หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 10 กายาซ่อนเร้น (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 10 กายาซ่อนเร้น (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 10 กายาซ่อนเร้น (ปลาย)

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ถูกของเจ้า ถูกของเจ้า ไอ้เจ้าเยี่ยฉวนผู้นี้อย่างไรเสียมันก็ต้องตายอยู่แล้ว !”

เยี่ยหลางพยักหน้ารับ “ตอนนี้มันก็เป็นแค่สุนัขไร้หนทางที่พยายามจะข้ามกำแพง ในระหว่างนี้ ท่านอย่าเพิ่งไปยั่วยุเจ้านั่นให้มากนักจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นแล้วผู้อื่นจะนินทาเอาได้ว่าข้าใจเสาะ แต่ถ้าหากเป็นบนลานประลองแล้ว ข้าย่อมสามารถฆ่ามันได้โดยชอบธรรม !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “เจ้าวางใจได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ภายในยี่สิบวันนี้ข้าจะไม่ให้ใครได้ก่อปัญหาแน่”

เยี่ยหลางพยักหน้ารับรู้ “จะว่าไปแล้ว เพื่อที่จะทะลวงเลื่อนขั้นให้ได้เร็วหน่อย ข้าอยากได้หินวิญญาณสักจำนวนหนึ่ง”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยรู้สึกกระอักกระอ่วน หินวิญญาณที่ว่านี้เป็นอัญมณีล้ำค่าที่บรรจุพลังลมปราณเอาไว้ แม้แต่ตระกูลเยี่ยที่ว่ายิ่งใหญ่ก็ยังมีจำนวนไม่มากนัก ไม่เพียงเท่านั้น แต่หินวิญญาณนี้จะใช้ได้เฉพาะผู้นำตระกูลเท่านั้น แม้แต่เยี่ยฉวนเองก็ยังไม่เคยใช้หินวิญญาณที่ว่าเลยสักครั้ง

“มีปัญหาอะไรงั้นหรือ ?” เยี่ยหลางถาม

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยสั่นศีรษะ “ไม่มีหรอก แต่มันเป็นหินวิญญาณ พวกเราเลยอาจจะมีไม่มากนัก”

เยี่ยหลางยิ้มพลางกล่าว “สบายใจได้ แค่จะไปให้ถึงขั้นหลอมรวมลมปราณ ข้าคงไม่ต้องใช้หินวิญญาณมากจนเกินไป”

ได้ยินดังนั้นผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เป็นเช่นนั้นได้ก็ดี !”

เยี่ยหลางแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า มีรอยยิ้มเหยียดเสียดสีขึ้นที่มุมปากก่อนจะคิดขึ้นในใจ ‘ช่างเป็นที่ห่างไกลและทุรกันดารนัก แต่ถือว่ายังดีหากจะใช้ประโยชน์จากมันในตอนนี้…’

เยี่ยฉวนกลับไปที่ลานบ้านของตัวเอง แต่เมื่อมาถึงก็พบหลี่มู่และคนอื่น ๆ มารออยู่ก่อนแล้ว

เยี่ยฉวนมองทั้งหมด “พวกเจ้าไม่ควรมาที่นี่ในเวลานี้”

นับตั้งแต่วันที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้สืบทอด เขาก็แทบจะไม่ได้เจอเหล่าพี่น้องร่วมรบกลุ่มนี้อีกเลย เป็นเพราะว่าทุกคนต่างรู้ดีว่าอนาคตของผู้นำตระกูลเยี่ยคนต่อคนไป ไม่ใช่เยี่ยฉวน แต่เป็นเยี่ยหลาง

หลี่มู่จับมือของเยี่ยฉวน “พี่เยี่ย เรื่องก่อนหน้านี้ พวกเราต้องขอขอบคุณท่านมาก”

เยี่ยฉวนพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าและพรรคพวกไม่ได้ทำอันใดกับข้า เป็นข้าที่ต้องขอบคุณเจ้าต่างหาก เอาล่ะ กลับไปได้แล้ว หากผู้เฒ่ารู้เข้าจะเกิดปัญหาเอาได้”

หลี่มู่ครุ่นคิดก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “พี่เยี่ย หากในวันข้างหน้าท่านต้องการความช่วยเหลือ โปรดบอกให้ข้ารู้ พวกเราจะไม่มีทางปฏิเสธแน่”

เมื่อได้กล่าวเช่นนั้นแล้ว หลี่มู่และพรรคพวกก็จากไป

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะเบา ๆ เมื่อเห็นพี่ชายทำท่าทางดังนั้นเยี่ยหลิงจึงเข้าไปคว้าจับเข้าที่แขนของเยี่ยฉวน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “ท่านพี่ ท่านไม่เชื่อพวกเขาหรือ ?”

เยี่ยฉวนตอบยิ้มๆ “หากท่านพี่ของเจ้าแข็งแกร่ง สิ่งที่เจ้าพวกนั้นบอกก็จะเป็นความจริง แต่ถ้าหากข้าอ่อนแอและไม่มีโอกาสที่จะพลิกกลับฟื้นคืนแล้วละก็ ทุกอย่างก็ล้วนเป็นแค่ลมปากเท่านั้น”

เยี่ยหลิงมองเยี่ยฉวนและพูดอย่างจริงจัง “แต่ข้าน่ะเป็นของจริงนะ ข้าจะยืนเคียงข้างท่านพี่ตลอดไปเลย !”

เยี่ยฉวนส่งยิ้มให้น้องสาวและพากันเดินกลับบ้าน แต่เมื่อมาถึงที่ลานโล่ง ฉับพลันร่างของเยี่ยหลิงพลันสั่นอย่างรุนแรง ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ร่างกายของนางก็ยังส่งกระแสลมอันหนาวเย็นออกมาอีกด้วย !

หัวใจของเยี่ยฉวนแทบจะหยุดเต้น เขารีบพาเยี่ยหลิงไปที่เตียงจากนั้นรีบร้อนหยิบขวดหยกสีขาวออกมา เทเม็ดยาแล้วป้อนให้กับเยี่ยหลิง หลังจากรับยารักษาเข้าสู่ร่างกายได้ทันท่วงที สีหน้าของเยี่ยหลิงก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย

เยี่ยหลิงค่อย ๆ ลืมตา มือขวาของนางกุมมือเยี่ยฉวนเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบาราวกับยุง “ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่าตัวเองคงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ถ้า.. ถ้าข้าตาย ท่านพี่ช่วยเอาขี้เถ้าของข้าติดตัวไปกับท่านด้วยได้หรือไม่ ? ข้าอยากจะอยู่กับท่าน…”

“เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล !”

เยี่ยฉวนกล่าวเสียงดุ เขาจ้องมองไปที่เยี่ยหลิง “เจ้าจะต้องไม่ตาย ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายเด็ดขาด เชื่อข้าสิ ต้องมีทางรักษาเจ้าได้แน่ ! เมื่อข้าสำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณเมื่อไหร่ ข้าจะพาเจ้าเข้าไปรักษาที่โรงหมอในเมืองหลวง เป็นเช่นนั้นดีหรือไม่ ?”

ขณะที่พูดแบบนั้นเสียงของเขาก็ค่อย ๆ เบาลง “เจ้าคือครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวแล้ว ได้โปรดมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อพี่ เจ้าทำได้ไหม ?”

เยี่ยหลิงมองหน้าเยี่ยฉวน ก่อนจะพลันน้ำตาไหลลงอาบสองข้างแก้ม

เยี่ยฉวนใช้มือเช็ดน้ำตาเบา ๆ บนใบหน้าของเยี่ยหลิง “อย่าร้องไห้ไปเลย หากร้องมากเกินไปแล้วเจ้าจะไม่สวยนะ ในวันข้างหน้าเจ้ายังต้องแต่งงานออกเรือน !”

เยี่ยหลิงส่ายศีรษะ “ไม่เอา ข้าจะไม่ยอมแต่งงานออกเรือนหรอก ข้าจะอยู่กับท่านพี่ !”

เยี่ยฉวนอมยิ้ม “เจ้าเด็กโง่ ช่างมันเถอะมา เราอ่านนิทานกันดีกว่า… ณ ที่แห่งหนึ่งมีภูเขา และบนยอดภูเขานั้นก็มีวัด…”

ผ่านไปครู่ใหญ่เยี่ยหลิงก็จึงนอนหลับสนิท

เมื่อมองไปที่ร่างของเยี่ยหลิงบนเตียง สีหน้าของเยี่ยฉวนพลันมืดมนลงเหมือนสายน้ำหยุดนิ่ง นั่นเป็นเพราะเยี่ยหลิงหลับใหลนานขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งไปกว่านั้น ในขวดหยกสีขาวก็เหลือยาเพียงแค่ 3 เม็ดเท่านั้น !

หนึ่งอึดใจต่อมา ชายหนุ่มทำการเก็บขวดหยกนั้นกลับเข้าไปในเสื้อพลางห่อตัวเยี่ยหลิงไว้ในผ้าห่ม ก่อนจะกลับไปที่หอคอยแห่งเรือนจำ

มีแต่ต้องฝึกฝน !

สิ่งที่เยี่ยฉวนต้องทำตอนนี้ก็มีแต่ต้องมุมานะฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น แล้วจึงจะพาเยี่ยหลิงไปที่เมืองหลวงได้ นอกจากนี้คนตระกูลเยี่ยยังตั้งใจแน่วแน่ที่จะสังหารเขา ดังนั้นหากการประลองชี้เป็นตายในอีกยี่สิบวันให้หลังเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เยี่ยหลิงและเขาคงต้องตายตกไปตามกันเป็นแน่แท้ !!

เยี่ยฉวนมองหาเงาลวงเพื่อที่จะฝึกฝน ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงของผู้หญิงลึกลับพลันดังขึ้น “ในตอนนี้เจ้าสามารถฝึกกายาซ่อนเร้นได้แล้ว”

เยี่ยฉวนตะลึงงัน “กายาซ่อนเร้น ? กายาซ่อนเร้นคืออะไรงั้นหรือ ?”

เสียงลึกลับยังคงกล่าวต่อไป “กายหยาบนั้นแบ่งออกได้เป็นทั้งหมดหกขุมพลัง มีตั้งแต่ขั้นที่หนึ่งจนถึงลำดับขั้นที่หก อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนรู้ว่าหลังจากขั้นที่หก ผสานลมปราณแล้วยังมีอีกหนึ่งขุมพลังนั่นก็คือกายาทองคำ หลังจากนั้นแล้วจึงจะเป็นขั้นหลอมรวมลมปราณ”

เยี่ยฉวนขมวดคิ้ว “กายาทองคำหรือ ? ท่านผู้อาวุโส เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ?”

หญิงลึกลับเผยยิ้มบางเบา “มิใช่ว่าข้าบอกเจ้าไปแล้วหรือ ว่ากายาซ่อนเร้นนั้นคนธรรมดาย่อมไม่อาจรู้จัก แต่เมื่อเจ้าได้สำเร็จกายาทองคำนี้แล้ว ความสามารถของเจ้าทั้งหมดจะแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นสองเท่า และในไม่ช้าเจ้าจะได้พบกับวิญญาณกระบี่ และเมื่อเจ้าข้ามผ่านมันไปได้ เจ้าจะบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณ”

เยี่ยฉวนกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ? จริงหรือ ?”

หญิงลึกลับกล่าวตอบ “จริงสิ !”

เยี่ยฉวนรีบพูด “งั้นเรามาเริ่มกันเลย ข้าจะฝึก !”

ผู้หญิงลึกลับกล่าว “เจ้ามีปราณกระบี่อยู่ในร่างกายอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าเจ้าจะยังไม่สามารถปลดปล่อยออกมาอย่างเช่นพลังลมปราณของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป แต่เจ้าก็สามารถใช้มันเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและอวัยวะภายในทั้งห้าภายในร่างของเจ้าได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าเจ้าได้ฝึกฝนร่างกายภายนอกจนสำเร็จมาก่อน ดังนั้นตอนนี้จึงถึงเวลาที่เจ้าจะต้องเริ่มฝึกจากภายในบ้างแล้ว แต่เมื่อร่างทั้งร่างของเจ้าได้รับการขัดเกลาอย่างเต็มที่ทั้งภายนอกและภายใน เมื่อนั้นเจ้าก็จะรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย”

เยี่ยฉวนโบกมือและพูดด้วยความเบิกบานใจ “ความเจ็บปวดถือเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างไรข้าก็จะฝึก”

หญิงลึกลับกล่าวต่อ “ย่อมได้ วิธีฝึกฝนนั้นง่ายมาก เจ้าเพียงต้องทำการเคลื่อนการไหลเวียนของฉีและปล่อยให้มันกระจายไปตามกระดูกแขนและขา”

เยี่ยฉวนลงมือทำตามที่ถูกบอกทันที แต่เมื่อได้เริ่มไปแล้ว สองตาของเขาก็พลันเบิกกว้าง “อา…”

ในขณะนี้เยี่ยฉวนรู้สึกเหมือนถูกแทงโดยเข็มนับพันเล่ม ความเจ็บปวดแล่นไหลไปทั่วร่างจนเขาเกือบจะหมดสติ

“ผู้อาวุโส ไหนท่านบอกว่าทนเจ็บแค่นิดเดียวอย่างไรเล่า !”

“มันเจ็บมากเลยงั้นหรือ ? ข้านึกว่ามันจะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…”

“ท่านผู้อาวุโส ไม่เคยมีผู้ใดได้ฝึกขั้นกายาซ่อนเร้นนี่มาก่อนอีกแล้วหรือ !”

“เมื่อนานมากแล้ว เคยมีชายผู้หนึ่งได้ฝึกฝนเช่นนี้อยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ตายทันทีตั้งแต่เริ่มแรก ข้าเลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น…”

“ข้า…”

“แม้ว่าข้าจะเห็นเจ้าเจ็บปวด แต่ข้าก็ไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้ ข้าทำได้เพียงแต่สำนึกผิดด้วยรอยยิ้มนี่เท่านั้น หึหึหึ…”

เยี่ยฉวนพลันหมดสิ้นคำพูด “…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 10 กายาซ่อนเร้น (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 10 กายาซ่อนเร้น (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 10 กายาซ่อนเร้น (ปลาย)

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ถูกของเจ้า ถูกของเจ้า ไอ้เจ้าเยี่ยฉวนผู้นี้อย่างไรเสียมันก็ต้องตายอยู่แล้ว !”

เยี่ยหลางพยักหน้ารับ “ตอนนี้มันก็เป็นแค่สุนัขไร้หนทางที่พยายามจะข้ามกำแพง ในระหว่างนี้ ท่านอย่าเพิ่งไปยั่วยุเจ้านั่นให้มากนักจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นแล้วผู้อื่นจะนินทาเอาได้ว่าข้าใจเสาะ แต่ถ้าหากเป็นบนลานประลองแล้ว ข้าย่อมสามารถฆ่ามันได้โดยชอบธรรม !”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “เจ้าวางใจได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ภายในยี่สิบวันนี้ข้าจะไม่ให้ใครได้ก่อปัญหาแน่”

เยี่ยหลางพยักหน้ารับรู้ “จะว่าไปแล้ว เพื่อที่จะทะลวงเลื่อนขั้นให้ได้เร็วหน่อย ข้าอยากได้หินวิญญาณสักจำนวนหนึ่ง”

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยรู้สึกกระอักกระอ่วน หินวิญญาณที่ว่านี้เป็นอัญมณีล้ำค่าที่บรรจุพลังลมปราณเอาไว้ แม้แต่ตระกูลเยี่ยที่ว่ายิ่งใหญ่ก็ยังมีจำนวนไม่มากนัก ไม่เพียงเท่านั้น แต่หินวิญญาณนี้จะใช้ได้เฉพาะผู้นำตระกูลเท่านั้น แม้แต่เยี่ยฉวนเองก็ยังไม่เคยใช้หินวิญญาณที่ว่าเลยสักครั้ง

“มีปัญหาอะไรงั้นหรือ ?” เยี่ยหลางถาม

ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยสั่นศีรษะ “ไม่มีหรอก แต่มันเป็นหินวิญญาณ พวกเราเลยอาจจะมีไม่มากนัก”

เยี่ยหลางยิ้มพลางกล่าว “สบายใจได้ แค่จะไปให้ถึงขั้นหลอมรวมลมปราณ ข้าคงไม่ต้องใช้หินวิญญาณมากจนเกินไป”

ได้ยินดังนั้นผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เป็นเช่นนั้นได้ก็ดี !”

เยี่ยหลางแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า มีรอยยิ้มเหยียดเสียดสีขึ้นที่มุมปากก่อนจะคิดขึ้นในใจ ‘ช่างเป็นที่ห่างไกลและทุรกันดารนัก แต่ถือว่ายังดีหากจะใช้ประโยชน์จากมันในตอนนี้…’

เยี่ยฉวนกลับไปที่ลานบ้านของตัวเอง แต่เมื่อมาถึงก็พบหลี่มู่และคนอื่น ๆ มารออยู่ก่อนแล้ว

เยี่ยฉวนมองทั้งหมด “พวกเจ้าไม่ควรมาที่นี่ในเวลานี้”

นับตั้งแต่วันที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้สืบทอด เขาก็แทบจะไม่ได้เจอเหล่าพี่น้องร่วมรบกลุ่มนี้อีกเลย เป็นเพราะว่าทุกคนต่างรู้ดีว่าอนาคตของผู้นำตระกูลเยี่ยคนต่อคนไป ไม่ใช่เยี่ยฉวน แต่เป็นเยี่ยหลาง

หลี่มู่จับมือของเยี่ยฉวน “พี่เยี่ย เรื่องก่อนหน้านี้ พวกเราต้องขอขอบคุณท่านมาก”

เยี่ยฉวนพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าและพรรคพวกไม่ได้ทำอันใดกับข้า เป็นข้าที่ต้องขอบคุณเจ้าต่างหาก เอาล่ะ กลับไปได้แล้ว หากผู้เฒ่ารู้เข้าจะเกิดปัญหาเอาได้”

หลี่มู่ครุ่นคิดก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “พี่เยี่ย หากในวันข้างหน้าท่านต้องการความช่วยเหลือ โปรดบอกให้ข้ารู้ พวกเราจะไม่มีทางปฏิเสธแน่”

เมื่อได้กล่าวเช่นนั้นแล้ว หลี่มู่และพรรคพวกก็จากไป

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะเบา ๆ เมื่อเห็นพี่ชายทำท่าทางดังนั้นเยี่ยหลิงจึงเข้าไปคว้าจับเข้าที่แขนของเยี่ยฉวน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “ท่านพี่ ท่านไม่เชื่อพวกเขาหรือ ?”

เยี่ยฉวนตอบยิ้มๆ “หากท่านพี่ของเจ้าแข็งแกร่ง สิ่งที่เจ้าพวกนั้นบอกก็จะเป็นความจริง แต่ถ้าหากข้าอ่อนแอและไม่มีโอกาสที่จะพลิกกลับฟื้นคืนแล้วละก็ ทุกอย่างก็ล้วนเป็นแค่ลมปากเท่านั้น”

เยี่ยหลิงมองเยี่ยฉวนและพูดอย่างจริงจัง “แต่ข้าน่ะเป็นของจริงนะ ข้าจะยืนเคียงข้างท่านพี่ตลอดไปเลย !”

เยี่ยฉวนส่งยิ้มให้น้องสาวและพากันเดินกลับบ้าน แต่เมื่อมาถึงที่ลานโล่ง ฉับพลันร่างของเยี่ยหลิงพลันสั่นอย่างรุนแรง ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ร่างกายของนางก็ยังส่งกระแสลมอันหนาวเย็นออกมาอีกด้วย !

หัวใจของเยี่ยฉวนแทบจะหยุดเต้น เขารีบพาเยี่ยหลิงไปที่เตียงจากนั้นรีบร้อนหยิบขวดหยกสีขาวออกมา เทเม็ดยาแล้วป้อนให้กับเยี่ยหลิง หลังจากรับยารักษาเข้าสู่ร่างกายได้ทันท่วงที สีหน้าของเยี่ยหลิงก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย

เยี่ยหลิงค่อย ๆ ลืมตา มือขวาของนางกุมมือเยี่ยฉวนเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบาราวกับยุง “ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่าตัวเองคงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ถ้า.. ถ้าข้าตาย ท่านพี่ช่วยเอาขี้เถ้าของข้าติดตัวไปกับท่านด้วยได้หรือไม่ ? ข้าอยากจะอยู่กับท่าน…”

“เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล !”

เยี่ยฉวนกล่าวเสียงดุ เขาจ้องมองไปที่เยี่ยหลิง “เจ้าจะต้องไม่ตาย ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตายเด็ดขาด เชื่อข้าสิ ต้องมีทางรักษาเจ้าได้แน่ ! เมื่อข้าสำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณเมื่อไหร่ ข้าจะพาเจ้าเข้าไปรักษาที่โรงหมอในเมืองหลวง เป็นเช่นนั้นดีหรือไม่ ?”

ขณะที่พูดแบบนั้นเสียงของเขาก็ค่อย ๆ เบาลง “เจ้าคือครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวแล้ว ได้โปรดมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อพี่ เจ้าทำได้ไหม ?”

เยี่ยหลิงมองหน้าเยี่ยฉวน ก่อนจะพลันน้ำตาไหลลงอาบสองข้างแก้ม

เยี่ยฉวนใช้มือเช็ดน้ำตาเบา ๆ บนใบหน้าของเยี่ยหลิง “อย่าร้องไห้ไปเลย หากร้องมากเกินไปแล้วเจ้าจะไม่สวยนะ ในวันข้างหน้าเจ้ายังต้องแต่งงานออกเรือน !”

เยี่ยหลิงส่ายศีรษะ “ไม่เอา ข้าจะไม่ยอมแต่งงานออกเรือนหรอก ข้าจะอยู่กับท่านพี่ !”

เยี่ยฉวนอมยิ้ม “เจ้าเด็กโง่ ช่างมันเถอะมา เราอ่านนิทานกันดีกว่า… ณ ที่แห่งหนึ่งมีภูเขา และบนยอดภูเขานั้นก็มีวัด…”

ผ่านไปครู่ใหญ่เยี่ยหลิงก็จึงนอนหลับสนิท

เมื่อมองไปที่ร่างของเยี่ยหลิงบนเตียง สีหน้าของเยี่ยฉวนพลันมืดมนลงเหมือนสายน้ำหยุดนิ่ง นั่นเป็นเพราะเยี่ยหลิงหลับใหลนานขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งไปกว่านั้น ในขวดหยกสีขาวก็เหลือยาเพียงแค่ 3 เม็ดเท่านั้น !

หนึ่งอึดใจต่อมา ชายหนุ่มทำการเก็บขวดหยกนั้นกลับเข้าไปในเสื้อพลางห่อตัวเยี่ยหลิงไว้ในผ้าห่ม ก่อนจะกลับไปที่หอคอยแห่งเรือนจำ

มีแต่ต้องฝึกฝน !

สิ่งที่เยี่ยฉวนต้องทำตอนนี้ก็มีแต่ต้องมุมานะฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น แล้วจึงจะพาเยี่ยหลิงไปที่เมืองหลวงได้ นอกจากนี้คนตระกูลเยี่ยยังตั้งใจแน่วแน่ที่จะสังหารเขา ดังนั้นหากการประลองชี้เป็นตายในอีกยี่สิบวันให้หลังเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เยี่ยหลิงและเขาคงต้องตายตกไปตามกันเป็นแน่แท้ !!

เยี่ยฉวนมองหาเงาลวงเพื่อที่จะฝึกฝน ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงของผู้หญิงลึกลับพลันดังขึ้น “ในตอนนี้เจ้าสามารถฝึกกายาซ่อนเร้นได้แล้ว”

เยี่ยฉวนตะลึงงัน “กายาซ่อนเร้น ? กายาซ่อนเร้นคืออะไรงั้นหรือ ?”

เสียงลึกลับยังคงกล่าวต่อไป “กายหยาบนั้นแบ่งออกได้เป็นทั้งหมดหกขุมพลัง มีตั้งแต่ขั้นที่หนึ่งจนถึงลำดับขั้นที่หก อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนรู้ว่าหลังจากขั้นที่หก ผสานลมปราณแล้วยังมีอีกหนึ่งขุมพลังนั่นก็คือกายาทองคำ หลังจากนั้นแล้วจึงจะเป็นขั้นหลอมรวมลมปราณ”

เยี่ยฉวนขมวดคิ้ว “กายาทองคำหรือ ? ท่านผู้อาวุโส เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ?”

หญิงลึกลับเผยยิ้มบางเบา “มิใช่ว่าข้าบอกเจ้าไปแล้วหรือ ว่ากายาซ่อนเร้นนั้นคนธรรมดาย่อมไม่อาจรู้จัก แต่เมื่อเจ้าได้สำเร็จกายาทองคำนี้แล้ว ความสามารถของเจ้าทั้งหมดจะแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นสองเท่า และในไม่ช้าเจ้าจะได้พบกับวิญญาณกระบี่ และเมื่อเจ้าข้ามผ่านมันไปได้ เจ้าจะบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณ”

เยี่ยฉวนกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ? จริงหรือ ?”

หญิงลึกลับกล่าวตอบ “จริงสิ !”

เยี่ยฉวนรีบพูด “งั้นเรามาเริ่มกันเลย ข้าจะฝึก !”

ผู้หญิงลึกลับกล่าว “เจ้ามีปราณกระบี่อยู่ในร่างกายอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าเจ้าจะยังไม่สามารถปลดปล่อยออกมาอย่างเช่นพลังลมปราณของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป แต่เจ้าก็สามารถใช้มันเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและอวัยวะภายในทั้งห้าภายในร่างของเจ้าได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าเจ้าได้ฝึกฝนร่างกายภายนอกจนสำเร็จมาก่อน ดังนั้นตอนนี้จึงถึงเวลาที่เจ้าจะต้องเริ่มฝึกจากภายในบ้างแล้ว แต่เมื่อร่างทั้งร่างของเจ้าได้รับการขัดเกลาอย่างเต็มที่ทั้งภายนอกและภายใน เมื่อนั้นเจ้าก็จะรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย”

เยี่ยฉวนโบกมือและพูดด้วยความเบิกบานใจ “ความเจ็บปวดถือเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างไรข้าก็จะฝึก”

หญิงลึกลับกล่าวต่อ “ย่อมได้ วิธีฝึกฝนนั้นง่ายมาก เจ้าเพียงต้องทำการเคลื่อนการไหลเวียนของฉีและปล่อยให้มันกระจายไปตามกระดูกแขนและขา”

เยี่ยฉวนลงมือทำตามที่ถูกบอกทันที แต่เมื่อได้เริ่มไปแล้ว สองตาของเขาก็พลันเบิกกว้าง “อา…”

ในขณะนี้เยี่ยฉวนรู้สึกเหมือนถูกแทงโดยเข็มนับพันเล่ม ความเจ็บปวดแล่นไหลไปทั่วร่างจนเขาเกือบจะหมดสติ

“ผู้อาวุโส ไหนท่านบอกว่าทนเจ็บแค่นิดเดียวอย่างไรเล่า !”

“มันเจ็บมากเลยงั้นหรือ ? ข้านึกว่ามันจะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…”

“ท่านผู้อาวุโส ไม่เคยมีผู้ใดได้ฝึกขั้นกายาซ่อนเร้นนี่มาก่อนอีกแล้วหรือ !”

“เมื่อนานมากแล้ว เคยมีชายผู้หนึ่งได้ฝึกฝนเช่นนี้อยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ตายทันทีตั้งแต่เริ่มแรก ข้าเลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น…”

“ข้า…”

“แม้ว่าข้าจะเห็นเจ้าเจ็บปวด แต่ข้าก็ไม่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้ ข้าทำได้เพียงแต่สำนึกผิดด้วยรอยยิ้มนี่เท่านั้น หึหึหึ…”

เยี่ยฉวนพลันหมดสิ้นคำพูด “…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+