สามีข้า คือพรานป่า 213 แม่ม่ายเยว่

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 213 แม่ม่ายเยว่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 213 แม่ม่ายเยว่

 

ตอนนี้ลูกชายของนางยังเล็กนักเขาเพียงฝึกอ่านกับปราชญ์เก่าในหมู่บ้านวันละเล็กน้อย ซึ่งตอนนี้เด็กชายเรียนรู้ได้ไม่กี่คําเท่านั้น

 

มีเพียงแม่ม่ายเยวที่รู้ดีว่าลูกชายของตนพยา ยามมากเพียงใดอีกทั้งลูกชายนางก็รับรู้ถึงความ ลําบากของผู้เป็นแม่เขาพูดอยู่เสมอว่าจะต้องฉลาดเฉลียวต้องเก่งรอบด้านให้ได้!

 

เด็กน้อยเห็นแม่ถือเนื้อสัตว์เข้ามาตะกร้าใหญ่ก็ อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น “ท่านแม่! วันนี้พวกเรามีเนื้อกินงั้นหรือ?”

 

ผู้เป็นแม่อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจหลังได้ยิน คํากล่าวนั้น หลังจากที่สามีตายตกไปนางและลูกถูกแม่สามีไล่ตะเพิดออกจากบ้านราวหมูหมาหากว่านางไม่มีความสามารถสักหน่อยทั้งแม่และลูกก็คงตายตกจนหากระดูกไม่เจอแล้ว…

 

“ใช่แล้ว เจ้าได้กินแน่นอน มีคนใจดีมอบมันให้ แม่น่ะ”

 

เด็กน้อยเข้าไปกอดเอวผู้เป็นแม่อย่างรักใคร่ “ท่านแม่อย่าให้ผู้อื่นเห็นสิ่งนี้เชียวมิฉะนั้นก็คงจะนินทาท่านไม่จบสิ้นแม้ข้าจะเชื่อว่าแม่เป็นคนดีแต่คนข้างนอกเราไม่อาจห้ามความคิดพวกเขาได้ไม่มีใครรู้หรอกว่าแม่ของข้าเป็นเลิศเพียงใดตอนนี้ข้าเพียงเกลียดชังตนเองที่ยังเด็กเกินกว่าจะดูแลแม่ได้!”

 

แม่ม่ายเยว่ถึงกับยิ้มอ่อนอย่างตื้นตันใจ นางลูบ ศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะกล่าวตอบ“หากวันใดเจ้าเติบโตขึ้นก็ค่อยมาช่วยเหลือแม่ก็ยังไม่สายตอนนี้เจ้ามีหน้าที่ร่ําเรียนให้เก่งกาจ ส่วนผู้คนที่เคยรังแกแม่นั้นจงเก็บไว้ในใจเราไม่ต้องรีบร้อน แก้แค้นคนเหล่านั้น… เข้าใจหรือไม่?”

 

เด็กชายพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังเขาวิ่งเข้าไปในห้องก่อนจะมีเสียงท่องคําอ่านดังแว่วออกมา

 

ตอนนี้หยุนเคอทําสิ่งที่อยากทําเสร็จสิ้นแล้วเขากําลังเดินกลับหมู่บ้านเทพธิดาด้วยท่าทางที่ สบายใจ

 

ส่วนแม่ม่ายหยุนต้องการมีสัมพันธ์ที่ดีกับหยุนเถียนเถียนนางจึงติดตามการเคลื่อนไหวของ หลินหวงทุกฝีก้าวและพยายามที่จะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกไปให้ผู้คนรับรู้

 

ขณะนี้แม่สื่อกําลังเดินโบกพัดในมือและหยุดลงที่หน้าประตูบ้านตระกูลหลินแม่ม่ายเยว่เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปแอบฟังในมุมมืดทันที

 

นางไม่มีวันลืมสิ่งที่อีกฝ่ายทําไว้แน่นอนหลังจากสามีของนางตายตกไปกระดูกยังไม่ทัน สัมผัสใต้พื้นดินก็เกิดเรื่องขึ้น เป็นพี่สะใภ้หวงผู้นี้ยุยงให้แม่สามีขับไล่นางและลูกออกจากบ้าน แล้วที่สามีของนางตายตกเป็นเพราะถูกกดขี่จากพวกเขาทั้งหมดสามีของนางต้องทํางานอย่างหนักในที่สุดเขาก็ป่วยแต่กลับไม่มีผู้ใดคิดพาเขาไปหาหมอจนในที่สุดเขาก็ตายไปอย่างน่าเวทนา

 

เขาต้องทนทุกข์ทรมานราวกับตายทั้งเป็นก่อน จะหมดลมหายใจแต่แม่สามีกลับพูดกล่าวว่าไม่มี เงิน ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกสามีของนางทํางานหนักมาโดยตลอดเขาขนสินค้าไปขายระหว่างเมืองและทุกเหรียญที่ได้รับมาล้วนแต่หยิบยื่นให้ผู้เป็นแม่แต่เงินทั้งหมดกลับถูกปรนเปรอให้กับบัณฑิตที่ไม่รู้ว่าจะสอบผ่านเมื่อใดเช่นนี้แม่สามีจึงปล่อยให้ลูกชายตนเองตายและเอาเงินไปปรนเปรอหลานที่เป็นบัณฑิตอย่างเลือดเย็น

 

หลังจากคิดทบทวนเรื่องนี้ สีหน้าของแม่ม่าย เยว่ก็ยิ่งเดือดดาลนั่งแอบฟังอยู่ตรงนั้นอย่างใจ จุดจ่อ

 

แม่สื่อเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้น “พี่สาวหวงข้ารู้ดีว่าท่านต้องพึ่งพาเด็กสาวผู้นั้นเพื่อยกฐานะความเป็นอยู่ของตนเองแต่นางก็ยังลังเลไม่น้อย… อย่างไรแล้วข้าคิดว่านางน่าจะตัดสินใจได้เพราะท้ายที่สุดลูกชายท่านเป็นถึงบัณฑิตแต่คู่หมั้นของนางเป็นเพียงนายพรานไร้หัวนอนปลายเท้า”

 

ส่วนหลินหวงยังจดจําได้ดีว่าเมื่อบ่ายเกิดอะไรขึ้นบ้างนางยังคงหวาดกลัวไม่หายจึงจับมือแม่สื่อไว้แน่นก่อนจะกล่าวตอบ “ไม่! วันนี้นายพรานผู้นั้นมาที่หมู่บ้านของข้าและเขาประกาศเสียงดังว่าหากข้ายังกล้าดื้อดึงไปยุ่งย่ามกับการแต่งงาน เขาจะพาเสือลงจากภูเขาและปล่อยมันในบ้านของข้าพี่สาว…ไม่มีใครในครอบครัวข้าสามารถต่อสู้กับเสือร้ายบนภูเขาได้!”

 

แม่สื่อถึงกับหัวเราะ แม้แต่พระเจ้าก็ไม่อาจบัง คับขืนใจให้เสือลงจากภูเขาได้มิใช่หรือ? 

 

“ในเมื่อเจ้าคิดหวาดกลัวเช่นนั้นก็ลืมเรื่องนี้ไป เถิดแต่เจ้ามีเงินที่จะซื้อที่ดินมากมายเช่นนางหรือไม่? เจ้ายินดีจ่ายค่าสร้างโรงงานมากมายงั้นหรือ? ตราบใดที่เจ้าทําสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ลูกชายของเจ้าก็สามารถกินอยู่ได้สุขสบาย! เพียงความกลัวเล็กน้อยนี้จะสามารถหยุดยั้งเจ้าได้ เลยหรือ?”

 

แต่หลินหวงยังคงลังเลจึงกล่าวตอบ “แต่นางก็อาศัยอยู่ร่วมชายคากับนายพรานผู้นั้นแล้ว คนอื่น อาจจะไม่เข้าใจพวกเขาจะไม่ต่อต้านและทําลายชื่อเสียงของหลินห์งั้นหรือ?”

 

แม่สื่อจับจ้องหลินหวงตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจ เมื่อวานนางยังเต็มไปด้วยพลังที่จะยื้อแย่งเด็กสาวผู้ร่ํารวยมาจากนายพรานแต่วันนี้นางถูกนายพรานผู้นั้นทุบตีจนสติสั่นคลอนไปเสียแล้วเช่นนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเป็นแม่สื่อให้อีกฝ่ายหลังคิดอย่างนั้นนางจึงลุกขึ้นและตั้งใจจะเดินออกไป

 

แต่หลินหวงกลับหยุดยั้งอีกฝ่ายไว้ทันที “แต่ความจริงแล้วข้ามีแผนการ!ตอนแรกข้าจะเกลี้ยกล่อมให้นางยอมแต่งงานและให้ทรัพย์สินทั้งหมด ของครอบครัวเป็นของหมั้นสําหรับนาง แล้วหลังจากนั้นค่อยหาวิธีเอาคืนและดูดดึงสมบัติของนา งมาด้วย! หากทั้งสองมีลูกด้วยกัน ข้าก็ไม่ติดใจอะไรก็เพียงแค่เลี้ยงดูไป… วันหนึ่งหากลูก ของข้าสามารถสอบผ่านจึงค่อยหาวิธีหย่ากับนางทีหลังหรือไม่ช้าก็อาจจะหาสตรีที่เหมาะสมให้เขาและให้นังเด็กนี่เป็นนางบําเรอก็ย่อมได้”

 

แม่สื่อยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อวาน นี้เจ้ากล่าวทุกสิ่งไว้อย่างมีพลังแต่วันนี้ข้าคิดว่า เจ้าคงไม่มีความสุขนักที่จะทําต่อและตอนนี้ข้าก็คิดว่าเป็นการดีที่เราจะไม่ยั่วยุพรานป่าผู้นั้น ถ้า ตัดสินใจได้แล้วอีกสองวันข้าจะช่วยคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่ดวงตามีดบอด ไฉนจึงคาดหวัง กับพรานป่าคนนั้นไม่ใช่นายน้อยหลิน…”

 

ทันใดนั้นหลินหวงพลันคิดถึงวันคืนดี ๆ ขึ้นมาได้นางจึงลืมเลือนความหวาดกลัวก่อนหน้าไป หมดสิ้น

 

“ข้าขอกล่าวอะไรสักคําเถิดนะพี่สาวหวง เด็ก สาวคนนั้นจะต้องถูกเกลี้ยกล่อมให้บ่อยครั้ง นาง ต้องรับรู้ว่าครอบครัวของท่านมีบัณฑิตและการเงินไม่เคยมีปัญหาจากนั้นให้นางตบแต่งเข้ามาในตระกูลก่อนแล้วจึงค่อยยึดทรัพย์สินเงินทองของนางมาเก็บไว้น่าเสียดายที่หญิงสาวมีชื่อเสียงเลวร้ายหากไม่แล้วนางคงเป็นคู่ครองที่ดี”

 

“ไม่ต้องห่วง อย่างไรหลินหูก็เป็นหลานชายข้า แน่นอนว่าข้าย่อมเลือกสรรสิ่งที่ดีให้กับเขาแน่… ข้าอยากได้ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นหลานสะใภ้นางไม่มีพ่อแล้วแม่ยังตายจากไปตั้งแต่เด็กหากนางได้มีโอกาสสร้างเส้นทางศึกษาให้ผู้อื่นประสบความสําเร็จได้ชีวิตนี้คงเพียงพอสําหรับนางแล้ว” 24

 

สิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้นกระทบกับใบหูของแม่ม่ายเยวโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว 

 

แม่ม่ายเยวยิ่งดูถูกครอบครัวนี้กว่าเดิมพวกเขาทั้งหมดเพียงต้องการยึดสินสอดทองหมั้นของหยุนเถียนเถียนและจากนั้นค่อยทิ้งเด็กสาวแม้ภายนอกหลินหูจะดูเป็นบัณฑิตผู้เก่งกาจ แต่ความจริงแล้วเขาก็เป็นแค่เด็กแก่เรียนที่ไม่มีความสามารถ ใด!

 

หลังจากแอบฟังอยู่นาน แม่ม่ายเยวตัดสินใจที่ จะย่องเบาจากไป

 

ถึงนายพรานผู้นั้นจะไม่มอบเนื้อตะกร้าใหญ่แต่นางไม่ยินยอมที่จะให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นแน่อีกทั้งนางยังคาดหวังว่าแม่นางหยุนจะไม่ตัดสินผู้ใดจากรูปลักษณ์ภายนอก แม้หลินหูจะดูดียิ่งแต่ภายในของเขากลับเน่าเฟะอย่างไม่อาจบรรยาย!

 

แม่สื่อวางแผนว่าจะไปที่บ้านของหยุนเวียน เถียนในสองวันข้างหน้านางคิดคําพูดไว้มากมาย เพื่อเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายตราบใดที่งานแต่งถูกจัดขึ้นแล้วนางก็ย่อมได้รับผลประโยชน์มากมายแน่นอน

 

วันถัดมา ข่าวที่หลินหูต้องการแต่งงานกับหยุนเถียนเถียนเพียงเพราะเงินทองเริ่มแพร่กระจายออกไปอีกทั้งข่าวลือยังกล่าวว่าเขาต้องการเพียงสินสอดทองหมั้นแล้วค่อยทิ้งหญิงสาวผู้นั้นเสีย! 

 

หลังจากหลินหวงได้ยินอย่างนั้น นางอดไม่ได้ ที่จะสาปแช่งคนปล่อยข่าวลือ แต่อีกใจหนึ่งนางก็ กังวลยิ่งว่าผู้ใดเป็นคนแพร่กระจายข่าวเหล่านี้…

 

หมู่บ้านของทั้งสองอยู่ไม่ไกลกันนัก ไม่ช้าข่าว จึงแพร่กระจายมาถึงหมู่บ้านเทพธิดา แต่ชาวบ้าน ทั้งหมดกลับคิดว่ามันตลกดีอีกฝ่ายเป็นคนอย่างไรกันจึงคิดกล้าฉกฉวยหญิงสาวของพรานป่าผู้ แสนโหดเหี้ยมอย่างหยุนเคอ?

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 213 แม่ม่ายเยว่

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 213 แม่ม่ายเยว่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 213 แม่ม่ายเยว่

 

ตอนนี้ลูกชายของนางยังเล็กนักเขาเพียงฝึกอ่านกับปราชญ์เก่าในหมู่บ้านวันละเล็กน้อย ซึ่งตอนนี้เด็กชายเรียนรู้ได้ไม่กี่คําเท่านั้น

 

มีเพียงแม่ม่ายเยวที่รู้ดีว่าลูกชายของตนพยา ยามมากเพียงใดอีกทั้งลูกชายนางก็รับรู้ถึงความ ลําบากของผู้เป็นแม่เขาพูดอยู่เสมอว่าจะต้องฉลาดเฉลียวต้องเก่งรอบด้านให้ได้!

 

เด็กน้อยเห็นแม่ถือเนื้อสัตว์เข้ามาตะกร้าใหญ่ก็ อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น “ท่านแม่! วันนี้พวกเรามีเนื้อกินงั้นหรือ?”

 

ผู้เป็นแม่อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจหลังได้ยิน คํากล่าวนั้น หลังจากที่สามีตายตกไปนางและลูกถูกแม่สามีไล่ตะเพิดออกจากบ้านราวหมูหมาหากว่านางไม่มีความสามารถสักหน่อยทั้งแม่และลูกก็คงตายตกจนหากระดูกไม่เจอแล้ว…

 

“ใช่แล้ว เจ้าได้กินแน่นอน มีคนใจดีมอบมันให้ แม่น่ะ”

 

เด็กน้อยเข้าไปกอดเอวผู้เป็นแม่อย่างรักใคร่ “ท่านแม่อย่าให้ผู้อื่นเห็นสิ่งนี้เชียวมิฉะนั้นก็คงจะนินทาท่านไม่จบสิ้นแม้ข้าจะเชื่อว่าแม่เป็นคนดีแต่คนข้างนอกเราไม่อาจห้ามความคิดพวกเขาได้ไม่มีใครรู้หรอกว่าแม่ของข้าเป็นเลิศเพียงใดตอนนี้ข้าเพียงเกลียดชังตนเองที่ยังเด็กเกินกว่าจะดูแลแม่ได้!”

 

แม่ม่ายเยว่ถึงกับยิ้มอ่อนอย่างตื้นตันใจ นางลูบ ศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะกล่าวตอบ“หากวันใดเจ้าเติบโตขึ้นก็ค่อยมาช่วยเหลือแม่ก็ยังไม่สายตอนนี้เจ้ามีหน้าที่ร่ําเรียนให้เก่งกาจ ส่วนผู้คนที่เคยรังแกแม่นั้นจงเก็บไว้ในใจเราไม่ต้องรีบร้อน แก้แค้นคนเหล่านั้น… เข้าใจหรือไม่?”

 

เด็กชายพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังเขาวิ่งเข้าไปในห้องก่อนจะมีเสียงท่องคําอ่านดังแว่วออกมา

 

ตอนนี้หยุนเคอทําสิ่งที่อยากทําเสร็จสิ้นแล้วเขากําลังเดินกลับหมู่บ้านเทพธิดาด้วยท่าทางที่ สบายใจ

 

ส่วนแม่ม่ายหยุนต้องการมีสัมพันธ์ที่ดีกับหยุนเถียนเถียนนางจึงติดตามการเคลื่อนไหวของ หลินหวงทุกฝีก้าวและพยายามที่จะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกไปให้ผู้คนรับรู้

 

ขณะนี้แม่สื่อกําลังเดินโบกพัดในมือและหยุดลงที่หน้าประตูบ้านตระกูลหลินแม่ม่ายเยว่เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปแอบฟังในมุมมืดทันที

 

นางไม่มีวันลืมสิ่งที่อีกฝ่ายทําไว้แน่นอนหลังจากสามีของนางตายตกไปกระดูกยังไม่ทัน สัมผัสใต้พื้นดินก็เกิดเรื่องขึ้น เป็นพี่สะใภ้หวงผู้นี้ยุยงให้แม่สามีขับไล่นางและลูกออกจากบ้าน แล้วที่สามีของนางตายตกเป็นเพราะถูกกดขี่จากพวกเขาทั้งหมดสามีของนางต้องทํางานอย่างหนักในที่สุดเขาก็ป่วยแต่กลับไม่มีผู้ใดคิดพาเขาไปหาหมอจนในที่สุดเขาก็ตายไปอย่างน่าเวทนา

 

เขาต้องทนทุกข์ทรมานราวกับตายทั้งเป็นก่อน จะหมดลมหายใจแต่แม่สามีกลับพูดกล่าวว่าไม่มี เงิน ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกสามีของนางทํางานหนักมาโดยตลอดเขาขนสินค้าไปขายระหว่างเมืองและทุกเหรียญที่ได้รับมาล้วนแต่หยิบยื่นให้ผู้เป็นแม่แต่เงินทั้งหมดกลับถูกปรนเปรอให้กับบัณฑิตที่ไม่รู้ว่าจะสอบผ่านเมื่อใดเช่นนี้แม่สามีจึงปล่อยให้ลูกชายตนเองตายและเอาเงินไปปรนเปรอหลานที่เป็นบัณฑิตอย่างเลือดเย็น

 

หลังจากคิดทบทวนเรื่องนี้ สีหน้าของแม่ม่าย เยว่ก็ยิ่งเดือดดาลนั่งแอบฟังอยู่ตรงนั้นอย่างใจ จุดจ่อ

 

แม่สื่อเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้น “พี่สาวหวงข้ารู้ดีว่าท่านต้องพึ่งพาเด็กสาวผู้นั้นเพื่อยกฐานะความเป็นอยู่ของตนเองแต่นางก็ยังลังเลไม่น้อย… อย่างไรแล้วข้าคิดว่านางน่าจะตัดสินใจได้เพราะท้ายที่สุดลูกชายท่านเป็นถึงบัณฑิตแต่คู่หมั้นของนางเป็นเพียงนายพรานไร้หัวนอนปลายเท้า”

 

ส่วนหลินหวงยังจดจําได้ดีว่าเมื่อบ่ายเกิดอะไรขึ้นบ้างนางยังคงหวาดกลัวไม่หายจึงจับมือแม่สื่อไว้แน่นก่อนจะกล่าวตอบ “ไม่! วันนี้นายพรานผู้นั้นมาที่หมู่บ้านของข้าและเขาประกาศเสียงดังว่าหากข้ายังกล้าดื้อดึงไปยุ่งย่ามกับการแต่งงาน เขาจะพาเสือลงจากภูเขาและปล่อยมันในบ้านของข้าพี่สาว…ไม่มีใครในครอบครัวข้าสามารถต่อสู้กับเสือร้ายบนภูเขาได้!”

 

แม่สื่อถึงกับหัวเราะ แม้แต่พระเจ้าก็ไม่อาจบัง คับขืนใจให้เสือลงจากภูเขาได้มิใช่หรือ? 

 

“ในเมื่อเจ้าคิดหวาดกลัวเช่นนั้นก็ลืมเรื่องนี้ไป เถิดแต่เจ้ามีเงินที่จะซื้อที่ดินมากมายเช่นนางหรือไม่? เจ้ายินดีจ่ายค่าสร้างโรงงานมากมายงั้นหรือ? ตราบใดที่เจ้าทําสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ลูกชายของเจ้าก็สามารถกินอยู่ได้สุขสบาย! เพียงความกลัวเล็กน้อยนี้จะสามารถหยุดยั้งเจ้าได้ เลยหรือ?”

 

แต่หลินหวงยังคงลังเลจึงกล่าวตอบ “แต่นางก็อาศัยอยู่ร่วมชายคากับนายพรานผู้นั้นแล้ว คนอื่น อาจจะไม่เข้าใจพวกเขาจะไม่ต่อต้านและทําลายชื่อเสียงของหลินห์งั้นหรือ?”

 

แม่สื่อจับจ้องหลินหวงตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจ เมื่อวานนางยังเต็มไปด้วยพลังที่จะยื้อแย่งเด็กสาวผู้ร่ํารวยมาจากนายพรานแต่วันนี้นางถูกนายพรานผู้นั้นทุบตีจนสติสั่นคลอนไปเสียแล้วเช่นนี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเป็นแม่สื่อให้อีกฝ่ายหลังคิดอย่างนั้นนางจึงลุกขึ้นและตั้งใจจะเดินออกไป

 

แต่หลินหวงกลับหยุดยั้งอีกฝ่ายไว้ทันที “แต่ความจริงแล้วข้ามีแผนการ!ตอนแรกข้าจะเกลี้ยกล่อมให้นางยอมแต่งงานและให้ทรัพย์สินทั้งหมด ของครอบครัวเป็นของหมั้นสําหรับนาง แล้วหลังจากนั้นค่อยหาวิธีเอาคืนและดูดดึงสมบัติของนา งมาด้วย! หากทั้งสองมีลูกด้วยกัน ข้าก็ไม่ติดใจอะไรก็เพียงแค่เลี้ยงดูไป… วันหนึ่งหากลูก ของข้าสามารถสอบผ่านจึงค่อยหาวิธีหย่ากับนางทีหลังหรือไม่ช้าก็อาจจะหาสตรีที่เหมาะสมให้เขาและให้นังเด็กนี่เป็นนางบําเรอก็ย่อมได้”

 

แม่สื่อยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อวาน นี้เจ้ากล่าวทุกสิ่งไว้อย่างมีพลังแต่วันนี้ข้าคิดว่า เจ้าคงไม่มีความสุขนักที่จะทําต่อและตอนนี้ข้าก็คิดว่าเป็นการดีที่เราจะไม่ยั่วยุพรานป่าผู้นั้น ถ้า ตัดสินใจได้แล้วอีกสองวันข้าจะช่วยคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่ดวงตามีดบอด ไฉนจึงคาดหวัง กับพรานป่าคนนั้นไม่ใช่นายน้อยหลิน…”

 

ทันใดนั้นหลินหวงพลันคิดถึงวันคืนดี ๆ ขึ้นมาได้นางจึงลืมเลือนความหวาดกลัวก่อนหน้าไป หมดสิ้น

 

“ข้าขอกล่าวอะไรสักคําเถิดนะพี่สาวหวง เด็ก สาวคนนั้นจะต้องถูกเกลี้ยกล่อมให้บ่อยครั้ง นาง ต้องรับรู้ว่าครอบครัวของท่านมีบัณฑิตและการเงินไม่เคยมีปัญหาจากนั้นให้นางตบแต่งเข้ามาในตระกูลก่อนแล้วจึงค่อยยึดทรัพย์สินเงินทองของนางมาเก็บไว้น่าเสียดายที่หญิงสาวมีชื่อเสียงเลวร้ายหากไม่แล้วนางคงเป็นคู่ครองที่ดี”

 

“ไม่ต้องห่วง อย่างไรหลินหูก็เป็นหลานชายข้า แน่นอนว่าข้าย่อมเลือกสรรสิ่งที่ดีให้กับเขาแน่… ข้าอยากได้ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นหลานสะใภ้นางไม่มีพ่อแล้วแม่ยังตายจากไปตั้งแต่เด็กหากนางได้มีโอกาสสร้างเส้นทางศึกษาให้ผู้อื่นประสบความสําเร็จได้ชีวิตนี้คงเพียงพอสําหรับนางแล้ว” 24

 

สิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้นกระทบกับใบหูของแม่ม่ายเยวโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว 

 

แม่ม่ายเยวยิ่งดูถูกครอบครัวนี้กว่าเดิมพวกเขาทั้งหมดเพียงต้องการยึดสินสอดทองหมั้นของหยุนเถียนเถียนและจากนั้นค่อยทิ้งเด็กสาวแม้ภายนอกหลินหูจะดูเป็นบัณฑิตผู้เก่งกาจ แต่ความจริงแล้วเขาก็เป็นแค่เด็กแก่เรียนที่ไม่มีความสามารถ ใด!

 

หลังจากแอบฟังอยู่นาน แม่ม่ายเยวตัดสินใจที่ จะย่องเบาจากไป

 

ถึงนายพรานผู้นั้นจะไม่มอบเนื้อตะกร้าใหญ่แต่นางไม่ยินยอมที่จะให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นแน่อีกทั้งนางยังคาดหวังว่าแม่นางหยุนจะไม่ตัดสินผู้ใดจากรูปลักษณ์ภายนอก แม้หลินหูจะดูดียิ่งแต่ภายในของเขากลับเน่าเฟะอย่างไม่อาจบรรยาย!

 

แม่สื่อวางแผนว่าจะไปที่บ้านของหยุนเวียน เถียนในสองวันข้างหน้านางคิดคําพูดไว้มากมาย เพื่อเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายตราบใดที่งานแต่งถูกจัดขึ้นแล้วนางก็ย่อมได้รับผลประโยชน์มากมายแน่นอน

 

วันถัดมา ข่าวที่หลินหูต้องการแต่งงานกับหยุนเถียนเถียนเพียงเพราะเงินทองเริ่มแพร่กระจายออกไปอีกทั้งข่าวลือยังกล่าวว่าเขาต้องการเพียงสินสอดทองหมั้นแล้วค่อยทิ้งหญิงสาวผู้นั้นเสีย! 

 

หลังจากหลินหวงได้ยินอย่างนั้น นางอดไม่ได้ ที่จะสาปแช่งคนปล่อยข่าวลือ แต่อีกใจหนึ่งนางก็ กังวลยิ่งว่าผู้ใดเป็นคนแพร่กระจายข่าวเหล่านี้…

 

หมู่บ้านของทั้งสองอยู่ไม่ไกลกันนัก ไม่ช้าข่าว จึงแพร่กระจายมาถึงหมู่บ้านเทพธิดา แต่ชาวบ้าน ทั้งหมดกลับคิดว่ามันตลกดีอีกฝ่ายเป็นคนอย่างไรกันจึงคิดกล้าฉกฉวยหญิงสาวของพรานป่าผู้ แสนโหดเหี้ยมอย่างหยุนเคอ?

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+