สามีข้า คือพรานป่า 99 หลินชวนฮวาผู้ละโมบ

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 99 หลินชวนฮวาผู้ละโมบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 99 หลินชวนฮวาผู้ละโมบ

 

“เด็กคนนี้ซื่อสัตย์ ย่อมไม่ทางทําผิดใหญ่หลวงเลย แล้วทําไมพวกท่านต้องตีเขา ข้าเชื่อว่าไม่มีใครในหมู่บ้านเห็นด้วยกับการกระทําเช่นนี้ ถ้าหากโดนท่านตีจนตายจริงๆ ชื่อเสียงของหมู่บ้านเราต้องเสื่อมเสียแน่”

 

คนรอบข้างย่อมเกลียดชังเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ชื่อเสียงของหมู่บ้านมันเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของตนเอง

 

คิดต่อไปอีกหน่อย หากเฉินผิงอันถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ที่ดินที่อยู่ในมือของมันจะถูกแบ่งให้ชาวบ้าน แล้วใครเล่าจะทิ้งผลประโยชน์ที่ดีเช่นนี้?

 

เฉินเฉินเดินกลับไปหาเฉินผิงอันอย่างระหวาดระแวง บางครั้งก็หันกลับไปมองพี่สาวของตัวเอง

 

แม้หยุนเถียนเถียนจะไม่พอใจกับสถานการณ์นี้ แต่นางก็ไม่มีทางที่จะบังคับเด็กคนนี้ออกมาได้ นางออกจากตระกูลเฉินได้เพราะบิดามารดาไม่ได้ให้กําเนิดนางมา แต่ไม่ใช่กับเด็กคนนี้ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจริงๆ

 

“เจ้าเด็กเหลือขอ กล้าปกกล้าขาแข็งงั้นรึ แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถสั่งสอนเจ้าได้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทุบตีเขาอีก แต่มันจะไม่มีสิทธิ์ได้อยู่ในห้องนอนนั้น พวกข้าจะไม่ให้อาหาร ถ้าอยากกินมากนักเชิญไปให้นังเด็กนั่นหาให้เจ้ากินเองแล้วกัน!”

 

เฉินผิงอันทิ้งคําพูดไว้แล้วเดินไปที่บ่อนพนัน หลินชวนฮวาเมื่อเห็นสามีของตนเดินออกไปจากลานบ้าน ใบหน้าของนางก็มืดครื้มลง

 

“บอกมาสิ ว่าพี่สาวของเจ้าเอาอะไรให้กิน?”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลง ไม่ยอมพูดออกมา เขาไม่เคยเชื่อมารดาของตัวเอง และเชื่อว่านางไม่มีเจตนาที่ดีแน่

 

“หึ ข้าจะไม่ทําให้เจ้าลําบากใจ เจ้าไปอยู่กับพี่สาวเจ้าสิ ถ้านางทําให้เจ้ากิน อย่าลืมนํากลับมาให้ข้าด้วย ไม่อย่างนั้น…”

 

เฉินเฉินไม่กล้าที่จะโต้กลับ เขาทําได้เพียงก้มหน้าเงียบ

 

“ไปสิ! พี่สาวของเจ้ารออยู่ที่บ้านแล้ว อย่าลืมนํามันกลับมาให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะขังเจ้าไว้ในบ้านไม่มีวันให้เจ้าออกไปไหนอีก!”

 

เฉินเฉินฉวยโอกาสนี้หยิบหนังสือที่แอบเอาออกมาจากห้องยัดใส่อกตัวเอง ก้มหน้ารีบออกจากลานบ้านไป

 

หยุนเสียนเถียนนึกว่าในสถานการณ์แบบนี้เฉินเฉินคงไม่สามารถออกมาหานางได้ 

แต่ใครจะคาดคิดว่าตอนที่นางกําลังจะออกไปข้างนอก เฉินเฉินกลับวิ่งเข้ามาหา

 

สีหน้าของหยุนเถียนเถียนเปลี่ยนไป ก้มตัวลงถามอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรไป แม่รังแกเจ้าอีกแล้วเหรอ?”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลงและพูดด้วยน้ําเสียงหดหู่ “นางไม่ได้ตีข้า แต่นางให้ข้านำอาหารของพี่สาวกลับไปให้นาง”

 

หยุนเสียนเถียนรู้ว่าหลินชวนฮวาอาจจะใช้ประโยชน์จากการเอาเปรียบเล็กๆน้อยๆพวกนี้ แม้เฉินผิงอันจะไม่ต้องการแต่นางกลับละโมบ

 

“แล้วพ่อของเจ้าล่ะ เขาได้พูดอันใดออกมาหรือไม่?”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลงและพูดต่อว่า “บิดาไม่ยอมให้ข้าออกมาหาพี่สาวขอรับ”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “มารดาของเจ้านี่เล่ห์เหลี่ยมมากเสียจริง ให้เจ้าเอาอาหารของข้า แล้วบอกเฉินผิงอันว่าเจ้าตะกละเลยทําอาหารเยอะขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นคนที่โดนทุบตีก็คือเจ้า นางฉลาดมาก”

 

“เจ้าไม่ต้องนําของที่ดีมากกลับไปแล้วกัน หลินชวนฮวาจะต้องเสียใจ ข้าจะทําอาหารแย่ๆให้เจ้านํากลับไป ถ้าหากเฉินผิงอันจะตีเจ้าอีก เจ้าบอกเขาไปว่าจะไม่มาพบพี่สาวอีก เข้าใจไหม?”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างรู้ความ

 

“วันนี้เจ้านําหนังสือมาด้วยหรือ?”

 

เฉินเฉินรีบล้วงนําหนังสือเล่มนั้นออกมาจากอกเสื้อ หยุนเถียนเถียนลูบหัวเด็กชายอย่างเอ็นดู ขนาดเจอเรื่องร้ายๆเช่นนี้ยังไม่ลืมที่จะศึกษาเล่าเรียน

 

“เอาล่ะ เจ้าไปที่บ้านของลุงหยุนดีกว่า จําไว้นะ พี่สาวอาจจะมีคนมาหา ตอนนั้นถ้ามีคนเห็นเจ้าเรียนอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี”

 

เฉินเฉินพยักหน้าและกระซิบตอบ “ขอบคุณพี่สาว” หลังจากนั้นก็วิ่งไปหาหยุนเคอ

 

หยุนเสียนเถียนทําความสะอาดบ้านอย่างระมัดระวัง เสมือนออกกําลังกายให้ร่างกายอบอุ่น ร่างกายนางยังคงอ่อนแออยู่บ้าง แม้นางเพิ่งจะอายุสิบสี่ปีแต่ก็เผยโฉมความงามเกินอายุแล้ว

 

เถียนเถียนหยิบหนังสือสอนวิธีทําเครื่องประดับที่ซื้อจากเสียวเถาออกมา

 

มุมปากเด็กสาวยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตัวเองต้องพึ่งพาของแบบนี้ในการหาเงิน?

 

แม้สถานการณ์จะแย่เพียงใด แต่นางก็ทําได้เพียงก้มหน้าลงหยิบกรรไกร เศษผ้า และเริ่มเย็บปักถักร้อย

 

ปิ่นดอกไม้ชนิดต่างๆที่สอนให้คนอื่นไปหยุนเถียนเถียน ไม่ได้คิดนํามาขายต่อ นางบอกกับหลี่เสี่ยวเหอและคนอื่นๆให้ขายมันได้เลย เพราะนางจะศึกษาการทําสิ่งอื่นและสิ่งที่นางจะทําวันนี้คือปืนผีเสื้อที่แสนเรียบง่ายและงดงาม

 

แม้ผ้าฝ้ายที่ขาดวิ่นเหล่านั้นจะหยาบ ไม่ได้อ่อนนุ่มแต่เมื่อจับจีบไม่กี่ครั้งมันสามารถกลายเป็นปีกที่สวยงามได้

 

ไม้ไผ่ที่ถูกตัดไว้นํามาห่อด้วยผ้าฝ้าย ด้านหนึ่งนําผีเสื้อที่กางปีกโบยบินมาติดไว้ มันดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

 

แต่ความอดทนมีขีดจํากัด นางทําได้ราวๆสามสิบอัน หยุนเถียนเถียนก็เริ่มท้อจนโยนกรรไกรและเข็มลงตระกร้า

 

ด้วยเงินเพียงเล็กน้อย นางไม่สามารถขายวิญญาณทํามันได้ตลอดไป ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาที่จะไปหานายน้อยหลี่เพื่อพูดคุยแล้ว!

 

แต่ก่อนที่จะเข้าไปพูดคุย นางต้องช่วยหยุนเคอปรับปรุงรสชาติเนื้อเหล่านั้นให้ดียิ่งขึ้นเสียก่อน

 

หลังไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งนางก็คิดบางอย่างได้ นางไม่อยากเสียเวลาจึงแอบเข้าไปในบ้านของหยุนเคอแบบลับๆจากทางประตูหลัง

 

ก่อนที่จะเข้าไปก็ได้ยินเสียงของหยุนเคอดังออกมาจากด้านใน “พี่สาวเจ้าสอนความหมายของเนื้อหาในนั้น แต่ไม่ได้สอนวิธีเขียนมันใช่ไหม การไปสอบต้องเข้าใจมากกว่าการอ่าน เจ้าต้องเขียนให้เป็น

 

น้ําเสียงของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด “ลุงหยุนสามารถสอนข้าได้ไหม?”

 

หยุนเคอใช้นิ้วเคาะที่หน้าผากของเฉินเฉินอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าอายุแค่ยี่สิบต้นๆเท่านั้น อย่าเรียกลุงเลยข้าว่ามันไม่เหมาะสักเท่าไหร่ เรียกพี่ใหญ่หยุนเหมือนพี่สาวเจ้าก็ได้”

 

เสี่ยวเฉินเฉินทําตามที่พูด “พี่ใหญ่หยุน ท่านสอนข้าได้หรือไม่ ข้าอยากให้ท่านพ่อท่านแม่ชมข้าบ้าง”

 

มุมปากของหยุนเคอยกยิ้มขึ้นราวกับเหยียดหยาม “ถ้าเจ้าเรียนหนังสือเพื่อให้บิดามารดาเจ้าชื่นชม หนังสือเล่มนี้ เจ้าก็ไม่สมควรที่จะอ่านมัน ถ้าพวกเขาชอบเจ้าจริง พวกเขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้เจ้าได้เรียน แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ พวกเขาไม่ได้รักเจ้าเลย ไม่ว่าเจ้าจะทําดีแค่ไหน พวกเขาไม่มีทางที่จะมาใส่ใจเจ้าหรอก”

 

“เฉินเฉิน เจ้ายังเด็กนัก เจ้ายังไม่เข้าใจเรื่องในราชสํานัก ในอนาคตถ้าเจ้าสอบเข้าไปเป็นศึกษาที่นั่นได้ แม้เจ้าจะได้ตําแหน่งไหนในนั้น ครอบครัวของเจ้าต้องสร้างปัญญาให้เจ้าไม่เว้นแต่ละวันแน่ พวกมันจะใช้อํานาจของเจ้าเพื่อทําร้ายผู้อื่น เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 99 หลินชวนฮวาผู้ละโมบ

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 99 หลินชวนฮวาผู้ละโมบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 99 หลินชวนฮวาผู้ละโมบ

 

“เด็กคนนี้ซื่อสัตย์ ย่อมไม่ทางทําผิดใหญ่หลวงเลย แล้วทําไมพวกท่านต้องตีเขา ข้าเชื่อว่าไม่มีใครในหมู่บ้านเห็นด้วยกับการกระทําเช่นนี้ ถ้าหากโดนท่านตีจนตายจริงๆ ชื่อเสียงของหมู่บ้านเราต้องเสื่อมเสียแน่”

 

คนรอบข้างย่อมเกลียดชังเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ชื่อเสียงของหมู่บ้านมันเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของตนเอง

 

คิดต่อไปอีกหน่อย หากเฉินผิงอันถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ที่ดินที่อยู่ในมือของมันจะถูกแบ่งให้ชาวบ้าน แล้วใครเล่าจะทิ้งผลประโยชน์ที่ดีเช่นนี้?

 

เฉินเฉินเดินกลับไปหาเฉินผิงอันอย่างระหวาดระแวง บางครั้งก็หันกลับไปมองพี่สาวของตัวเอง

 

แม้หยุนเถียนเถียนจะไม่พอใจกับสถานการณ์นี้ แต่นางก็ไม่มีทางที่จะบังคับเด็กคนนี้ออกมาได้ นางออกจากตระกูลเฉินได้เพราะบิดามารดาไม่ได้ให้กําเนิดนางมา แต่ไม่ใช่กับเด็กคนนี้ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจริงๆ

 

“เจ้าเด็กเหลือขอ กล้าปกกล้าขาแข็งงั้นรึ แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถสั่งสอนเจ้าได้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทุบตีเขาอีก แต่มันจะไม่มีสิทธิ์ได้อยู่ในห้องนอนนั้น พวกข้าจะไม่ให้อาหาร ถ้าอยากกินมากนักเชิญไปให้นังเด็กนั่นหาให้เจ้ากินเองแล้วกัน!”

 

เฉินผิงอันทิ้งคําพูดไว้แล้วเดินไปที่บ่อนพนัน หลินชวนฮวาเมื่อเห็นสามีของตนเดินออกไปจากลานบ้าน ใบหน้าของนางก็มืดครื้มลง

 

“บอกมาสิ ว่าพี่สาวของเจ้าเอาอะไรให้กิน?”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลง ไม่ยอมพูดออกมา เขาไม่เคยเชื่อมารดาของตัวเอง และเชื่อว่านางไม่มีเจตนาที่ดีแน่

 

“หึ ข้าจะไม่ทําให้เจ้าลําบากใจ เจ้าไปอยู่กับพี่สาวเจ้าสิ ถ้านางทําให้เจ้ากิน อย่าลืมนํากลับมาให้ข้าด้วย ไม่อย่างนั้น…”

 

เฉินเฉินไม่กล้าที่จะโต้กลับ เขาทําได้เพียงก้มหน้าเงียบ

 

“ไปสิ! พี่สาวของเจ้ารออยู่ที่บ้านแล้ว อย่าลืมนํามันกลับมาให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะขังเจ้าไว้ในบ้านไม่มีวันให้เจ้าออกไปไหนอีก!”

 

เฉินเฉินฉวยโอกาสนี้หยิบหนังสือที่แอบเอาออกมาจากห้องยัดใส่อกตัวเอง ก้มหน้ารีบออกจากลานบ้านไป

 

หยุนเสียนเถียนนึกว่าในสถานการณ์แบบนี้เฉินเฉินคงไม่สามารถออกมาหานางได้ 

แต่ใครจะคาดคิดว่าตอนที่นางกําลังจะออกไปข้างนอก เฉินเฉินกลับวิ่งเข้ามาหา

 

สีหน้าของหยุนเถียนเถียนเปลี่ยนไป ก้มตัวลงถามอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรไป แม่รังแกเจ้าอีกแล้วเหรอ?”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลงและพูดด้วยน้ําเสียงหดหู่ “นางไม่ได้ตีข้า แต่นางให้ข้านำอาหารของพี่สาวกลับไปให้นาง”

 

หยุนเสียนเถียนรู้ว่าหลินชวนฮวาอาจจะใช้ประโยชน์จากการเอาเปรียบเล็กๆน้อยๆพวกนี้ แม้เฉินผิงอันจะไม่ต้องการแต่นางกลับละโมบ

 

“แล้วพ่อของเจ้าล่ะ เขาได้พูดอันใดออกมาหรือไม่?”

 

เฉินเฉินก้มหน้าลงและพูดต่อว่า “บิดาไม่ยอมให้ข้าออกมาหาพี่สาวขอรับ”

 

หยุนเถียนเถียนยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “มารดาของเจ้านี่เล่ห์เหลี่ยมมากเสียจริง ให้เจ้าเอาอาหารของข้า แล้วบอกเฉินผิงอันว่าเจ้าตะกละเลยทําอาหารเยอะขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นคนที่โดนทุบตีก็คือเจ้า นางฉลาดมาก”

 

“เจ้าไม่ต้องนําของที่ดีมากกลับไปแล้วกัน หลินชวนฮวาจะต้องเสียใจ ข้าจะทําอาหารแย่ๆให้เจ้านํากลับไป ถ้าหากเฉินผิงอันจะตีเจ้าอีก เจ้าบอกเขาไปว่าจะไม่มาพบพี่สาวอีก เข้าใจไหม?”

 

เฉินเฉินพยักหน้าอย่างรู้ความ

 

“วันนี้เจ้านําหนังสือมาด้วยหรือ?”

 

เฉินเฉินรีบล้วงนําหนังสือเล่มนั้นออกมาจากอกเสื้อ หยุนเถียนเถียนลูบหัวเด็กชายอย่างเอ็นดู ขนาดเจอเรื่องร้ายๆเช่นนี้ยังไม่ลืมที่จะศึกษาเล่าเรียน

 

“เอาล่ะ เจ้าไปที่บ้านของลุงหยุนดีกว่า จําไว้นะ พี่สาวอาจจะมีคนมาหา ตอนนั้นถ้ามีคนเห็นเจ้าเรียนอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี”

 

เฉินเฉินพยักหน้าและกระซิบตอบ “ขอบคุณพี่สาว” หลังจากนั้นก็วิ่งไปหาหยุนเคอ

 

หยุนเสียนเถียนทําความสะอาดบ้านอย่างระมัดระวัง เสมือนออกกําลังกายให้ร่างกายอบอุ่น ร่างกายนางยังคงอ่อนแออยู่บ้าง แม้นางเพิ่งจะอายุสิบสี่ปีแต่ก็เผยโฉมความงามเกินอายุแล้ว

 

เถียนเถียนหยิบหนังสือสอนวิธีทําเครื่องประดับที่ซื้อจากเสียวเถาออกมา

 

มุมปากเด็กสาวยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตัวเองต้องพึ่งพาของแบบนี้ในการหาเงิน?

 

แม้สถานการณ์จะแย่เพียงใด แต่นางก็ทําได้เพียงก้มหน้าลงหยิบกรรไกร เศษผ้า และเริ่มเย็บปักถักร้อย

 

ปิ่นดอกไม้ชนิดต่างๆที่สอนให้คนอื่นไปหยุนเถียนเถียน ไม่ได้คิดนํามาขายต่อ นางบอกกับหลี่เสี่ยวเหอและคนอื่นๆให้ขายมันได้เลย เพราะนางจะศึกษาการทําสิ่งอื่นและสิ่งที่นางจะทําวันนี้คือปืนผีเสื้อที่แสนเรียบง่ายและงดงาม

 

แม้ผ้าฝ้ายที่ขาดวิ่นเหล่านั้นจะหยาบ ไม่ได้อ่อนนุ่มแต่เมื่อจับจีบไม่กี่ครั้งมันสามารถกลายเป็นปีกที่สวยงามได้

 

ไม้ไผ่ที่ถูกตัดไว้นํามาห่อด้วยผ้าฝ้าย ด้านหนึ่งนําผีเสื้อที่กางปีกโบยบินมาติดไว้ มันดูแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

 

แต่ความอดทนมีขีดจํากัด นางทําได้ราวๆสามสิบอัน หยุนเถียนเถียนก็เริ่มท้อจนโยนกรรไกรและเข็มลงตระกร้า

 

ด้วยเงินเพียงเล็กน้อย นางไม่สามารถขายวิญญาณทํามันได้ตลอดไป ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาที่จะไปหานายน้อยหลี่เพื่อพูดคุยแล้ว!

 

แต่ก่อนที่จะเข้าไปพูดคุย นางต้องช่วยหยุนเคอปรับปรุงรสชาติเนื้อเหล่านั้นให้ดียิ่งขึ้นเสียก่อน

 

หลังไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งนางก็คิดบางอย่างได้ นางไม่อยากเสียเวลาจึงแอบเข้าไปในบ้านของหยุนเคอแบบลับๆจากทางประตูหลัง

 

ก่อนที่จะเข้าไปก็ได้ยินเสียงของหยุนเคอดังออกมาจากด้านใน “พี่สาวเจ้าสอนความหมายของเนื้อหาในนั้น แต่ไม่ได้สอนวิธีเขียนมันใช่ไหม การไปสอบต้องเข้าใจมากกว่าการอ่าน เจ้าต้องเขียนให้เป็น

 

น้ําเสียงของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด “ลุงหยุนสามารถสอนข้าได้ไหม?”

 

หยุนเคอใช้นิ้วเคาะที่หน้าผากของเฉินเฉินอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าอายุแค่ยี่สิบต้นๆเท่านั้น อย่าเรียกลุงเลยข้าว่ามันไม่เหมาะสักเท่าไหร่ เรียกพี่ใหญ่หยุนเหมือนพี่สาวเจ้าก็ได้”

 

เสี่ยวเฉินเฉินทําตามที่พูด “พี่ใหญ่หยุน ท่านสอนข้าได้หรือไม่ ข้าอยากให้ท่านพ่อท่านแม่ชมข้าบ้าง”

 

มุมปากของหยุนเคอยกยิ้มขึ้นราวกับเหยียดหยาม “ถ้าเจ้าเรียนหนังสือเพื่อให้บิดามารดาเจ้าชื่นชม หนังสือเล่มนี้ เจ้าก็ไม่สมควรที่จะอ่านมัน ถ้าพวกเขาชอบเจ้าจริง พวกเขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้เจ้าได้เรียน แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ พวกเขาไม่ได้รักเจ้าเลย ไม่ว่าเจ้าจะทําดีแค่ไหน พวกเขาไม่มีทางที่จะมาใส่ใจเจ้าหรอก”

 

“เฉินเฉิน เจ้ายังเด็กนัก เจ้ายังไม่เข้าใจเรื่องในราชสํานัก ในอนาคตถ้าเจ้าสอบเข้าไปเป็นศึกษาที่นั่นได้ แม้เจ้าจะได้ตําแหน่งไหนในนั้น ครอบครัวของเจ้าต้องสร้างปัญญาให้เจ้าไม่เว้นแต่ละวันแน่ พวกมันจะใช้อํานาจของเจ้าเพื่อทําร้ายผู้อื่น เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+