หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 148 สำนักใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางหลาน (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 148 สำนักใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางหลาน (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 148 สำนักใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางหลาน (ปลาย)

หลังโดนเปิดโปง เจียงเยว่เทียนเพียงยิ้มมุมปาก ปากเอ่ยว่า “จริงอยู่ข้าอยากเห็นท่านและหลี่เสวียนชาง ต่อสู้จนรู้แพ้รู้ชนะ… แต่หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ? สถานศึกษาฉางหลานต้องล่มสลายและสถานศึกษาฉางมู่ จะได้รับชัยชนะโดยเด็ดขาด ถึงกระนั้นทุกอย่างจะจบเพียงเท่านี้หรือ ? ไม่ สำนักใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางมู่ บนแผ่นดินชิง จะต้องส่งคนมาเพื่อฟื้นฟูฉางมู่ขึ้นที่นี่อีกครั้ง และเมื่อถึงตอนนั้น สถานศึกษาฉางมู่ก็จะมีอำนาจ เหนือที่นี่แต่เพียงสถานเดียว”

อาจารย์ใหญ่จี้พูดอย่างใจเย็น “เข้าใจแล้ว เพื่อควบคุมสถานศึกษาฉางมู่ ท่านจึงประสงค์จะให้ฉาง หลานต่อสู้กับฉางมู่ต่อไป”

คู่สนทนาส่ายศีรษะ “อาจารย์จี้ ข้าขอพูดอย่างเปิดอก เวลานี้ภายในราชสำนักเข้าข้างท่าน แน่นอนเป็นไปไม่ได้ที่เราจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือพวกท่านอย่างออกหน้าออกตา ทว่าราชสำนักปรารถนาจะให้ความช่วยเหลือ ต่อท่านอย่างลับ ๆ เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้น ทั้งยังมีสัมพันธภาพอันดีกับเสี่ยวจิ้ว ดังนั้นราช สำนักจึงจะให้ความสำคัญกับคนผู้นี้อย่างที่สุด”

ฝ่ายอาจารย์ใหญ่ยกโถสุราขึ้นจิบทว่ายังคงนิ่งเฉย

เจียงเยว่เทียนถามยิ้ม ๆ  “อาจารย์จี้ ท่านจะไม่คัดค้านใช่หรือไม่ ?”

อาจารย์ใหญ่จี้ส่านหน้า “ไม่ ข้าไม่ได้จะคัดค้าน เพียงไม่ต้องการใช้เล่ห์เหลี่ยมกับเขาเท่านั้น”

ครานี้เจียงเยว่เทียนจึงยิ้มออก “แน่นอน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ พวกเราจะคอยคุ้มกันให้เขาอย่างลับ ๆ คนผู้นี้มีคุณค่าแก่น้ำมิตรและมีความสัมพันธอันสำคัญยิ่งทั้งต่อแคว้นบ้านเกิดและครอบครัว นอกจากนั้นเขา ยังเป็นผู้ที่เสี่ยวจิ้วชื่นชมอย่างมาก สำหรับเขา ราชสำนักหาได้มีความมุ่งร้ายแม้สักน้อย เรื่องนี้ข้าขอรับรองด้วยตนเอง !”

อีกฝ่านพยักหน้ารับทราบ “เช่นนั้นก็ตกลง”

จากนั้นจึงยกโถสุราขึ้นจิบก่อนหันหลังเดินจากไป

อีกฝ่ายยังยืนอยู่ที่เดิม เข้าหันมองโถงหอประชุมแห่งฉางหลานและยิ้มออกมา “ยอดผู้ฝึกกระบี่… สุดยอดแห่งผู้ฝึกกระบี่…”

หลังจากนั้นจึงหันหลังให้และร่างหายวับออกไปจากสถานที่ทันที

ในห้องครัว เยี่ยหลิงจุดไฟในเตาเตรียมหุงหาอาหาร

ทันใดนั้นได้ปรากฏร่างของเด็กหญิงคนหนึ่งใกล้กับที่นางอยู่ เด็กหญิงนางนั้นสวมเสื้อผ้าฝ้ายตัวหนา ผมยาวถักเป็นเปียห้อยไว้ด้านหลังศีรษะ ใบหน้าสดใสน่าเอ็นดู

สายตาของเยี่ยหลิงมองที่เด็กหญิงผู้เข้ามาใหม่นิ่งเฉยโดยไม่พูดสักคำ

เสียงเบาราวกระซิบดังมาจากเด็กหญิงคนใหม่ “วันนี้ท่านพี่ของเจ้าเกือบตาย !”

เยี่ยหลิงทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าและไม่มีเสียงตอบเช่นเคย

เด็กหญิงอีกคนมองตรงมาที่เยี่ยหลิง “เจ้าทำให้เกิดปัญหาต่อท่านพี่ของเจ้าหลายต่อหลายครั้ง วันนี้ เขาก็เกือบต้องตายเพราะเจ้า ต่อไปศัตรูจะพุ่งเป้ามาที่เจ้าแน่”

ครานี้น้ำตาของเด็กหญิงเยี่ยหลิงไหลพรากลงอาบแก้มทันที น้ำตาหลั่งรินไม่ขาดสายจนเด็กน้อยไม่ สามารถปาดเช็ดออกจนหมดอีกแล้ว

อีกฝ่ายก้าวตรงมาหาเยี่ยหลิง “เจ้าต้องหัดพึ่งพาตนเองและเข้มแข็ง มีเพียงหนทางนี้จึงจะไม่สร้าง ปัญหาให้ท่านพี่ของเจ้า ไม่สิ หนทางเดียวเท่านั้นที่เจ้าจะสามารถปกป้องท่านพี่ของเจ้าได้ในภายหน้า !”

เยี่ยหลิงเงยหน้าขวับขึ้นมองเด็กหญิงตรงหน้าทันที “ท่านพี่ข้าเป็นคนเก่งมาก… ข้าจะปกป้องเขาได้ หรือ ?”

เด็กหญิงคลี่ยิ้ม “เขาเก่งมากก็จริง แต่เมื่อเทียบกับเจ้าแล้วนับว่ายังห่างไกล ถ้าเจ้าไปกับข้า ข้ารับรอง ว่าในอนาคตเจ้าจะเจิดจรัสจนน่าแปลกใจยิ่งกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์อันหลานซิ่วแห่งแคว้นเจียงเสียอีก !”

ผู้ที่นั่งฟังสะดุ้งตัว พลันถามออกไปว่า “ทำไม ทำไม…”

คราวนี้คนตัวเล็กคลี่ยิ้มกว้าง นางมีท่าทางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “เพราะว่าในกายเจ้ามีกายาเหมันต์ ที่นับว่าเป็นกายาพิเศษหนึ่งในตำนาน ถ้าเจ้าไปกับข้ายังสำนักเหมันตอุดร  พวกเราจะใช้ความรู้และพลังที่มี ฝึกฝนให้เจ้า และทำให้เจ้ากลายเป็นหนึ่งในรายนามบนทำเนียบยอดคนตามตำนานของโลกชิงฉาง”

เยี่ยหลิงนิ่งงันไปอย่างใช้ความคิดอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดเด็กหญิงจึงเงยหน้ามองคนตรงหน้าพร้อมพูดว่า “ข้ารับปากว่าจะไปกับเจ้า”

ตอนนี้ใบหน้าของเด็กหญิงสดชื่นเบิกบานยิ่งนัก ทว่าเมื่อเยี่ยหลิงพูดว่า “แต่ข้ายังอยากอยู่เป็นเพื่อน ท่านพี่สักพักก่อน…”

เด็กตัวเล็กลังเลนิดหนึ่งก่อนพยักหน้า “ได้ ข้าจะกลับมาหาเจ้าทีหลัง !”

จากนั้นนางพลันหันกลับและหายวับไป

ณ ที่ว่างหน้าเตาไฟ เยี่ยหลิงยังนั่งกอดเข่ากับพื้น ทว่าสายตาว่างเปล่าจ้องมองเปลวไฟในเตาแววตา เลื่อนลอย

ค่ำคืนนั้น

ภายในหอโถงฉางหลาน ที่ที่ทุกคนมารวมกัน

กินอาหาร !

บนโต๊ะมีจานกับข้าววางอยู่นับสิบอย่าง พวกนี้ทั้งหมดต่างเป็นฝีมือของเยี่ยหลิงและเยี่ยฉวน ในระหว่าง มื้ออาหารเยี่ยหลิงคอยคีบนู่นเติมนี่ลงในชามข้าวของเยี่ยฉวนตลอดเวลา ในขณะเดียวกันทั้งโม่อวิ๋นฉีและคนอื่น ๆต่างก็มองดูอย่างเงียบ ๆ

เด็กหญิงสมกับเป็นน้องสาวร่วมสายโลหิตของเยี่ยฉวยโดยแท้ !

ขณะที่ทุกคนกำลังกินข้าว อาจารย์ใหญ่จี้ที่จิบสุราจากไหได้กล่าวขึ้นว่า “ข้ามีข่าวไม่สู้ดีจะบอกพวกเจ้าตอนนี้สถานศึกษาฉางมู่เรียกรวมพล ในแผ่นดินชิงนี้ สถานศึกษาฉางมู่มีอยู่ทั้งสิ้น 72 แห่ง ในแคว้นเจียงมีเพียงหนึ่ง ซึ่งตอนนี้พวกเขาได้กระจายข่าวเรียกรวมพลโดยตั้งรางวัลมูลค่ามหาศาล ถ้าพูดให้ฟังง่าย ๆ คือยอด อัจฉริยะและยอดคนของสถานศึกษาฉางมู่ทั้ง 71 แห่งกำลังมุ่งหน้ามาที่แคว้นเจียงแห่งนี้”

หลังจากนั้นเขาเบนสายตาไปทางเยี่ยฉวนและไล่ไปทางคนอื่น “ต่อไปพวกเจ้ามิใช่เผชิญหน้ากับ อัจฉริยะเพียงหนึ่งหรือสอง แต่เป็นกลุ่ม และข้าไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือพวกเจ้าได้อีกต่อไป !”

เยี่ยฉวนเอื้อมมือไปฉวยถ้วยซุปที่วางเบื้องหน้าขึ้นซด “งั้นพวกเราก็แค่ออกไปตีกับมัน !”

โม่อวิ๋นฉีซึ่งนั่งติดกันพยักหน้าหนักแน่น “พวกเราต้องตีมัน !”

พลันราวกับเขานึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปทางอาจารย์ใหญ่ถามขึ้นว่า “ท่านอาจารย์จี้ สถานศึกษาฉางมู่มีสาขามากมาย แล้วสถานศึกษาฉางหลานเล่า ? สถานศึกษาฉางหลานไม่มีภูมิหลังบ้างหรือ ?”

เยี่ยฉวนหันมองอาจารย์ใหญ่จี้ ด้วยตนเองเกิดความข้องใจไม่น้อยเช่นกัน

ชายชรานิ่งงันไป เขายกไหสุราขึ้นดื่มอั้กก่อนพูดเบาเป็นกระซิบ “สำนักใหญ่ของสถานศึกษาฉางหลานตั้งอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ ที่เดียวกับที่ตั้งของสถานศึกษาฉางมู่ ทั้งสองแห่งนับเป็นสถาน ศึกษายิ่งใหญ่ทัดเทียมกัน อันที่จริงสถานศึกษาฉางหลานมีสาขาอื่นทั้งหมด 108 แห่ง อยู่ในแผ่นดินฉางหลาน…”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นโม่อวิ๋นฉีถึงกับทะลึ่งพรวดขึ้นยืน “อาจารย์จี้ ไฉนท่านไม่ทำอะไรเข้าสักอย่างขอรับ ? รีบเรียกรวมพลให้พวกเขามาช่วยเราสิขอรับ !”

ไปเจ๋อพยักหน้าเห็นด้วยมาอีกคน “รวมพลเถิดขอรับ !”

อาจารย์ใหญ่จี้ส่ายหน้า “ข้าทำไม่ได้ !”

โม่อวิ๋นฉีสะดุ้งก่อนถามว่า “เหตุใดกันขอรับ ?”

ชายชราตอบเสียงต่ำ “สาขาสถานศึกษาฉางหลานที่นี่อยู่ในภาวะตกต่ำ… พวกเราเป็นสาขาที่อ่อนแอที่สุด… พูดกันตรง ๆ สาขาอื่นต่างดูแคลนสาขาของพวกเรา พวกเขาไม่อยากข้องเกี่ยวอีกทั้งไม่ยอมรับพวกเรา เจ้าเข้าใจหรือยัง ?”

ทุกคนนิ่งงัน “…”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 148 สำนักใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางหลาน (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 148 สำนักใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางหลาน (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 148 สำนักใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางหลาน (ปลาย)

หลังโดนเปิดโปง เจียงเยว่เทียนเพียงยิ้มมุมปาก ปากเอ่ยว่า “จริงอยู่ข้าอยากเห็นท่านและหลี่เสวียนชาง ต่อสู้จนรู้แพ้รู้ชนะ… แต่หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ? สถานศึกษาฉางหลานต้องล่มสลายและสถานศึกษาฉางมู่ จะได้รับชัยชนะโดยเด็ดขาด ถึงกระนั้นทุกอย่างจะจบเพียงเท่านี้หรือ ? ไม่ สำนักใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางมู่ บนแผ่นดินชิง จะต้องส่งคนมาเพื่อฟื้นฟูฉางมู่ขึ้นที่นี่อีกครั้ง และเมื่อถึงตอนนั้น สถานศึกษาฉางมู่ก็จะมีอำนาจ เหนือที่นี่แต่เพียงสถานเดียว”

อาจารย์ใหญ่จี้พูดอย่างใจเย็น “เข้าใจแล้ว เพื่อควบคุมสถานศึกษาฉางมู่ ท่านจึงประสงค์จะให้ฉาง หลานต่อสู้กับฉางมู่ต่อไป”

คู่สนทนาส่ายศีรษะ “อาจารย์จี้ ข้าขอพูดอย่างเปิดอก เวลานี้ภายในราชสำนักเข้าข้างท่าน แน่นอนเป็นไปไม่ได้ที่เราจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือพวกท่านอย่างออกหน้าออกตา ทว่าราชสำนักปรารถนาจะให้ความช่วยเหลือ ต่อท่านอย่างลับ ๆ เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้น ทั้งยังมีสัมพันธภาพอันดีกับเสี่ยวจิ้ว ดังนั้นราช สำนักจึงจะให้ความสำคัญกับคนผู้นี้อย่างที่สุด”

ฝ่ายอาจารย์ใหญ่ยกโถสุราขึ้นจิบทว่ายังคงนิ่งเฉย

เจียงเยว่เทียนถามยิ้ม ๆ  “อาจารย์จี้ ท่านจะไม่คัดค้านใช่หรือไม่ ?”

อาจารย์ใหญ่จี้ส่านหน้า “ไม่ ข้าไม่ได้จะคัดค้าน เพียงไม่ต้องการใช้เล่ห์เหลี่ยมกับเขาเท่านั้น”

ครานี้เจียงเยว่เทียนจึงยิ้มออก “แน่นอน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ พวกเราจะคอยคุ้มกันให้เขาอย่างลับ ๆ คนผู้นี้มีคุณค่าแก่น้ำมิตรและมีความสัมพันธอันสำคัญยิ่งทั้งต่อแคว้นบ้านเกิดและครอบครัว นอกจากนั้นเขา ยังเป็นผู้ที่เสี่ยวจิ้วชื่นชมอย่างมาก สำหรับเขา ราชสำนักหาได้มีความมุ่งร้ายแม้สักน้อย เรื่องนี้ข้าขอรับรองด้วยตนเอง !”

อีกฝ่านพยักหน้ารับทราบ “เช่นนั้นก็ตกลง”

จากนั้นจึงยกโถสุราขึ้นจิบก่อนหันหลังเดินจากไป

อีกฝ่ายยังยืนอยู่ที่เดิม เข้าหันมองโถงหอประชุมแห่งฉางหลานและยิ้มออกมา “ยอดผู้ฝึกกระบี่… สุดยอดแห่งผู้ฝึกกระบี่…”

หลังจากนั้นจึงหันหลังให้และร่างหายวับออกไปจากสถานที่ทันที

ในห้องครัว เยี่ยหลิงจุดไฟในเตาเตรียมหุงหาอาหาร

ทันใดนั้นได้ปรากฏร่างของเด็กหญิงคนหนึ่งใกล้กับที่นางอยู่ เด็กหญิงนางนั้นสวมเสื้อผ้าฝ้ายตัวหนา ผมยาวถักเป็นเปียห้อยไว้ด้านหลังศีรษะ ใบหน้าสดใสน่าเอ็นดู

สายตาของเยี่ยหลิงมองที่เด็กหญิงผู้เข้ามาใหม่นิ่งเฉยโดยไม่พูดสักคำ

เสียงเบาราวกระซิบดังมาจากเด็กหญิงคนใหม่ “วันนี้ท่านพี่ของเจ้าเกือบตาย !”

เยี่ยหลิงทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าและไม่มีเสียงตอบเช่นเคย

เด็กหญิงอีกคนมองตรงมาที่เยี่ยหลิง “เจ้าทำให้เกิดปัญหาต่อท่านพี่ของเจ้าหลายต่อหลายครั้ง วันนี้ เขาก็เกือบต้องตายเพราะเจ้า ต่อไปศัตรูจะพุ่งเป้ามาที่เจ้าแน่”

ครานี้น้ำตาของเด็กหญิงเยี่ยหลิงไหลพรากลงอาบแก้มทันที น้ำตาหลั่งรินไม่ขาดสายจนเด็กน้อยไม่ สามารถปาดเช็ดออกจนหมดอีกแล้ว

อีกฝ่ายก้าวตรงมาหาเยี่ยหลิง “เจ้าต้องหัดพึ่งพาตนเองและเข้มแข็ง มีเพียงหนทางนี้จึงจะไม่สร้าง ปัญหาให้ท่านพี่ของเจ้า ไม่สิ หนทางเดียวเท่านั้นที่เจ้าจะสามารถปกป้องท่านพี่ของเจ้าได้ในภายหน้า !”

เยี่ยหลิงเงยหน้าขวับขึ้นมองเด็กหญิงตรงหน้าทันที “ท่านพี่ข้าเป็นคนเก่งมาก… ข้าจะปกป้องเขาได้ หรือ ?”

เด็กหญิงคลี่ยิ้ม “เขาเก่งมากก็จริง แต่เมื่อเทียบกับเจ้าแล้วนับว่ายังห่างไกล ถ้าเจ้าไปกับข้า ข้ารับรอง ว่าในอนาคตเจ้าจะเจิดจรัสจนน่าแปลกใจยิ่งกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์อันหลานซิ่วแห่งแคว้นเจียงเสียอีก !”

ผู้ที่นั่งฟังสะดุ้งตัว พลันถามออกไปว่า “ทำไม ทำไม…”

คราวนี้คนตัวเล็กคลี่ยิ้มกว้าง นางมีท่าทางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “เพราะว่าในกายเจ้ามีกายาเหมันต์ ที่นับว่าเป็นกายาพิเศษหนึ่งในตำนาน ถ้าเจ้าไปกับข้ายังสำนักเหมันตอุดร  พวกเราจะใช้ความรู้และพลังที่มี ฝึกฝนให้เจ้า และทำให้เจ้ากลายเป็นหนึ่งในรายนามบนทำเนียบยอดคนตามตำนานของโลกชิงฉาง”

เยี่ยหลิงนิ่งงันไปอย่างใช้ความคิดอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดเด็กหญิงจึงเงยหน้ามองคนตรงหน้าพร้อมพูดว่า “ข้ารับปากว่าจะไปกับเจ้า”

ตอนนี้ใบหน้าของเด็กหญิงสดชื่นเบิกบานยิ่งนัก ทว่าเมื่อเยี่ยหลิงพูดว่า “แต่ข้ายังอยากอยู่เป็นเพื่อน ท่านพี่สักพักก่อน…”

เด็กตัวเล็กลังเลนิดหนึ่งก่อนพยักหน้า “ได้ ข้าจะกลับมาหาเจ้าทีหลัง !”

จากนั้นนางพลันหันกลับและหายวับไป

ณ ที่ว่างหน้าเตาไฟ เยี่ยหลิงยังนั่งกอดเข่ากับพื้น ทว่าสายตาว่างเปล่าจ้องมองเปลวไฟในเตาแววตา เลื่อนลอย

ค่ำคืนนั้น

ภายในหอโถงฉางหลาน ที่ที่ทุกคนมารวมกัน

กินอาหาร !

บนโต๊ะมีจานกับข้าววางอยู่นับสิบอย่าง พวกนี้ทั้งหมดต่างเป็นฝีมือของเยี่ยหลิงและเยี่ยฉวน ในระหว่าง มื้ออาหารเยี่ยหลิงคอยคีบนู่นเติมนี่ลงในชามข้าวของเยี่ยฉวนตลอดเวลา ในขณะเดียวกันทั้งโม่อวิ๋นฉีและคนอื่น ๆต่างก็มองดูอย่างเงียบ ๆ

เด็กหญิงสมกับเป็นน้องสาวร่วมสายโลหิตของเยี่ยฉวยโดยแท้ !

ขณะที่ทุกคนกำลังกินข้าว อาจารย์ใหญ่จี้ที่จิบสุราจากไหได้กล่าวขึ้นว่า “ข้ามีข่าวไม่สู้ดีจะบอกพวกเจ้าตอนนี้สถานศึกษาฉางมู่เรียกรวมพล ในแผ่นดินชิงนี้ สถานศึกษาฉางมู่มีอยู่ทั้งสิ้น 72 แห่ง ในแคว้นเจียงมีเพียงหนึ่ง ซึ่งตอนนี้พวกเขาได้กระจายข่าวเรียกรวมพลโดยตั้งรางวัลมูลค่ามหาศาล ถ้าพูดให้ฟังง่าย ๆ คือยอด อัจฉริยะและยอดคนของสถานศึกษาฉางมู่ทั้ง 71 แห่งกำลังมุ่งหน้ามาที่แคว้นเจียงแห่งนี้”

หลังจากนั้นเขาเบนสายตาไปทางเยี่ยฉวนและไล่ไปทางคนอื่น “ต่อไปพวกเจ้ามิใช่เผชิญหน้ากับ อัจฉริยะเพียงหนึ่งหรือสอง แต่เป็นกลุ่ม และข้าไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือพวกเจ้าได้อีกต่อไป !”

เยี่ยฉวนเอื้อมมือไปฉวยถ้วยซุปที่วางเบื้องหน้าขึ้นซด “งั้นพวกเราก็แค่ออกไปตีกับมัน !”

โม่อวิ๋นฉีซึ่งนั่งติดกันพยักหน้าหนักแน่น “พวกเราต้องตีมัน !”

พลันราวกับเขานึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปทางอาจารย์ใหญ่ถามขึ้นว่า “ท่านอาจารย์จี้ สถานศึกษาฉางมู่มีสาขามากมาย แล้วสถานศึกษาฉางหลานเล่า ? สถานศึกษาฉางหลานไม่มีภูมิหลังบ้างหรือ ?”

เยี่ยฉวนหันมองอาจารย์ใหญ่จี้ ด้วยตนเองเกิดความข้องใจไม่น้อยเช่นกัน

ชายชรานิ่งงันไป เขายกไหสุราขึ้นดื่มอั้กก่อนพูดเบาเป็นกระซิบ “สำนักใหญ่ของสถานศึกษาฉางหลานตั้งอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ ที่เดียวกับที่ตั้งของสถานศึกษาฉางมู่ ทั้งสองแห่งนับเป็นสถาน ศึกษายิ่งใหญ่ทัดเทียมกัน อันที่จริงสถานศึกษาฉางหลานมีสาขาอื่นทั้งหมด 108 แห่ง อยู่ในแผ่นดินฉางหลาน…”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นโม่อวิ๋นฉีถึงกับทะลึ่งพรวดขึ้นยืน “อาจารย์จี้ ไฉนท่านไม่ทำอะไรเข้าสักอย่างขอรับ ? รีบเรียกรวมพลให้พวกเขามาช่วยเราสิขอรับ !”

ไปเจ๋อพยักหน้าเห็นด้วยมาอีกคน “รวมพลเถิดขอรับ !”

อาจารย์ใหญ่จี้ส่ายหน้า “ข้าทำไม่ได้ !”

โม่อวิ๋นฉีสะดุ้งก่อนถามว่า “เหตุใดกันขอรับ ?”

ชายชราตอบเสียงต่ำ “สาขาสถานศึกษาฉางหลานที่นี่อยู่ในภาวะตกต่ำ… พวกเราเป็นสาขาที่อ่อนแอที่สุด… พูดกันตรง ๆ สาขาอื่นต่างดูแคลนสาขาของพวกเรา พวกเขาไม่อยากข้องเกี่ยวอีกทั้งไม่ยอมรับพวกเรา เจ้าเข้าใจหรือยัง ?”

ทุกคนนิ่งงัน “…”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+