หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 101 ข้าจะพาเจ้าไปฆ่า (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 101 ข้าจะพาเจ้าไปฆ่า (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 101 ข้าจะพาเจ้าไปฆ่า (ต้น)

โม่สุ่ยชิงจับจ้องไปที่เยี่ยฉวน นางกำหมัดแน่นจนร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย

ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างจ้องมองไปที่เยี่ยฉวนด้วยความประหลาดใจ

เมื่อพูดจบเยี่ยฉวนก็หันหลังเดินจากไปในขณะที่โม่สุ่ยชิงกรีดร้องออกมา “เจ้ากล้าดียังไงถึงมาทำให้ข้าขายหน้า !”

เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้า เขากลับหลังหันและเดินไปหาโม่สุ่ยชิง “ข้าน่ะหรือทำให้เจ้าอับอายขายหน้า ? ข้าทำหูทวนลมถึงสองครั้ง แต่ก็เป็นเจ้าที่เอาแต่ก่อกวนข้าไม่หยุดไม่ใช่หรือไงกัน ?”

ขณะที่พูดเช่นนี้ เยี่ยฉวนก็บีบแก้มของโม่สุ่ยชิงเบา ๆ “คุณหนูโม่ เจ้าถามตัวเองก่อนเถิด ว่านอกจาก ฐานะทางสังคมแล้วในตัวเจ้ายังมีอะไรดีอีกบ้าง ? หรือเจ้าคิดว่าจะมีชายอื่นล้อมหน้าล้อมหลังหากเจ้า ไม่มีหน้ามีตา มีฐานะสูงส่งในตระกูลโม่ ? นี่คิดว่าผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ ตัวเจ้า พวกเขาชื่นชอบเจ้าจริง ๆ งั้นหรือ ? เปล่าเลย เจ้าพวกนั้นก็เพียงแต่หลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสวยงามเจริญหูเจริญตาแค่นั้นแหละ หาก ปราศจากฐานะคอยค้ำชูแล้ว ข้าเกรงว่าเรือนร่างของเจ้าหรือแม้แต่ตระกูลโม่ก็ไม่ควรค่าแก่สายตาของใครเสีย ด้วยซ้ำ !”

หลังจากพูดจบเยี่ยฉวนก็คลายมือออก ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังคบหากับใครสักคนอยู่ แต่ประทานโทษ ไอ้การที่เจ้าหว่านเสน่ห์ ล้อเล่นกับผู้ชายหลายคนไปทั่วพร้อม ๆ กันนี่มันหมายความว่า อย่างไร ? หมายความว่าอย่างไรรู้หรือไม่ ? หากชายใดมีสมองเสียหน่อย เขาย่อมไม่คล้อยตามเจ้าแน่ จริงอย่างที่คุณหนูอันพูด ถึงอย่างไรตระกูลโม่ก็เป็นตระกูลใหญ่ แต่เจ้ากลับมัวเสียเวลาทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ เนี่ยนะ เจ้าไม่คิดว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้ตระกูลเจ้าต้องอับอายบ้างหรือ ? ลองทบทวนดู ก็แล้วกัน อีกอย่าง ต่อแต่นี้ไปอย่าได้มาตอแยข้าอีก ข้ายังไม่อยากถูกคนตระกูลโม่ตามล่า ข้อหาที่ซัดเจ้าจน ตายคามือหรอกนะ !”

เมื่อสิ้นเสียงพูด เยี่ยฉวนก็หันหลังและเดินจากไป

โม่สุ่ยชิงยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความอึ้ง สองมือกำหมัดแน่น ใบหน้างดงามที่เคลือบไว้ด้วยความเย็นชาทำ ให้ไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่

เยี่ยฉวนกลับไปที่ห้องของตัวเอง สำหรับโม่สุ่ยชิงแล้ว เยี่ยฉวนไม่อาจพูดได้ว่าเขาโกรธหรือเกลียดนาง เป็นพิเศษ แต่กระนั้นก็ไม่ได้มีความประทับใจในส่วนดีต่อนางแม้แต่นิด สตรีประเภทนี้เป็นพวกจองหองพองขน เกินไป

เขาเลิกนึกถึงโม่สุ่ยชิงและกลับไปที่หอคอยแห่งเรือนจำ

“ผู้อาวุโส ?”

เยี่ยฉวนมองไปรอบ ๆ และถามเสียงต่ำ

ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่ว ปราศจากเสียงสตรีลึกลับตอบกลับมา

สีหน้าของเยี่ยฉวนซีดเผือดลงทันใด เขาเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาแล้วจริง ๆ ถ้าหากว่านางไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้ว แบบนี้จะต้องทำยังไงต่อไปกัน !

เมื่อมาถึงจุดนี้ เศษกระดาษพลันลอยออกมาจากปากทางเข้าของชั้นที่สอง ทันทีที่เห็นกระดาษแผ่นนี้ เยี่ยฉวนก็สะดุ้งเบิกตากว้างก่อนจะคิดในใจว่า ‘มันมาอีกแล้ว !’

ในไม่ช้ากระดาษแผ่นนั้นก็ลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เยี่ยฉวนทำสีหน้าเรียบเฉยปราศจากอารมณ์ กระดาษแผ่นนี้มีรอยภาพพิมพ์อุ้งตีนสัตว์อยู่บนนั้น

มุมปากเยี่ยฉวนกระตุกเล็กน้อย เขาเหลือบมองไปรอบ ๆ จากนั้นจึงรีบออกมาจากหอคอยแห่งเรือนจำอย่างรวดเร็ว

“ตัวอันใดกันแน่ที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่ชั้นสองนั่น ?”

จิตใจของเยี่ยฉวนตอนนี้ปั่นป่วนไปด้วยความสงสัย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกเก็บไว้ในที่ใด แต่เขาก็มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าตอนนี้ตัวเองไม่สามารถเอาชนะมันได้แน่ ๆ!

“ข้าคงต้องรีบตามหาเต๋าเสียแล้ว !”

เยี่ยฉวนตัดสินใจแล้ว !

ในเวลาต่อมา ชายหนุ่มจึงได้ลงมือฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง !

ตอนนี้เขาบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณได้แล้วก็จริง แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจเข้าใจถึงแก่นแท้ของมันได้ โดยเฉพาะการใช้รัศมีกระบี่และปราณกระบี่ น่าเสียดายที่สตรีลึกลับยังไม่ได้กล่าวถึงมันทั้งสองเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องสำรวจอย่างช้า ๆ ด้วยตัวเอง !

เป็นเรื่องควรค่าแก่การกล่าวถึง หากจะบอกว่าเขารู้สึกว่ามันยากลำบากน้อยกว่าครั้งที่ฝึก ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ เสียด้วยซ้ำ ไม่เพียงเท่านั้น แต่ชายหนุ่มสังเกตว่าพลังของ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ดูจะเพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ของเขาสามารถฆ่าคนแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นทะยานสวรรค์ได้ในคราเดียวแล้ว !

นอกจากนี้ อาจกล่าวได้ว่าทักษะ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ถือว่าเป็นทักษะการฆ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นถึง ไพ่ลับใบสุดท้ายของเขาเลยทีเดียว !

ด้วยมีช่วงเวลาที่เหลือ ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงใช้มันไปกับการฝึกฝนเพลงกระบี่และการออกหมัด !

ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือว่ามือเปล่า ชายหนุ่มก็ไม่ต้องการให้ทักษะใดด้อยลงไปทั้งนั้น

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองวันถัดมาเรือเหาะก็ได้ลอยลงอย่างช้า ๆ

เมืองชายแดนอยู่ตรงนั้น !

เยี่ยฉวนออกจากห้องและมาที่ดาดฟ้าของเรือเหาะ เขายืนอยู่บนหัวเรือและมองลงไปด้านล่าง ทำให้ พบว่าเมืองชายแดนมีขนาดใหญ่ขึ้นไม่น้อย !

ชายหนุ่มมีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อมาคราวนี้แล้วเห็นทหารยามยืนเฝ้าอยู่บนกำแพงเมืองชายแดน นอกจากนั้นยังมีทหารอีกหลายพันคนกำลังขุดเจาะกำแพงเมืองอยู่ด้วย โดยภาพรวมแล้วทหารเหล่านี้เคลื่อน ไหวพร้อมกันอย่างสมบูรณ์ พวกเขาดูมีพร้อมทั้งขวัญกำลังใจและความต้องการเข่นฆ่า …นี่ช่างสมกับเป็นกองทัพชั้นยอดโดยแท้ !

ไม่นานนักเรือเหาะก็หยุดนิ่งและเข้าจอดเทียบท่าข้างในเมืองชายแดนนั้น เยี่ยฉวนจึงใช้วิชาตัวเบากระโดดลงมา ก่อนทันใดนั้นจะมีร่างของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า

คนคนนั้นก็คือโม่สุ่ยชิง !

เยี่ยฉวนย่นคิ้วเล็กน้อย แต่ขณะที่กำลังจะพูด โม่สุ่ยชิงชิงสวนขึ้นมาเสียก่อน “อย่าลืม !”

ว่าแล้วนางก็หันหลังเดินจากไป

“ไร้สาระเสียจริง !”

เยี่ยฉวนส่ายหน้าก่อนจะหยิบแผนที่ออกมากาง อาจารย์ใหญ่จี่ได้มอบแผนที่นี้ให้ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง ภายในนั้นมีร่องรอยการทำเครื่องหมายเอาไว้ตรงตำแหน่ง ณ ตำหนักจ้าวกระบี่ซึ่งสามารถจดจำได้ในครั้ง เดียว

ชายหนุ่มไม่ได้เสียเวลารั้งรออยู่ในตัวเมืองอีกต่อไป เขารีบรี่ตรงออกไปข้างนอกและวิ่งไปทางภูเขาด้านขวามือ ใช้เวลาไม่นานนักก็เข้าสู่เขตเทือกเขาอันกว้างใหญ่ สำหรับภูเขาเหล่านี้ เขาคุ้นเคยกับมันมากทีเดียว !

หลังจากเดินไปตามทิศทางที่ระบุไว้ในแผนที่ เวลาก็ผ่านไปแล้วประมาณสองชั่วยาม และยิ่งเยี่ยฉวนเดินเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ อากาศโดยรอบก็ยิ่งร้อนมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งอีกหนึ่งชั่วยามผ่านไป เยี่ยฉวนจึงค่อย ชะลอฝีเท้าลง ไม่ไกลจากจุดที่ยืนอยู่ มีภูเขาขนาดใหญ่สามลูกตั้งตระหง่านเหมือนขาตั้งกล้องโดยมีช่องเขา ใหญ่อยู่ตรงกลาง !

มาถึงสักที !

ในช่วงเวลาที่เยี่ยฉวนกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้นพลังที่มองไม่เห็นก็ได้บีบรัดตัวชายหนุ่มเอาไว้

สีหน้าของเยี่ยฉวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปรอบ ๆ แต่ทว่ากลับไม่พบผู้ใด

“ใบผ่านทางเล่า ?!”

ฉับพลันเสียงก็ดังขึ้นในหูของเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนรีบนำป้ายหยกที่อันหลานซิ่วมอบให้ส่งออกไป และในทันทีที่ชายหนุ่มยื่นมือออกไป พลังกดดันที่ตามองไม่เห็นก็พลันหายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยเหลือไว้แม้แต่น้อย

เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว เยี่ยฉวนจึงตัดสินใจเดินหน้าต่อไป ไม่นานนักชายหนุ่มก็มาถึงช่องเขา ฉับพลัน กระบี่หลิงเซี่ยวข้างในร่างของเขาพลันสั่นไหวเหมือนพร้อมกับจะพุ่งออกมาได้ทุกเมื่อ !

เยี่ยฉวนตกตะลึงเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบปรามกระบี่หลิงเซี่ยวให้สงบลงอย่างรีบเร่ง

“เกิดอันใดขึ้นกัน ?”

เยี่ยฉวนขมวดคิ้ว ตอนนี้เขามีความสงสัยคับข้องใจอยู่เต็มเปี่ยม

“เจ้ามาแล้วงั้นหรือ ?!”

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองต้นทาง เยี่ยฉวนก็ได้พบกับสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ทางขวามือ ของตน

หญิงสาวผู้นี้แต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงินเข้มและมีดาบโค้งสีทองห้อยอยู่รอบเอวบาง !

นางคือองค์หญิงเก้า !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 101 ข้าจะพาเจ้าไปฆ่า (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 101 ข้าจะพาเจ้าไปฆ่า (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 101 ข้าจะพาเจ้าไปฆ่า (ต้น)

โม่สุ่ยชิงจับจ้องไปที่เยี่ยฉวน นางกำหมัดแน่นจนร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย

ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างจ้องมองไปที่เยี่ยฉวนด้วยความประหลาดใจ

เมื่อพูดจบเยี่ยฉวนก็หันหลังเดินจากไปในขณะที่โม่สุ่ยชิงกรีดร้องออกมา “เจ้ากล้าดียังไงถึงมาทำให้ข้าขายหน้า !”

เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้า เขากลับหลังหันและเดินไปหาโม่สุ่ยชิง “ข้าน่ะหรือทำให้เจ้าอับอายขายหน้า ? ข้าทำหูทวนลมถึงสองครั้ง แต่ก็เป็นเจ้าที่เอาแต่ก่อกวนข้าไม่หยุดไม่ใช่หรือไงกัน ?”

ขณะที่พูดเช่นนี้ เยี่ยฉวนก็บีบแก้มของโม่สุ่ยชิงเบา ๆ “คุณหนูโม่ เจ้าถามตัวเองก่อนเถิด ว่านอกจาก ฐานะทางสังคมแล้วในตัวเจ้ายังมีอะไรดีอีกบ้าง ? หรือเจ้าคิดว่าจะมีชายอื่นล้อมหน้าล้อมหลังหากเจ้า ไม่มีหน้ามีตา มีฐานะสูงส่งในตระกูลโม่ ? นี่คิดว่าผู้ชายที่อยู่รอบ ๆ ตัวเจ้า พวกเขาชื่นชอบเจ้าจริง ๆ งั้นหรือ ? เปล่าเลย เจ้าพวกนั้นก็เพียงแต่หลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสวยงามเจริญหูเจริญตาแค่นั้นแหละ หาก ปราศจากฐานะคอยค้ำชูแล้ว ข้าเกรงว่าเรือนร่างของเจ้าหรือแม้แต่ตระกูลโม่ก็ไม่ควรค่าแก่สายตาของใครเสีย ด้วยซ้ำ !”

หลังจากพูดจบเยี่ยฉวนก็คลายมือออก ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังคบหากับใครสักคนอยู่ แต่ประทานโทษ ไอ้การที่เจ้าหว่านเสน่ห์ ล้อเล่นกับผู้ชายหลายคนไปทั่วพร้อม ๆ กันนี่มันหมายความว่า อย่างไร ? หมายความว่าอย่างไรรู้หรือไม่ ? หากชายใดมีสมองเสียหน่อย เขาย่อมไม่คล้อยตามเจ้าแน่ จริงอย่างที่คุณหนูอันพูด ถึงอย่างไรตระกูลโม่ก็เป็นตระกูลใหญ่ แต่เจ้ากลับมัวเสียเวลาทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ เนี่ยนะ เจ้าไม่คิดว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้ตระกูลเจ้าต้องอับอายบ้างหรือ ? ลองทบทวนดู ก็แล้วกัน อีกอย่าง ต่อแต่นี้ไปอย่าได้มาตอแยข้าอีก ข้ายังไม่อยากถูกคนตระกูลโม่ตามล่า ข้อหาที่ซัดเจ้าจน ตายคามือหรอกนะ !”

เมื่อสิ้นเสียงพูด เยี่ยฉวนก็หันหลังและเดินจากไป

โม่สุ่ยชิงยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความอึ้ง สองมือกำหมัดแน่น ใบหน้างดงามที่เคลือบไว้ด้วยความเย็นชาทำ ให้ไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่

เยี่ยฉวนกลับไปที่ห้องของตัวเอง สำหรับโม่สุ่ยชิงแล้ว เยี่ยฉวนไม่อาจพูดได้ว่าเขาโกรธหรือเกลียดนาง เป็นพิเศษ แต่กระนั้นก็ไม่ได้มีความประทับใจในส่วนดีต่อนางแม้แต่นิด สตรีประเภทนี้เป็นพวกจองหองพองขน เกินไป

เขาเลิกนึกถึงโม่สุ่ยชิงและกลับไปที่หอคอยแห่งเรือนจำ

“ผู้อาวุโส ?”

เยี่ยฉวนมองไปรอบ ๆ และถามเสียงต่ำ

ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่ว ปราศจากเสียงสตรีลึกลับตอบกลับมา

สีหน้าของเยี่ยฉวนซีดเผือดลงทันใด เขาเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาแล้วจริง ๆ ถ้าหากว่านางไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้ว แบบนี้จะต้องทำยังไงต่อไปกัน !

เมื่อมาถึงจุดนี้ เศษกระดาษพลันลอยออกมาจากปากทางเข้าของชั้นที่สอง ทันทีที่เห็นกระดาษแผ่นนี้ เยี่ยฉวนก็สะดุ้งเบิกตากว้างก่อนจะคิดในใจว่า ‘มันมาอีกแล้ว !’

ในไม่ช้ากระดาษแผ่นนั้นก็ลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เยี่ยฉวนทำสีหน้าเรียบเฉยปราศจากอารมณ์ กระดาษแผ่นนี้มีรอยภาพพิมพ์อุ้งตีนสัตว์อยู่บนนั้น

มุมปากเยี่ยฉวนกระตุกเล็กน้อย เขาเหลือบมองไปรอบ ๆ จากนั้นจึงรีบออกมาจากหอคอยแห่งเรือนจำอย่างรวดเร็ว

“ตัวอันใดกันแน่ที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่ชั้นสองนั่น ?”

จิตใจของเยี่ยฉวนตอนนี้ปั่นป่วนไปด้วยความสงสัย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกเก็บไว้ในที่ใด แต่เขาก็มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าตอนนี้ตัวเองไม่สามารถเอาชนะมันได้แน่ ๆ!

“ข้าคงต้องรีบตามหาเต๋าเสียแล้ว !”

เยี่ยฉวนตัดสินใจแล้ว !

ในเวลาต่อมา ชายหนุ่มจึงได้ลงมือฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง !

ตอนนี้เขาบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณได้แล้วก็จริง แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจเข้าใจถึงแก่นแท้ของมันได้ โดยเฉพาะการใช้รัศมีกระบี่และปราณกระบี่ น่าเสียดายที่สตรีลึกลับยังไม่ได้กล่าวถึงมันทั้งสองเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องสำรวจอย่างช้า ๆ ด้วยตัวเอง !

เป็นเรื่องควรค่าแก่การกล่าวถึง หากจะบอกว่าเขารู้สึกว่ามันยากลำบากน้อยกว่าครั้งที่ฝึก ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ เสียด้วยซ้ำ ไม่เพียงเท่านั้น แต่ชายหนุ่มสังเกตว่าพลังของ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ดูจะเพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ของเขาสามารถฆ่าคนแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นทะยานสวรรค์ได้ในคราเดียวแล้ว !

นอกจากนี้ อาจกล่าวได้ว่าทักษะ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ถือว่าเป็นทักษะการฆ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นถึง ไพ่ลับใบสุดท้ายของเขาเลยทีเดียว !

ด้วยมีช่วงเวลาที่เหลือ ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงใช้มันไปกับการฝึกฝนเพลงกระบี่และการออกหมัด !

ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือว่ามือเปล่า ชายหนุ่มก็ไม่ต้องการให้ทักษะใดด้อยลงไปทั้งนั้น

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองวันถัดมาเรือเหาะก็ได้ลอยลงอย่างช้า ๆ

เมืองชายแดนอยู่ตรงนั้น !

เยี่ยฉวนออกจากห้องและมาที่ดาดฟ้าของเรือเหาะ เขายืนอยู่บนหัวเรือและมองลงไปด้านล่าง ทำให้ พบว่าเมืองชายแดนมีขนาดใหญ่ขึ้นไม่น้อย !

ชายหนุ่มมีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อมาคราวนี้แล้วเห็นทหารยามยืนเฝ้าอยู่บนกำแพงเมืองชายแดน นอกจากนั้นยังมีทหารอีกหลายพันคนกำลังขุดเจาะกำแพงเมืองอยู่ด้วย โดยภาพรวมแล้วทหารเหล่านี้เคลื่อน ไหวพร้อมกันอย่างสมบูรณ์ พวกเขาดูมีพร้อมทั้งขวัญกำลังใจและความต้องการเข่นฆ่า …นี่ช่างสมกับเป็นกองทัพชั้นยอดโดยแท้ !

ไม่นานนักเรือเหาะก็หยุดนิ่งและเข้าจอดเทียบท่าข้างในเมืองชายแดนนั้น เยี่ยฉวนจึงใช้วิชาตัวเบากระโดดลงมา ก่อนทันใดนั้นจะมีร่างของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า

คนคนนั้นก็คือโม่สุ่ยชิง !

เยี่ยฉวนย่นคิ้วเล็กน้อย แต่ขณะที่กำลังจะพูด โม่สุ่ยชิงชิงสวนขึ้นมาเสียก่อน “อย่าลืม !”

ว่าแล้วนางก็หันหลังเดินจากไป

“ไร้สาระเสียจริง !”

เยี่ยฉวนส่ายหน้าก่อนจะหยิบแผนที่ออกมากาง อาจารย์ใหญ่จี่ได้มอบแผนที่นี้ให้ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง ภายในนั้นมีร่องรอยการทำเครื่องหมายเอาไว้ตรงตำแหน่ง ณ ตำหนักจ้าวกระบี่ซึ่งสามารถจดจำได้ในครั้ง เดียว

ชายหนุ่มไม่ได้เสียเวลารั้งรออยู่ในตัวเมืองอีกต่อไป เขารีบรี่ตรงออกไปข้างนอกและวิ่งไปทางภูเขาด้านขวามือ ใช้เวลาไม่นานนักก็เข้าสู่เขตเทือกเขาอันกว้างใหญ่ สำหรับภูเขาเหล่านี้ เขาคุ้นเคยกับมันมากทีเดียว !

หลังจากเดินไปตามทิศทางที่ระบุไว้ในแผนที่ เวลาก็ผ่านไปแล้วประมาณสองชั่วยาม และยิ่งเยี่ยฉวนเดินเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ อากาศโดยรอบก็ยิ่งร้อนมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งอีกหนึ่งชั่วยามผ่านไป เยี่ยฉวนจึงค่อย ชะลอฝีเท้าลง ไม่ไกลจากจุดที่ยืนอยู่ มีภูเขาขนาดใหญ่สามลูกตั้งตระหง่านเหมือนขาตั้งกล้องโดยมีช่องเขา ใหญ่อยู่ตรงกลาง !

มาถึงสักที !

ในช่วงเวลาที่เยี่ยฉวนกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้นพลังที่มองไม่เห็นก็ได้บีบรัดตัวชายหนุ่มเอาไว้

สีหน้าของเยี่ยฉวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปรอบ ๆ แต่ทว่ากลับไม่พบผู้ใด

“ใบผ่านทางเล่า ?!”

ฉับพลันเสียงก็ดังขึ้นในหูของเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนรีบนำป้ายหยกที่อันหลานซิ่วมอบให้ส่งออกไป และในทันทีที่ชายหนุ่มยื่นมือออกไป พลังกดดันที่ตามองไม่เห็นก็พลันหายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยเหลือไว้แม้แต่น้อย

เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว เยี่ยฉวนจึงตัดสินใจเดินหน้าต่อไป ไม่นานนักชายหนุ่มก็มาถึงช่องเขา ฉับพลัน กระบี่หลิงเซี่ยวข้างในร่างของเขาพลันสั่นไหวเหมือนพร้อมกับจะพุ่งออกมาได้ทุกเมื่อ !

เยี่ยฉวนตกตะลึงเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบปรามกระบี่หลิงเซี่ยวให้สงบลงอย่างรีบเร่ง

“เกิดอันใดขึ้นกัน ?”

เยี่ยฉวนขมวดคิ้ว ตอนนี้เขามีความสงสัยคับข้องใจอยู่เต็มเปี่ยม

“เจ้ามาแล้วงั้นหรือ ?!”

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองต้นทาง เยี่ยฉวนก็ได้พบกับสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ทางขวามือ ของตน

หญิงสาวผู้นี้แต่งกายด้วยชุดสีน้ำเงินเข้มและมีดาบโค้งสีทองห้อยอยู่รอบเอวบาง !

นางคือองค์หญิงเก้า !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+