หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 64 สถานศึกษาฉางมู่ (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 64 สถานศึกษาฉางมู่ (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 64 สถานศึกษาฉางมู่ (ต้น)

เยี่ยฉวนเดินแบกน้องของเขาจนถึงจวนพัก และเมื่อมาถึงหอนอน เยี่ยหลิงก็ผล็อยหลับไปแล้ว

ตอนที่เยี่ยฉวนวางนางลงบนฟูกนอน เยี่ยหลิงพลันขดตัวสั่นเทาด้วยเกิดอาการหนาวสั่นจนสะท้านไป ทั้งร่าง

ทำเอาชายหนุ่มตกใจแทบสิ้นสติ เขาเร่งหาผ้าห่มมาคลุมให้หลายผืนแต่ไม่ได้ช่วยอะไร ด้วยนางยังคง หนาวสั่นอย่างรุนแรง

ภาพตรงหน้าก่อให้เกิดความวิตกกังวลสุดที่จะกล่าว ชายหนุ่มฉุกใจคิดบางอย่างขึ้นได้ เขาจึงเอื้อม หยิบหยกเพลิงสวรรค์ซึ่งคล้องอยู่ที่ลำคอของเยี่ยหลิง ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัว ด้วยปรากฏแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ปกคลุมบริเวณผิวหน้าของหยกเพลิงสวรรค์ !

“ผู้อาวุโส ?”

เยี่ยฉวนพยายามอีกครั้ง “ผู้อาวุโส นี่คือ…”

“ส่งหยกมาให้ข้า !”

เสียงสตรีลึกลับดังขึ้นทันที

เยี่ยฉวนไม่รอช้า ชายหนุ่มพลันส่งหยกเพลิงสวรรค์เข้าสู่หอคอยแห่งเรือนจำอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น เพียงไม่นาน เมื่อหยกเพลิงสวรรค์กลับคืนมาและปรากฏอยู่บนฝ่ามือ สภาพของสิ่งล้ำค่าจึงค่อยกลับสู่สภาพ ปกติ

ชายหนุ่มจึงรีบนำหยกแขวนคืนให้ผู้เป็นเจ้าของ จากนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าเยี่ยหลิงอาการค่อยกระเตื้องขึ้นทีละน้อย

เมื่อเห็นเช่นนั้นเยี่ยฉวนค่อยรู้สึกโล่งอก

เสียงของสตรีลึกลับลอยมาอีก “จิตวิญญาณกล้าแข็งและพลังต้นกำเนิดของหยกสลายไปกว่าเก้าใน สิบแล้ว ไม่เกินพรุ่งนี้หยกจะมีสภาพไม่ต่างอะไรกับก้อนหิน เจ้าควรรีบคิดหาทางแก้ไขโดยเร็ว”

ก้อนหิน !

สีหน้าของเยี่ยฉวนบ่งบอกว่าเขาเข้าใจความนัยแห่งคำกล่าวเป็นอย่างดี ถ้าเมื่อใดที่หยกชิ้นนั้นสูญสิ้นพลัง น้องสาวของเขาจะสามารถทนทานต่อความหนาวเหน็บได้อย่างไร ?

ในเวลาไม่นานชายหนุ่มจึงลุกออกมาข้างนอก

บริเวณหน้าหอนอน เยี่ยฉวนยืนมองพระจันทร์เต็มดวงส่องแสงกระจ่างท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี เขากำมือแน่น

พรุ่งนี้แล้วที่สถานศึกษาฉางมู่เริ่มเปิดให้สมัครเป็นศิษย์ใหม่ !

สถานศึกษาฉางมู่ !

สถานศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นเจียง เมื่อเขาเข้าเป็นศิษย์ของฉางมู่ก็จะสามารถส่งน้องสาวไปรักษา กับแพทย์ของที่นั่นได้ และเมื่อนั้นนางจะไม่ต้องทุกข์ทรมานกับอาการป่วยอีกต่อไป !

ในเวลานั้นลู่เสี่ยวหรานเดินมาถึงลานด้านหน้า

สีหน้าของเขาหม่นหมอง “สหายเยี่ย ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยสำหรับเหตุการณ์เมื่อเย็น”

เยี่ยฉวนรีบปฏิเสธ “ท่านไม่เกี่ยวข้องเลย ผู้อาวุโสลู่”

ผู้มีอาวุโสกว่าพูดเสียงเบาจนเกือบเป็นกระซิบ “ก่อนหน้านี้ข้ามององค์ชายใหญ่ในแง่ดีจนเกินไป แต่ ภายหลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ ข้าได้ประจักษ์แล้วว่าพระองค์หาได้เป็นดังที่ข้าเคยคิดไว้ไม่… อนิจจา คนใน ราชวงศ์รุ่นหลังที่จริงแล้วล้วนแต่ท่าดีทีเหลว !”

เยี่ยฉวนเกิดความลังเลเล็กน้อย ทันใดนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ข้าเองต้องขออภัยในความเป็นคน ขวานผ่าซาก การได้ท่านอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือเพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว และการที่ท่านทำเช่นนี้ มันก็อาจทำให้เบื้องบนเกิดความไม่พอใจได้ !”

ลู่เสี่ยวหรานยิ้มอย่างรับรู้ชะตากรรม “ข้ารู้แก่ใจดีในข้อนี้ แต่ถ้าข้าไม่เลือกที่จะอยู่ฝ่ายใดเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก็เกรงว่าอีกหน่อยจะทำได้ยาก !”

ชายหนุ่มส่ายหน้าด้วยคิดเห็นแตกต่าง “ด้วยความเคารพ ผู้อาวุโสลู่ เพียงท่านแสดงความจงรักภักดีต่อองค์ฮ่องเต้ ข้าก็เชื่อว่าตลอดรัชสมัยของพระองค์ ตระกูลลู่ของท่านต้องปลอดภัยแน่”

ลู่เสี่ยวหรานพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นนั้น ตระกูลลู่ไม่ประสงค์จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทอีกต่อไป”

ชายหนุ่มเห็นด้วยและไม่พูดอะไรอีก

เจ้าบ้านชวนสนทนาขึ้นอีก “สหายข้า พรุ่งนี้สถานศึกษาฉางมู่จะเปิดรับสมัครศิษย์ใหม่ ลูกชายไม่เอา ไหนของข้าจะต้องไปที่สถานศึกษา อาจต้องเดือดร้อนเจ้าช่วยดูแลแทนข้าด้วย !”

เยี่ยฉวนยิ้มเศร้า “ผู้อาวุโส สถานศึกษาฉางมู่คงไม่รับข้าเป็นศิษย์หรอก !”

ลู่เสี่ยวหรานสั่นศีรษะ “ถ้าฉางมู่ปฏิเสธไม่รับเจ้าเป็นศิษย์ พวกเขาจะต้องเสียใจ !”

ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มเมื่อได้ยินคำดังกล่าว

ภายหลังจากที่ลู่เสี่ยวหรานแยกกลับไป เยี่ยฉวนก็ได้กลับเข้าไปในหอคอยแห่งเรือนจำ

น้อยครั้งเหลือเกินที่ชายหนุ่มเข้าไปที่หอคอยแห่งเรือนจำแล้วจะได้ยินเสียงดังมาจากชั้นบนของหอคอย

แม้ว่าเสียงนั้นจะเบาแสนเบา ทว่าเยี่ยฉวนกลับได้ยินชัดเจน

ดังนั้นเขาจึงส่งเสียงเรียกออกไปเบาจนแทบเป็นกระซิบ “ผู้อาวุโสขอรับ ?”

เสียงสตรีลึกลับตอบกลับมา “เจ้าคิดว่าเป็นเสียงอะไร ?”

เยี่ยฉวนยิ้มแห้ง “ผู้อาวุโส ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามีใครอยู่บนนั้น ?”

หลังเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง สตรีลึกลับจึงพูดขึ้นมาอีก “ที่นั่นเป็นสิ่งไม่ดี เอาเถิด เมื่อเจ้าเข้าเรียนที่สถาน ศึกษาฉางมู่แล้วก็จงค้นหากระบี่จิตวิญญาณให้พบเพื่อเสริมขั้นพลัง เรื่องนี้เจ้าจะต้องเร่งมือ !”

เยี่ยฉวนได้แต่พยักหน้า ทว่าจะให้ตัดความคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ของหอคอยแห่งเรือนจำออกไปนั้น คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง ด้วยเจ้าสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกกังวลและไม่สบายใจอยู่แทบตลอดเวลา !

ความรู้สึกของชายหนุ่มบอกว่าชั้นบนของหอคอยมีสิ่งชั่วร้ายจองจำอยู่ !

ที่แท้ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากหอคอยแห่งเรือนจำนั้น เป็นสิ่งที่หอคอยแห่งเรือนจำจงใจส่งพลังความ รู้สึกมาให้ชายหนุ่มนั่นเอง !

อย่างที่เสียงลึกลับบอก เขาต้องเร่งมือ

ทว่าก่อนอื่นเขาจะต้องเข้าเป็นศิษย์ของสถานศึกษาฉางมู่ให้ได้เสียก่อน !

ทุกอย่างจะรู้ผลภายในหนึ่งวัน !

รุ่งเช้า แสงแรกของวันใหม่แตะขอบฟ้า

เมื่อเยี่ยฉวนเดินออกจากประตูมาพร้อมเยี่ยหลิง ที่ด้านนอกชายหนุ่มก็ได้พบกับลู่เสี่ยวหรานยืนคอยอยู่แล้วกับบุตรชาย ลู่หมิง

ลู่เสี่ยวหรานมองสำรวจชายหนุ่มพลางคิดในใจ เช้านี้เยี่ยฉวนเปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมสีขาวค่อนข้าง กระชับตัวเล็กน้อย นี่ช่วยส่งเสริมบุคลิกให้มีท่าทีสง่าราวกับต้นไม้สวรรค์ที่กำลังยืนต้านแรงลม ส่วนกระบี่เหน็บก็อยู่ที่เอวเพื่อบ่งบอกสถานะทางยุทธ์จักร น่ากลัวว่าจะดึงดูดสาว ๆ ในเมืองหลวงไม่น้อย

ส่วนสาวน้อยเยี่ยหลิงมาในเสื้อสีเขียวเข้มปล่อยผมยาวทิ้งตัวลงเบื้องหลังศีรษะ ถึงแม้นางจะเยาว์วัย ทว่าแววความงามก็เริ่มปรากฏ คาดว่าอีกเพียงสองสามปีนางจะเป็นหญิงสาวที่มีความงามอย่างชนิดหาตัวจับยากเป็นแน่ !

เมื่อได้เห็นภาพของทั้งสอง ลู่เสี่ยวหรานก็ยิ่งมั่นใจว่าเนื้อแท้ของพี่น้องคู่นี้ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน !

เขารีบดึงความคิดกลับมาพร้อมส่งยิ้มกว้าง “สหายเยี่ย มาเถอะ !”

เยี่ยฉวนจูงมือน้องออกเดินไปตามถนนพร้อมด้วยลู่เสี่ยวหรานและบุตรชาย

ระยะทางระหว่างจวนที่พักและสถานศึกษาฉางมู่ไม่ห่างไกลมากนัก ดังนั้นทั้งหมดจึงเลือกเดินเท้าไป

เมืองหลวงเช้าวันนี้ไม่ปกติเช่นทุกวัน ด้วยเป็นวันเปิดรับศิษย์ใหม่ของสถานศึกษาฉางมู่ซึ่งนับว่าเป็น เหตุการณ์ที่สำคัญเหตุการณ์หนึ่งสำหรับเมืองหลวงแห่งนี้ คนที่อยู่ในแคว้นเจียงต่างก็รู้ว่า หากต้องการโดดเด่น เหนือผู้อื่น มีแต่ต้องเป็นศิษย์ของฉางมู่เท่านั้น !

การได้เข้าสถานศึกษาฉางมู่ถือว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต ดังนั้นทุกปีที่ฉางมู่เปิดรับคัดเลือกศิษย์ ใหม่ บรรดายอดฝีมือที่มีพรสวรรค์และยอดคนจากทั่วทุกทิศของแคว้นเจียง ไม่เว้นแม้สมาชิกในครอบครัวจะมาพร้อมหน้าพร้อมตากัน

เพราะฉะนั้นบรรยากาศในเมืองหลวงวันนี้จึงเต็มไปด้วยความสนุกสนานรื่นเริงอย่างยิ่ง

อันที่จริงเยี่ยฉวนคงจนปัญญาที่จะหาที่พักหากมิใช่ได้ที่จวนของลู่เสี่ยวหลาน เพราะว่าโรงเตี๊ยมทุกแห่งในเมืองหลวงถูกจองเต็มล่วงหน้าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนแล้ว !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 64 สถานศึกษาฉางมู่ (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 64 สถานศึกษาฉางมู่ (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 64 สถานศึกษาฉางมู่ (ต้น)

เยี่ยฉวนเดินแบกน้องของเขาจนถึงจวนพัก และเมื่อมาถึงหอนอน เยี่ยหลิงก็ผล็อยหลับไปแล้ว

ตอนที่เยี่ยฉวนวางนางลงบนฟูกนอน เยี่ยหลิงพลันขดตัวสั่นเทาด้วยเกิดอาการหนาวสั่นจนสะท้านไป ทั้งร่าง

ทำเอาชายหนุ่มตกใจแทบสิ้นสติ เขาเร่งหาผ้าห่มมาคลุมให้หลายผืนแต่ไม่ได้ช่วยอะไร ด้วยนางยังคง หนาวสั่นอย่างรุนแรง

ภาพตรงหน้าก่อให้เกิดความวิตกกังวลสุดที่จะกล่าว ชายหนุ่มฉุกใจคิดบางอย่างขึ้นได้ เขาจึงเอื้อม หยิบหยกเพลิงสวรรค์ซึ่งคล้องอยู่ที่ลำคอของเยี่ยหลิง ก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัว ด้วยปรากฏแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ปกคลุมบริเวณผิวหน้าของหยกเพลิงสวรรค์ !

“ผู้อาวุโส ?”

เยี่ยฉวนพยายามอีกครั้ง “ผู้อาวุโส นี่คือ…”

“ส่งหยกมาให้ข้า !”

เสียงสตรีลึกลับดังขึ้นทันที

เยี่ยฉวนไม่รอช้า ชายหนุ่มพลันส่งหยกเพลิงสวรรค์เข้าสู่หอคอยแห่งเรือนจำอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น เพียงไม่นาน เมื่อหยกเพลิงสวรรค์กลับคืนมาและปรากฏอยู่บนฝ่ามือ สภาพของสิ่งล้ำค่าจึงค่อยกลับสู่สภาพ ปกติ

ชายหนุ่มจึงรีบนำหยกแขวนคืนให้ผู้เป็นเจ้าของ จากนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าเยี่ยหลิงอาการค่อยกระเตื้องขึ้นทีละน้อย

เมื่อเห็นเช่นนั้นเยี่ยฉวนค่อยรู้สึกโล่งอก

เสียงของสตรีลึกลับลอยมาอีก “จิตวิญญาณกล้าแข็งและพลังต้นกำเนิดของหยกสลายไปกว่าเก้าใน สิบแล้ว ไม่เกินพรุ่งนี้หยกจะมีสภาพไม่ต่างอะไรกับก้อนหิน เจ้าควรรีบคิดหาทางแก้ไขโดยเร็ว”

ก้อนหิน !

สีหน้าของเยี่ยฉวนบ่งบอกว่าเขาเข้าใจความนัยแห่งคำกล่าวเป็นอย่างดี ถ้าเมื่อใดที่หยกชิ้นนั้นสูญสิ้นพลัง น้องสาวของเขาจะสามารถทนทานต่อความหนาวเหน็บได้อย่างไร ?

ในเวลาไม่นานชายหนุ่มจึงลุกออกมาข้างนอก

บริเวณหน้าหอนอน เยี่ยฉวนยืนมองพระจันทร์เต็มดวงส่องแสงกระจ่างท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี เขากำมือแน่น

พรุ่งนี้แล้วที่สถานศึกษาฉางมู่เริ่มเปิดให้สมัครเป็นศิษย์ใหม่ !

สถานศึกษาฉางมู่ !

สถานศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นเจียง เมื่อเขาเข้าเป็นศิษย์ของฉางมู่ก็จะสามารถส่งน้องสาวไปรักษา กับแพทย์ของที่นั่นได้ และเมื่อนั้นนางจะไม่ต้องทุกข์ทรมานกับอาการป่วยอีกต่อไป !

ในเวลานั้นลู่เสี่ยวหรานเดินมาถึงลานด้านหน้า

สีหน้าของเขาหม่นหมอง “สหายเยี่ย ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยสำหรับเหตุการณ์เมื่อเย็น”

เยี่ยฉวนรีบปฏิเสธ “ท่านไม่เกี่ยวข้องเลย ผู้อาวุโสลู่”

ผู้มีอาวุโสกว่าพูดเสียงเบาจนเกือบเป็นกระซิบ “ก่อนหน้านี้ข้ามององค์ชายใหญ่ในแง่ดีจนเกินไป แต่ ภายหลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ ข้าได้ประจักษ์แล้วว่าพระองค์หาได้เป็นดังที่ข้าเคยคิดไว้ไม่… อนิจจา คนใน ราชวงศ์รุ่นหลังที่จริงแล้วล้วนแต่ท่าดีทีเหลว !”

เยี่ยฉวนเกิดความลังเลเล็กน้อย ทันใดนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ข้าเองต้องขออภัยในความเป็นคน ขวานผ่าซาก การได้ท่านอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือเพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว และการที่ท่านทำเช่นนี้ มันก็อาจทำให้เบื้องบนเกิดความไม่พอใจได้ !”

ลู่เสี่ยวหรานยิ้มอย่างรับรู้ชะตากรรม “ข้ารู้แก่ใจดีในข้อนี้ แต่ถ้าข้าไม่เลือกที่จะอยู่ฝ่ายใดเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก็เกรงว่าอีกหน่อยจะทำได้ยาก !”

ชายหนุ่มส่ายหน้าด้วยคิดเห็นแตกต่าง “ด้วยความเคารพ ผู้อาวุโสลู่ เพียงท่านแสดงความจงรักภักดีต่อองค์ฮ่องเต้ ข้าก็เชื่อว่าตลอดรัชสมัยของพระองค์ ตระกูลลู่ของท่านต้องปลอดภัยแน่”

ลู่เสี่ยวหรานพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นนั้น ตระกูลลู่ไม่ประสงค์จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทอีกต่อไป”

ชายหนุ่มเห็นด้วยและไม่พูดอะไรอีก

เจ้าบ้านชวนสนทนาขึ้นอีก “สหายข้า พรุ่งนี้สถานศึกษาฉางมู่จะเปิดรับสมัครศิษย์ใหม่ ลูกชายไม่เอา ไหนของข้าจะต้องไปที่สถานศึกษา อาจต้องเดือดร้อนเจ้าช่วยดูแลแทนข้าด้วย !”

เยี่ยฉวนยิ้มเศร้า “ผู้อาวุโส สถานศึกษาฉางมู่คงไม่รับข้าเป็นศิษย์หรอก !”

ลู่เสี่ยวหรานสั่นศีรษะ “ถ้าฉางมู่ปฏิเสธไม่รับเจ้าเป็นศิษย์ พวกเขาจะต้องเสียใจ !”

ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มเมื่อได้ยินคำดังกล่าว

ภายหลังจากที่ลู่เสี่ยวหรานแยกกลับไป เยี่ยฉวนก็ได้กลับเข้าไปในหอคอยแห่งเรือนจำ

น้อยครั้งเหลือเกินที่ชายหนุ่มเข้าไปที่หอคอยแห่งเรือนจำแล้วจะได้ยินเสียงดังมาจากชั้นบนของหอคอย

แม้ว่าเสียงนั้นจะเบาแสนเบา ทว่าเยี่ยฉวนกลับได้ยินชัดเจน

ดังนั้นเขาจึงส่งเสียงเรียกออกไปเบาจนแทบเป็นกระซิบ “ผู้อาวุโสขอรับ ?”

เสียงสตรีลึกลับตอบกลับมา “เจ้าคิดว่าเป็นเสียงอะไร ?”

เยี่ยฉวนยิ้มแห้ง “ผู้อาวุโส ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามีใครอยู่บนนั้น ?”

หลังเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง สตรีลึกลับจึงพูดขึ้นมาอีก “ที่นั่นเป็นสิ่งไม่ดี เอาเถิด เมื่อเจ้าเข้าเรียนที่สถาน ศึกษาฉางมู่แล้วก็จงค้นหากระบี่จิตวิญญาณให้พบเพื่อเสริมขั้นพลัง เรื่องนี้เจ้าจะต้องเร่งมือ !”

เยี่ยฉวนได้แต่พยักหน้า ทว่าจะให้ตัดความคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ของหอคอยแห่งเรือนจำออกไปนั้น คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง ด้วยเจ้าสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกกังวลและไม่สบายใจอยู่แทบตลอดเวลา !

ความรู้สึกของชายหนุ่มบอกว่าชั้นบนของหอคอยมีสิ่งชั่วร้ายจองจำอยู่ !

ที่แท้ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากหอคอยแห่งเรือนจำนั้น เป็นสิ่งที่หอคอยแห่งเรือนจำจงใจส่งพลังความ รู้สึกมาให้ชายหนุ่มนั่นเอง !

อย่างที่เสียงลึกลับบอก เขาต้องเร่งมือ

ทว่าก่อนอื่นเขาจะต้องเข้าเป็นศิษย์ของสถานศึกษาฉางมู่ให้ได้เสียก่อน !

ทุกอย่างจะรู้ผลภายในหนึ่งวัน !

รุ่งเช้า แสงแรกของวันใหม่แตะขอบฟ้า

เมื่อเยี่ยฉวนเดินออกจากประตูมาพร้อมเยี่ยหลิง ที่ด้านนอกชายหนุ่มก็ได้พบกับลู่เสี่ยวหรานยืนคอยอยู่แล้วกับบุตรชาย ลู่หมิง

ลู่เสี่ยวหรานมองสำรวจชายหนุ่มพลางคิดในใจ เช้านี้เยี่ยฉวนเปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมสีขาวค่อนข้าง กระชับตัวเล็กน้อย นี่ช่วยส่งเสริมบุคลิกให้มีท่าทีสง่าราวกับต้นไม้สวรรค์ที่กำลังยืนต้านแรงลม ส่วนกระบี่เหน็บก็อยู่ที่เอวเพื่อบ่งบอกสถานะทางยุทธ์จักร น่ากลัวว่าจะดึงดูดสาว ๆ ในเมืองหลวงไม่น้อย

ส่วนสาวน้อยเยี่ยหลิงมาในเสื้อสีเขียวเข้มปล่อยผมยาวทิ้งตัวลงเบื้องหลังศีรษะ ถึงแม้นางจะเยาว์วัย ทว่าแววความงามก็เริ่มปรากฏ คาดว่าอีกเพียงสองสามปีนางจะเป็นหญิงสาวที่มีความงามอย่างชนิดหาตัวจับยากเป็นแน่ !

เมื่อได้เห็นภาพของทั้งสอง ลู่เสี่ยวหรานก็ยิ่งมั่นใจว่าเนื้อแท้ของพี่น้องคู่นี้ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน !

เขารีบดึงความคิดกลับมาพร้อมส่งยิ้มกว้าง “สหายเยี่ย มาเถอะ !”

เยี่ยฉวนจูงมือน้องออกเดินไปตามถนนพร้อมด้วยลู่เสี่ยวหรานและบุตรชาย

ระยะทางระหว่างจวนที่พักและสถานศึกษาฉางมู่ไม่ห่างไกลมากนัก ดังนั้นทั้งหมดจึงเลือกเดินเท้าไป

เมืองหลวงเช้าวันนี้ไม่ปกติเช่นทุกวัน ด้วยเป็นวันเปิดรับศิษย์ใหม่ของสถานศึกษาฉางมู่ซึ่งนับว่าเป็น เหตุการณ์ที่สำคัญเหตุการณ์หนึ่งสำหรับเมืองหลวงแห่งนี้ คนที่อยู่ในแคว้นเจียงต่างก็รู้ว่า หากต้องการโดดเด่น เหนือผู้อื่น มีแต่ต้องเป็นศิษย์ของฉางมู่เท่านั้น !

การได้เข้าสถานศึกษาฉางมู่ถือว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต ดังนั้นทุกปีที่ฉางมู่เปิดรับคัดเลือกศิษย์ ใหม่ บรรดายอดฝีมือที่มีพรสวรรค์และยอดคนจากทั่วทุกทิศของแคว้นเจียง ไม่เว้นแม้สมาชิกในครอบครัวจะมาพร้อมหน้าพร้อมตากัน

เพราะฉะนั้นบรรยากาศในเมืองหลวงวันนี้จึงเต็มไปด้วยความสนุกสนานรื่นเริงอย่างยิ่ง

อันที่จริงเยี่ยฉวนคงจนปัญญาที่จะหาที่พักหากมิใช่ได้ที่จวนของลู่เสี่ยวหลาน เพราะว่าโรงเตี๊ยมทุกแห่งในเมืองหลวงถูกจองเต็มล่วงหน้าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนแล้ว !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+