หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 100 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 100 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 100 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ปลาย)

เมื่อเห็นเยี่ยฉวนหยุด คณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ที่สะกดรอยตามมาก็ค่อย ๆ หยุดทีละคน

ชายหนุ่มหันกลับไปมองคนเหล่านั้น “จะสู้กันแบบตัวต่อตัว ?”

“ตัวต่อตัว ?”

ทุกคนตกตะลึง “นี่เขาแสร้งทำเป็นตรงไปตรงมาหรืออย่างไรกัน ?”

ในเวลานี้ ศิษย์ของสำนักศึกษาฉางมู่ก็ได้ยืดตัวตรงและเดินเข้าไปหาเยี่ยฉวนอย่างช้า ๆ ก่อนจะตะคอกออกมา “เยี่ยฉวน เจ้าได้สังหารศิษย์ของสำนักศึกษาฉางมู่ซึ่งเป็นสหายของพวกเรา ในวันนี้พวกข้า…”

ในเวลาเดียวกันนั้น เยี่ยฉวนพลันหายลับเข้าไปท่ามกลางหมู่ควันสีน้ำเงิน

เปรี้ยง !

ไม่นานนัก ชายคนนั้นยังไม่ทันพูดจบดี จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งบินตรงเข้ามาที่พวกเขาโดยอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 3 จั้ง !

“เยี่ยฉวน ต้องเป็นเขาที่เข้าโจมตีแล้วแน่ ๆ!”

เมื่อเห็นฉากนี้ คณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่พลันแตกฮือทันที

“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเรอะ ?”

ศิษย์เหล่านั้นต่างแลกเปลี่ยนสายตามองกันไปมา พวกเขากำลังตั้งใจที่จะโจมตีเยี่ยฉวนพร้อม ๆ กัน เมื่อมาถึงจุดนี้ เยี่ยฉวนก็กล่าวขึ้น “พวกเจ้ามีกันตั้งหลายคน ไยจึงไม่โจมตีเข้ามาพร้อมกันเลยเล่า ? อย่างไรเสีย คนของสำนักฉางมู่ก็ไร้ยางอายอยู่แล้วนี่ จะมัวรอช้าอยู่ไย พวกเจ้าเข้ามาเลย !”

เมื่อได้ยินคำสบประมาทดังนั้น คณะลูกศิษย์จากสำนักฉางมู่ก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด

จะให้หมาหมู่อย่างนั้นหรือ ?

ทีแรกพวกเขาก็อยากที่จะทำสิ่งนี้ด้วยกันอยู่หรอกนะ แต่หลังจากที่ได้ยินเยี่ยฉวนแล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าทำเช่นนั้นอีก เพราะขณะนี้เป็นเวลากลางวันแสก ๆ หากข่าวลือที่พวกเขารุมจัดการเยี่ยฉวนแพร่ออกไป ย่อมไม่เป็นที่ภาคภูมิใจแม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะได้ก็ตาม !

เมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนั้นไม่ได้เคลื่อนไหว เยี่ยฉวนจึงชี้ไปที่พวกเขา “พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มคนตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้นแหละ !”

เยี่ยฉวนกลับหลังหันและเดินจากไป

คณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ที่ยืนอยู่เบื้องหลังนั้นสีหน้ายังดูน่าเกลียดไม่ต่างจากเดิม แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครกล้าลงมือ

พวกเขาไม่ได้โง่ ด้วยถ้าหากวัดจากฝีมือของเยี่ยฉวนตอนนี้ คงไม่มีใครในพวกเขาเทียบเคียงได้ ถึงแม้ ว่ายืนกรานที่จะสู้ต่อไป คงไม่พ้นเป็นพวกเขาเองที่ต้องอับอายทั้งนั้น ในระยะสั้น ตอนนี้พวกเขาได้ตระหนักแล้วว่ามีเพียงศิษย์ฝ่ายในของสำนักศึกษาฉางมู่เท่านั้นที่จะต่อกรกับเยี่ยฉวนได้ !

ดังนั้นภายใต้สายตาที่จับจ้องอยู่ของคณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ เยี่ยฉวนก็ได้หายตัวไปในตอนท้ายของเส้นทาง

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดเยี่ยฉวนก็ได้ขึ้นเรือเหาะ คราวนี้เขาพักอาศัยอยู่ที่ห้องชั้นบน แน่นอนว่าเป็นเพราะแผ่นป้ายสีม่วงที่เคยได้รับมา ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงสามารถเข้าพักที่ห้องชั้นบนได้ฟรีโดยไม่มีค่า ใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม แน่นอนว่าเยี่ยฉวนไม่มีทางปฏิเสธสิทธิประโยชน์ดี ๆ เหล่านี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะ ทิ้งสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้ไป !

เมื่อเรือเหาะแล่นออกฐาน เยี่ยฉวนก็เดินมายังที่ดาดฟ้าเรือ

“เป็นเจ้านั่นเอง !”

ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็พลันดังเข้ามาในหูของเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนหันกลับไปมอง ไม่ไกลจากเขานักมีสตรีในชุดสีแดงยืนอยู่ ช่างเป็นความงดงามที่น่าทึ่งโดย เฉพาะอย่างยิ่งรูปร่างอันสูงโปร่งของนาง หลายคนอดไม่ได้ที่จะนึกฝันว่าได้ดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนและใช้ สองมือลูบคลำไปทั่วร่างบางนั้น !

สตรีนางนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นโม่สุ่ยชิงที่เคยมีเรื่องมีราวกับเขานั่นเอง !

มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ โม่สุ่ยชิง เขาสวมชุดที่งามพร้อม บนศีรษะมีมงกุฎทองคำประดับ ทั้งรอบเอวยังถูกรัดไว้ด้วยเข็มขัดหยก ดูแล้วสง่างามไม่ใช่น้อย

ชายคนนั้นสบตากับเยี่ยฉวน มองขึ้นและมองลง

หลังจากมองไปที่โม่สุ่ยชิงแล้ว เยี่ยฉวนจึงหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาเดินขึ้นไปที่หัวเรือและมองออก ไปข้างนอก เมื่อเห็นทิวทัศน์ข้างล่างมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ  ชายหนุ่มก็ยิ่งโหยหาการเป็นเซียนกระบี่ในตำนาน มากขึ้นเท่านั้น

การได้ขี่กระบี่เที่ยวชมความงามของสวรรค์และโลก ถือเป็นความใฝ่ฝันของผู้ฝึกฝนเพลงกระบี่ทุกผู้ ทุกคน !

พอโม่สุ่ยชิงเห็นเยี่ยฉวนทำเป็นเมิน นางก็พลันมีท่าทีสงบลง ด้วยนับตั้งแต่แรกเกิดมาจนถึงบัดนี้ หญิงสาวมักเป็นที่จับจ้องของทุก ๆ สายตาไม่ว่าจะย่างก้าวไปที่ไหน แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คนอย่างนางถึงได้ถูก มองข้ามเช่นนี้ ?

โม่สุ่ยชิงเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ เยี่ยฉวน ชายหนุ่มหันมามองนางพลางย่นคิ้วเล็กน้อย ปฏิเสธไม่ได้ว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าเขานี้งดงามมากจริง ๆ บางทีบุรุษทุกคนที่ได้พบอาจหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวนาง แต่เขาไม่เป็นเช่นนั้น หรือที่จริงควรบอกว่านางกลับทำให้เยี่ยฉวนรู้สึกขยะแขยงมากกว่า !

เขาล่ะเกลียดนักสตรีที่ไม่ให้ความเคารพหรือสนใจความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่น !

อันหลานซิ่วงดงามกว่านี้มากนัก

เมื่อนึกถึงสตรีที่สวมชุดขาวราวกับหิมะประจำตัวนาง เยี่ยฉวนก็ค่อย ๆ คลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมลง ก่อนจะมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม

“เยี่ยฉวน !”

ทันใดนั้นโม่สุ่ยชิงก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ทำไม ? ข้าไปทำอะไรให้เจ้ารู้สึกรังเกียจงั้นหรือ ?”

เยี่ยฉวนส่ายหน้า “คุณหนูโม่ เราสองย่อมแตกต่าง”

โม่สุ่ยชิงกระพือแพขนตางอนยาวของนางเล็กน้อย “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเข้าศึกษาที่สำนักฉางหลานแล้ว หรือ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับ

“ยินดีด้วย !” โม่สุ่ยชิงหัวเราะ รอยยิ้มของนางสว่างสดใส ทว่าคำพูดคำจานั้นกลับฟังรุนแรงไปหน่อย

ทว่าเยี่ยฉวนกลับเพียงพยักหน้าและเงียบไป เพราะเขาไม่ต้องการต่อบทสนทนาอีก จากนั้นจึงได้กลับ หลังหันและเดินไปอีกด้าน

โม่สุ่ยชิงไม่คิดที่จะหยุดเพียงเท่านี้ นางเดินตามเขาไปตรงนั้นตรงนี้และพูดต่อทันที “ต้องรอให้เวลาล่วงพ้นเป็นปีไปแล้วโน่น ถึงจะสามารถจัดการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่สูสีระหว่างสำนักศึกษาฉางมู่และฉางหลานได้”

เยี่ยฉวนยังคงไม่ตอบโต้

โม่สุ่ยชิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ ข้าจะไปที่นั่นเพื่อชมการแข่งขันแน่นอน”

เยี่ยฉวนมองโม่สุ่ยชิง จากนั้นก็เดินหนีไปยังอีกด้านหนึ่งอีกครั้ง

เมื่อเห็นเช่นนี้ใบหน้าของโม่สุ่ยชิงก็เริ่มหม่นลง ดูเหมือนว่านางกำลังคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงได้ ปรายตาไปหาผู้ชายคนข้าง ๆ และคลี่ยิ้มออกมา “พี่ชายมู่ ท่านเห็นไหมว่าเขาเกลียดข้าแล้ว !”

ชายคนนั้นมองไปที่เยี่ยฉวนและมองกลับมาที่โม่สุ่ยชิงโดยไม่ได้กล่าวอะไร เขาไม่โง่ จึงย่อมดูออกโดยธรรมชาติว่าสตรีคนข้าง ๆ นางนี้ต้องการใช้เขาเป็นเครื่องมือ !

ทันใดนั้นเยี่ยฉวนก็หันกลับไปจ้องโม่สุ่ยชิง “นี่ยังแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นว่าข้าขยะแขยงเจ้ามากเพียงใดอีกรึ ? แล้วนี่เจ้าจะช่วยหยุดป้วนเปี้ยนวนไปวนมาใกล้ ๆ ข้าสักทีได้หรือไม่ ? หากยังขืนเข้ามาใกล้กว่านี้ ข้าเกรงว่าจะยับยั้งตัวเองไม่ได้และพลั้งมือต่อยเจ้าจนตายเข้าจริง ๆ”

โม่สุ่ยชิงอับจนคำพูด “…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 100 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 100 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 100 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ปลาย)

เมื่อเห็นเยี่ยฉวนหยุด คณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ที่สะกดรอยตามมาก็ค่อย ๆ หยุดทีละคน

ชายหนุ่มหันกลับไปมองคนเหล่านั้น “จะสู้กันแบบตัวต่อตัว ?”

“ตัวต่อตัว ?”

ทุกคนตกตะลึง “นี่เขาแสร้งทำเป็นตรงไปตรงมาหรืออย่างไรกัน ?”

ในเวลานี้ ศิษย์ของสำนักศึกษาฉางมู่ก็ได้ยืดตัวตรงและเดินเข้าไปหาเยี่ยฉวนอย่างช้า ๆ ก่อนจะตะคอกออกมา “เยี่ยฉวน เจ้าได้สังหารศิษย์ของสำนักศึกษาฉางมู่ซึ่งเป็นสหายของพวกเรา ในวันนี้พวกข้า…”

ในเวลาเดียวกันนั้น เยี่ยฉวนพลันหายลับเข้าไปท่ามกลางหมู่ควันสีน้ำเงิน

เปรี้ยง !

ไม่นานนัก ชายคนนั้นยังไม่ทันพูดจบดี จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งบินตรงเข้ามาที่พวกเขาโดยอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 3 จั้ง !

“เยี่ยฉวน ต้องเป็นเขาที่เข้าโจมตีแล้วแน่ ๆ!”

เมื่อเห็นฉากนี้ คณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่พลันแตกฮือทันที

“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเรอะ ?”

ศิษย์เหล่านั้นต่างแลกเปลี่ยนสายตามองกันไปมา พวกเขากำลังตั้งใจที่จะโจมตีเยี่ยฉวนพร้อม ๆ กัน เมื่อมาถึงจุดนี้ เยี่ยฉวนก็กล่าวขึ้น “พวกเจ้ามีกันตั้งหลายคน ไยจึงไม่โจมตีเข้ามาพร้อมกันเลยเล่า ? อย่างไรเสีย คนของสำนักฉางมู่ก็ไร้ยางอายอยู่แล้วนี่ จะมัวรอช้าอยู่ไย พวกเจ้าเข้ามาเลย !”

เมื่อได้ยินคำสบประมาทดังนั้น คณะลูกศิษย์จากสำนักฉางมู่ก็มีสีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด

จะให้หมาหมู่อย่างนั้นหรือ ?

ทีแรกพวกเขาก็อยากที่จะทำสิ่งนี้ด้วยกันอยู่หรอกนะ แต่หลังจากที่ได้ยินเยี่ยฉวนแล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าทำเช่นนั้นอีก เพราะขณะนี้เป็นเวลากลางวันแสก ๆ หากข่าวลือที่พวกเขารุมจัดการเยี่ยฉวนแพร่ออกไป ย่อมไม่เป็นที่ภาคภูมิใจแม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะได้ก็ตาม !

เมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนั้นไม่ได้เคลื่อนไหว เยี่ยฉวนจึงชี้ไปที่พวกเขา “พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มคนตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้นแหละ !”

เยี่ยฉวนกลับหลังหันและเดินจากไป

คณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ที่ยืนอยู่เบื้องหลังนั้นสีหน้ายังดูน่าเกลียดไม่ต่างจากเดิม แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครกล้าลงมือ

พวกเขาไม่ได้โง่ ด้วยถ้าหากวัดจากฝีมือของเยี่ยฉวนตอนนี้ คงไม่มีใครในพวกเขาเทียบเคียงได้ ถึงแม้ ว่ายืนกรานที่จะสู้ต่อไป คงไม่พ้นเป็นพวกเขาเองที่ต้องอับอายทั้งนั้น ในระยะสั้น ตอนนี้พวกเขาได้ตระหนักแล้วว่ามีเพียงศิษย์ฝ่ายในของสำนักศึกษาฉางมู่เท่านั้นที่จะต่อกรกับเยี่ยฉวนได้ !

ดังนั้นภายใต้สายตาที่จับจ้องอยู่ของคณะลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ เยี่ยฉวนก็ได้หายตัวไปในตอนท้ายของเส้นทาง

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดเยี่ยฉวนก็ได้ขึ้นเรือเหาะ คราวนี้เขาพักอาศัยอยู่ที่ห้องชั้นบน แน่นอนว่าเป็นเพราะแผ่นป้ายสีม่วงที่เคยได้รับมา ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงสามารถเข้าพักที่ห้องชั้นบนได้ฟรีโดยไม่มีค่า ใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม แน่นอนว่าเยี่ยฉวนไม่มีทางปฏิเสธสิทธิประโยชน์ดี ๆ เหล่านี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะ ทิ้งสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้ไป !

เมื่อเรือเหาะแล่นออกฐาน เยี่ยฉวนก็เดินมายังที่ดาดฟ้าเรือ

“เป็นเจ้านั่นเอง !”

ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็พลันดังเข้ามาในหูของเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนหันกลับไปมอง ไม่ไกลจากเขานักมีสตรีในชุดสีแดงยืนอยู่ ช่างเป็นความงดงามที่น่าทึ่งโดย เฉพาะอย่างยิ่งรูปร่างอันสูงโปร่งของนาง หลายคนอดไม่ได้ที่จะนึกฝันว่าได้ดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนและใช้ สองมือลูบคลำไปทั่วร่างบางนั้น !

สตรีนางนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นโม่สุ่ยชิงที่เคยมีเรื่องมีราวกับเขานั่นเอง !

มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ โม่สุ่ยชิง เขาสวมชุดที่งามพร้อม บนศีรษะมีมงกุฎทองคำประดับ ทั้งรอบเอวยังถูกรัดไว้ด้วยเข็มขัดหยก ดูแล้วสง่างามไม่ใช่น้อย

ชายคนนั้นสบตากับเยี่ยฉวน มองขึ้นและมองลง

หลังจากมองไปที่โม่สุ่ยชิงแล้ว เยี่ยฉวนจึงหันกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาเดินขึ้นไปที่หัวเรือและมองออก ไปข้างนอก เมื่อเห็นทิวทัศน์ข้างล่างมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ  ชายหนุ่มก็ยิ่งโหยหาการเป็นเซียนกระบี่ในตำนาน มากขึ้นเท่านั้น

การได้ขี่กระบี่เที่ยวชมความงามของสวรรค์และโลก ถือเป็นความใฝ่ฝันของผู้ฝึกฝนเพลงกระบี่ทุกผู้ ทุกคน !

พอโม่สุ่ยชิงเห็นเยี่ยฉวนทำเป็นเมิน นางก็พลันมีท่าทีสงบลง ด้วยนับตั้งแต่แรกเกิดมาจนถึงบัดนี้ หญิงสาวมักเป็นที่จับจ้องของทุก ๆ สายตาไม่ว่าจะย่างก้าวไปที่ไหน แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คนอย่างนางถึงได้ถูก มองข้ามเช่นนี้ ?

โม่สุ่ยชิงเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ เยี่ยฉวน ชายหนุ่มหันมามองนางพลางย่นคิ้วเล็กน้อย ปฏิเสธไม่ได้ว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าเขานี้งดงามมากจริง ๆ บางทีบุรุษทุกคนที่ได้พบอาจหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวนาง แต่เขาไม่เป็นเช่นนั้น หรือที่จริงควรบอกว่านางกลับทำให้เยี่ยฉวนรู้สึกขยะแขยงมากกว่า !

เขาล่ะเกลียดนักสตรีที่ไม่ให้ความเคารพหรือสนใจความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่น !

อันหลานซิ่วงดงามกว่านี้มากนัก

เมื่อนึกถึงสตรีที่สวมชุดขาวราวกับหิมะประจำตัวนาง เยี่ยฉวนก็ค่อย ๆ คลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมลง ก่อนจะมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม

“เยี่ยฉวน !”

ทันใดนั้นโม่สุ่ยชิงก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ทำไม ? ข้าไปทำอะไรให้เจ้ารู้สึกรังเกียจงั้นหรือ ?”

เยี่ยฉวนส่ายหน้า “คุณหนูโม่ เราสองย่อมแตกต่าง”

โม่สุ่ยชิงกระพือแพขนตางอนยาวของนางเล็กน้อย “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเข้าศึกษาที่สำนักฉางหลานแล้ว หรือ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับ

“ยินดีด้วย !” โม่สุ่ยชิงหัวเราะ รอยยิ้มของนางสว่างสดใส ทว่าคำพูดคำจานั้นกลับฟังรุนแรงไปหน่อย

ทว่าเยี่ยฉวนกลับเพียงพยักหน้าและเงียบไป เพราะเขาไม่ต้องการต่อบทสนทนาอีก จากนั้นจึงได้กลับ หลังหันและเดินไปอีกด้าน

โม่สุ่ยชิงไม่คิดที่จะหยุดเพียงเท่านี้ นางเดินตามเขาไปตรงนั้นตรงนี้และพูดต่อทันที “ต้องรอให้เวลาล่วงพ้นเป็นปีไปแล้วโน่น ถึงจะสามารถจัดการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่สูสีระหว่างสำนักศึกษาฉางมู่และฉางหลานได้”

เยี่ยฉวนยังคงไม่ตอบโต้

โม่สุ่ยชิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ ข้าจะไปที่นั่นเพื่อชมการแข่งขันแน่นอน”

เยี่ยฉวนมองโม่สุ่ยชิง จากนั้นก็เดินหนีไปยังอีกด้านหนึ่งอีกครั้ง

เมื่อเห็นเช่นนี้ใบหน้าของโม่สุ่ยชิงก็เริ่มหม่นลง ดูเหมือนว่านางกำลังคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงได้ ปรายตาไปหาผู้ชายคนข้าง ๆ และคลี่ยิ้มออกมา “พี่ชายมู่ ท่านเห็นไหมว่าเขาเกลียดข้าแล้ว !”

ชายคนนั้นมองไปที่เยี่ยฉวนและมองกลับมาที่โม่สุ่ยชิงโดยไม่ได้กล่าวอะไร เขาไม่โง่ จึงย่อมดูออกโดยธรรมชาติว่าสตรีคนข้าง ๆ นางนี้ต้องการใช้เขาเป็นเครื่องมือ !

ทันใดนั้นเยี่ยฉวนก็หันกลับไปจ้องโม่สุ่ยชิง “นี่ยังแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นว่าข้าขยะแขยงเจ้ามากเพียงใดอีกรึ ? แล้วนี่เจ้าจะช่วยหยุดป้วนเปี้ยนวนไปวนมาใกล้ ๆ ข้าสักทีได้หรือไม่ ? หากยังขืนเข้ามาใกล้กว่านี้ ข้าเกรงว่าจะยับยั้งตัวเองไม่ได้และพลั้งมือต่อยเจ้าจนตายเข้าจริง ๆ”

โม่สุ่ยชิงอับจนคำพูด “…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+