หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 109 ข้าสับอีกไม่ไหวแล้ว (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 109 ข้าสับอีกไม่ไหวแล้ว (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 109 ข้าสับอีกไม่ไหวแล้ว (ต้น)

อันที่จริงหลังจากเยี่ยฉวนพุ่งตัวออกไป มันก็ได้เกิดแรงผลักดันและพลังสภาวะที่แผ่กระจายโดยมิอาจ ยับยั้ง ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก !

เคล็ดวิชาต่อสู้ !

ที่แผ่นดินชิง ตราบใดที่คนผู้หนึ่งบรรลุในเคล็ดวิทยายุทธ์ คนผู้นั้นก็จะได้รับการยกย่องเสมอว่าเป็นยอดคนและยอดอัจฉริยะ !

เยี่ยฉวนทะยานออกเผชิญหน้าชายผู้นั้น เขาพุ่งหมัดตรงปะทะเข้ากับคนตรงหน้าอย่างรุนแรง !

หมัดทลายภูผา !

พลังหมัดที่พุ่งออกนั้นคือการผสานเข้ากันของแรงผลักดันกับเคล็ดวิชาต่อสู้

ทันทีที่เยี่ยฉวนผลักพลังหมัดออกไป มันก็ทำให้เกิดเสียงระเบิดกัมปนาทดังกึกก้องสะท้อนสะท้านไป ทั้งลานโล่ง

คนที่ยืนฝั่งตรงกันข้าม ชายผู้นั้นเหลือบตามอง เห็นดังนั้นเยี่ยฉวนจึงไม่ต้องการเสี่ยงอีก ชายหนุ่มเกร็งหมัดขวา ก่อนจะปล่อยออกกระแทกพื้นดินอย่างดุดัน !

ตู้ม !

พื้นเบื้องล่างระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง อิฐหินจำนวนมหาศาลร่วงหล่นลงมา แต่ละก้อนเต็มไปด้วยเหลี่ยมคมราวหัวลูกศรที่พุ่งกระจายขึ้นสู่อากาศ ก่อนจะร่วงลงพื้นรอบตัวชายหนุ่ม

ตู้ม !

ชั่วพริบตา หินเหล่านี้ที่ตกลงมาก็พลันแหลกละเอียดกลายเป็นฝุ่นผงฟุ้งกระจาย เยี่ยฉวนอาศัยจังหวะดังกล่าว เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วจนมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะปล่อยหมัดตรงเข้าใส่ชายผู้นั้นเต็มแรง

ก่อนที่หมัดจะถึงเป้าหมาย กำปั้นของชายหนุ่มก็ได้ทำให้เกิดรอยแตกร้าวบนพื้นที่โดยรอบด้านหลัง ชายผู้นั้น !

อีกฝ่ายได้แต่มองตาม ด้วยไม่ทันตั้งตัว จึงถูกแรงกระแทกจนเป็นเหตุให้ถูกดันล่าถอยรวดเดียวไกล หลายจั้ง

ชายหนุ่มไม่ออกตามติดเพื่อสู้ต่อ เขากลับมายืนข้างองค์หญิงเก้า เวลานี้พลังปราณที่ขับเคลื่อนด้วย เคล็ดวิชาต่อสู้ได้หลั่งไหลไปทั่วร่าง เขาหันไปมองกลุ่มคนยืนมุงด้วยสายตาเยือกเย็น “มีใครหน้าไหนอีก ?”

ผู้คนโดยรอบต่างพากันจับตามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีเคร่งเครียด !

ชายหนึ่งหญิงหนึ่งท่าทางผึ่งผายยืนมองมาจากระยะไกล โดยเฉพาะฝ่ายชาย หลังจากที่ออกต่อสู้กัน แล้ว เขาจึงได้ตระหนักถึงพลังของเยี่ยฉวน ด้วยพลังหมัดของคนผู้นี้นั้นช่างเหนือความคาดหมายยิ่งนัก !

เมื่อเยี่ยฉวนกลับมายืนที่เดิม องค์หญิงเก้าจึงหันไปมองเขาเต็มตา ด้วยจิตวิญญาณนักสู้ที่ตื่นขึ้น ดังนั้นนางจึงเปล่งเสียงดังก้องออกมา “เอาเลย ฆ่าพวกมัน !”

โดยไม่รีรอ หญิงสาวดึงดาบโค้งทองคำออกจากฝัก หากทว่าเยี่ยฉวนกลับเอื้อมมือมาพร้อมฉุดแขน พานางวิ่งออกไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองเคลื่อนที่เร็วมาก ชั่วพริบตาเท่านั้นก็พากันวิ่งออกไประยะทางไกลหลายลี้เสียแล้ว…

ขณะเดียวกันทุกคนในที่นั้น ต่างก็พากันตกตะลึงและงุนงงกับเหตุการณ์

“วิ่ง… วิ่งหนี ?”

“เขาไม่ต่อสู้ ?”

ต่างคนต่างหันมามองหน้ากันไปมาด้วยไม่ทันคิด ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมา !

“พวกเราถูกหลอก !”

ครานี้มีเสียงคำรามลั่นด้วยความโมโห ไม่นานคนทั้งกลุ่มพลันเร่งติดตามทั้งเยี่ยฉวนและองค์หญิงเก้า ซึ่งตอนนี้ออกไปไกลลิบแล้ว

ท่ามกลางกลุ่มคนที่ไล่ตามมา ผู้ที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วที่สุดคือคู่ชายหญิงทั้งสองนั่น !

เยี่ยฉวนนำองค์หญิงเก้าออกวิ่งเตลิดมาไกล ถึงอย่างไรสมรรถนะทางกายของชายหนุ่มก็นับได้ว่าแข็ง แกร่งเป็นอย่างมาก

ขณะที่ทั้งสองออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต จังหวะหนึ่งองค์หญิงเก้าก็ได้หันมาถาม “ไม่ใช่ว่าพวกเราจะต่อสู้หรือ ?”

ชายหนุ่มทำหน้าเมื่อย “พวกเราไม่อาจสู้กับคนตั้งโขยงได้ !”

“เจ้าพึ่งทำท่าอวดเก่งเมื่อตะกี้ ?”

เยี่ยฉวนหน้าตาจริงจัง “ควรใช้คำว่ายุทธวิธีล่าถอยเสียมากกว่า !”

องค์หญิงเก้ายิ้มมุมปาก “ยุทธวิธีล่าถอยนี่เอง… ว่าแต่ เจ้าช่วยปล่อยแขนข้าก่อนจะได้ไหม ?”

ชายหนุ่มเพิ่งรู้สึก เจ้าตัวสีหน้าเก้อเล็กน้อย ก่อนจะรีบปล่อยมือออกจากแขนของนาง

ทั้งสองใช้ความเร็วสุดฝีเท้าหลบหนีจนมาถึงปากทางออก ถึงกระนั้นเมื่อวิ่งผ่านทางออกไปแล้ว ทั้งคู่ พลันตกใจจนหน้าถอดสีเมื่อปรากฏว่าทางด้านซ้ายมีประกายแสงวูบพุ่งตรงเข้าหายังช่วงบนของร่างกาย องค์หญิง

ความสว่างนั้นเร็วประหนึ่งแสงอสุนีบาต !

เสี้ยววินาทีแห่งความคับขัน ชายหนุ่มตกใจสุดขีด เขาเผลอทำตัวไปตามสัญชาตญาณ เยี่ยฉวคว้าร่าง ขององค์หญิงเบี่ยงออก ก่อนจะใช้ร่างของตนเองพุ่งขวางแสงสว่างนั่นไว้ !

เปรี้ยง !

ร่างหนึ่งปะทะเข้ากับเยี่ยฉวนจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่น ปรากฏโลหิตพุ่งกระฉูดออกจากบริเวณหน้าอก ของชายหนุ่ม

องค์หญิงเก้าได้แต่ตกตะลึงเมื่อหันมาเห็นรอยบาดเจ็บที่หน้าอกของเยี่ยฉวน

ทว่าชายหนุ่มหาได้ใส่ใจความบาดเจ็บของตนเอง เขาเหลือบมองกลุ่มคนที่วิ่งตามมาถึงด้วยสายตาไม่ เป็นมิตร ด้วยคุ้นหน้าเจ้าคนที่พุ่งมาปะทะ บุรุษสวมผ้าคลุมสีดำนั่งนิ่งบนบนไดหินที่ประตูทางออก สายตาที่ มองเยี่ยฉวนเต็มไปด้วยแววตาแห่งความอาฆาตมาดร้าย

“อยากทำตัวเป็นคนดีหรือ ? เจ้า…”

โดยไม่รอให้ผู้นั้นพูดจบประโยค เยี่ยฉวนก็ได้ทะยานเข้าหาอีกฝ่ายทันที

ฟุ่บ !

เสียงวัตถุบางอย่างแหวกขึ้นสู่อากาศสะท้อนบริเวณลานโล่ง

นั่นคือเสียงที่เกิดจากร่างของคนผู้หนึ่งทะยานสู่อากาศธาตุ !

สายตาจับภาพที่เคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ชายสวมผ้าคลุมดำสีหน้าเปลี่ยนเป็นถมึงทึงยิ่งกว่าเดิม โดยไม่คาดคิด อีกฝ่ายพลันดึงมือทั้งสองออกจากชายแขนเสื้อทันที

ฟิ้ว !  ฟิ้ว !

รัศมีจากสองลำแสงสีดำพุ่งวาบออกมา !

ลูกธนูคมกริบสองดอก !

เยี่ยฉวนไม่ได้หลบหลีก แต่เขากลับปล่อยให้ลูกธนูทั้งสองพุ่งเข้าเป้าหมาย ซึ่งก็คือหน้าอกของตนเอง ลำธนูที่กำลังพุ่งแหวกกลางอากาศเหลือระยะห่างเพียงไม่กี่คืบจะถึงที่หมาย

พลันลูกธนูกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน เมื่อเห็นดังนั้น ชายในผ้าคลุมดำถึงกับหน้าถอดสีซีด ได้แต่ยืน มองด้วยความตกตะลึงจนบอกไม่ถูก เขาคิดไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้จะไม่หลบหลีก ! จังหวะนั้นเอง มันก็ได้มีหมัดตรง ของชายหนุ่มพุ่งวืดเข้ามาตรงหน้า !

เยี่ยฉวนถ่ายเทพลังที่มีลงสู่กำปั้นก่อนพุ่งหมัดออกไป !

ผ้าคลุมสีดำของคนผู้นั้นขาดสะบั้นลงในทันทีด้วยพลังผลักดันของหมัดที่เยี่ยฉวนปล่อยออก

สีหน้าของบุรุษผู้นั้นบ่งชี้ว่าตกตะลึงยิ่งนัก ทว่ามันกลับช้าไปเสียแล้วที่จะหลบหลีก อีกฝ่ายจึงทำได้เพียงยกท่อนแขนขึ้นสกัดกั้นพลังหมัดของเยี่ยฉวน

กร๊อบ !

เสียงของกระดูกท่อนแขนแหลกละเอียดจากการตั้งรับปะทะหมัดตรงของเยี่ยฉวนดังขึ้น ร่างทั้งร่างของคนผู้นั้นกระเด็นไปกระแทกเข้ากับสันเขาซึ่งอยู่ไกลออกไปอีกหลายจั้ง !

คนผู้นั้นทำท่าขยับจะลุกขึ้น แต่ช้าไป เพราะว่าตอนนี้เยี่ยฉวนได้มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้ว

ยามนี้บนใบหน้าของอีกฝ่ายมีเพียงความหวาดกลัว

ทว่าคนผู้นั้นก็ยังคงเอ่ยวาจาร้อนแรงหมายข่มขวัญ

“ข้าคือองค์ชายแห่งแคว้นหนิง ถ้าขืนกล้า…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 109 ข้าสับอีกไม่ไหวแล้ว (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 109 ข้าสับอีกไม่ไหวแล้ว (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 109 ข้าสับอีกไม่ไหวแล้ว (ต้น)

อันที่จริงหลังจากเยี่ยฉวนพุ่งตัวออกไป มันก็ได้เกิดแรงผลักดันและพลังสภาวะที่แผ่กระจายโดยมิอาจ ยับยั้ง ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก !

เคล็ดวิชาต่อสู้ !

ที่แผ่นดินชิง ตราบใดที่คนผู้หนึ่งบรรลุในเคล็ดวิทยายุทธ์ คนผู้นั้นก็จะได้รับการยกย่องเสมอว่าเป็นยอดคนและยอดอัจฉริยะ !

เยี่ยฉวนทะยานออกเผชิญหน้าชายผู้นั้น เขาพุ่งหมัดตรงปะทะเข้ากับคนตรงหน้าอย่างรุนแรง !

หมัดทลายภูผา !

พลังหมัดที่พุ่งออกนั้นคือการผสานเข้ากันของแรงผลักดันกับเคล็ดวิชาต่อสู้

ทันทีที่เยี่ยฉวนผลักพลังหมัดออกไป มันก็ทำให้เกิดเสียงระเบิดกัมปนาทดังกึกก้องสะท้อนสะท้านไป ทั้งลานโล่ง

คนที่ยืนฝั่งตรงกันข้าม ชายผู้นั้นเหลือบตามอง เห็นดังนั้นเยี่ยฉวนจึงไม่ต้องการเสี่ยงอีก ชายหนุ่มเกร็งหมัดขวา ก่อนจะปล่อยออกกระแทกพื้นดินอย่างดุดัน !

ตู้ม !

พื้นเบื้องล่างระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง อิฐหินจำนวนมหาศาลร่วงหล่นลงมา แต่ละก้อนเต็มไปด้วยเหลี่ยมคมราวหัวลูกศรที่พุ่งกระจายขึ้นสู่อากาศ ก่อนจะร่วงลงพื้นรอบตัวชายหนุ่ม

ตู้ม !

ชั่วพริบตา หินเหล่านี้ที่ตกลงมาก็พลันแหลกละเอียดกลายเป็นฝุ่นผงฟุ้งกระจาย เยี่ยฉวนอาศัยจังหวะดังกล่าว เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วจนมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะปล่อยหมัดตรงเข้าใส่ชายผู้นั้นเต็มแรง

ก่อนที่หมัดจะถึงเป้าหมาย กำปั้นของชายหนุ่มก็ได้ทำให้เกิดรอยแตกร้าวบนพื้นที่โดยรอบด้านหลัง ชายผู้นั้น !

อีกฝ่ายได้แต่มองตาม ด้วยไม่ทันตั้งตัว จึงถูกแรงกระแทกจนเป็นเหตุให้ถูกดันล่าถอยรวดเดียวไกล หลายจั้ง

ชายหนุ่มไม่ออกตามติดเพื่อสู้ต่อ เขากลับมายืนข้างองค์หญิงเก้า เวลานี้พลังปราณที่ขับเคลื่อนด้วย เคล็ดวิชาต่อสู้ได้หลั่งไหลไปทั่วร่าง เขาหันไปมองกลุ่มคนยืนมุงด้วยสายตาเยือกเย็น “มีใครหน้าไหนอีก ?”

ผู้คนโดยรอบต่างพากันจับตามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีเคร่งเครียด !

ชายหนึ่งหญิงหนึ่งท่าทางผึ่งผายยืนมองมาจากระยะไกล โดยเฉพาะฝ่ายชาย หลังจากที่ออกต่อสู้กัน แล้ว เขาจึงได้ตระหนักถึงพลังของเยี่ยฉวน ด้วยพลังหมัดของคนผู้นี้นั้นช่างเหนือความคาดหมายยิ่งนัก !

เมื่อเยี่ยฉวนกลับมายืนที่เดิม องค์หญิงเก้าจึงหันไปมองเขาเต็มตา ด้วยจิตวิญญาณนักสู้ที่ตื่นขึ้น ดังนั้นนางจึงเปล่งเสียงดังก้องออกมา “เอาเลย ฆ่าพวกมัน !”

โดยไม่รีรอ หญิงสาวดึงดาบโค้งทองคำออกจากฝัก หากทว่าเยี่ยฉวนกลับเอื้อมมือมาพร้อมฉุดแขน พานางวิ่งออกไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองเคลื่อนที่เร็วมาก ชั่วพริบตาเท่านั้นก็พากันวิ่งออกไประยะทางไกลหลายลี้เสียแล้ว…

ขณะเดียวกันทุกคนในที่นั้น ต่างก็พากันตกตะลึงและงุนงงกับเหตุการณ์

“วิ่ง… วิ่งหนี ?”

“เขาไม่ต่อสู้ ?”

ต่างคนต่างหันมามองหน้ากันไปมาด้วยไม่ทันคิด ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมา !

“พวกเราถูกหลอก !”

ครานี้มีเสียงคำรามลั่นด้วยความโมโห ไม่นานคนทั้งกลุ่มพลันเร่งติดตามทั้งเยี่ยฉวนและองค์หญิงเก้า ซึ่งตอนนี้ออกไปไกลลิบแล้ว

ท่ามกลางกลุ่มคนที่ไล่ตามมา ผู้ที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วที่สุดคือคู่ชายหญิงทั้งสองนั่น !

เยี่ยฉวนนำองค์หญิงเก้าออกวิ่งเตลิดมาไกล ถึงอย่างไรสมรรถนะทางกายของชายหนุ่มก็นับได้ว่าแข็ง แกร่งเป็นอย่างมาก

ขณะที่ทั้งสองออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต จังหวะหนึ่งองค์หญิงเก้าก็ได้หันมาถาม “ไม่ใช่ว่าพวกเราจะต่อสู้หรือ ?”

ชายหนุ่มทำหน้าเมื่อย “พวกเราไม่อาจสู้กับคนตั้งโขยงได้ !”

“เจ้าพึ่งทำท่าอวดเก่งเมื่อตะกี้ ?”

เยี่ยฉวนหน้าตาจริงจัง “ควรใช้คำว่ายุทธวิธีล่าถอยเสียมากกว่า !”

องค์หญิงเก้ายิ้มมุมปาก “ยุทธวิธีล่าถอยนี่เอง… ว่าแต่ เจ้าช่วยปล่อยแขนข้าก่อนจะได้ไหม ?”

ชายหนุ่มเพิ่งรู้สึก เจ้าตัวสีหน้าเก้อเล็กน้อย ก่อนจะรีบปล่อยมือออกจากแขนของนาง

ทั้งสองใช้ความเร็วสุดฝีเท้าหลบหนีจนมาถึงปากทางออก ถึงกระนั้นเมื่อวิ่งผ่านทางออกไปแล้ว ทั้งคู่ พลันตกใจจนหน้าถอดสีเมื่อปรากฏว่าทางด้านซ้ายมีประกายแสงวูบพุ่งตรงเข้าหายังช่วงบนของร่างกาย องค์หญิง

ความสว่างนั้นเร็วประหนึ่งแสงอสุนีบาต !

เสี้ยววินาทีแห่งความคับขัน ชายหนุ่มตกใจสุดขีด เขาเผลอทำตัวไปตามสัญชาตญาณ เยี่ยฉวคว้าร่าง ขององค์หญิงเบี่ยงออก ก่อนจะใช้ร่างของตนเองพุ่งขวางแสงสว่างนั่นไว้ !

เปรี้ยง !

ร่างหนึ่งปะทะเข้ากับเยี่ยฉวนจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่น ปรากฏโลหิตพุ่งกระฉูดออกจากบริเวณหน้าอก ของชายหนุ่ม

องค์หญิงเก้าได้แต่ตกตะลึงเมื่อหันมาเห็นรอยบาดเจ็บที่หน้าอกของเยี่ยฉวน

ทว่าชายหนุ่มหาได้ใส่ใจความบาดเจ็บของตนเอง เขาเหลือบมองกลุ่มคนที่วิ่งตามมาถึงด้วยสายตาไม่ เป็นมิตร ด้วยคุ้นหน้าเจ้าคนที่พุ่งมาปะทะ บุรุษสวมผ้าคลุมสีดำนั่งนิ่งบนบนไดหินที่ประตูทางออก สายตาที่ มองเยี่ยฉวนเต็มไปด้วยแววตาแห่งความอาฆาตมาดร้าย

“อยากทำตัวเป็นคนดีหรือ ? เจ้า…”

โดยไม่รอให้ผู้นั้นพูดจบประโยค เยี่ยฉวนก็ได้ทะยานเข้าหาอีกฝ่ายทันที

ฟุ่บ !

เสียงวัตถุบางอย่างแหวกขึ้นสู่อากาศสะท้อนบริเวณลานโล่ง

นั่นคือเสียงที่เกิดจากร่างของคนผู้หนึ่งทะยานสู่อากาศธาตุ !

สายตาจับภาพที่เคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ชายสวมผ้าคลุมดำสีหน้าเปลี่ยนเป็นถมึงทึงยิ่งกว่าเดิม โดยไม่คาดคิด อีกฝ่ายพลันดึงมือทั้งสองออกจากชายแขนเสื้อทันที

ฟิ้ว !  ฟิ้ว !

รัศมีจากสองลำแสงสีดำพุ่งวาบออกมา !

ลูกธนูคมกริบสองดอก !

เยี่ยฉวนไม่ได้หลบหลีก แต่เขากลับปล่อยให้ลูกธนูทั้งสองพุ่งเข้าเป้าหมาย ซึ่งก็คือหน้าอกของตนเอง ลำธนูที่กำลังพุ่งแหวกกลางอากาศเหลือระยะห่างเพียงไม่กี่คืบจะถึงที่หมาย

พลันลูกธนูกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน เมื่อเห็นดังนั้น ชายในผ้าคลุมดำถึงกับหน้าถอดสีซีด ได้แต่ยืน มองด้วยความตกตะลึงจนบอกไม่ถูก เขาคิดไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้จะไม่หลบหลีก ! จังหวะนั้นเอง มันก็ได้มีหมัดตรง ของชายหนุ่มพุ่งวืดเข้ามาตรงหน้า !

เยี่ยฉวนถ่ายเทพลังที่มีลงสู่กำปั้นก่อนพุ่งหมัดออกไป !

ผ้าคลุมสีดำของคนผู้นั้นขาดสะบั้นลงในทันทีด้วยพลังผลักดันของหมัดที่เยี่ยฉวนปล่อยออก

สีหน้าของบุรุษผู้นั้นบ่งชี้ว่าตกตะลึงยิ่งนัก ทว่ามันกลับช้าไปเสียแล้วที่จะหลบหลีก อีกฝ่ายจึงทำได้เพียงยกท่อนแขนขึ้นสกัดกั้นพลังหมัดของเยี่ยฉวน

กร๊อบ !

เสียงของกระดูกท่อนแขนแหลกละเอียดจากการตั้งรับปะทะหมัดตรงของเยี่ยฉวนดังขึ้น ร่างทั้งร่างของคนผู้นั้นกระเด็นไปกระแทกเข้ากับสันเขาซึ่งอยู่ไกลออกไปอีกหลายจั้ง !

คนผู้นั้นทำท่าขยับจะลุกขึ้น แต่ช้าไป เพราะว่าตอนนี้เยี่ยฉวนได้มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้ว

ยามนี้บนใบหน้าของอีกฝ่ายมีเพียงความหวาดกลัว

ทว่าคนผู้นั้นก็ยังคงเอ่ยวาจาร้อนแรงหมายข่มขวัญ

“ข้าคือองค์ชายแห่งแคว้นหนิง ถ้าขืนกล้า…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+