สามีข้า คือพรานป่า 157 กลัวหมา

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 157 กลัวหมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 157 กลัวหมา

 

เฉินเจียวเจียวกลับมาที่บ้านของนางพร้อมกับเงิน จากนั้นก็คิดอย่างรอบคอบว่าจะหาสูตรได้อย่างไร

 

อยู่ๆก็นึกได้ว่าโรงงานไม่ได้สร้างไว้สูงมากนัก หากปีนขึ้นไปบนหลังคา แล้วงัดกระเบื้องออกมา จะเข้าไปไม่ได้เลยหรือ?ตอนออกมาอาจจะลําบากเล็กน้อย แต่ก็สามารถซ่อน ตัวอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของโรงงานสักครู่ รอจนกว่าคนที่ทํางานในโรงงานจะมา จากนั้นค่อยใช้โอกาสนี้ย่องออกมาเงียบ

 

เมื่อตัดสนใจว่าจะใช้แผนนี้ เฉินเจียวเจียวก็รออย่างใจเย็น สําหรับค่ําคืนที่จะมาถึง นางไม่เคยเข้าใกล้โรงงานเลย ดังนั้น จึงไม่รู้ว่าในบ้านที่หยุนเถียนเถียนอาศัยอยู่จะมีเสียงสุนัขเห่าออกมาเป็นครั้งคราว

 

ตกเย็นคนงานเลิกงานกลับบ้าน เมื่อหยุนเถียนเถียนมาถึง นางก็ลงกลอนประตูทั้งสองบานและขังหมาป่าตัวน้อยไว้ในโรงงาน

 

ฮูหยินซูเกินและสามีเข้าพักผ่อนแต่หัวค่ํา นี่คือสิ่งที่เฉินเจียวเจียวต้องรอ นางไม่ได้บอกพ่อแม่ของนางเรื่องแผนนี้ เพราะบอกไปพวกเขาอาจจะไม่เห็นด้วย

 

ที่สําคัญคือนางต้องการเก็บเงินสองร้อยตําลึงไว้ในมือ ดังนั้นจึงจงใจปิดบังฮูหยินซูเกิน

 

เมื่อความมืดมิดเข้าคืบคลาน หมู่บ้านก็เงียบสงบลง ไม่มีเสียงอื่นใด นอกจากเสียงของแมลงในต้นฤดูใบไม้ร่วง

 

เฉินเจียวเจียวจงใจใส่เสื้อผ้าฝ้ายที่นางไม่ค่อยใส่มากนัก และลอบออกจากบ้านโดยถือบันไดไม้ในบ้านมาด้วย

 

จากนั้นก็ลอบไปที่ด้านนอกโรงงาน แต่ในขณะที่นางเพิ่งตั้งบันได หมาป่าตัวน้อยที่อยู่ข้างในก็ได้ยินเสียงจึงเห่าขู่เสียงดังลั่น!

 

เสียงหมาเห่ากลางดึกอย่างรุนแรง ในไม่ช้าหยุนเถียนเถียนและหยุนเคอซึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ทั้งสองสวมเสื้อผ้าแล้วลุกจากเตียง

 

แม้แต่เฉินเฉินก็วิ่งออกมาอย่างงัวเงีย “พี่สาว มีอะไรผิดปกติหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างไม่สบายใจนัก “เป็นเด็กเป็นเล็กจะกังวลอะไร? กลับไปพักผ่อนให้สบาย หากเจ้าเลื่อนเวลานอน พรุ่งนี้เจ้าจะเรียนได้อย่างไร?”

 

แม้ว่าเฉินเฉินจะไม่พอใจเล็กน้อยที่พี่สาวปฏิบัติต่อเขาราวกับเป็นเด็ก แต่เขาก็ยังเก็บตัวอยู่ในห้องอย่างเชื่อฟัง!

 

หยุนเคอและหยุนเถียนเถียนมองหน้ากัน ก่อนจะเดินออกไปที่ประตูบ้าน!

 

ด้านเฉินเจียวเจียว ทันทีที่หมาป่าตัวน้อยเปล่งเสียงแรกออกมา นางก็ตกใจกลัวแล้ว เมื่อเห็นว่าหยุนเถียนเถียนจุดตะเกียงตรงข้างๆลานบ้าน!

 

จึงรีบวิ่งเตลิดออกไป แม้แต่บันไดก็ถูกวางทิ้งไว้ที่นั่น

 

แต่นางไม่สนใจอะไรแล้ว หากถูกจับได้เท่ากับว่านางเป็นขโมย! กลัวว่าชีวิตนี้จะไม่มีใครกล้าแต่งงานกับนางอีก ยิ่งไปกว่านั้นนางทําเรื่องนี้โดยไม่ได้บอกพ่อแม่ตั้งแต่ต้น เมื่อเรื่องราวบานปลาย เกรงว่าแม่ที่เคยถูกทําร้ายเพราะนางจะไม่ลุกขึ้นมาปกป้องอีก

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนออกมาที่หน้าโรงงาน ก็เห็นบันไดไม้พาดกับขอบผนังอยู่ข้างโรงงานและยังมีรองเท้าปักหล่นอยู่ตรงใต้บันใด! ดูจากลักษณะแล้ว หมู่บ้านนี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าใส่รองเท้าปักดีๆเช่นนี้

 

หยุนเถียนเถียนก้มลงหยิบรองเท้าปักขึ้นมาอย่างอดสงสัยไม่ได้ ในเมื่อสามารถซื้อรองเท้าปักลายเช่นนี้ได้ แล้วเหตุใดถึงต้องทําเรื่องลับๆล่อๆเช่นนี้ล่ะ?

 

อีกทั้งหมู่บ้านก็สงบสุขอยู่เสมอ ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้หญิงคนไหนที่มีนิสัยชอบย่องเบาเช่นนี้มาก่อน

 

เฉินเจียวเจียวที่อยู่ในความตื่นตระหนก วิ่งเตลิดกลับบ้าน และพบว่าเท้าข้างหนึ่งถูกก้อนหินบาดจนเลือดออก รองเท้าของนางหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

 

แต่ในเวลานี้ หยุนเถียนเถียนต้องออกมาตรวจสอบแล้วเป็นแน่ นางไม่กล้าออกไปเพราะกลัวจะถูกจับ ทําอย่างไรดี? แต่ถ้าไม่ออกไปตามหา หากวันพรุ่งนี้หยุนเถียนเถียนเจอรองเท้าแล้วโวยวายขึ้นมา นางคงสิ้นหวังแล้วจริงๆ

 

ทั้งที่รู้ว่าคนผู้นั้นต้องตกใจหนีไปแล้วและโรงงานก็ไม่น่ามีอะไรเสียหาย! แต่หยุนเถียนเถียนก็เปิดประตูเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด

 

หมาป่าตัวน้อยทําหน้าที่ของมันโดยการเห่าร้องเมื่อได้ยินเสียง ดังนั้นผู้ร้ายจึงไม่น่าจะทันได้ทําอะไร แต่ตกใจเสียงร้องเสียก่อน

 

เรื่องนี้ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นมากขึ้นว่าเฉินผิงอันไม่ได้โกหกตั้งแต่แรก และใครบางคนก็กําลังจับตาดูโรงงานของนางอยู่จริง

 

แต่อีกฝ่ายไม่ได้บอกตรงๆว่าเป็นใคร หรือว่าถึงเวลาที่ต้องไปหาเฉินผิงอันอีกครั้ง

 

แม้ว่าเขาจะทําคุณประโยชน์ให้นาง แต่เขาก็ได้ผลประโยชน์บางอย่างแก่ตัวเองเช่นกัน

 

เช้าตรู่ หยุนเถียนเถียนถือเนื้อตากแห้งสองชิ้นแล้วเดินไปที่ลานบ้านของเฉินผิงอัน

 

เฉินผิงอันนั่งอยู่ตรงลานบ้านพร้อมกับไหเหล้าตั้งแต่เช้า เขาเมาจนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

 

หยุนเถียนเถียนเดินเข้าไปใช้เท้าเตะเขา เฉินผิงอันรู้สึกว่าดวงตาที่มัวเมาอยู่นั้นลืมขึ้นมาทันที! นัยน์ตาพร่ามัวสะท้อนภาพใบหน้าอันเลือนลาง

 

“หยุนจิงเอ๋อ! เจ้าก็มาดูข้ากลายเป็นตัวตลกหรือ? ตอนนี้ชีวิตข้าเหมือนคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง เจ้ามาดูเรื่องตลกนี้สิ!”

 

มุมปากของหยุนเถียนเถียนกระตุกเล็กน้อย บอกว่าเกลียดหยุนจิงเอ๋อ ตอนเมากลับพูดถึงไม่หยุด แต่ไม่เห็นถึงความเกลียดชังเลยสักนิด

 

อย่างไรก็ตาม บางสิ่งต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หยุนเถียนเถียนใช้กระบวยแตงโมตักน้ําในถังเก็บน้ําแล้วสาดใส่หน้าเฉินผิงอัน

 

น้ําในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงนั้นเย็นเฉียบ

 

เฉินผิงอันตื่นขึ้นและเห็นหยุนเถียนเถียนยืนมองดูเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย

 

“เจ้ามาทําอะไรที่นี่?”

 

หยุนเถียนเถียนไม่รีบร้อน นางขยับเก้าอี้แล้วนั่งลงเอง “ท่านใช้ชีวิตได้ดีนี่ เมาขนาดนี้ตั้งแต่เช้า!”

 

เฉินผิงอันพูดด้วยใบหน้าบูดบึง “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”

 

“อืม! ท่านเมาแล้ว และแม่ของข้าก็คงไม่สนใจท่านอีกแล้ว! หากไม่ใช่เพราะข้า นางคงไม่แม้แต่จะมองท่านด้วยซ้ํา!”

 

เฉินผิงอันยืนขึ้น ตบเสื้อผ้าที่มีรอยยับย่น แล้วนั่งลงบนธรณีประตูโดยไม่เลือกสถานที่

 

“เจ้ากําลังจะพูดอะไร? พูดมาสิ! ไม่อย่างนั้นข้าจะออกไปแล้ว!”

 

แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะรู้สึกว่าเฉินผิงอันน่าสงสาร แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเคยทํามาก่อน นางก็รู้สึกว่าเขาสมควรได้รับมัน

 

“ข้าแค่อยากถาม เมื่อวานนี้ท่านบอกว่ามีคนกําลังจับตาดูโรงงานของข้า สรุปแล้วเป็นผู้ใด?”

 

เฉินผิงอันก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร เขาไม่รู้ว่าหากพูดโดยไม่มีหลักฐานจะเป็นปัญหาหรือไม่!

 

“เมื่อคืนนี้ มีหญิงผู้หนึ่งกําลังจะปีนบันไดที่ด้านนอกโรงงาน โชคดีที่หมาป่าตัวน้อยอยู่ที่นั่น นางจึงกลัวและหนีไป!”

 

เฉินผิงอันไม่แปลกใจ คราวที่แล้วเฉินเจียวเจียวทําไม่สําเร็จ ดังนั้นนางจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน จึงเป็นไปได้สูงมากที่จะลงมือใหม่อีกครั้ง!

 

แต่หญิงผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผู้หญิง? หรือนางมีหลักฐานอยู่ในมือ!?

 

“ข้ารู้ว่าท่านต้องรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เมื่อวานนางกลัวเจ้าหมาน้อยจนรีบวิ่งออกไปและรองเท้าของนางก็หล่นอยู่ข้างหนึ่ง! ข้าเห็นว่ามันเป็นรองเท้าปัก จึงคิดว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนในหมู่บ้านที่สามารถซื้อรองเท้าปักได้? เฉินผิงอัน ข้ามาที่นี่เพื่อพิสูจน์ ท่านจะพูดหรือไม่พูดก็ไม่สําคัญสําหรับข้า!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 157 กลัวหมา

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 157 กลัวหมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 157 กลัวหมา

 

เฉินเจียวเจียวกลับมาที่บ้านของนางพร้อมกับเงิน จากนั้นก็คิดอย่างรอบคอบว่าจะหาสูตรได้อย่างไร

 

อยู่ๆก็นึกได้ว่าโรงงานไม่ได้สร้างไว้สูงมากนัก หากปีนขึ้นไปบนหลังคา แล้วงัดกระเบื้องออกมา จะเข้าไปไม่ได้เลยหรือ?ตอนออกมาอาจจะลําบากเล็กน้อย แต่ก็สามารถซ่อน ตัวอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของโรงงานสักครู่ รอจนกว่าคนที่ทํางานในโรงงานจะมา จากนั้นค่อยใช้โอกาสนี้ย่องออกมาเงียบ

 

เมื่อตัดสนใจว่าจะใช้แผนนี้ เฉินเจียวเจียวก็รออย่างใจเย็น สําหรับค่ําคืนที่จะมาถึง นางไม่เคยเข้าใกล้โรงงานเลย ดังนั้น จึงไม่รู้ว่าในบ้านที่หยุนเถียนเถียนอาศัยอยู่จะมีเสียงสุนัขเห่าออกมาเป็นครั้งคราว

 

ตกเย็นคนงานเลิกงานกลับบ้าน เมื่อหยุนเถียนเถียนมาถึง นางก็ลงกลอนประตูทั้งสองบานและขังหมาป่าตัวน้อยไว้ในโรงงาน

 

ฮูหยินซูเกินและสามีเข้าพักผ่อนแต่หัวค่ํา นี่คือสิ่งที่เฉินเจียวเจียวต้องรอ นางไม่ได้บอกพ่อแม่ของนางเรื่องแผนนี้ เพราะบอกไปพวกเขาอาจจะไม่เห็นด้วย

 

ที่สําคัญคือนางต้องการเก็บเงินสองร้อยตําลึงไว้ในมือ ดังนั้นจึงจงใจปิดบังฮูหยินซูเกิน

 

เมื่อความมืดมิดเข้าคืบคลาน หมู่บ้านก็เงียบสงบลง ไม่มีเสียงอื่นใด นอกจากเสียงของแมลงในต้นฤดูใบไม้ร่วง

 

เฉินเจียวเจียวจงใจใส่เสื้อผ้าฝ้ายที่นางไม่ค่อยใส่มากนัก และลอบออกจากบ้านโดยถือบันไดไม้ในบ้านมาด้วย

 

จากนั้นก็ลอบไปที่ด้านนอกโรงงาน แต่ในขณะที่นางเพิ่งตั้งบันได หมาป่าตัวน้อยที่อยู่ข้างในก็ได้ยินเสียงจึงเห่าขู่เสียงดังลั่น!

 

เสียงหมาเห่ากลางดึกอย่างรุนแรง ในไม่ช้าหยุนเถียนเถียนและหยุนเคอซึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ทั้งสองสวมเสื้อผ้าแล้วลุกจากเตียง

 

แม้แต่เฉินเฉินก็วิ่งออกมาอย่างงัวเงีย “พี่สาว มีอะไรผิดปกติหรือ?”

 

หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างไม่สบายใจนัก “เป็นเด็กเป็นเล็กจะกังวลอะไร? กลับไปพักผ่อนให้สบาย หากเจ้าเลื่อนเวลานอน พรุ่งนี้เจ้าจะเรียนได้อย่างไร?”

 

แม้ว่าเฉินเฉินจะไม่พอใจเล็กน้อยที่พี่สาวปฏิบัติต่อเขาราวกับเป็นเด็ก แต่เขาก็ยังเก็บตัวอยู่ในห้องอย่างเชื่อฟัง!

 

หยุนเคอและหยุนเถียนเถียนมองหน้ากัน ก่อนจะเดินออกไปที่ประตูบ้าน!

 

ด้านเฉินเจียวเจียว ทันทีที่หมาป่าตัวน้อยเปล่งเสียงแรกออกมา นางก็ตกใจกลัวแล้ว เมื่อเห็นว่าหยุนเถียนเถียนจุดตะเกียงตรงข้างๆลานบ้าน!

 

จึงรีบวิ่งเตลิดออกไป แม้แต่บันไดก็ถูกวางทิ้งไว้ที่นั่น

 

แต่นางไม่สนใจอะไรแล้ว หากถูกจับได้เท่ากับว่านางเป็นขโมย! กลัวว่าชีวิตนี้จะไม่มีใครกล้าแต่งงานกับนางอีก ยิ่งไปกว่านั้นนางทําเรื่องนี้โดยไม่ได้บอกพ่อแม่ตั้งแต่ต้น เมื่อเรื่องราวบานปลาย เกรงว่าแม่ที่เคยถูกทําร้ายเพราะนางจะไม่ลุกขึ้นมาปกป้องอีก

 

เมื่อหยุนเถียนเถียนออกมาที่หน้าโรงงาน ก็เห็นบันไดไม้พาดกับขอบผนังอยู่ข้างโรงงานและยังมีรองเท้าปักหล่นอยู่ตรงใต้บันใด! ดูจากลักษณะแล้ว หมู่บ้านนี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าใส่รองเท้าปักดีๆเช่นนี้

 

หยุนเถียนเถียนก้มลงหยิบรองเท้าปักขึ้นมาอย่างอดสงสัยไม่ได้ ในเมื่อสามารถซื้อรองเท้าปักลายเช่นนี้ได้ แล้วเหตุใดถึงต้องทําเรื่องลับๆล่อๆเช่นนี้ล่ะ?

 

อีกทั้งหมู่บ้านก็สงบสุขอยู่เสมอ ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้หญิงคนไหนที่มีนิสัยชอบย่องเบาเช่นนี้มาก่อน

 

เฉินเจียวเจียวที่อยู่ในความตื่นตระหนก วิ่งเตลิดกลับบ้าน และพบว่าเท้าข้างหนึ่งถูกก้อนหินบาดจนเลือดออก รองเท้าของนางหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้

 

แต่ในเวลานี้ หยุนเถียนเถียนต้องออกมาตรวจสอบแล้วเป็นแน่ นางไม่กล้าออกไปเพราะกลัวจะถูกจับ ทําอย่างไรดี? แต่ถ้าไม่ออกไปตามหา หากวันพรุ่งนี้หยุนเถียนเถียนเจอรองเท้าแล้วโวยวายขึ้นมา นางคงสิ้นหวังแล้วจริงๆ

 

ทั้งที่รู้ว่าคนผู้นั้นต้องตกใจหนีไปแล้วและโรงงานก็ไม่น่ามีอะไรเสียหาย! แต่หยุนเถียนเถียนก็เปิดประตูเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด

 

หมาป่าตัวน้อยทําหน้าที่ของมันโดยการเห่าร้องเมื่อได้ยินเสียง ดังนั้นผู้ร้ายจึงไม่น่าจะทันได้ทําอะไร แต่ตกใจเสียงร้องเสียก่อน

 

เรื่องนี้ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นมากขึ้นว่าเฉินผิงอันไม่ได้โกหกตั้งแต่แรก และใครบางคนก็กําลังจับตาดูโรงงานของนางอยู่จริง

 

แต่อีกฝ่ายไม่ได้บอกตรงๆว่าเป็นใคร หรือว่าถึงเวลาที่ต้องไปหาเฉินผิงอันอีกครั้ง

 

แม้ว่าเขาจะทําคุณประโยชน์ให้นาง แต่เขาก็ได้ผลประโยชน์บางอย่างแก่ตัวเองเช่นกัน

 

เช้าตรู่ หยุนเถียนเถียนถือเนื้อตากแห้งสองชิ้นแล้วเดินไปที่ลานบ้านของเฉินผิงอัน

 

เฉินผิงอันนั่งอยู่ตรงลานบ้านพร้อมกับไหเหล้าตั้งแต่เช้า เขาเมาจนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

 

หยุนเถียนเถียนเดินเข้าไปใช้เท้าเตะเขา เฉินผิงอันรู้สึกว่าดวงตาที่มัวเมาอยู่นั้นลืมขึ้นมาทันที! นัยน์ตาพร่ามัวสะท้อนภาพใบหน้าอันเลือนลาง

 

“หยุนจิงเอ๋อ! เจ้าก็มาดูข้ากลายเป็นตัวตลกหรือ? ตอนนี้ชีวิตข้าเหมือนคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง เจ้ามาดูเรื่องตลกนี้สิ!”

 

มุมปากของหยุนเถียนเถียนกระตุกเล็กน้อย บอกว่าเกลียดหยุนจิงเอ๋อ ตอนเมากลับพูดถึงไม่หยุด แต่ไม่เห็นถึงความเกลียดชังเลยสักนิด

 

อย่างไรก็ตาม บางสิ่งต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หยุนเถียนเถียนใช้กระบวยแตงโมตักน้ําในถังเก็บน้ําแล้วสาดใส่หน้าเฉินผิงอัน

 

น้ําในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงนั้นเย็นเฉียบ

 

เฉินผิงอันตื่นขึ้นและเห็นหยุนเถียนเถียนยืนมองดูเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย

 

“เจ้ามาทําอะไรที่นี่?”

 

หยุนเถียนเถียนไม่รีบร้อน นางขยับเก้าอี้แล้วนั่งลงเอง “ท่านใช้ชีวิตได้ดีนี่ เมาขนาดนี้ตั้งแต่เช้า!”

 

เฉินผิงอันพูดด้วยใบหน้าบูดบึง “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”

 

“อืม! ท่านเมาแล้ว และแม่ของข้าก็คงไม่สนใจท่านอีกแล้ว! หากไม่ใช่เพราะข้า นางคงไม่แม้แต่จะมองท่านด้วยซ้ํา!”

 

เฉินผิงอันยืนขึ้น ตบเสื้อผ้าที่มีรอยยับย่น แล้วนั่งลงบนธรณีประตูโดยไม่เลือกสถานที่

 

“เจ้ากําลังจะพูดอะไร? พูดมาสิ! ไม่อย่างนั้นข้าจะออกไปแล้ว!”

 

แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะรู้สึกว่าเฉินผิงอันน่าสงสาร แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเคยทํามาก่อน นางก็รู้สึกว่าเขาสมควรได้รับมัน

 

“ข้าแค่อยากถาม เมื่อวานนี้ท่านบอกว่ามีคนกําลังจับตาดูโรงงานของข้า สรุปแล้วเป็นผู้ใด?”

 

เฉินผิงอันก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร เขาไม่รู้ว่าหากพูดโดยไม่มีหลักฐานจะเป็นปัญหาหรือไม่!

 

“เมื่อคืนนี้ มีหญิงผู้หนึ่งกําลังจะปีนบันไดที่ด้านนอกโรงงาน โชคดีที่หมาป่าตัวน้อยอยู่ที่นั่น นางจึงกลัวและหนีไป!”

 

เฉินผิงอันไม่แปลกใจ คราวที่แล้วเฉินเจียวเจียวทําไม่สําเร็จ ดังนั้นนางจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน จึงเป็นไปได้สูงมากที่จะลงมือใหม่อีกครั้ง!

 

แต่หญิงผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผู้หญิง? หรือนางมีหลักฐานอยู่ในมือ!?

 

“ข้ารู้ว่าท่านต้องรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เมื่อวานนางกลัวเจ้าหมาน้อยจนรีบวิ่งออกไปและรองเท้าของนางก็หล่นอยู่ข้างหนึ่ง! ข้าเห็นว่ามันเป็นรองเท้าปัก จึงคิดว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนในหมู่บ้านที่สามารถซื้อรองเท้าปักได้? เฉินผิงอัน ข้ามาที่นี่เพื่อพิสูจน์ ท่านจะพูดหรือไม่พูดก็ไม่สําคัญสําหรับข้า!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+