หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 172 น้องข้าอยู่ที่ไหน ? (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 172 น้องข้าอยู่ที่ไหน ? (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 172 น้องข้าอยู่ที่ไหน ? (ปลาย)

ภายในวังหลวงแห่งแคว้นหนิง

สตรีผู้ประทับนั่งอยู่เหนือบัลลังก์มังกร สวมผ้าคลุมปักลวดลายมังกรทองคำ ด้วยท่วงท่าและสีหน้าซึ่งสงบเรียบเฉยมิได้ไยดีต่อน้ำหนักของอาภรณ์บนเรือนกาย แต่กลับทำให้เสื้อผ้าอาภรณ์นั้นดูเหมาะสมสอดคล้องกับผู้สวมใส่ยิ่งนัก ทั้งยังส่งเสริมให้เรือนร่างที่งดงามโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เส้นผมดำขลับปล่อยสยายทิ้งตัวตามความยาวทางเบื้องหลัง นางกำลังมองภาพวาดเบื้องหน้า หัวคิ้วค่อยหย่อนคลายด้วยอารมณ์ที่สงบเย็นลง

สตรีผู้นี้แท้ที่จริงแล้วคือ ทัวป้าเหยียน ฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นหนิง !  หลังจากนั้น ทัวป้าเหยียนปิดภาพวาด “เรื่องเยี่ยฉวนที่ข้าให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไร ?”

พลันมีเสียงตอบดังมาจากมุมมืด “พะยะค่ะฝ่าบาท ข้าสืบได้รากเหง้าของคนผู้นี้มา ว่าแท้จริงแล้วเขามาจากเมืองชิงแห่งแคว้นเจียง แต่ไม่ปรากฏว่าใครคือบิดามารดา ชีวิตเติบโตมากับน้องสาวอีกหนึ่งคน ในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก จำต้องอยู่ด้วยตนเองกับน้องสาว ณ ตระกูลเยี่ย ก่อนที่ต่อมาผู้อาวุโสแห่งตระกูลจะแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลเยี่ยนับตั้งแต่นั้น…”

ในไม่ช้าข้อมูลของเยี่ยฉวนได้ถูกถ่ายทอดจนหมดสิ้น นับตั้งแต่ที่เมืองชิงกระทั่งเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ในเมืองหลวงที่เกิดขึ้นกับเยี่ยฉวน แน่นอนไม่หมดเสียทุกอย่าง ยกเว้นบางเรื่อง

หลังจากนิ่งฟังจนจบ ทัวป้าเหยียนเอนกายพิงพนักบัลลังก์มังกร ค่อยปิดเปลือกตาลง “สิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมด เป็นเพียงผิวเผิน !”

ดังนั้น เสียงจากมุมมืดจึงรีบกล่าวตอบว่า “เท่าที่พวกข้าไตร่ตรองดู นอกจากสถานศึกษาฉางหลาน น่าจะมีคนระดับปรมาจารย์อยู่เบื้องหลัง ด้วยเพราะเหตุการณ์ที่เยี่ยฉวนสังหารคนระดับหัวหน้าของสำนักอัปสรเมรัยตายบนเรือเหาะ แต่เขากลับยังอยู่รอดปลอดภัย ซึ่งไม่เพียงสำนักอัปสรเมรัยจะไม่ทำอันตรายเขาเท่านั้น ทว่ายังขอโอกาสแก้ตัวต่อเขา ดังนั้นทางเราจึงได้ข้อสรุปว่า อีกฝ่ายจะต้องมีปรมาจารย์สักคนที่คอยหนุนหลัง อีกทั้งคนผู้นั้นต้องเป็นผู้ที่มีฝีมือเยี่ยมยอดอีกด้วย !”

เยี่ยมยอด!

เมื่อทัวป้าเหยียนลืมตา เผยให้เห็นประกายตาคู่นั้นวับวาวราวคมกระบี่ พลันนางรำลึกถึงเหตุการณ์ที่แสงกระบี่ทำให้ร่างของนางตรึงติดกับโคนไม้ใหญ่จนไม่อาจขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่สามารถตอบโต้พลังเมื่อครั้งเผชิญหน้ากับสองลำแสงแห่งกระบี่ตวัดผ่าน !

ขณะนั้นมีเสียงของคนพูดดังขึ้นอีกครา “สถานศึกษาฉางมู่ประสงค์ที่จะให้ทางเราร่วมมือในการสังหารคนผู้นี้ ฝ่าบาท ในฐานะตัวแทนคณะที่ปรึกษาแห่งองค์ฮ่องเต้ ข้าน้อยขอแนะนำให้พระองค์ทรงตอบปฏิเสธคำขอจากสถานศึกษาฉางมู่เถิดพะย่ะค่ะ”

ทัวป้าเหยียนถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “เพราะเหตุใด ?”

เสียงกังวานตอบมาจากมุมมืด “คนผู้นี้ออกจากเมืองชิงเดินทางสู่เมืองหลวง และจากเมืองหลวงต่อไปยังเมืองหน้าด่าน จากนั้นจึงเดินทางจากเมืองหน้าด่านกลับเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง เพียงชั่วระยะเวลาไม่นาน เยี่ยฉวนผู้นี้กลับมีความกล้าแกร่งก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับในช่วงหลังทั้งราชสำนักแคว้นเจียงและสำนักอัปสรเมรัยเปลี่ยนหันมาให้การสนับสนุนต่อชายผู้นี้ ทางเราจึงควรเชื่อว่าน่าจะมีระดับปรมาจารย์หรือยอดฝีมือเยี่ยมยุทธ์คอยหนุนอยู่เบื้องหลัง ฉะนั้นแคว้นหนิงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นศัตรูกับเยี่ยฉวน”

ทัวป้าเหยียนชำเลืองมองรูปวาดของเยี่ยฉวนนิ่งเฉยมิได้กล่าวอันใดอีก

พลันบุรุษสวมชุดดำปรากฏกายขึ้นภายในท้องพระโรง มองเห็นคนบนบัลลังก์ เขาจึงย่อเข่าลงข้างหนึ่งแสดงความเคารพ “ฝ่าบาท เวลานี้มีคน 76 คนให้ความสนใจล่ารางวัลค่าหัวเยี่ยฉวน ซึ่งทั้ง 76 คนต่างก็เป็นเหล่าอัจฉริยะยอดฝีมือและยอดคนจากหลายแคว้น อีกทั้งในกลุ่มนั้น ยังมีสามคนที่ถูกจารึกชื่อไว้ในทำเนียบแห่งผู้เยี่ยมยุทธ์ ยิ่งไปกว่านั้น ได้ข่าวว่าสถานศึกษาฉางมู่สาขาแห่งอาณาจักรภูผาเมฆายังได้ส่งคนมาที่นี่ด้วย แต่ทางเรายังไม่รู้แน่ชัดว่าคนที่ถูกส่งมาเป็นใคร อีกอย่างแม้แต่ดินแดนอันธกาลก็ส่งคนมาด้วย ทว่าพวกเรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นใครเช่นกันพะย่ะค่ะ !”

“ดินแดนอันธกาล !” หัวคิ้วของทัวป้าเหยียนขมวดมุ่น “สำนักมือสังหารไม่วายยากมาร่วมสนุกด้วย อย่างนั้นหรือ ?”

บุรุษชุดดำกล่าวเสียงแหบห้าว “รางวัลค่าหัวก้อนใหญ่ที่สถานศึกษาฉางมู่ตั้งไว้นั้น เป็นสิ่งล่อใจที่ยากจะปฏิเสธพะย่ะค่ะ”

ทัวป้าเหยียนพยักหน้าเบา ๆ “เอาล่ะ เจ้าออกไปได้ !”

ชายชุดดำแสดงความเคารพก่อนจะหันกลับไปทันที

ภายในท้องพระโรงเงียบสงบลงอีกครั้ง

ชั่วครู่หนึ่ง ทัวป้าเหยียนเอ่ยขึ้นว่า “หลังจากนี้แคว้นเราจะเปิดสถานที่แห่งความลับ แต่ทางเราจะไม่ร่วมในการล่าสังหารคน แจ้งไปยังเหล่าขุนนางตระกูลสูงในแคว้นหนิง รวมทั้งคนในราชสำนักว่าแคว้นเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในการล่าค่าหัวสังหารเยี่ยฉวน ใครฝ่าฝืนคำสั่ง มีโทษประหาร !”

“รับบัญชาพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท !”

ณ ใจกลางเมืองหลวงแคว้นหนิง กลุ่มคนท่าทางมอซอ เยี่ยฉวนและพวกอีกสามคนเดินอยู่บนท้องถนนในเมืองหลวง รอบตัวแวดล้อมไปด้วยฝูงชนคลาคล่ำ !

พลันทางเบื้องหน้าพวกเขา ปรากฏกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งราวสิบกว่ายืนขวางเต็มถนน ทุกคนต่างสวมเสื้อแบบและชนิดเดียวกัน ปักตราสัญลักษณ์บนอกเสื้อ ! สถานศึกษาฉางมู่ !

ทั้งสองฟากฝั่งถนน มีผู้คนทยอยจับกลุ่มห้อมล้อม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกคนเหล่านั้นคาดหวังจะได้เห็นสิ่งตื่นเต้นเร้าใจ

เสียงศิษย์ฉางมู่คนหนึ่งที่ยืนตรงกันข้ามกับเยี่ยฉวนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เจ้าคงเป็นเยี่ยฉวนจากสถานศึกษาฉางหลานแห่งแคว้นเจียง สินะ ได้ยินว่าค่าหัวแพงระเบิดระเบ้อ…”

ฉับพลันนั้นเยี่ยฉวนหายวับจากที่ไปต่อหน้าต่อตา

ขณะต่อมานั้นเอง

ฉัวะ ! เสียงพูดของคนผู้นั้นขาดลงกระทันหัน ขณะเดียวกัน ที่ลำคอส่วนคอหอยฉีกขาด โลหิตพุ่งออกจากบาดแผลฉกรรจ์สาดกระจายทั่วพื้นผิวถนน !

ในลานกว้าง ชาวเมืองและทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่แตกต่าง

เยี่ยฉวนมิได้ยั้งหยุดเพียงแค่นั้น เขาหงายฝ่ามือออก และกระบี่หลิงซิ่วในอุ้งมือพลันเหินทะยานออกจากที่อุ้งมือไป

ฉัวะ ! ฉัวะ ! ฉัวะ !

ทั่วทั้งลาน มีเพียงลำแสงแห่งกระบี่พุ่งทะยานเข้าหากลุ่มศิษย์ฉางมู่ มองผาดเผินราวหมู่มวลผีเสื้อเริงระบำโฉบชิมเกสรดอกไม้…

“โอ๊ะ อ๊ากกก…” เสียงตื่นตระหนกตามด้วยเสียงกรีดร้องครวญครางดังต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง ในเวลาเดียวกันศีรษะของกลุ่มศิษย์ฉางมู่กระเด็นตกลงบนพื้นถนน คนแล้วคนเล่า ! ไร้ผู้รอดชีวิต !

ทุกคนมองดูเหตุการณ์ด้วยความตระหนกอกสั่น ไม่เว้นแม้แต่จี้อันซื่อ รวมทั้งคนอื่นต่างตกตะลึงจนได้แต่นิ่งขึง ทุกคนหันมองหน้ากันอ้าปากค้าง แววตาเต็มไปด้วยความปริวิตก ด้วยการเป็นไปเช่นนี้ แสดงว่าเยี่ยฉวนออกจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว !

เขาดูเปลี่ยนเป็นอีกคน ! กระบี่หลิงซิ่งทะยานกลับสู่ผู้เป็นเจ้าของ หยาดโลหิตที่ค้างอยู่บนคมมีดรินไหลสู่ปลายกระบี่

เยี่ยฉวนเก็บกระบี่ของเขาคืนสู่ฝัก ก่อนจะออกเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ทว่าก้าวออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวต้องพลันชะงักฝีเท้าลง ด้วยบุรุษวัยกลางคนออกยืนขวางอยู่เบื้องหน้า สายตาดุดันจ้องเขม็งที่ใบหน้าของชายหนุ่ม “ที่นี่คือแคว้นหนิง ไม่ใช่แคว้นเจียง ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะแสดงพฤติกรรมป่าเถื่อน…”

ขณะนั้นเยี่ยฉวนพลันหายวับไปอีกครา ทันใดร่างของเขาปรากฏทะยานอยู่เบื้องเหนือศีรษะของชายวัยกลางคน และฉับพลันนั้นกระบี่หนึ่งฟาดฉับลงโดยแรง !

ความว่องไวดุจสายฟ้าของกระบี่ ฟันฉับลงตรง ๆ ชายวัยกลางคน ตัดกึ่งกลางกะโหลกศีรษะผู้นั้นออกเป็นสองซีก ! ยามนี้โลหิตสด ๆ สาดกระจายจนแดงฉานไปทั่วบริเวณ !

เยี่ยฉวนสีหน้านิ่งเฉย ขณะเก็บคืนกระบี่เข้าฝัก ! พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่โดนหยาดโลหิตกระเซ็นใส่ เสียงพึมพำเล็ดลอดจากปากพอจับได้ว่า “ข้าแค่จะมารับน้องของข้ากลับไปเท่านั้น…”

จากนั้นเขากวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่เข้ามามุงดู สีหน้าว่างเปล่า “น้องของข้าอยู่ไหน ?” ชาวเมืองที่มุงดูยามนี้มองเยี่ยฉวนด้วยสีหน้าสีตาตื่นกลัวเต็มเปี่ยม

ทันใดนั้น สีหน้าของเยี่ยฉวนพลันแปรเปลี่ยนเป็นดุดันมุ่งร้าย ชั่วขณะต่อมากระบี่หลิงซิ่วในมือของเขาสะท้านสะเทือนรุนแรง ลำแสงกระบี่พุ่งวาบสว่างไสวไปทั่วลานบริเวณ

เปรี้ยง ! ระเบิดรุนแรง เกิดแรงสะเทือนจนเป็นเหตุให้บ้านเรือนหลังที่อยู่ละแวกใกล้เคียงหลังหนึ่งพังถล่มลงในบัดดล !

“ไอ้คนนั้นมันบ้าไปแล้ว หนีเร็ววว !”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 172 น้องข้าอยู่ที่ไหน ? (ปลาย)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 172 น้องข้าอยู่ที่ไหน ? (ปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 172 น้องข้าอยู่ที่ไหน ? (ปลาย)

ภายในวังหลวงแห่งแคว้นหนิง

สตรีผู้ประทับนั่งอยู่เหนือบัลลังก์มังกร สวมผ้าคลุมปักลวดลายมังกรทองคำ ด้วยท่วงท่าและสีหน้าซึ่งสงบเรียบเฉยมิได้ไยดีต่อน้ำหนักของอาภรณ์บนเรือนกาย แต่กลับทำให้เสื้อผ้าอาภรณ์นั้นดูเหมาะสมสอดคล้องกับผู้สวมใส่ยิ่งนัก ทั้งยังส่งเสริมให้เรือนร่างที่งดงามโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เส้นผมดำขลับปล่อยสยายทิ้งตัวตามความยาวทางเบื้องหลัง นางกำลังมองภาพวาดเบื้องหน้า หัวคิ้วค่อยหย่อนคลายด้วยอารมณ์ที่สงบเย็นลง

สตรีผู้นี้แท้ที่จริงแล้วคือ ทัวป้าเหยียน ฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นหนิง !  หลังจากนั้น ทัวป้าเหยียนปิดภาพวาด “เรื่องเยี่ยฉวนที่ข้าให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไร ?”

พลันมีเสียงตอบดังมาจากมุมมืด “พะยะค่ะฝ่าบาท ข้าสืบได้รากเหง้าของคนผู้นี้มา ว่าแท้จริงแล้วเขามาจากเมืองชิงแห่งแคว้นเจียง แต่ไม่ปรากฏว่าใครคือบิดามารดา ชีวิตเติบโตมากับน้องสาวอีกหนึ่งคน ในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก จำต้องอยู่ด้วยตนเองกับน้องสาว ณ ตระกูลเยี่ย ก่อนที่ต่อมาผู้อาวุโสแห่งตระกูลจะแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลเยี่ยนับตั้งแต่นั้น…”

ในไม่ช้าข้อมูลของเยี่ยฉวนได้ถูกถ่ายทอดจนหมดสิ้น นับตั้งแต่ที่เมืองชิงกระทั่งเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ในเมืองหลวงที่เกิดขึ้นกับเยี่ยฉวน แน่นอนไม่หมดเสียทุกอย่าง ยกเว้นบางเรื่อง

หลังจากนิ่งฟังจนจบ ทัวป้าเหยียนเอนกายพิงพนักบัลลังก์มังกร ค่อยปิดเปลือกตาลง “สิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมด เป็นเพียงผิวเผิน !”

ดังนั้น เสียงจากมุมมืดจึงรีบกล่าวตอบว่า “เท่าที่พวกข้าไตร่ตรองดู นอกจากสถานศึกษาฉางหลาน น่าจะมีคนระดับปรมาจารย์อยู่เบื้องหลัง ด้วยเพราะเหตุการณ์ที่เยี่ยฉวนสังหารคนระดับหัวหน้าของสำนักอัปสรเมรัยตายบนเรือเหาะ แต่เขากลับยังอยู่รอดปลอดภัย ซึ่งไม่เพียงสำนักอัปสรเมรัยจะไม่ทำอันตรายเขาเท่านั้น ทว่ายังขอโอกาสแก้ตัวต่อเขา ดังนั้นทางเราจึงได้ข้อสรุปว่า อีกฝ่ายจะต้องมีปรมาจารย์สักคนที่คอยหนุนหลัง อีกทั้งคนผู้นั้นต้องเป็นผู้ที่มีฝีมือเยี่ยมยอดอีกด้วย !”

เยี่ยมยอด!

เมื่อทัวป้าเหยียนลืมตา เผยให้เห็นประกายตาคู่นั้นวับวาวราวคมกระบี่ พลันนางรำลึกถึงเหตุการณ์ที่แสงกระบี่ทำให้ร่างของนางตรึงติดกับโคนไม้ใหญ่จนไม่อาจขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่สามารถตอบโต้พลังเมื่อครั้งเผชิญหน้ากับสองลำแสงแห่งกระบี่ตวัดผ่าน !

ขณะนั้นมีเสียงของคนพูดดังขึ้นอีกครา “สถานศึกษาฉางมู่ประสงค์ที่จะให้ทางเราร่วมมือในการสังหารคนผู้นี้ ฝ่าบาท ในฐานะตัวแทนคณะที่ปรึกษาแห่งองค์ฮ่องเต้ ข้าน้อยขอแนะนำให้พระองค์ทรงตอบปฏิเสธคำขอจากสถานศึกษาฉางมู่เถิดพะย่ะค่ะ”

ทัวป้าเหยียนถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “เพราะเหตุใด ?”

เสียงกังวานตอบมาจากมุมมืด “คนผู้นี้ออกจากเมืองชิงเดินทางสู่เมืองหลวง และจากเมืองหลวงต่อไปยังเมืองหน้าด่าน จากนั้นจึงเดินทางจากเมืองหน้าด่านกลับเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง เพียงชั่วระยะเวลาไม่นาน เยี่ยฉวนผู้นี้กลับมีความกล้าแกร่งก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับในช่วงหลังทั้งราชสำนักแคว้นเจียงและสำนักอัปสรเมรัยเปลี่ยนหันมาให้การสนับสนุนต่อชายผู้นี้ ทางเราจึงควรเชื่อว่าน่าจะมีระดับปรมาจารย์หรือยอดฝีมือเยี่ยมยุทธ์คอยหนุนอยู่เบื้องหลัง ฉะนั้นแคว้นหนิงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นศัตรูกับเยี่ยฉวน”

ทัวป้าเหยียนชำเลืองมองรูปวาดของเยี่ยฉวนนิ่งเฉยมิได้กล่าวอันใดอีก

พลันบุรุษสวมชุดดำปรากฏกายขึ้นภายในท้องพระโรง มองเห็นคนบนบัลลังก์ เขาจึงย่อเข่าลงข้างหนึ่งแสดงความเคารพ “ฝ่าบาท เวลานี้มีคน 76 คนให้ความสนใจล่ารางวัลค่าหัวเยี่ยฉวน ซึ่งทั้ง 76 คนต่างก็เป็นเหล่าอัจฉริยะยอดฝีมือและยอดคนจากหลายแคว้น อีกทั้งในกลุ่มนั้น ยังมีสามคนที่ถูกจารึกชื่อไว้ในทำเนียบแห่งผู้เยี่ยมยุทธ์ ยิ่งไปกว่านั้น ได้ข่าวว่าสถานศึกษาฉางมู่สาขาแห่งอาณาจักรภูผาเมฆายังได้ส่งคนมาที่นี่ด้วย แต่ทางเรายังไม่รู้แน่ชัดว่าคนที่ถูกส่งมาเป็นใคร อีกอย่างแม้แต่ดินแดนอันธกาลก็ส่งคนมาด้วย ทว่าพวกเรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นใครเช่นกันพะย่ะค่ะ !”

“ดินแดนอันธกาล !” หัวคิ้วของทัวป้าเหยียนขมวดมุ่น “สำนักมือสังหารไม่วายยากมาร่วมสนุกด้วย อย่างนั้นหรือ ?”

บุรุษชุดดำกล่าวเสียงแหบห้าว “รางวัลค่าหัวก้อนใหญ่ที่สถานศึกษาฉางมู่ตั้งไว้นั้น เป็นสิ่งล่อใจที่ยากจะปฏิเสธพะย่ะค่ะ”

ทัวป้าเหยียนพยักหน้าเบา ๆ “เอาล่ะ เจ้าออกไปได้ !”

ชายชุดดำแสดงความเคารพก่อนจะหันกลับไปทันที

ภายในท้องพระโรงเงียบสงบลงอีกครั้ง

ชั่วครู่หนึ่ง ทัวป้าเหยียนเอ่ยขึ้นว่า “หลังจากนี้แคว้นเราจะเปิดสถานที่แห่งความลับ แต่ทางเราจะไม่ร่วมในการล่าสังหารคน แจ้งไปยังเหล่าขุนนางตระกูลสูงในแคว้นหนิง รวมทั้งคนในราชสำนักว่าแคว้นเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในการล่าค่าหัวสังหารเยี่ยฉวน ใครฝ่าฝืนคำสั่ง มีโทษประหาร !”

“รับบัญชาพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท !”

ณ ใจกลางเมืองหลวงแคว้นหนิง กลุ่มคนท่าทางมอซอ เยี่ยฉวนและพวกอีกสามคนเดินอยู่บนท้องถนนในเมืองหลวง รอบตัวแวดล้อมไปด้วยฝูงชนคลาคล่ำ !

พลันทางเบื้องหน้าพวกเขา ปรากฏกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งราวสิบกว่ายืนขวางเต็มถนน ทุกคนต่างสวมเสื้อแบบและชนิดเดียวกัน ปักตราสัญลักษณ์บนอกเสื้อ ! สถานศึกษาฉางมู่ !

ทั้งสองฟากฝั่งถนน มีผู้คนทยอยจับกลุ่มห้อมล้อม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกคนเหล่านั้นคาดหวังจะได้เห็นสิ่งตื่นเต้นเร้าใจ

เสียงศิษย์ฉางมู่คนหนึ่งที่ยืนตรงกันข้ามกับเยี่ยฉวนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เจ้าคงเป็นเยี่ยฉวนจากสถานศึกษาฉางหลานแห่งแคว้นเจียง สินะ ได้ยินว่าค่าหัวแพงระเบิดระเบ้อ…”

ฉับพลันนั้นเยี่ยฉวนหายวับจากที่ไปต่อหน้าต่อตา

ขณะต่อมานั้นเอง

ฉัวะ ! เสียงพูดของคนผู้นั้นขาดลงกระทันหัน ขณะเดียวกัน ที่ลำคอส่วนคอหอยฉีกขาด โลหิตพุ่งออกจากบาดแผลฉกรรจ์สาดกระจายทั่วพื้นผิวถนน !

ในลานกว้าง ชาวเมืองและทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่แตกต่าง

เยี่ยฉวนมิได้ยั้งหยุดเพียงแค่นั้น เขาหงายฝ่ามือออก และกระบี่หลิงซิ่วในอุ้งมือพลันเหินทะยานออกจากที่อุ้งมือไป

ฉัวะ ! ฉัวะ ! ฉัวะ !

ทั่วทั้งลาน มีเพียงลำแสงแห่งกระบี่พุ่งทะยานเข้าหากลุ่มศิษย์ฉางมู่ มองผาดเผินราวหมู่มวลผีเสื้อเริงระบำโฉบชิมเกสรดอกไม้…

“โอ๊ะ อ๊ากกก…” เสียงตื่นตระหนกตามด้วยเสียงกรีดร้องครวญครางดังต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง ในเวลาเดียวกันศีรษะของกลุ่มศิษย์ฉางมู่กระเด็นตกลงบนพื้นถนน คนแล้วคนเล่า ! ไร้ผู้รอดชีวิต !

ทุกคนมองดูเหตุการณ์ด้วยความตระหนกอกสั่น ไม่เว้นแม้แต่จี้อันซื่อ รวมทั้งคนอื่นต่างตกตะลึงจนได้แต่นิ่งขึง ทุกคนหันมองหน้ากันอ้าปากค้าง แววตาเต็มไปด้วยความปริวิตก ด้วยการเป็นไปเช่นนี้ แสดงว่าเยี่ยฉวนออกจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว !

เขาดูเปลี่ยนเป็นอีกคน ! กระบี่หลิงซิ่งทะยานกลับสู่ผู้เป็นเจ้าของ หยาดโลหิตที่ค้างอยู่บนคมมีดรินไหลสู่ปลายกระบี่

เยี่ยฉวนเก็บกระบี่ของเขาคืนสู่ฝัก ก่อนจะออกเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ทว่าก้าวออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวต้องพลันชะงักฝีเท้าลง ด้วยบุรุษวัยกลางคนออกยืนขวางอยู่เบื้องหน้า สายตาดุดันจ้องเขม็งที่ใบหน้าของชายหนุ่ม “ที่นี่คือแคว้นหนิง ไม่ใช่แคว้นเจียง ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะแสดงพฤติกรรมป่าเถื่อน…”

ขณะนั้นเยี่ยฉวนพลันหายวับไปอีกครา ทันใดร่างของเขาปรากฏทะยานอยู่เบื้องเหนือศีรษะของชายวัยกลางคน และฉับพลันนั้นกระบี่หนึ่งฟาดฉับลงโดยแรง !

ความว่องไวดุจสายฟ้าของกระบี่ ฟันฉับลงตรง ๆ ชายวัยกลางคน ตัดกึ่งกลางกะโหลกศีรษะผู้นั้นออกเป็นสองซีก ! ยามนี้โลหิตสด ๆ สาดกระจายจนแดงฉานไปทั่วบริเวณ !

เยี่ยฉวนสีหน้านิ่งเฉย ขณะเก็บคืนกระบี่เข้าฝัก ! พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่โดนหยาดโลหิตกระเซ็นใส่ เสียงพึมพำเล็ดลอดจากปากพอจับได้ว่า “ข้าแค่จะมารับน้องของข้ากลับไปเท่านั้น…”

จากนั้นเขากวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่เข้ามามุงดู สีหน้าว่างเปล่า “น้องของข้าอยู่ไหน ?” ชาวเมืองที่มุงดูยามนี้มองเยี่ยฉวนด้วยสีหน้าสีตาตื่นกลัวเต็มเปี่ยม

ทันใดนั้น สีหน้าของเยี่ยฉวนพลันแปรเปลี่ยนเป็นดุดันมุ่งร้าย ชั่วขณะต่อมากระบี่หลิงซิ่วในมือของเขาสะท้านสะเทือนรุนแรง ลำแสงกระบี่พุ่งวาบสว่างไสวไปทั่วลานบริเวณ

เปรี้ยง ! ระเบิดรุนแรง เกิดแรงสะเทือนจนเป็นเหตุให้บ้านเรือนหลังที่อยู่ละแวกใกล้เคียงหลังหนึ่งพังถล่มลงในบัดดล !

“ไอ้คนนั้นมันบ้าไปแล้ว หนีเร็ววว !”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+