สามีข้า คือพรานป่า 48 เฉินเฉินอยากเรียนหนังสือ

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 48 เฉินเฉินอยากเรียนหนังสือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พี่สาวจูงแขนน้องชายตัวน้อยมายังริมธาร

“เสี่ยวเถา… หมูนั่นขายไปแล้วเหรอ?”

เสี่ยวเถากล่าวตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ของหมดแล้ว! แต่ยังมีลูกค้าถามว่ามีอีกไหม… เพราะมันหายากที่จะมีอาหารธรรมชาติบริสุทธิ์แบบนั้นในพื้นที่นี้!”

“แล้วข้าเอาเงินไปซื้อเครื่องปรุงได้ไหม?”

ทันใดนั้น แสงอินเตอร์เฟซเสมือนปรากฏขึ้นต่อหน้าเฉินเถียนเถียน นางยืนดูรายการต่าง ๆ อย่างเงียบเชียบ มีเพียงเฉินเถียนเถียนเท่านั้นที่มองเห็นสิ่งนี้

เครื่องปรุงรสมากมายปรากฏต่อสายตา บางอย่างเป็นสมุนไพรที่กำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติเช่น ใบกระวาน โป๊ยกั๊กและอื่น ๆ อีกมากมาย

เฉินเถียนเถียนเลือกเครื่องปรุงออกมาสองชนิดก่อนจะบอกให้เฉินเอ๋อนั่งคอย นางนำหม้อ เครื่องปรุงออกมาและทีเด็ดของวันนี้คือเครื่องในหมู!

เฉินเอ๋อกลายเป็นเด็กน่าสงสารไปทันที เพราะถูกแม่ทุบตีบ่อยครั้งจนทำให้เขากลายเป็นเด็กขี้กลัวเมื่อออกนอกบ้าน

“หากอยากกินก็มาช่วยข้าทำ มิฉะนั้นหลังจากอาหารเสร็จสิ้น ข้าจะไม่แบ่งเจ้าแม้เพียงคำ!”

หลังจากเถียนเถียนกล่าวจบ นางจึงให้เด็กน้อยไปเก็บฟืน แล้วจากนั้นจึงเริ่มใช้หินมาเรียงก่อเป็นเตา

หลังจากล้างเครื่องในหมูแล้ว นางก็ตั้งหม้อ เติมน้ำ และรอเดือด

เมนูนี้ทำง่ายกว่าปลาย่างเสียอีก จากนั้นไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยฟุ้งไปในอากาศ!

เฉินเฉินกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

แม้เฉินเถียนเถียนอยากจะเก็บไว้เอง แต่นางเป็นคนบอกเองว่าจะให้หยุนเคอชิม แม้จะไม่เต็มใจแบ่งให้แต่ก็ต้องรักษาคำพูด!

ดวงตาของเฉินเอ๋อเบิกกว้าง เขาจับจ้องพี่สาวร่ายเวทมนตร์เสกอาหารอยู่ทุกวินาที ไม่ช้าหม้อตุ๋นเครื่องในสุดแสนน่ากินก็ปรากฎ!

แต่เป็นเพราะไม่มีชามหรือตะเกียบ ทั้งสองจึงทำได้เพียงหักกิ่งไม้มาแทนและเริ่มกินจากในหม้อ

อาหารในหม้อถูกจัดการอย่างรวดเร็วและสะอาดเอี่ยมราวกับไม่เคยบรรจุอะไรมาก่อน

เพราะไม่มีใครอยู่บ้าน หลังจากเสร็จสิ้นแล้วเฉินเถียนเถียนจึงเอาหม้อไปวางไว้ที่เดิมอย่างเงียบเชียบ

ส่วนเฉินเฉินก็กลับไปที่ห้องของตัวเองและเฉินเถียนเถียนมุ่งหน้าไปหาหยุนเคอที่ถ้ำ

หลังจากมาถึง เฉินเถียนเถียนเห็นชามข้าววางตั้งไว้แต่หมูป่าอีกครึ่งตัวไม่อยู่แล้ว

คงยังไม่กลับมาสินะ…

เฉินเถียนเถียนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงวางซุปตุ๋นเครื่องในเอาไว้และเดินลงจากภูเขาไป

หลังจากนางกลับออกไป หยุนเคอก็กลับมาถึงถ้ำพอดี

เขาไม่รู้เลยว่ามีใครมาเยี่ยมเยียนจนได้กลิ่นซุปตุ๋นเครื่องในหอมฟุ้งตลบอบอวลถ้ำแห่งนี้

ชายร่างใหญ่คาดเดาได้ทันทีว่าต้องเป็นเฉินเถียนเถียน

เดิมทีเขาไม่ใช่คนตะกละจึงไม่กินของที่วางทิ้งไว้ไม่รู้ที่มาที่ไปเช่นนี้

แต่อย่างไรก็ตามกลิ่นของมันช่างเย้ายวนนัก เขาจึงหยิบตะเกียบพร้อมกับคิดว่าลองชิมดูสักคำคงไม่เสียหาย

อร่อยมาก!

แม้หยุนเคอจะไม่รู้ว่าสิ่งนี้ทำมาจากอะไร แต่มันอร่อยจริง ๆ เขาไม่อาจยับยั้งใจได้กว่าจะได้สติก็กินจนเกลี้ยงชามเสียแล้ว!

เฮ้อ… เพราะข้าได้กินฝีมือของสาวน้อยคนนี้แล้ว ถ้างั้นจากนี้ไปข้าจะไม่ยอมให้นางต้องลำบากอีก!

วันนี้เฉินผิงอันสูญเงินเป็นจำนวนมาก เขาจึงอารมไม่ค่อยดีนัก แม้จะเป็นบ่อนเล็ก ๆ แต่เขากลับแพ้พนันตลอดทั้งวัน…

เฉินผิงอันหดหู่นยิ่งเมื่อคิดถึงแววตาทอประกายของหลินชวนฮวาหลังจากที่เขาหยิบยกเงินให้…

วันนี้เขาพ่ายแพ้พนันจนสูญเงินไปมาก แน่นอนว่าภรรยาย่อมไม่พอใจแน่ ดังนั้นเงินที่เสียไปทั้งหมดวันนี้จึงต้องเก็บเป็นความลับ

เขาไม่เพียงแต่สูญเงินที่มีเท่านั้น แต่เงินที่หยิบยืมชาวบ้านมาก็เอาไปเล่นพนันจนหมดตัว!

เฉินผิงอันคิดว่าเขาไม่ควรบอกกล่าวกับภรรยาเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ แต่ควรจะบอกกล่าวกับนางเมื่อหาเงินมาคืนได้ในอนาคต

แม้จะตัดสินใจแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด…

เฉินผิงอันกลับมาถึงบ้าน หน้าต่างทุกบานปิดสนิทมีเพียงประตูเท่านั้นที่เปิดไว้

เขาจึงคิดสงสัยว่าลูกทั้งสามคนอยู่บ้านหรือไม่…

แต่ลืมเฉินเฉิงเยี่ยไปเถอะ ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่ลูกชายที่แท้จริง ระหว่างทั้งสองยังมีช่องว่างอยู่มาก เช่นนี้เฉินผิงอันจึงไม่คิดจะสนใจอีกฝ่าย!

ส่วนนังเด็กขี้ครอก เขายังโกรธแค้นนางอยู่ที่ต้องเสียหน้าจากเรื่องราวในหมู่บ้านไม่กี่วันก่อน…

จู่ ๆ ภาพของเฉินเฉินก็ปรากฏขึ้นในศีรษะ แม้จะเสียใจที่เด็กน้อยเป็นคนขี้ขลาด แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คือลูกชายในไส้!

เฉินผิงอันเดินเข้ามาในห้องจึงเห็นว่าเฉินเฉินนอนหลับอยู่ เหมือนกับว่าเขากำลังฝันอะไรบางอย่างที่มีความสุขยิ่ง

“พี่สาว! ข้าอยากกินเนื้อ!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเฉินผิงอันถึงกับตื่นตระหนก เด็กคนนี้เรียกนังขี้ครอกนั่นว่าพี่สาวงั้นเหรอ? อีกทั้งดูเหมือนจะสนิทกันมากด้วย…

แต่ยังไงซะเขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะเด็กคือผ้าขาวคงจะฝันสิ่งใดเรื่อยเปื่อย

“เฉินเอ๋อ! เฉินเอ๋อ!”

เฉินเฉินลืมตาขึ้นพร้อมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าพ่อนั่งอยู่ตรงขอบเตียง

“พ่อ! กลับมาแล้วหรือ?”

เฉินผิงอันยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินเสียงสดใสของลูกชาย… เหตุใดวันนี้เด็กชายจึงได้ดูสดใส ร่าเริง ไม่ขี้กลัวแล้วล่ะ?

“เฉินเอ๋ออยากไปโรงเรียนเหมือนพี่ใหญ่หรือไม่?”

แววตาเด็กชายทอประกายเจิดจ้า แม้ว่าเขายังเด็กแต่ก็รู้ดีว่าพี่ชายคนโตคือนักปราญช์!

แน่นอนว่าเขาอยากไปโรงเรียน แต่ว่า…

เมื่อได้ยินพ่อกล่าวถาม เฉินเฉินจึงรีบพยักหน้าตอบรับอย่างลิงโลด

“ข้าอยากไป! ข้าอยากไปโรงเรียน ข้าอยากเก่งกาจเหมือนพี่ใหญ่”

แต่เมื่อได้กล่าวถึงพี่ใหญ่ของตน แววตาเด็กน้อยพลันเศร้าสร้อยนัก เขาชื่นชมอีกฝ่ายมากแต่เฉิงเยี่ยไม่เคยสนใจเขาเลยสักครั้ง

“ได้ พ่อจะส่งเจ้าไปเรียนหนังสือ หลังจากแม่กลับมาเดี๋ยวข้าจะคุยกับนาง”

เฉินเฉินกระโดดตัวโยน “ท่านพ่อใจดีที่สุด ข้าจะได้ไปเรียนหนังสือแล้ว!”

เสียงตะโกนที่เปี่ยมไปด้วยความสุขนี้ดังกึกก้องไปทั่วบ้านจนกระทบหูของเฉินเฉิงเยี่ย

ดูเหมือนว่าเฉินผิงอันมีความคิดที่จะส่งเด็กสกปรกนี่ไปโรงเรียนจริง ๆ!

ใบหน้าของเฉินเฉิงเยี่ยเต็มไปด้วยความคับข้องใจ แววตาดุร้ายปรากฏอยู่ในมุมมืด…

ส่วนเฉินเถียนเถียนเองก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน แต่นางกลับเย้ยหยันอยู่ในใจอย่างเดาเหตุการณ์ออก

หากคิดส่งเด็กคนนี้ไปเรียน หลินชวนฮวาไม่มีทางยอมแน่ เพราะนางไม่เคยสนใจลูกชายคนเล็กแม้แต่น้อย!

หากเฉินผิงอันมีความสามารถที่จะตัดสินใจสักหน่อย มันก็น่าชื่นชมในฐานะพ่อของลูก แต่ยังไงซะหลินชวนฮวานั้นเห็นแก่ตัวและโง่เขลา ส่วนเฉินเฉิงเยี่ยก็คงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นได้โดยง่ายแน่!

เฉินเฉินกระโดดโลดเต้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยุดพร้อมเผยสีหน้ากังวลออกมา

“แล้วท่านแม่จะปฏิเสธหรือไม่?”

“เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น… หากตระกูลเฉินของเรามีนักปราญช์ถึงสองคนก็นับว่ายอดเยี่ยม แม่ของเจ้าจะปล่อยโอกาสนี้หลุดไปได้อย่างไรกัน!”

เฉินผิงอันจับมือลูกชายแน่นอย่างให้สัญญา

ความอบอุ่นระหว่างพ่อและลูกดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น แต่ช่วงเวลาที่สวยงามเช่นนี้จะคงอยู่ได้นานสักเท่าใด?

หลินชวนฮวากลับมาแล้ว

แม้นางจะเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปดูข่าวคราวให้ลูกชาย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะไปหาชายที่รักเช่นกัน…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 48 เฉินเฉินอยากเรียนหนังสือ

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 48 เฉินเฉินอยากเรียนหนังสือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พี่สาวจูงแขนน้องชายตัวน้อยมายังริมธาร

“เสี่ยวเถา… หมูนั่นขายไปแล้วเหรอ?”

เสี่ยวเถากล่าวตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ของหมดแล้ว! แต่ยังมีลูกค้าถามว่ามีอีกไหม… เพราะมันหายากที่จะมีอาหารธรรมชาติบริสุทธิ์แบบนั้นในพื้นที่นี้!”

“แล้วข้าเอาเงินไปซื้อเครื่องปรุงได้ไหม?”

ทันใดนั้น แสงอินเตอร์เฟซเสมือนปรากฏขึ้นต่อหน้าเฉินเถียนเถียน นางยืนดูรายการต่าง ๆ อย่างเงียบเชียบ มีเพียงเฉินเถียนเถียนเท่านั้นที่มองเห็นสิ่งนี้

เครื่องปรุงรสมากมายปรากฏต่อสายตา บางอย่างเป็นสมุนไพรที่กำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติเช่น ใบกระวาน โป๊ยกั๊กและอื่น ๆ อีกมากมาย

เฉินเถียนเถียนเลือกเครื่องปรุงออกมาสองชนิดก่อนจะบอกให้เฉินเอ๋อนั่งคอย นางนำหม้อ เครื่องปรุงออกมาและทีเด็ดของวันนี้คือเครื่องในหมู!

เฉินเอ๋อกลายเป็นเด็กน่าสงสารไปทันที เพราะถูกแม่ทุบตีบ่อยครั้งจนทำให้เขากลายเป็นเด็กขี้กลัวเมื่อออกนอกบ้าน

“หากอยากกินก็มาช่วยข้าทำ มิฉะนั้นหลังจากอาหารเสร็จสิ้น ข้าจะไม่แบ่งเจ้าแม้เพียงคำ!”

หลังจากเถียนเถียนกล่าวจบ นางจึงให้เด็กน้อยไปเก็บฟืน แล้วจากนั้นจึงเริ่มใช้หินมาเรียงก่อเป็นเตา

หลังจากล้างเครื่องในหมูแล้ว นางก็ตั้งหม้อ เติมน้ำ และรอเดือด

เมนูนี้ทำง่ายกว่าปลาย่างเสียอีก จากนั้นไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยฟุ้งไปในอากาศ!

เฉินเฉินกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

แม้เฉินเถียนเถียนอยากจะเก็บไว้เอง แต่นางเป็นคนบอกเองว่าจะให้หยุนเคอชิม แม้จะไม่เต็มใจแบ่งให้แต่ก็ต้องรักษาคำพูด!

ดวงตาของเฉินเอ๋อเบิกกว้าง เขาจับจ้องพี่สาวร่ายเวทมนตร์เสกอาหารอยู่ทุกวินาที ไม่ช้าหม้อตุ๋นเครื่องในสุดแสนน่ากินก็ปรากฎ!

แต่เป็นเพราะไม่มีชามหรือตะเกียบ ทั้งสองจึงทำได้เพียงหักกิ่งไม้มาแทนและเริ่มกินจากในหม้อ

อาหารในหม้อถูกจัดการอย่างรวดเร็วและสะอาดเอี่ยมราวกับไม่เคยบรรจุอะไรมาก่อน

เพราะไม่มีใครอยู่บ้าน หลังจากเสร็จสิ้นแล้วเฉินเถียนเถียนจึงเอาหม้อไปวางไว้ที่เดิมอย่างเงียบเชียบ

ส่วนเฉินเฉินก็กลับไปที่ห้องของตัวเองและเฉินเถียนเถียนมุ่งหน้าไปหาหยุนเคอที่ถ้ำ

หลังจากมาถึง เฉินเถียนเถียนเห็นชามข้าววางตั้งไว้แต่หมูป่าอีกครึ่งตัวไม่อยู่แล้ว

คงยังไม่กลับมาสินะ…

เฉินเถียนเถียนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงวางซุปตุ๋นเครื่องในเอาไว้และเดินลงจากภูเขาไป

หลังจากนางกลับออกไป หยุนเคอก็กลับมาถึงถ้ำพอดี

เขาไม่รู้เลยว่ามีใครมาเยี่ยมเยียนจนได้กลิ่นซุปตุ๋นเครื่องในหอมฟุ้งตลบอบอวลถ้ำแห่งนี้

ชายร่างใหญ่คาดเดาได้ทันทีว่าต้องเป็นเฉินเถียนเถียน

เดิมทีเขาไม่ใช่คนตะกละจึงไม่กินของที่วางทิ้งไว้ไม่รู้ที่มาที่ไปเช่นนี้

แต่อย่างไรก็ตามกลิ่นของมันช่างเย้ายวนนัก เขาจึงหยิบตะเกียบพร้อมกับคิดว่าลองชิมดูสักคำคงไม่เสียหาย

อร่อยมาก!

แม้หยุนเคอจะไม่รู้ว่าสิ่งนี้ทำมาจากอะไร แต่มันอร่อยจริง ๆ เขาไม่อาจยับยั้งใจได้กว่าจะได้สติก็กินจนเกลี้ยงชามเสียแล้ว!

เฮ้อ… เพราะข้าได้กินฝีมือของสาวน้อยคนนี้แล้ว ถ้างั้นจากนี้ไปข้าจะไม่ยอมให้นางต้องลำบากอีก!

วันนี้เฉินผิงอันสูญเงินเป็นจำนวนมาก เขาจึงอารมไม่ค่อยดีนัก แม้จะเป็นบ่อนเล็ก ๆ แต่เขากลับแพ้พนันตลอดทั้งวัน…

เฉินผิงอันหดหู่นยิ่งเมื่อคิดถึงแววตาทอประกายของหลินชวนฮวาหลังจากที่เขาหยิบยกเงินให้…

วันนี้เขาพ่ายแพ้พนันจนสูญเงินไปมาก แน่นอนว่าภรรยาย่อมไม่พอใจแน่ ดังนั้นเงินที่เสียไปทั้งหมดวันนี้จึงต้องเก็บเป็นความลับ

เขาไม่เพียงแต่สูญเงินที่มีเท่านั้น แต่เงินที่หยิบยืมชาวบ้านมาก็เอาไปเล่นพนันจนหมดตัว!

เฉินผิงอันคิดว่าเขาไม่ควรบอกกล่าวกับภรรยาเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ แต่ควรจะบอกกล่าวกับนางเมื่อหาเงินมาคืนได้ในอนาคต

แม้จะตัดสินใจแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด…

เฉินผิงอันกลับมาถึงบ้าน หน้าต่างทุกบานปิดสนิทมีเพียงประตูเท่านั้นที่เปิดไว้

เขาจึงคิดสงสัยว่าลูกทั้งสามคนอยู่บ้านหรือไม่…

แต่ลืมเฉินเฉิงเยี่ยไปเถอะ ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่ลูกชายที่แท้จริง ระหว่างทั้งสองยังมีช่องว่างอยู่มาก เช่นนี้เฉินผิงอันจึงไม่คิดจะสนใจอีกฝ่าย!

ส่วนนังเด็กขี้ครอก เขายังโกรธแค้นนางอยู่ที่ต้องเสียหน้าจากเรื่องราวในหมู่บ้านไม่กี่วันก่อน…

จู่ ๆ ภาพของเฉินเฉินก็ปรากฏขึ้นในศีรษะ แม้จะเสียใจที่เด็กน้อยเป็นคนขี้ขลาด แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คือลูกชายในไส้!

เฉินผิงอันเดินเข้ามาในห้องจึงเห็นว่าเฉินเฉินนอนหลับอยู่ เหมือนกับว่าเขากำลังฝันอะไรบางอย่างที่มีความสุขยิ่ง

“พี่สาว! ข้าอยากกินเนื้อ!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเฉินผิงอันถึงกับตื่นตระหนก เด็กคนนี้เรียกนังขี้ครอกนั่นว่าพี่สาวงั้นเหรอ? อีกทั้งดูเหมือนจะสนิทกันมากด้วย…

แต่ยังไงซะเขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะเด็กคือผ้าขาวคงจะฝันสิ่งใดเรื่อยเปื่อย

“เฉินเอ๋อ! เฉินเอ๋อ!”

เฉินเฉินลืมตาขึ้นพร้อมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าพ่อนั่งอยู่ตรงขอบเตียง

“พ่อ! กลับมาแล้วหรือ?”

เฉินผิงอันยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้ยินเสียงสดใสของลูกชาย… เหตุใดวันนี้เด็กชายจึงได้ดูสดใส ร่าเริง ไม่ขี้กลัวแล้วล่ะ?

“เฉินเอ๋ออยากไปโรงเรียนเหมือนพี่ใหญ่หรือไม่?”

แววตาเด็กชายทอประกายเจิดจ้า แม้ว่าเขายังเด็กแต่ก็รู้ดีว่าพี่ชายคนโตคือนักปราญช์!

แน่นอนว่าเขาอยากไปโรงเรียน แต่ว่า…

เมื่อได้ยินพ่อกล่าวถาม เฉินเฉินจึงรีบพยักหน้าตอบรับอย่างลิงโลด

“ข้าอยากไป! ข้าอยากไปโรงเรียน ข้าอยากเก่งกาจเหมือนพี่ใหญ่”

แต่เมื่อได้กล่าวถึงพี่ใหญ่ของตน แววตาเด็กน้อยพลันเศร้าสร้อยนัก เขาชื่นชมอีกฝ่ายมากแต่เฉิงเยี่ยไม่เคยสนใจเขาเลยสักครั้ง

“ได้ พ่อจะส่งเจ้าไปเรียนหนังสือ หลังจากแม่กลับมาเดี๋ยวข้าจะคุยกับนาง”

เฉินเฉินกระโดดตัวโยน “ท่านพ่อใจดีที่สุด ข้าจะได้ไปเรียนหนังสือแล้ว!”

เสียงตะโกนที่เปี่ยมไปด้วยความสุขนี้ดังกึกก้องไปทั่วบ้านจนกระทบหูของเฉินเฉิงเยี่ย

ดูเหมือนว่าเฉินผิงอันมีความคิดที่จะส่งเด็กสกปรกนี่ไปโรงเรียนจริง ๆ!

ใบหน้าของเฉินเฉิงเยี่ยเต็มไปด้วยความคับข้องใจ แววตาดุร้ายปรากฏอยู่ในมุมมืด…

ส่วนเฉินเถียนเถียนเองก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน แต่นางกลับเย้ยหยันอยู่ในใจอย่างเดาเหตุการณ์ออก

หากคิดส่งเด็กคนนี้ไปเรียน หลินชวนฮวาไม่มีทางยอมแน่ เพราะนางไม่เคยสนใจลูกชายคนเล็กแม้แต่น้อย!

หากเฉินผิงอันมีความสามารถที่จะตัดสินใจสักหน่อย มันก็น่าชื่นชมในฐานะพ่อของลูก แต่ยังไงซะหลินชวนฮวานั้นเห็นแก่ตัวและโง่เขลา ส่วนเฉินเฉิงเยี่ยก็คงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นได้โดยง่ายแน่!

เฉินเฉินกระโดดโลดเต้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยุดพร้อมเผยสีหน้ากังวลออกมา

“แล้วท่านแม่จะปฏิเสธหรือไม่?”

“เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น… หากตระกูลเฉินของเรามีนักปราญช์ถึงสองคนก็นับว่ายอดเยี่ยม แม่ของเจ้าจะปล่อยโอกาสนี้หลุดไปได้อย่างไรกัน!”

เฉินผิงอันจับมือลูกชายแน่นอย่างให้สัญญา

ความอบอุ่นระหว่างพ่อและลูกดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น แต่ช่วงเวลาที่สวยงามเช่นนี้จะคงอยู่ได้นานสักเท่าใด?

หลินชวนฮวากลับมาแล้ว

แม้นางจะเดินทางเข้าเมืองเพื่อไปดูข่าวคราวให้ลูกชาย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะไปหาชายที่รักเช่นกัน…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+