สามีข้า คือพรานป่า 177 เฉินไฉ่อี

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 177 เฉินไฉ่อี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 177 เฉินไฉ่อี

ตอนที่ 177 เฉินไฉ่อี

หลี่ซื่อฮวาที่เพิ่งถูกหยุนเถียนเถียนปฏิเสธมา เมื่อออกมาข้างนอกและพบกับนางเข้า จากเดิมที่ใจร้อนอยู่แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดมาก

เขาก้มหน้าลงไปมองหญิงสาวอย่างละเอียดถี่ถ้วน หญิงผู้นี้ก็ดูสง่างามดี แต่เมื่อเทียบกับหยุนเถียนที่งดงามราวหยกไข่มุก ถือว่ารูปลักษณ์ของนางแทบจะไม่สะดุดตาเลยด้วยซ้ํา

“เฉินไฉ่อี? เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ท่าทางของเจ้าเป็นอย่างไร?”

เฉินไฉ่อีเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย เหตุใดชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าถึงดูเย็นชานัก

“เจ้าดูเหมือนนักแสดงที่แสร้งทําเป็นถ่อมตัวต่อหน้าผู้อื่น”

แต่เดิมเฉินไฉ่อีนั้นเป็นผู้ชื่นชอบการอ่านหนังสือ จึงเข้าใจวาจาเสียดสีในประโยคนี้ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นดวงตาของนางจึงแดงก่ำด้วยความขุ่นเคือง

“อย่าร้องไห้ล่ะ ข้ากลัวหัวหน้าหมู่บ้านจะคิดว่าข้ารังแกเจ้า หลีกทางไปซะ ข้าต้องกลับเข้าเมืองแล้ว”

เมื่อหลี่ซื่อฮวาเห็นว่านางกําลังจะร้องไห้ เขายิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย จึงหันหลังเดินจากไปอย่างหมดความอดทน

 

นึกถึงตอนที่หยุนเวียนเถียนตกอยู่ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง นางถูกมัดและโยนลงบนเตียงของเขาก็ไม่เห็นว่าจะเอาแต่ร่ําไห้เสียใจ กลับพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะหนีออกไปให้ได้

อย่างไรก็ตามเฉินไฉ่อียังคงไม่ลดละ นางยื่นแขนออกไปขวางทางหลี่ซื่อฮวาเอาไว้ “นายน้อยหลี่ ข้าไม่เข้าใจ ข้าเทียบกับหยุนเถียนเถียนไม่ได้ตรงไหน? นางทั้งชื่อเสียงเสื่อมเสียและอยู่กินกับหยุนเคอ แม้แต่พ่อของนางก็เป็นใครไม่รู้”

 

หลี่ซื่อฮวาอดทนอย่างมากที่จะไม่กล่าวคําผรุสวาทกับหญิงสาว แต่ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว

 

“เพียงแค่เติบโตมาในครอบครัวที่ดี ไม่ได้หมายความว่าแม่นางเฉินจะสามารถเทียบกับนางได้”

 

“อีกอย่างโปรดระวังคําพูดของเจ้าด้วย ข้ามาที่นี่เพื่อเจรจาเรื่องการค้าและหยุนเคอคู่หมั้นของนางเองก็อยู่ ข้าบริสุทธิ์ใจต่อนาง ไม่มีอะไรนอกจากเรื่องกิจการเท่านั้น ตอนนี้นางยังไม่มีที่ไปจึงได้อยู่ร่วมชายคากับหยุนเคอ แต่พวกเขาทั้งสองต่างคนก็ต่างแยกกันนอน นางยังบริสุทธิ์ผุดผ่องทั้งกายและใจ!”

 

“ส่วนเรื่องที่ไม่รู้ว่าใครคือพ่อของนางนั้น ไม่ใช่เรื่องที่แม่นางเฉินสมควรจะเอามาพูด อย่ามาทําให้ข้าไม่พอใจ ไม่เช่นนั้นสุสานคนจนอาจจะมีศพเพิ่ม!”

 

หลี่ซื่อฮวาสะบัดมือและเดินจากไป เขามีความสุขเมื่อได้มาพบหยุนเถียนเถียนที่นี่ แต่ก็อึดอัดใจทุกครั้งที่ต้องเจอกับผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้

เฉินไฉ่อีถูกชายที่ตนรักดูถูกจนแทบทนไม่ไหว นางหันหลังวิ่งกลับไปที่บ้าน และปิดหน้าร้องไห้เสียงดังอยู่ในห้อง

เมื่อภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเห็นลูกสาววิ่งร้องไห้กลับมา นางก็ทั้งสงสัยและทุกข์ใจในเวลาเดียวกัน

 

“ไฉ่อี เจ้าไปไหนมา ผู้ใดรังแกเจ้า?”

เฉินไฉ่อีเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมตอบ

ในตอนนั้น เต๋ออันก็เดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้ามืดมน

 

ขณะที่เขากําลังทํางานอยู่ในโรงงานก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากข้างนอก เมื่อเขาออกไปดูจึงได้เห็นว่าน้องสาวของตนกําลังยื่นมือไปขวางทางนายน้อยหลี่

ด้วยเกรงว่าเสียงนั้นจะรบกวนผู้คนในโรงงาน และจะทําให้ชื่อเสียงของน้องสาวเสื่อมเสีย นี่เป็นครั้งแรกที่เต๋ออันต้องใช้ความอดทนอย่างหนัก

ในที่สุดนายน้อยหลี่ก็กล่าวคําพูดที่ทําลายความภาคภูมิใจของนาง เมื่อถูกต่อว่าน้องสาวก็วิ่งกลับมาร้องไห้ที่บ้าน เขาจึงรีบตามมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“แม่! ท่านควรสั่งสอนน้องสาวให้ดี นางเป็นหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน แต่กล้าไปพูดต่อหน้านายน้อยหลี่ว่านางเทียบหยุนเถียนเถียนไม่ได้ตรงไหน! ตอนที่ได้ยินข้ารู้สึกอับอายยิ่งนัก!”

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึง นางไม่คิดว่าลูกสาวที่สงบเสงี่ยมมาโดยตลอด จะทําตัวใจแตกไร้ยางอายเช่นนี้

“นอกจากเจ้าก็ไม่มีผู้ใดเห็นใช่หรือไม่?”

 

ใบหน้าของเต๋ออันหม่นหมอง เขาจิบชารสฝาดเพื่อข่มความโกรธในใจ “ในโรงงานมีผู้คนอยู่มากมาย ส่วนพวกเขายืนคุยกันที่หน้าประตู แม้ว่าตอนนั้นจะมีเพียงข้าคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ แต่ข้าก็เกรงว่ามันจะเกิดปัญหาขึ้นถ้าคนข้างในรับรู้ ข้าจึงเดินตามออกมาเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร”

 

“ข้าไม่คิดว่านายน้อยหลี่จะมาที่หมู่บ้านของเราเพียงเพื่อพูดจาไร้สาระ ท่านควรสั่งสอนนางให้ดี หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปจะไม่เป็นที่น่าอับอายหรือ? บุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้านไร้ผู้ชายมามาเหลียวแลหรืออย่างไร? ถึงได้คอยวิ่งตามนายน้อยหลี่!”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าอย่างจริงจัง “เจ้าวางใจเถิด เมื่อพ่อของเจ้ากลับมาข้าจะบอกเรื่องนี้กับเขาและให้เขาเป็นคนสั่งสอนนาง”

“ตั้งแต่แรกพ่อของเจ้าเฝ้าสอนให้นางอ่านหนังสือ เพื่อที่นางจะได้มีพื้นฐานสังคมที่ดีแต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์ นางไม่เคยเข้าใจเรื่องความเหมาะสมและเกียรติยศเลย พ่อของเจ้ายังบอกอีกว่าโชคดีที่นางเป็นผู้หญิงฉลาดรอบรู้ ตอนนี้ข้ารู้สึกละอายกับพฤติกรรมของนางยิ่งนัก”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้วอย่างอิดหนาระอาใจ “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าต้องตั้งใจทํางานให้แม่นางหยุนอย่างดีที่สุดเพื่อให้คุ้มค่ากับค่าจ้างที่ได้รับ เรื่องน้องสาวของเจ้าข้าจะจัดการอย่างดี เจ้ารีบกลับไปเถิด”

แม้ว่าเต๋ออันจะยังอารมณ์ขุ่นมัวอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วจะดีหรือชั่วก็อยู่ตัวของนางเอง เขาไม่พูดอะไรอีกและกลับไปทํางานที่โรงงาน

 

เมื่อภรรยาของเต๋ออันเห็นว่าสีหน้าของสามีไม่ค่อยดีนัก แต่นางก็ไม่ได้ถามอะไรออกมาต่อหน้าผู้คนมากมาย

หัวหน้าหมู่บ้านกลับมาถึงบ้านในยามอาทิตย์อัสดง ภรรยาของเขาจัดเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้วจึงเรียกเขาพร้อมกับเต๋ออันและภรรยาให้นั่งลง ก่อนจะไปตามเฉินไฉ่อีออกมา

เฉินไฉ่อีนั้นร้องไห้อย่างหนักจนตาบวมแดง

หัวหน้าหมู่บ้านที่รักและเอ็นดูลูกสาวคนนี้มาตลอดจึงเข้าไปลูบผมนางและเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น? ใครมารังแกลูกสาวของพ่อ? บอกมาเถิด พ่อจะไปสั่งสอนมันให้”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านที่ตั้งใจจะตักเตือนนางหลังจากทานมื้อเย็นก็ทนไม่ได้และตบโต๊ะอย่างแรง

 

“ท่านก็ดีแต่ให้ท้ายนางจนเสียผู้เสียคน ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้ นางไปทําเรื่องงามหน้าอะไรไว้? นางวิ่งไปขวางทางนายน้อยหลี่และยืนคุยกับเขาอยู่ไม่ไกลจากหน้าโรงงาน

เฉินไฉ่อีก้มศรีษะลงและไม่กล่าวอะไรออกมา ทันใดนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็รู้ว่าสิ่งที่ภรรยาของตนพูดเป็นความจริง สีหน้าของเขาดําทะมึนในชั่วพริบตา

“ไฉ่อี เจ้าก็รู้ว่าพ่อตามใจเจ้ามาโดยตลอด เจ้าต้องการสิ่งใดพ่อก็พยายามหามาให้เจ้าอย่างเต็มที่ แต่นายน้อยหลี่ผู้นี้ เขาไม่ใช่คนอย่างที่เจ้าคิด”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่านายน้อยหลี่พาผู้หญิงเข้าบ้านไปกี่คนแล้ว? และยังมีอีกมากที่แม้แต่ศพก็หาไม่เจอ อย่ามองคนแค่ภายนอกแต่งตัวดูดี แต่เจ้าไม่รู้เลยด้วยซ้ําว่าภายในเขาเหมือนสัตว์ร้ายประเภทใด”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 177 เฉินไฉ่อี

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 177 เฉินไฉ่อี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 177 เฉินไฉ่อี

ตอนที่ 177 เฉินไฉ่อี

หลี่ซื่อฮวาที่เพิ่งถูกหยุนเถียนเถียนปฏิเสธมา เมื่อออกมาข้างนอกและพบกับนางเข้า จากเดิมที่ใจร้อนอยู่แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดมาก

เขาก้มหน้าลงไปมองหญิงสาวอย่างละเอียดถี่ถ้วน หญิงผู้นี้ก็ดูสง่างามดี แต่เมื่อเทียบกับหยุนเถียนที่งดงามราวหยกไข่มุก ถือว่ารูปลักษณ์ของนางแทบจะไม่สะดุดตาเลยด้วยซ้ํา

“เฉินไฉ่อี? เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ท่าทางของเจ้าเป็นอย่างไร?”

เฉินไฉ่อีเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย เหตุใดชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าถึงดูเย็นชานัก

“เจ้าดูเหมือนนักแสดงที่แสร้งทําเป็นถ่อมตัวต่อหน้าผู้อื่น”

แต่เดิมเฉินไฉ่อีนั้นเป็นผู้ชื่นชอบการอ่านหนังสือ จึงเข้าใจวาจาเสียดสีในประโยคนี้ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นดวงตาของนางจึงแดงก่ำด้วยความขุ่นเคือง

“อย่าร้องไห้ล่ะ ข้ากลัวหัวหน้าหมู่บ้านจะคิดว่าข้ารังแกเจ้า หลีกทางไปซะ ข้าต้องกลับเข้าเมืองแล้ว”

เมื่อหลี่ซื่อฮวาเห็นว่านางกําลังจะร้องไห้ เขายิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย จึงหันหลังเดินจากไปอย่างหมดความอดทน

 

นึกถึงตอนที่หยุนเวียนเถียนตกอยู่ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง นางถูกมัดและโยนลงบนเตียงของเขาก็ไม่เห็นว่าจะเอาแต่ร่ําไห้เสียใจ กลับพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะหนีออกไปให้ได้

อย่างไรก็ตามเฉินไฉ่อียังคงไม่ลดละ นางยื่นแขนออกไปขวางทางหลี่ซื่อฮวาเอาไว้ “นายน้อยหลี่ ข้าไม่เข้าใจ ข้าเทียบกับหยุนเถียนเถียนไม่ได้ตรงไหน? นางทั้งชื่อเสียงเสื่อมเสียและอยู่กินกับหยุนเคอ แม้แต่พ่อของนางก็เป็นใครไม่รู้”

 

หลี่ซื่อฮวาอดทนอย่างมากที่จะไม่กล่าวคําผรุสวาทกับหญิงสาว แต่ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว

 

“เพียงแค่เติบโตมาในครอบครัวที่ดี ไม่ได้หมายความว่าแม่นางเฉินจะสามารถเทียบกับนางได้”

 

“อีกอย่างโปรดระวังคําพูดของเจ้าด้วย ข้ามาที่นี่เพื่อเจรจาเรื่องการค้าและหยุนเคอคู่หมั้นของนางเองก็อยู่ ข้าบริสุทธิ์ใจต่อนาง ไม่มีอะไรนอกจากเรื่องกิจการเท่านั้น ตอนนี้นางยังไม่มีที่ไปจึงได้อยู่ร่วมชายคากับหยุนเคอ แต่พวกเขาทั้งสองต่างคนก็ต่างแยกกันนอน นางยังบริสุทธิ์ผุดผ่องทั้งกายและใจ!”

 

“ส่วนเรื่องที่ไม่รู้ว่าใครคือพ่อของนางนั้น ไม่ใช่เรื่องที่แม่นางเฉินสมควรจะเอามาพูด อย่ามาทําให้ข้าไม่พอใจ ไม่เช่นนั้นสุสานคนจนอาจจะมีศพเพิ่ม!”

 

หลี่ซื่อฮวาสะบัดมือและเดินจากไป เขามีความสุขเมื่อได้มาพบหยุนเถียนเถียนที่นี่ แต่ก็อึดอัดใจทุกครั้งที่ต้องเจอกับผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้

เฉินไฉ่อีถูกชายที่ตนรักดูถูกจนแทบทนไม่ไหว นางหันหลังวิ่งกลับไปที่บ้าน และปิดหน้าร้องไห้เสียงดังอยู่ในห้อง

เมื่อภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเห็นลูกสาววิ่งร้องไห้กลับมา นางก็ทั้งสงสัยและทุกข์ใจในเวลาเดียวกัน

 

“ไฉ่อี เจ้าไปไหนมา ผู้ใดรังแกเจ้า?”

เฉินไฉ่อีเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมตอบ

ในตอนนั้น เต๋ออันก็เดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้ามืดมน

 

ขณะที่เขากําลังทํางานอยู่ในโรงงานก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากข้างนอก เมื่อเขาออกไปดูจึงได้เห็นว่าน้องสาวของตนกําลังยื่นมือไปขวางทางนายน้อยหลี่

ด้วยเกรงว่าเสียงนั้นจะรบกวนผู้คนในโรงงาน และจะทําให้ชื่อเสียงของน้องสาวเสื่อมเสีย นี่เป็นครั้งแรกที่เต๋ออันต้องใช้ความอดทนอย่างหนัก

ในที่สุดนายน้อยหลี่ก็กล่าวคําพูดที่ทําลายความภาคภูมิใจของนาง เมื่อถูกต่อว่าน้องสาวก็วิ่งกลับมาร้องไห้ที่บ้าน เขาจึงรีบตามมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“แม่! ท่านควรสั่งสอนน้องสาวให้ดี นางเป็นหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน แต่กล้าไปพูดต่อหน้านายน้อยหลี่ว่านางเทียบหยุนเถียนเถียนไม่ได้ตรงไหน! ตอนที่ได้ยินข้ารู้สึกอับอายยิ่งนัก!”

 

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึง นางไม่คิดว่าลูกสาวที่สงบเสงี่ยมมาโดยตลอด จะทําตัวใจแตกไร้ยางอายเช่นนี้

“นอกจากเจ้าก็ไม่มีผู้ใดเห็นใช่หรือไม่?”

 

ใบหน้าของเต๋ออันหม่นหมอง เขาจิบชารสฝาดเพื่อข่มความโกรธในใจ “ในโรงงานมีผู้คนอยู่มากมาย ส่วนพวกเขายืนคุยกันที่หน้าประตู แม้ว่าตอนนั้นจะมีเพียงข้าคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ แต่ข้าก็เกรงว่ามันจะเกิดปัญหาขึ้นถ้าคนข้างในรับรู้ ข้าจึงเดินตามออกมาเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร”

 

“ข้าไม่คิดว่านายน้อยหลี่จะมาที่หมู่บ้านของเราเพียงเพื่อพูดจาไร้สาระ ท่านควรสั่งสอนนางให้ดี หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปจะไม่เป็นที่น่าอับอายหรือ? บุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้านไร้ผู้ชายมามาเหลียวแลหรืออย่างไร? ถึงได้คอยวิ่งตามนายน้อยหลี่!”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าอย่างจริงจัง “เจ้าวางใจเถิด เมื่อพ่อของเจ้ากลับมาข้าจะบอกเรื่องนี้กับเขาและให้เขาเป็นคนสั่งสอนนาง”

“ตั้งแต่แรกพ่อของเจ้าเฝ้าสอนให้นางอ่านหนังสือ เพื่อที่นางจะได้มีพื้นฐานสังคมที่ดีแต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์ นางไม่เคยเข้าใจเรื่องความเหมาะสมและเกียรติยศเลย พ่อของเจ้ายังบอกอีกว่าโชคดีที่นางเป็นผู้หญิงฉลาดรอบรู้ ตอนนี้ข้ารู้สึกละอายกับพฤติกรรมของนางยิ่งนัก”

ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้วอย่างอิดหนาระอาใจ “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าต้องตั้งใจทํางานให้แม่นางหยุนอย่างดีที่สุดเพื่อให้คุ้มค่ากับค่าจ้างที่ได้รับ เรื่องน้องสาวของเจ้าข้าจะจัดการอย่างดี เจ้ารีบกลับไปเถิด”

แม้ว่าเต๋ออันจะยังอารมณ์ขุ่นมัวอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วจะดีหรือชั่วก็อยู่ตัวของนางเอง เขาไม่พูดอะไรอีกและกลับไปทํางานที่โรงงาน

 

เมื่อภรรยาของเต๋ออันเห็นว่าสีหน้าของสามีไม่ค่อยดีนัก แต่นางก็ไม่ได้ถามอะไรออกมาต่อหน้าผู้คนมากมาย

หัวหน้าหมู่บ้านกลับมาถึงบ้านในยามอาทิตย์อัสดง ภรรยาของเขาจัดเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้วจึงเรียกเขาพร้อมกับเต๋ออันและภรรยาให้นั่งลง ก่อนจะไปตามเฉินไฉ่อีออกมา

เฉินไฉ่อีนั้นร้องไห้อย่างหนักจนตาบวมแดง

หัวหน้าหมู่บ้านที่รักและเอ็นดูลูกสาวคนนี้มาตลอดจึงเข้าไปลูบผมนางและเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น? ใครมารังแกลูกสาวของพ่อ? บอกมาเถิด พ่อจะไปสั่งสอนมันให้”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านที่ตั้งใจจะตักเตือนนางหลังจากทานมื้อเย็นก็ทนไม่ได้และตบโต๊ะอย่างแรง

 

“ท่านก็ดีแต่ให้ท้ายนางจนเสียผู้เสียคน ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้ นางไปทําเรื่องงามหน้าอะไรไว้? นางวิ่งไปขวางทางนายน้อยหลี่และยืนคุยกับเขาอยู่ไม่ไกลจากหน้าโรงงาน

เฉินไฉ่อีก้มศรีษะลงและไม่กล่าวอะไรออกมา ทันใดนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็รู้ว่าสิ่งที่ภรรยาของตนพูดเป็นความจริง สีหน้าของเขาดําทะมึนในชั่วพริบตา

“ไฉ่อี เจ้าก็รู้ว่าพ่อตามใจเจ้ามาโดยตลอด เจ้าต้องการสิ่งใดพ่อก็พยายามหามาให้เจ้าอย่างเต็มที่ แต่นายน้อยหลี่ผู้นี้ เขาไม่ใช่คนอย่างที่เจ้าคิด”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่านายน้อยหลี่พาผู้หญิงเข้าบ้านไปกี่คนแล้ว? และยังมีอีกมากที่แม้แต่ศพก็หาไม่เจอ อย่ามองคนแค่ภายนอกแต่งตัวดูดี แต่เจ้าไม่รู้เลยด้วยซ้ําว่าภายในเขาเหมือนสัตว์ร้ายประเภทใด”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+