หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 131 ข้ายอมรับไม่ได้ !!! (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 131 ข้ายอมรับไม่ได้ !!! (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 131 ข้ายอมรับไม่ได้ !!! (ต้น)

“พอที ทนไม่ไหวแล้ว !”

เยี่ยฉวนมีความรู้สึกแว่บขึ้นในใจ เพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมากมายนัก …ราวกับว่าร่างกายจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเสียให้ได้ !

ในขณะนั้น พลันภาพหอคอยแห่งเรือนจำเลือนหายไปจากบริเวณหว่างคิ้ว จากนั้นลำแสงแห่งวัตถุสี เหลืองอมน้ำตาลพลันเข้าห่อหุ้มร่างของเยี่ยฉวน

ตู้ม !

ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านรุนแรงขึ้นทุกขณะ  ชั่วพริบตาพลังแห่งวัตถุสีเหลืองอมน้ำตาลจำนวนมหาศาล ซึ่งรายรอบโดยรอบก็พากันไหลรวมเข้าสู่ร่างกายโดยเริ่มจากปลายเท้า ด้วยปริมาณแห่งพลังที่หลั่งไหลเข้ามา อย่างต่อเนื่อง มันก็ทำให้รอยแตกตามเนื้อตัวชายหนุ่มเริ่มประสานเข้าหากันอย่างช้า ๆ!

การฟื้นฟู !

แน่ชัดว่ากฎแห่งเต๋าย่อมสามารถฟื้นฟูร่างกายได้ !

แม้ว่าจะได้กฎแห่งเต๋ามาช่วยฟื้นฟูกายเนื้อ แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก็รุนแรงเสียจนเยี่ยฉวนรู้สึก อยากจะตาย !

ด้วยความรู้สึกว่าร่างกายกำลังถูกพลังมากมายกระทุ้งกระแทกภายใน มันทำให้ชายหนุ่มบังเกิดความ เจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัสจนเกือบทำให้หมดสติก็ว่าได้ นับว่ายังเคราะห์ดีที่เยี่ยฉวนพยายามยืนหยัด อดทน หากเขาหมดสติลงในเวลานี้ เป็นไปได้ว่ายิ่งทำให้เกิดผลร้ายหนักเข้าไปอีก !

และด้วยเหตุนี้ สภาวะทางกายจึงสมานเข้าหากันอย่างช้า ๆ

ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามต่อมา บาดแผลตามร่างกายของชายหนุ่มสมานเข้าหากันเกือบทั้งหมด นอก จากนั้นยังบังเกิดเป็นสีทองจาง ๆ เคลือบบริเวณผิวหนังชั้นนอกไปทั่ว

เวลานี้เยี่ยฉวนค่อยลืมตาขึ้นช้า ๆ เขาเหลือบตาลงมองตามเนื้อตัวร่างกายของตนเอง และโดยสัญชาตญาณ… มือของชายหนุ่มพลันกำหมัดเกร็งแน่น

วาบ !

ทันใดนั้นประกายสีทองแห่งพลังพลันเปล่งแสงออกห่อหุ้มร่างกาย พลังแสงสีทองเข้ารายล้อมร่างไว้ ราวกับเสื้อเกราะทองน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง !

“สิ่งนี้คืออะไร ?” น้ำเสียงเจือแววแห่งความประหลาดใจ

สตรีลึกลับตอบมาว่า “นี่คือเกราะแห่งปฐพี มันเกิดจากการผนึกรวมของพลังแห่งปฐพี เมื่อใดที่ฝ่าเท้า ของเจ้าสัมผัสลงบนพื้นดิน เมื่อนั้นเจ้าจะได้ทั้งพลังและเกราะแห่งปฐพี ด้วยสถานะขั้นพลังของเจ้า เจ้าจะ สามารถคงอานุภาพแห่งพลังไว้ได้ไม่เกินครึ่งชั่วยาม และภายในครึ่งชั่วยามนั้น …หากเจ้าไม่เร่งปลดปล่อยทั้ง หมด เกรงว่าคงจะเกิดผลข้างเคียงแห่งพลังให้ได้รับความทุกข์ทรมาน”

“เกราะแห่งปฐพี ? พลังปฐพี ?”

เยี่ยฉวนนิ่งอึ้งไป ทันใดนั้นเขารีบถามขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ในเวลานี้ข้าได้รับกฎแห่งเต๋าสำเร็จแล้วหรือไม่ ?”

เสียงของสตรีลึกลับตอบทันควัน “โถ ฝันไปเถอะ เจ้ามิได้ผนึกรวมกับกฎแห่งเต๋า หากเพียงแต่ขอยืมใช้ เป็นครั้งคราว อีกทั้งตอนนี้เจ้ายังหาได้ถ่องแท้ในกฎแห่งเต๋าไม่ เมื่อใดที่เจ้ายืมพลังออกมาใช้ จงใช้ให้ดี เพราะ มันจะช่วยให้เจ้าถ่องแท้ในกฎแห่งเต๋าได้ลึกซึ้งขึ้น ส่วนในเวลานี้นั้น เจ้ามีอยู่สามสิ่งที่จะต้องถือปฏิบัติ ประการแรกควรหมั่นฝึกปรือพลังชี่ ประการที่สองหมั่นฝึกปรือวิทยายุทธ์ ประการที่สามค้นหากระบี่เสริมภายใน เมื่อเจ้าใช้พลังจากกฎแห่งเต๋าแล้ว พลังปราณจะเพิ่มขึ้นสองในสิบส่วนจากพลังของกฎแห่งเต๋า ถึงจะเพิ่มเพียงเท่านี้ แต่ก็นับว่าเพียงพอทีเดียว”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำ พลางก้มลงมองเสื้อเกราะที่ห่อหุ้มร่างกาย “ผู้อาวุโส ขั้นผสมลมปราณของข้าสามารถรับมือกับยอดฝีมือขั้นทะยานสวรรค์ได้หรือยัง ?”

“เจ้าในเวลานี้งั้นหรือ ต่อให้เป็นขั้นสันโดษ เจ้าก็สามารถรับมือได้ ไม่ต้องพูดถึงขั้นทะยานสวรรค์อะไร นั่นเลย เข้าใจหรือไม่ ?”

“ขั้นสันโดษ ?!”

เยี่ยฉวนสีหน้าเครียดเคร่งทันที ชายหนุ่มออกจะมีท่าทางลังเล “ข้ามสองขั้นเลยหรือ ไม่ใช่ว่าคุยโม้โอ้ อวดเกินไป ?”

“คุยโม้โอ้อวดอะไรกัน ?!”

สตรีลึกลับกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ในสมัยของข้า คนที่ไม่สามารถสังหารศัตรูซึ่งมีขั้นพลังเหนือกว่าสองขั้นจะไม่ถือเป็นยอดฝีมือด้วยเพราะนั่นคือความน่าละอาย”

เยี่ยฉวน “…”

เสียงผู้พูดดังต่อไปอีกว่า “ข้าได้ช่วยเจ้าตรึงสตรีชุดดำ และในตอนนี้ช่วยเจ้าต้านทานพลังของกฎแห่ง เต๋า ตอนนี้ข้าอ่อนกำลังเหลือเกิน จึงต้องการพักสักระยะหนึ่ง หาไม่แล้วข้าจะสิ้นพลังที่จะต้านทานสิ่งนั้น…ช่าง เถิด ต่อไปนี้เจ้าจงพึ่งพาตัวเอง วันที่เจ้าได้ครอบครองกฎแห่งเต๋าอย่างแท้จริง หอคอยแห่งเรือนจำจึงจะจดจำ เจ้าอย่างแท้จริง”

คนฟังถามเสียงแผ่วต่ำ “ผู้อาวุโส ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่ ?”

สตรีลึกลับพูดอย่างใจเย็น “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ตายง่าย ๆ ถึงแม้ว่าไม่มีทั้งเจ้าและสิ่งนั้นในหอคอย แห่งเรือนจำอีกต่อไป ข้าเพียงแต่ต้องการพัก ฉะนั้นจงดูแลตัวเองให้ดี เพราะเมื่อข้าตื่นขึ้นมา ยังไม่อยากเห็นว่า เจ้าตายไปแล้ว อีกอย่างหนึ่ง หอคอยแห่งเรือนอาจช่วยเจ้าในการต่อสู้ต้านทานศัตรู แต่ข้ายังไม่ปรารถนาให้เจ้าต้องปลุกหอคอยขึ้นมา พึงระวังไว้เสมอ ในการปลุกใช้หอคอยแต่ละครั้งย่อมหมายถึงยันต์ผนึกหอคอยจะปริ แตกยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้ว่าเจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของและใช้งานหอคอยได้ แต่ในเวลานี้เจ้ายังไม่สามารถควบคุมมันได้ ฉะนั้นจงอย่าปลุกหากเจ้ามิได้ต้องการใช้งานหอคอยจริง ๆ หาไม่แล้ว เจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสของผลข้างเคียงแห่งหอคอยจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป !”

ชายหนุ่มถามโพล่งขึ้นทันที “ผู้อาวุโส ท่านพูดราวกับจะสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย… ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ?”

เสียงพูดถามมาว่า “เจ้าเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมดอกไม้จึงมีสีแดง ?”

เยี่ยฉวนนิ่ง “…”

นางจึงกล่าวต่อไปว่า “เรื่องสุดท้าย สิ่งที่อยู่บนชั้นสองมิได้ประสงค์จะเอาชีวิตเจ้า มันเพียงต้องการได้ รับการปลดปล่อย ทว่าเจ้าในเวลานี้ยังไม่มีความสามารถที่จะควบคุมสิ่งนั้น ถ้าจะทำสิ่งใดจงคิดให้รอบคอบ สิ่งนั้นถูกกักขังมาเป็นเวลานาน พลังที่เคยกล้าแกร่งบัดนี้อ่อนด้อยลง ถึงกระนั้นก็ตาม พลังและความกล้าแกร่ง ของเจ้าในตอนนี้ มันก็ยังหาควรคิดต่อสู้ต้านทานด้วยไม่”

“แต่สิ่งนั้นตีข้าบ่อย ๆ นะขอรับ !”

เสียงคนพูดบ่นพึมพำมาให้ได้ยิน “ทั้งยังมักตีผู้อื่นโดยปราศจากเหตุผล…”

“แม้แต่ข้าเอง หลายครั้งก็ยังนึกอยากตีเจ้าให้ตายคามือเหมือนกัน !” ผู้พูดภายในหัวเอ่ยเสียงเรียบ

เยี่ยฉวนคอย่น “…”

ในที่สุดมีเสียงพูดดังมาว่า “หนุ่มน้อย รักษาชีวิตให้ได้”

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ไม่มีความเคลื่อนไหวจากสตรีลึกลับผู้นั้นอีก

เยี่ยฉวนหน้าหมอง แน่ชัดว่าสตรีลึกลับได้เข้าสู่กรรมฐานเสียแล้ว

ชายหนุ่มจึงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ “ต่อไปข้าจะทำทุกอย่างด้วยตัวของข้าเอง !”

พลันเสมือนนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ เขาค่อยปิดเปลือกตาลงช้า ๆ ไม่นานนัก บังเกิดภาพคุณลักษณะ จำลองแห่ง ‘ปฐพี’ ขึ้นระหว่างหัวคิ้ว

สิ่งนั้นคือกฎแห่งเต๋า !

เขากำหมัดทั้งสองข้าง พลันปรากฏพลังแห่งปฐพีไม่มีสิ้นสูญบังเกิดขึ้นเบื้องใต้ฝ่าเท้า พลังเหล่านั้นหลั่งไหลท่วมท้นจากล่างขึ้นบน ชั่วพริบตาต่อมาจึงปรากฏเสื้อเกราะทองแห่งปฐพีบนร่างกาย !

เกราะแห่งปฐพี !

เขาลูบคลำเสื้อเกราะอย่างเบามือ สัมผัสได้ถึงความหนาแน่นที่สามารถต้านทานยอดฝีมือขั้นสันโดษ

…และอันที่จริงแล้ว แม้แต่ลำแสงออกปะทะของสตรีชุดดำยังต้านไหวด้วยซ้ำไป ทว่าเขายังไม่มั่นใจในข้อนั้นสักเท่าใด ด้วยถึงแม้ว่าจะต้านทานได้ หากแต่ตนเองอาจได้รับบาดเจ็บไม่น้อย !

นอกจากเกราะแห่งปฐพีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เยี่ยฉวนสัมผัสได้คือพลังบางอย่างภายในร่างกาย !

เขายืนนิ่งอยู่สักครู่ก่อนเดินทางขึ้นจากใต้บาดาล ภายหลังจากที่ขึ้นมาบนพื้นผิวโลก สายตาก็ได้กวาด ไปทั่วบริเวณ ฉับพลันกำหมัดแน่นในทันที ทำให้พลังแห่งปฐพีแผ่ซ่านเข้าห่อหุ้มร่างกาย !

ชายหนุ่มรวบรวมสตินิ่งอยู่อึดใจ ก่อนปล่อยหมัดกระแทกลงไปบนพื้นดินเต็มแรง !

หมัดทลายภูผา !

เขารวบรวมพลังอัดแน่นส่งผ่านทางกำปั้น ผสานกับพลังแห่งปฐพีภายใน และหมัดทลายภูผากับอีกทั้ง เคล็ดวิชาต่อสู้ !

ด้วยแรงกะแทกแห่งพลังหมัด พื้นดินพลันระเบิดแตกออก !

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 131 ข้ายอมรับไม่ได้ !!! (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 131 ข้ายอมรับไม่ได้ !!! (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 131 ข้ายอมรับไม่ได้ !!! (ต้น)

“พอที ทนไม่ไหวแล้ว !”

เยี่ยฉวนมีความรู้สึกแว่บขึ้นในใจ เพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมากมายนัก …ราวกับว่าร่างกายจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเสียให้ได้ !

ในขณะนั้น พลันภาพหอคอยแห่งเรือนจำเลือนหายไปจากบริเวณหว่างคิ้ว จากนั้นลำแสงแห่งวัตถุสี เหลืองอมน้ำตาลพลันเข้าห่อหุ้มร่างของเยี่ยฉวน

ตู้ม !

ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านรุนแรงขึ้นทุกขณะ  ชั่วพริบตาพลังแห่งวัตถุสีเหลืองอมน้ำตาลจำนวนมหาศาล ซึ่งรายรอบโดยรอบก็พากันไหลรวมเข้าสู่ร่างกายโดยเริ่มจากปลายเท้า ด้วยปริมาณแห่งพลังที่หลั่งไหลเข้ามา อย่างต่อเนื่อง มันก็ทำให้รอยแตกตามเนื้อตัวชายหนุ่มเริ่มประสานเข้าหากันอย่างช้า ๆ!

การฟื้นฟู !

แน่ชัดว่ากฎแห่งเต๋าย่อมสามารถฟื้นฟูร่างกายได้ !

แม้ว่าจะได้กฎแห่งเต๋ามาช่วยฟื้นฟูกายเนื้อ แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก็รุนแรงเสียจนเยี่ยฉวนรู้สึก อยากจะตาย !

ด้วยความรู้สึกว่าร่างกายกำลังถูกพลังมากมายกระทุ้งกระแทกภายใน มันทำให้ชายหนุ่มบังเกิดความ เจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัสจนเกือบทำให้หมดสติก็ว่าได้ นับว่ายังเคราะห์ดีที่เยี่ยฉวนพยายามยืนหยัด อดทน หากเขาหมดสติลงในเวลานี้ เป็นไปได้ว่ายิ่งทำให้เกิดผลร้ายหนักเข้าไปอีก !

และด้วยเหตุนี้ สภาวะทางกายจึงสมานเข้าหากันอย่างช้า ๆ

ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามต่อมา บาดแผลตามร่างกายของชายหนุ่มสมานเข้าหากันเกือบทั้งหมด นอก จากนั้นยังบังเกิดเป็นสีทองจาง ๆ เคลือบบริเวณผิวหนังชั้นนอกไปทั่ว

เวลานี้เยี่ยฉวนค่อยลืมตาขึ้นช้า ๆ เขาเหลือบตาลงมองตามเนื้อตัวร่างกายของตนเอง และโดยสัญชาตญาณ… มือของชายหนุ่มพลันกำหมัดเกร็งแน่น

วาบ !

ทันใดนั้นประกายสีทองแห่งพลังพลันเปล่งแสงออกห่อหุ้มร่างกาย พลังแสงสีทองเข้ารายล้อมร่างไว้ ราวกับเสื้อเกราะทองน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง !

“สิ่งนี้คืออะไร ?” น้ำเสียงเจือแววแห่งความประหลาดใจ

สตรีลึกลับตอบมาว่า “นี่คือเกราะแห่งปฐพี มันเกิดจากการผนึกรวมของพลังแห่งปฐพี เมื่อใดที่ฝ่าเท้า ของเจ้าสัมผัสลงบนพื้นดิน เมื่อนั้นเจ้าจะได้ทั้งพลังและเกราะแห่งปฐพี ด้วยสถานะขั้นพลังของเจ้า เจ้าจะ สามารถคงอานุภาพแห่งพลังไว้ได้ไม่เกินครึ่งชั่วยาม และภายในครึ่งชั่วยามนั้น …หากเจ้าไม่เร่งปลดปล่อยทั้ง หมด เกรงว่าคงจะเกิดผลข้างเคียงแห่งพลังให้ได้รับความทุกข์ทรมาน”

“เกราะแห่งปฐพี ? พลังปฐพี ?”

เยี่ยฉวนนิ่งอึ้งไป ทันใดนั้นเขารีบถามขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ในเวลานี้ข้าได้รับกฎแห่งเต๋าสำเร็จแล้วหรือไม่ ?”

เสียงของสตรีลึกลับตอบทันควัน “โถ ฝันไปเถอะ เจ้ามิได้ผนึกรวมกับกฎแห่งเต๋า หากเพียงแต่ขอยืมใช้ เป็นครั้งคราว อีกทั้งตอนนี้เจ้ายังหาได้ถ่องแท้ในกฎแห่งเต๋าไม่ เมื่อใดที่เจ้ายืมพลังออกมาใช้ จงใช้ให้ดี เพราะ มันจะช่วยให้เจ้าถ่องแท้ในกฎแห่งเต๋าได้ลึกซึ้งขึ้น ส่วนในเวลานี้นั้น เจ้ามีอยู่สามสิ่งที่จะต้องถือปฏิบัติ ประการแรกควรหมั่นฝึกปรือพลังชี่ ประการที่สองหมั่นฝึกปรือวิทยายุทธ์ ประการที่สามค้นหากระบี่เสริมภายใน เมื่อเจ้าใช้พลังจากกฎแห่งเต๋าแล้ว พลังปราณจะเพิ่มขึ้นสองในสิบส่วนจากพลังของกฎแห่งเต๋า ถึงจะเพิ่มเพียงเท่านี้ แต่ก็นับว่าเพียงพอทีเดียว”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำ พลางก้มลงมองเสื้อเกราะที่ห่อหุ้มร่างกาย “ผู้อาวุโส ขั้นผสมลมปราณของข้าสามารถรับมือกับยอดฝีมือขั้นทะยานสวรรค์ได้หรือยัง ?”

“เจ้าในเวลานี้งั้นหรือ ต่อให้เป็นขั้นสันโดษ เจ้าก็สามารถรับมือได้ ไม่ต้องพูดถึงขั้นทะยานสวรรค์อะไร นั่นเลย เข้าใจหรือไม่ ?”

“ขั้นสันโดษ ?!”

เยี่ยฉวนสีหน้าเครียดเคร่งทันที ชายหนุ่มออกจะมีท่าทางลังเล “ข้ามสองขั้นเลยหรือ ไม่ใช่ว่าคุยโม้โอ้ อวดเกินไป ?”

“คุยโม้โอ้อวดอะไรกัน ?!”

สตรีลึกลับกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ในสมัยของข้า คนที่ไม่สามารถสังหารศัตรูซึ่งมีขั้นพลังเหนือกว่าสองขั้นจะไม่ถือเป็นยอดฝีมือด้วยเพราะนั่นคือความน่าละอาย”

เยี่ยฉวน “…”

เสียงผู้พูดดังต่อไปอีกว่า “ข้าได้ช่วยเจ้าตรึงสตรีชุดดำ และในตอนนี้ช่วยเจ้าต้านทานพลังของกฎแห่ง เต๋า ตอนนี้ข้าอ่อนกำลังเหลือเกิน จึงต้องการพักสักระยะหนึ่ง หาไม่แล้วข้าจะสิ้นพลังที่จะต้านทานสิ่งนั้น…ช่าง เถิด ต่อไปนี้เจ้าจงพึ่งพาตัวเอง วันที่เจ้าได้ครอบครองกฎแห่งเต๋าอย่างแท้จริง หอคอยแห่งเรือนจำจึงจะจดจำ เจ้าอย่างแท้จริง”

คนฟังถามเสียงแผ่วต่ำ “ผู้อาวุโส ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่ ?”

สตรีลึกลับพูดอย่างใจเย็น “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ตายง่าย ๆ ถึงแม้ว่าไม่มีทั้งเจ้าและสิ่งนั้นในหอคอย แห่งเรือนจำอีกต่อไป ข้าเพียงแต่ต้องการพัก ฉะนั้นจงดูแลตัวเองให้ดี เพราะเมื่อข้าตื่นขึ้นมา ยังไม่อยากเห็นว่า เจ้าตายไปแล้ว อีกอย่างหนึ่ง หอคอยแห่งเรือนอาจช่วยเจ้าในการต่อสู้ต้านทานศัตรู แต่ข้ายังไม่ปรารถนาให้เจ้าต้องปลุกหอคอยขึ้นมา พึงระวังไว้เสมอ ในการปลุกใช้หอคอยแต่ละครั้งย่อมหมายถึงยันต์ผนึกหอคอยจะปริ แตกยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้ว่าเจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของและใช้งานหอคอยได้ แต่ในเวลานี้เจ้ายังไม่สามารถควบคุมมันได้ ฉะนั้นจงอย่าปลุกหากเจ้ามิได้ต้องการใช้งานหอคอยจริง ๆ หาไม่แล้ว เจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสของผลข้างเคียงแห่งหอคอยจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป !”

ชายหนุ่มถามโพล่งขึ้นทันที “ผู้อาวุโส ท่านพูดราวกับจะสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย… ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ?”

เสียงพูดถามมาว่า “เจ้าเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมดอกไม้จึงมีสีแดง ?”

เยี่ยฉวนนิ่ง “…”

นางจึงกล่าวต่อไปว่า “เรื่องสุดท้าย สิ่งที่อยู่บนชั้นสองมิได้ประสงค์จะเอาชีวิตเจ้า มันเพียงต้องการได้ รับการปลดปล่อย ทว่าเจ้าในเวลานี้ยังไม่มีความสามารถที่จะควบคุมสิ่งนั้น ถ้าจะทำสิ่งใดจงคิดให้รอบคอบ สิ่งนั้นถูกกักขังมาเป็นเวลานาน พลังที่เคยกล้าแกร่งบัดนี้อ่อนด้อยลง ถึงกระนั้นก็ตาม พลังและความกล้าแกร่ง ของเจ้าในตอนนี้ มันก็ยังหาควรคิดต่อสู้ต้านทานด้วยไม่”

“แต่สิ่งนั้นตีข้าบ่อย ๆ นะขอรับ !”

เสียงคนพูดบ่นพึมพำมาให้ได้ยิน “ทั้งยังมักตีผู้อื่นโดยปราศจากเหตุผล…”

“แม้แต่ข้าเอง หลายครั้งก็ยังนึกอยากตีเจ้าให้ตายคามือเหมือนกัน !” ผู้พูดภายในหัวเอ่ยเสียงเรียบ

เยี่ยฉวนคอย่น “…”

ในที่สุดมีเสียงพูดดังมาว่า “หนุ่มน้อย รักษาชีวิตให้ได้”

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ไม่มีความเคลื่อนไหวจากสตรีลึกลับผู้นั้นอีก

เยี่ยฉวนหน้าหมอง แน่ชัดว่าสตรีลึกลับได้เข้าสู่กรรมฐานเสียแล้ว

ชายหนุ่มจึงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ “ต่อไปข้าจะทำทุกอย่างด้วยตัวของข้าเอง !”

พลันเสมือนนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ เขาค่อยปิดเปลือกตาลงช้า ๆ ไม่นานนัก บังเกิดภาพคุณลักษณะ จำลองแห่ง ‘ปฐพี’ ขึ้นระหว่างหัวคิ้ว

สิ่งนั้นคือกฎแห่งเต๋า !

เขากำหมัดทั้งสองข้าง พลันปรากฏพลังแห่งปฐพีไม่มีสิ้นสูญบังเกิดขึ้นเบื้องใต้ฝ่าเท้า พลังเหล่านั้นหลั่งไหลท่วมท้นจากล่างขึ้นบน ชั่วพริบตาต่อมาจึงปรากฏเสื้อเกราะทองแห่งปฐพีบนร่างกาย !

เกราะแห่งปฐพี !

เขาลูบคลำเสื้อเกราะอย่างเบามือ สัมผัสได้ถึงความหนาแน่นที่สามารถต้านทานยอดฝีมือขั้นสันโดษ

…และอันที่จริงแล้ว แม้แต่ลำแสงออกปะทะของสตรีชุดดำยังต้านไหวด้วยซ้ำไป ทว่าเขายังไม่มั่นใจในข้อนั้นสักเท่าใด ด้วยถึงแม้ว่าจะต้านทานได้ หากแต่ตนเองอาจได้รับบาดเจ็บไม่น้อย !

นอกจากเกราะแห่งปฐพีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เยี่ยฉวนสัมผัสได้คือพลังบางอย่างภายในร่างกาย !

เขายืนนิ่งอยู่สักครู่ก่อนเดินทางขึ้นจากใต้บาดาล ภายหลังจากที่ขึ้นมาบนพื้นผิวโลก สายตาก็ได้กวาด ไปทั่วบริเวณ ฉับพลันกำหมัดแน่นในทันที ทำให้พลังแห่งปฐพีแผ่ซ่านเข้าห่อหุ้มร่างกาย !

ชายหนุ่มรวบรวมสตินิ่งอยู่อึดใจ ก่อนปล่อยหมัดกระแทกลงไปบนพื้นดินเต็มแรง !

หมัดทลายภูผา !

เขารวบรวมพลังอัดแน่นส่งผ่านทางกำปั้น ผสานกับพลังแห่งปฐพีภายใน และหมัดทลายภูผากับอีกทั้ง เคล็ดวิชาต่อสู้ !

ด้วยแรงกะแทกแห่งพลังหมัด พื้นดินพลันระเบิดแตกออก !

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+