต่างพลางพิมพ์ “ หากเป็นหญิงสกปรกผู้นั้นข้าไม่ยอมปล่อยนางไปอีกแน่!”

 

หยุนเถียนเถียนกระแอมทันที “นายน้อยหลี่กําลังนินทาหญิงสกปรกอยู่ไม่กลัวนางได้ยินหรือ?”

 

หลี่ซื่อฮวาหันกลับมาอย่างรวดเร็วเขาอดไม่ได้ที่จะเพิกเฉยต่อเสื้อผ้าอันทรุดโทรมพลางมองไปยังใบหน้าที่แสนงดงามของนางและตกอยู่ในภวังค์สักครู่หนึ่ง

.

เมื่อเห็นดังนั้น หยุนเคอก็รู้สึกโกรธโดยไม่มีเหตุผลก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อบดบังสายตาของหลี่ซื่อฮวาเขารู้สึกว่าไม่ควรเห็นด้วยกับเรื่องไร้สาระที่หญิงผู้นี้กําลังจะทํา

.

..

 

“นายน้อยหลี่ ข้าทั้งสองนําเนื้อตากแห้งมาให้ท่านชิมหากถูกใจก็เป็นไปได้ที่เราจะร่วมธุรกิจกัน ท่านคิดว่าอย่างไร?”

 

หลี่ซื่อฮวามองหยุนเคอด้วยความเกรี้ยวกราดทันที

2

“เจ้ากําลังจะบอกว่า… นางคือคนรักของเจ้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าทั้งสองทําผิดศีลธรรมจนต้องแต่งงานกัน ใช่หรือไม่?!อะไรกัน?กล้ายอมรับหรือไม่?”

 

หยุนเคอกล่าวตอบด้วยน้ําเสียงเย็นชา “ขอนายน้อยหลี่โปรดเคารพต่อศักดิ์ศรีของเถียนเถียนด้วยนางเป็นคู่หมั้นของข้าและท่านไม่มีสิทธิ์ในตัวนางจึงไม่ควรกล่าววาจา เช่นนี้!”

 

หลี่ซื่อฮวาตกตะลึงและยิ้ม“เป็นไปไม่ได้!หญิงใฝ่สูงผู้นี้จะชายตาลงมามองเจ้าได้อย่างไร? แม้แต่ชายที่มาจากตระกูลสูงส่งเช่นข้ายังไม่ได้อยู่ในสายตาของนางเลย!”

 

หยุนเคอกล่าวตอบหนักแน่น “วันที่ข้าตกลงรับเอานางมาเป็นภรรยาทุกคนในหมู่บ้านก็ต่างร่วมเป็นพยาน!และหัวหน้าหมู่บ้านก็ไปยังสํานักราชการเพื่อดําเนินเรื่องที่ดิน ที่ข้าจะใช้สร้างเรือนหอให้แล้วด้วย!ทําไมหรือ?นายน้อยหลีมีข้อข้องใจอันใดหรือไม่?”

 

สิ่งที่หลี่ซื่อฮวาแปลกใจไม่ใช่คําพูดของหยุนเคอแต่เป็นการตอบสนองของหยุนเถียนเถียนซึ่งทําให้เขาแทบรับไม่ได้…

 

หากหญิงผู้นี้ไม่เต็มใจแต่งงาน แน่นอนว่านางต้องลุกข์นต่อสู้และปฏิเสธเสียงแข็งแต่คราวนี้ดูเหมือนว่านางจะยินดีรับชะตากรรม

 

หลี่ซื่อฮวาไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงรู้สึกว่างเปล่าในใจราวกับว่าได้สูญเสียสิ่งที่สําคัญไป!

 

“อะไรนะ? จากการกระทําของนายน้อยหลี่ ข้าคิดว่าท่านกําลังตกหลุมรักนางสุดหัวใจ… ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของข้าจะทําให้ท่านเจ็บปวดใจไม่น้อย!” หยุนเคอส่งสายตาเย้ยหยันออก

 

หลี่ซื่อฮวาพยายามข่มความรู้สึกไว้เพื่อไม่ให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าดูถูกหรือหัวเราะเยาะ เขารีบกล่าวตัดบท “เอาล่ะ!เลิกพูดถึงปัญหาเหล่านี้ได้แล้ว! สิ่งที่เจ้านํามาคืออะ ไรกัน? พาข้าไปดูสิ!”

 

หยุนเทียนเถียนหยิบตะกร้าจากหยุนเคอและวางมันบนโต๊ะก่อนจะเปิดผ้าคลุมออก

 

เพื่อหน้าตาและรสชาติที่ดีหยุนเถียนเถียนได้ทําการชําระควันดําและคราบไหม้ออกไปจากเนื้อเหลือเพียงสีน้ําตาลสดซึ่งทําให้เกิดความอยากอาหารเพิ่มขึ้นและทันทีที่เปิดผ้าออกกลิ่นหอมก็พวยพุ่งออกอย่างไม่อาจต้าน

 

หลี่ซื่อฮวารู้สึกว่ากลิ่นหอมเหล่านี้ดึงดูดใจเป็นอย่างมากแต่กลับแสร้งทําเป็นไม่สนใจและพูดว่า “ก็เป็นเพียงเนื้อราคาถูกไม่ใช่หรือ?ข้าก็ไม่ได้เห็นว่าเป็นสิ่งพิเศษอะไร! สาวน้อย…เจ้าเอาเนื้อนี้มาให้ข้าดูเพื่อสิ่งใดกัน?”

 

หยุนเถียนเถียนเลิกคิ้วเล็กน้อย “เนื้อนี้เป็นเอกลักษณ์ของเมืองต้าเย่ว! แน่นอนว่านายน้อยหลี่ต้องไม่เคยลิ้มรสมาก่อนเหตุใดจึงมั่นใจนักว่าเป็นเพียงเนื้อธรรม ดา?”

 

หลีชื่อฮวาวางพัดในมือก่อนจะนั่งลงอย่างเฉยเมย

 

“เอาล่ะ! พ่อครัวของเราไม่เคยเห็นเนื้อนี้จึงไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไรเช่นนั้นแล้ว เจ้าจงไปปรุงเนื้อนี้ในครัวและนํามาให้ข้าชิมเสีย”

 

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าก่อนจะเดินตามเชี่ยวชื่อไปยังห้องครัวทันที

 

หยุนเคอนั่งรออยู่ในร้านอาหารพลางดื่มชาอย่างใจเย็นเฉินเฉินเองก็นั่งอยู่ข้างเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะการที่พี่สาวพามาในเมืองและซื้อเสื้อผ้าให้ก็รับว่าเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ มากแล้วสําหรับเขา

 

ในโอกาสนี้เขาไม่อยากพูดอะไรมากเพียงมองด้วยตาและฟังด้วยหูก็พอ

 

หยุนเคอนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร และหลีชื่อฮวาเองก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรเช่นกัน ดูเหมือนว่านายน้อยหลี่จะยังคงไตร่ตรองว่าความรู้สึกสูญเสียในหัวใจของเขานั้นมาจาก ที่ใด?!

 

จากนั้นไม่นาน หยุนเสียนเถียนก็เดินออกมาพร้อมถาดในมือ

 

เพื่อไม่ให้คนครัวของนายน้อยหลี่รู้เคล็ดลับของตนหยุนเถียนเถียนจึงปรุงโดยการนําไปนึ่งเพราะสูตรลับพิเศษในการปรุงเนื้อตากแห้งคือการนําไปอบกับกิ่งเมเปิ้ล ซึ่งเป็น สูตรที่เปิดเผยให้ใครไม่ได้ง่าย ๆ

 

ทันทีที่เปิดฝาครอบออกควันและกลิ่นหอมของเนื้อตากแห้งก็ลอยคลุ้งไปทั่ว!

 

หลี่ซื่อฮวาถอนหายใจอย่างโล่งอกชีวิตของเขาฟุ่มเฟือยมาโดยตลอดและไม่มีอาหารรสชาติเยี่ยมชนิดไหนเลยที่เขายังไม่ได้ลิ้มลองแต่กลิ่นหอมของเนื้อตากแห้งนี้กลับดึงดูดใจเขาเป็นอย่างบอกไม่ถูก

 

นายน้อยหลี่หยิบตะเกียบขึ้นพลางคีบไปยังเนื้ออันหอมหวนขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เขาจะค่อย ๆ คืบเนื้อเข้าปากก่อนจะเคี้ยวจนสัมผัสได้ถึงรสชาติอันโอชะ และกลิ่นหอมคลุ้งตลบอบอวลอยู่ในปากตลบอบอวนไปทั่วศีรษะ

 

“เป็นเนื้อที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!เจ้าทําได้อย่างไร?”

 

“ดูจากสิ่งที่นายน้อยหลี่พูดแล้วเคล็ดลับการปรุงเนื้อตากแห้งของข้าคงใช้ทําเงินได้ไม่น้อยจะให้บอกกับผู้อื่นง่าย ๆได้อย่างไร?”

 

หลี่ซื่อฮวายังคงถือตะเกียบไว้ในมือพลางพูดต่อ “เนื้อนี้รสชาติเยี่ยม งั้นบอกมาเถิดว่าเจ้าต้องการเท่าไหร่?”

 

หยุนเถียนเถียนรินน้ําชาอย่างใจเย็น “ดูเหมือนว่าท่านจะพอใจไม่น้อย…”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 139 เข้าสู่ร้านอาหาร

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 139 เข้าสู่ร้านอาหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 139 เข้าสู่ร้านอาหาร

 

ทันใดนั้นชายวัยกลางคนเดินออกมาด้วยท่าทีที่ต่างออกไปซึ่งเขาอาจเป็นผู้จัดการร้าน

 

“เสี่ยวหลินเจ้าอวดดีมากเกินไปแล้ว!เอาล่ะไปหยิบเงินค่าแรงของเจ้าแล้วออกไปซะ! ร้านอาหารแห่งนี้เป็นเพียงร้านเล็กๆคงไม่สามารถรองรับพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เช่นเจ้าได้!”

 

หลังจากตําหนิลูกจ้างด้วยสีหน้าจริงจังแล้ว เขาเดินมาหาทั้งคู่ก่อนจะกล่าวต้อนรับ “ท่านทั้งสองถามถึงข้า… มีเรื่องอะไรหรือ?”

 

แม้หยุนเสียนเถียนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูไม่ดีนักแต่ก็กล่าวออกด้วยท่าทางอ่อนโยน “ข้าอยากจะขอพบนายน้อยหลี่พวกเรามีเรื่องจะต้องเจรจากับเขาเช่นนี้จึงต้องรบ กวนท่านด้วย”

 

ผู้จัดการร้านหลี่ตาเล็กน้อยพลางมองไปยังหยุนเถียน เถียนแม้นางจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าและทรุดโทรมแต่ก็ยังคงงดงามในทุกการเคลื่อนไหวการเผชิญหน้ากับนางนั้นทําให้เขาแทบควบคุมตนเองไม่ได้

 

หากมองข้ามเสื้อผ้าเก่า ๆ ที่สวมใส่ ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะคิดผู้คนจะคิดว่านางคือสนมของชายยศใหญ่ในวัง

 

ส่วนนายน้อยหลี่เองนั่งอยู่ในห้องใต้หลังคาและเฝ้ารอการมาถึงของหญิงสาวผู้งดงามมาตลอดหลายวัน…

 

เช่นนี้ผู้จัดการร้านไม่รีรอและนําทั้งสามขึ้นไปยังชั้นบนทันที

 

“เอาล่ะสาวน้อย ให้ชายวัยกลางคนและเด็กน้อยรอตรงนี้เสียก่อน”

 

“ชายวัยกลางคน??

 

หยุนเทียนเถียนถึงกับอดไม่ได้ที่จะยิ้ม.

 

หยุนเคอบอกว่าเขาอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้นเหตุใดอีกฝ่ายจึงมองว่าเขาเป็นชายวัยกลางคน?!

 

มันง่ายที่จะสับสนอายุที่แท้จริงของหยุนเคอเพราะหนวดเครารุงรังนั้น

 

เฉินเฉินเองก็สงสัยและแปลกใจว่าเจ้าของร้านรู้ได้อย่างไรว่าหยุนเคอเป็นชายวัยกลางคน?!

 

อย่างไรก็ตาม หยุนเถียนเถียนไม่สนใจคํากล่าวนั้นและพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อห้ามตนเองไม่ให้หัวเราะออกมาก่อนจะเดินต่อไปพร้อมกับหยุนเคอ

 

ทันทีที่หยุนเถียนเถียนเดินขึ้นไปถึงชั้นบนก็พบว่านายน้อยหลีกําลังยืนอยู่ริมหน้าต่างพลางพิมพ์ “ หากเป็นหญิงสกปรกผู้นั้นข้าไม่ยอมปล่อยนางไปอีกแน่!”

 

หยุนเถียนเถียนกระแอมทันที “นายน้อยหลี่กําลังนินทาหญิงสกปรกอยู่ไม่กลัวนางได้ยินหรือ?”

 

หลี่ซื่อฮวาหันกลับมาอย่างรวดเร็วเขาอดไม่ได้ที่จะเพิกเฉยต่อเสื้อผ้าอันทรุดโทรมพลางมองไปยังใบหน้าที่แสนงดงามของนางและตกอยู่ในภวังค์สักครู่หนึ่ง

.

เมื่อเห็นดังนั้น หยุนเคอก็รู้สึกโกรธโดยไม่มีเหตุผลก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อบดบังสายตาของหลี่ซื่อฮวาเขารู้สึกว่าไม่ควรเห็นด้วยกับเรื่องไร้สาระที่หญิงผู้นี้กําลังจะทํา

.

..

 

“นายน้อยหลี่ ข้าทั้งสองนําเนื้อตากแห้งมาให้ท่านชิมหากถูกใจก็เป็นไปได้ที่เราจะร่วมธุรกิจกัน ท่านคิดว่าอย่างไร?”

 

หลี่ซื่อฮวามองหยุนเคอด้วยความเกรี้ยวกราดทันที

2

“เจ้ากําลังจะบอกว่า… นางคือคนรักของเจ้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าทั้งสองทําผิดศีลธรรมจนต้องแต่งงานกัน ใช่หรือไม่?!อะไรกัน?กล้ายอมรับหรือไม่?”

 

หยุนเคอกล่าวตอบด้วยน้ําเสียงเย็นชา “ขอนายน้อยหลี่โปรดเคารพต่อศักดิ์ศรีของเถียนเถียนด้วยนางเป็นคู่หมั้นของข้าและท่านไม่มีสิทธิ์ในตัวนางจึงไม่ควรกล่าววาจา เช่นนี้!”

 

หลี่ซื่อฮวาตกตะลึงและยิ้ม“เป็นไปไม่ได้!หญิงใฝ่สูงผู้นี้จะชายตาลงมามองเจ้าได้อย่างไร? แม้แต่ชายที่มาจากตระกูลสูงส่งเช่นข้ายังไม่ได้อยู่ในสายตาของนางเลย!”

 

หยุนเคอกล่าวตอบหนักแน่น “วันที่ข้าตกลงรับเอานางมาเป็นภรรยาทุกคนในหมู่บ้านก็ต่างร่วมเป็นพยาน!และหัวหน้าหมู่บ้านก็ไปยังสํานักราชการเพื่อดําเนินเรื่องที่ดิน ที่ข้าจะใช้สร้างเรือนหอให้แล้วด้วย!ทําไมหรือ?นายน้อยหลีมีข้อข้องใจอันใดหรือไม่?”

 

สิ่งที่หลี่ซื่อฮวาแปลกใจไม่ใช่คําพูดของหยุนเคอแต่เป็นการตอบสนองของหยุนเถียนเถียนซึ่งทําให้เขาแทบรับไม่ได้…

 

หากหญิงผู้นี้ไม่เต็มใจแต่งงาน แน่นอนว่านางต้องลุกข์นต่อสู้และปฏิเสธเสียงแข็งแต่คราวนี้ดูเหมือนว่านางจะยินดีรับชะตากรรม

 

หลี่ซื่อฮวาไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงรู้สึกว่างเปล่าในใจราวกับว่าได้สูญเสียสิ่งที่สําคัญไป!

 

“อะไรนะ? จากการกระทําของนายน้อยหลี่ ข้าคิดว่าท่านกําลังตกหลุมรักนางสุดหัวใจ… ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของข้าจะทําให้ท่านเจ็บปวดใจไม่น้อย!” หยุนเคอส่งสายตาเย้ยหยันออก

 

หลี่ซื่อฮวาพยายามข่มความรู้สึกไว้เพื่อไม่ให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าดูถูกหรือหัวเราะเยาะ เขารีบกล่าวตัดบท “เอาล่ะ!เลิกพูดถึงปัญหาเหล่านี้ได้แล้ว! สิ่งที่เจ้านํามาคืออะ ไรกัน? พาข้าไปดูสิ!”

 

หยุนเทียนเถียนหยิบตะกร้าจากหยุนเคอและวางมันบนโต๊ะก่อนจะเปิดผ้าคลุมออก

 

เพื่อหน้าตาและรสชาติที่ดีหยุนเถียนเถียนได้ทําการชําระควันดําและคราบไหม้ออกไปจากเนื้อเหลือเพียงสีน้ําตาลสดซึ่งทําให้เกิดความอยากอาหารเพิ่มขึ้นและทันทีที่เปิดผ้าออกกลิ่นหอมก็พวยพุ่งออกอย่างไม่อาจต้าน

 

หลี่ซื่อฮวารู้สึกว่ากลิ่นหอมเหล่านี้ดึงดูดใจเป็นอย่างมากแต่กลับแสร้งทําเป็นไม่สนใจและพูดว่า “ก็เป็นเพียงเนื้อราคาถูกไม่ใช่หรือ?ข้าก็ไม่ได้เห็นว่าเป็นสิ่งพิเศษอะไร! สาวน้อย…เจ้าเอาเนื้อนี้มาให้ข้าดูเพื่อสิ่งใดกัน?”

 

หยุนเถียนเถียนเลิกคิ้วเล็กน้อย “เนื้อนี้เป็นเอกลักษณ์ของเมืองต้าเย่ว! แน่นอนว่านายน้อยหลี่ต้องไม่เคยลิ้มรสมาก่อนเหตุใดจึงมั่นใจนักว่าเป็นเพียงเนื้อธรรม ดา?”

 

หลีชื่อฮวาวางพัดในมือก่อนจะนั่งลงอย่างเฉยเมย

 

“เอาล่ะ! พ่อครัวของเราไม่เคยเห็นเนื้อนี้จึงไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไรเช่นนั้นแล้ว เจ้าจงไปปรุงเนื้อนี้ในครัวและนํามาให้ข้าชิมเสีย”

 

หยุนเถียนเถียนพยักหน้าก่อนจะเดินตามเชี่ยวชื่อไปยังห้องครัวทันที

 

หยุนเคอนั่งรออยู่ในร้านอาหารพลางดื่มชาอย่างใจเย็นเฉินเฉินเองก็นั่งอยู่ข้างเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะการที่พี่สาวพามาในเมืองและซื้อเสื้อผ้าให้ก็รับว่าเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ มากแล้วสําหรับเขา

 

ในโอกาสนี้เขาไม่อยากพูดอะไรมากเพียงมองด้วยตาและฟังด้วยหูก็พอ

 

หยุนเคอนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร และหลีชื่อฮวาเองก็ไม่ได้ตอบสนองอะไรเช่นกัน ดูเหมือนว่านายน้อยหลี่จะยังคงไตร่ตรองว่าความรู้สึกสูญเสียในหัวใจของเขานั้นมาจาก ที่ใด?!

 

จากนั้นไม่นาน หยุนเสียนเถียนก็เดินออกมาพร้อมถาดในมือ

 

เพื่อไม่ให้คนครัวของนายน้อยหลี่รู้เคล็ดลับของตนหยุนเถียนเถียนจึงปรุงโดยการนําไปนึ่งเพราะสูตรลับพิเศษในการปรุงเนื้อตากแห้งคือการนําไปอบกับกิ่งเมเปิ้ล ซึ่งเป็น สูตรที่เปิดเผยให้ใครไม่ได้ง่าย ๆ

 

ทันทีที่เปิดฝาครอบออกควันและกลิ่นหอมของเนื้อตากแห้งก็ลอยคลุ้งไปทั่ว!

 

หลี่ซื่อฮวาถอนหายใจอย่างโล่งอกชีวิตของเขาฟุ่มเฟือยมาโดยตลอดและไม่มีอาหารรสชาติเยี่ยมชนิดไหนเลยที่เขายังไม่ได้ลิ้มลองแต่กลิ่นหอมของเนื้อตากแห้งนี้กลับดึงดูดใจเขาเป็นอย่างบอกไม่ถูก

 

นายน้อยหลี่หยิบตะเกียบขึ้นพลางคีบไปยังเนื้ออันหอมหวนขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เขาจะค่อย ๆ คืบเนื้อเข้าปากก่อนจะเคี้ยวจนสัมผัสได้ถึงรสชาติอันโอชะ และกลิ่นหอมคลุ้งตลบอบอวลอยู่ในปากตลบอบอวนไปทั่วศีรษะ

 

“เป็นเนื้อที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!เจ้าทําได้อย่างไร?”

 

“ดูจากสิ่งที่นายน้อยหลี่พูดแล้วเคล็ดลับการปรุงเนื้อตากแห้งของข้าคงใช้ทําเงินได้ไม่น้อยจะให้บอกกับผู้อื่นง่าย ๆได้อย่างไร?”

 

หลี่ซื่อฮวายังคงถือตะเกียบไว้ในมือพลางพูดต่อ “เนื้อนี้รสชาติเยี่ยม งั้นบอกมาเถิดว่าเจ้าต้องการเท่าไหร่?”

 

หยุนเถียนเถียนรินน้ําชาอย่างใจเย็น “ดูเหมือนว่าท่านจะพอใจไม่น้อย…”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+