หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 99 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 99 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 99 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ต้น)

เยี่ยฉวนสับสนไปหมด !

“ใครตีข้า ?”

เขากระโดดขึ้นฟ้าพลางควงกระบี่หลิงเซี่ยวและมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง อย่างไรก็ดี ชายหนุ่ม ไม่พบอะไรทั้งนั้น

เขาถอนสายตากลับมาและมองไปที่กระบี่หลิงเซี่ยว จากร่องรอยบนกระบี่หลิงเซี่ยว เยี่ยฉวนสังเกตเห็นรอยอุ้งเท้าเล็ก ๆ อยู่ตรงใบหน้าด้านขวา ทันทีที่เห็นมัน ใบหน้าของเขาก็จมดิ่งลงไป !

เขาจำรอยเท้านี้ได้ !

มันเหมือนกับรอยอุ้งเท้าบนกระดาษที่ลอยออกมาจากชั้นที่สองของหอคอยเรือนจำ !

“มันสามารถออกมาได้หรือไม่ ?”

เมื่อคิดได้ดังนี้ เยี่ยฉวนก็เหงื่อแตกพลั่ก ถึงกับรีบร้อนตรงดิ่งกลับไปที่หอคอยแห่งเรือนจำทันที อย่างไร เสีย ตอนนี้หอคอยก็ยังดูสงบนิ่งไม่ไหวติง ! ส่วนชั้นบนนั้นก็เงียบสนิท !

เยี่ยฉวนมองไปที่ทางขั้นชั้นสองของหอคอยด้วยสีหน้าแปลก ๆ

เยี่ยฉวนมั่นใจ คนที่ตีเขาเมื่อครู่ต้องเป็นคนที่อยู่ในชั้นสองแน่ ๆ แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ !

“แล้วถ้าเป็นการดวลแบบตัวต่อตัวเล่า ? ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรือไร ?”

“ข้าไม่กล้าทำให้มันขุ่นเคืองหรอก ! ยังไงก็ทำไม่ได้จริง ๆ!”

เยี่ยฉวนสัมผัสใบหน้าด้านขวาที่ปวดแสบปวดร้อนของตัวเอง จากนั้นจึงได้หมุนตัวเดินออกจากหอคอยไป

เที่ยงวัน

ภายในห้องโถงฉางหลาน ทุกคนนั่งรอบโต๊ะ บนโต๊ะนั้นมีจานเนื้อสัตว์และผักมากกว่าครึ่งที่ส่งกลิ่น หอมหวลชวนหิว

น่าแปลกที่จี้อันซื่อไม่แม้แต่จะขยับตะเกียบ นางลิ้มรสอาหารในจานเหล่านั้นเพียงเล็กน้อยก่อนจะให้ ความสนใจกับภาพที่ถืออยู่ในมือมากกว่า ทุกคนล้วนชินกับกริยาเช่นนี้

หนนี้ชายชราจี้กล่าวอย่างกะทันหันว่า “ได้เวลาออกเดินทางหลังจากอาหารมื้อนี้แล้ว !”

“จะไปแล้วหรือ ?”

เยี่ยฉวนเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์จี้ “พวกท่านจะไปที่ชายแดนภูเขาด้วยหรือไม่ ?”

อาจารย์ใหญ่จี๋ส่ายศีรษะ “ข้าจะพาเจ้าพวกนี้ไปฝึกที่อื่น”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับก่อนจะมองไปยังโม่อวิ๋นฉีและไปเจ๋อ “รักษาตัวด้วย !”

ไปเจ๋อพยักหน้า “เจ้าก็เช่นกัน !”

โม่อวิ๋นฉีเหยียดยิ้ม “เจอกันครั้งหน้า ค่อยเอาผลการฝึกของพวกเรามาเปรียบเทียบดูกันเถอะ”

เยี่ยฉวนคลี่ยิ้ม ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก เยี่ยหลิงที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อหลังได้ยินดังนั้นก็พลันพูดเบา ๆ ส่ง เสียงขึ้นมาว่า “พวกท่านเอาชนะท่านพี่ของข้าไม่ได้หรอก !”

โม่อวิ๋นฉีกลอกตา “ถูกแล้ว ท่านพี่ของเจ้าน่ะดีที่สุดเลย !”

บัดนี้เขารู้แล้วว่าในสถานสำนักศึกษาแห่งนี้ คนสุดท้ายที่เขาจะสามารถทำให้ขุ่นข้องหมองใจได้คงเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้กระมัง นางนั่งอยู่ในใจของทุกคน นอกจากปรุงอาหารแล้ว นางยังสามารถไปซื้อสุราให้กับอาจารยใหญ่จี้ และหาของกินไว้สำรองตอนเที่ยงคืนสำหรับจี้อันซื่อได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางไม่เคยรังเกียจที่จะช่วยพวกเขาซักเสื้อผ้า อย่างไรก็ดี ไปเจ๋อชื่นชอบเยี่ยหลิงมาก ! หากเขากล้าทำให้นางขุ่นเคืองแม้ แต่น้อย นั่นก็เท่ากับว่าเขาทำให้ทุกคนขุ่นเคืองไปด้วย

เยี่ยหลิงยิ้มหวานก่อนจะใส่เนื้อติดมันลงในชามของเยี่ยฉวน “ท่านพี่ ท่านต้องกินนี่สิเจ้าคะ !”

เยี่ยฉวนลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเยี่ยหลิงอย่างแผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความเอ็นดูสุดหัวใจ

โม่อวิ๋นฉีส่ายหน้าทันทีและได้แต่ถอนหายใจ “โธ่เอ๊ย ทำไมนางไม่ใช่น้องสาวของข้ากันนะ !”

ทุกคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม

หลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วยามดี อาจารย์จี้จึงพาโม่อวิ๋นฉี และไปเจ๋อลงจากภูเขา

ข้างใต้ภูเขานั้น โม่อวิ๋นฉีโบกมือให้กับเยี่ยฉวน “แล้วเจอกัน ไว้คราวหน้าท่านมาเป็นคู่มือให้ข้าอีกล่ะ !”

เยี่ยฉวนยิ้มตอบ “ได้เลย !”

ไปเจ๋อบอกลาเยี่ยฉวนเล็กน้อย “พวกเจ้ารักษาตัวด้วยนะ !”

หลังจากนั้นเมื่อหันกลับมาพร้อมกับโม่อวิ๋นฉี ชายแก่จี้จึงเดินนำทุกคนอยู่ข้างหน้า

เยี่ยฉวนพาเยี่ยหลิงเดินไปหาจี้อันซื่อด้วยกัน เขาสบตากับนางนิ่งพลางถาม “หากน้องสาวข้าอยู่ที่นี่นางจะปลอดภัยหรือไม่ ?”

จี้อันซื่อจ้องตาเยี่ยฉวนแต่ไม่ได้พูดอะไร

เยี่ยฉวนเองก็มองไปที่นางโดยไม่มีคำพูดอื่นใดเช่นกัน

ทันใดนั้นจี้อันซื่อก็เอนตัวไปข้างหนึ่ง นาทีต่อมาพลันปรากฏกระบี่บางเท่าปีกของจักจั่นอยู่ในมือของ นาง เพียงพริบตาหญิงสาวก็อยู่ห่างออกไปหลายจั้งแล้ว ขณะที่นางหยุดฝีเท้าไว้ พื้นดินด้านหลังก็พลันแยก ออกจากกันพร้อมกับเสียงดังฉ่า

รอยแยกนั้นดูลึกลงไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุด !

ไม่เพียงเท่านั้น มันยังมีพลังลึกลับแฝงอยู่ในรอยแยกที่แตกออก

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว เยี่ยฉวนก็พลันหรี่ตาลง ลึก ๆ ข้างในแล้วเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก !

เป็นเพราะว่านี่คืออะไรที่เขาไม่เคยจินตนาการหรือนึกถึงมาก่อน !

ทักษะมีดจำแลง !

“เจ้าคนคลั่งอาหารตรงหน้าข้านี่ทรงพลังถึงขนาดนี้เชียวรึ ?”

เมื่อนึกถึงวันนั้นที่นักกินคนนี้เกือบจะสังหารเขาด้วยกระบี่ ในที่สุดตอนนี้ชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่านาง น่ากลัวขึ้นมาแล้ว !

จากนั้นเยี่ยหลิงก็เดินไปหาเยี่ยฉวน นางหยิบกระเป๋าออกมาคล้องไว้กับท่อนแขนแข็งแรงของผู้เป็นพี่ ชาย “ท่านพี่ ข้างในนี้มีรองเท้าที่ข้าถักให้อยู่ นอกจากนี้ข้ายังเตรียมอาหารแห้งเผื่อเอาไว้สำหรับตอนที่ท่านพี่ ออกเดินทางไปแล้วด้วย เมื่อออกไปข้างนอกแล้ว จงต่อสู้ให้น้อยลงและระวังอย่าให้ตัวเองต้องบาดเจ็บ ส่วนตัวข้าเมื่ออยู่ที่นี่ก็จะรักษาเนื้อรักษาตัว ดังนั้นท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงข้านะเจ้าค่ะ”

เยี่ยฉวนลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเยี่ยหลิงอย่างอ่อนโยน “คอยข้ากลับมาล่ะ !”

หลังจากนั้นเขาก็สะพายกระเป๋าขึ้นบ่าและเริ่มออกเดินทางไกล

แม้ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะต้องอยู่ห่างจากน้องสาว แต่เขาก็ไม่ชอบอยู่เฉย ผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ควรมีลักษณะ มองไปข้างหน้า เมื่อมีบางสิ่งที่จำเป็นต้องลงมือทำ ก็จงทำเสีย ดีกว่าผัดวันประกันพรุ่งจนติดนิสัยเสียกลายเป็นดินพอกหางหมู !

ในสายตาของเยี่ยหลิง แผ่นหลังของเยี่ยฉวนค่อย ๆ ห่างออกไปเรื่อย ๆ

เยี่ยหลิงไม่ร้องไห้ นางยังคงเฝ้ามองอย่างไม่ละสายตาแม้ว่าร่างของเยี่ยฉวนจะหายไปอย่างสมบูรณ์ในระยะไกลที่สุดแล้วก็ตาม

หลังจากนั้นไม่นานนางก็หันกลับมา ก่อนจะเดินไปที่ด้านข้างของจี้อันซื่อก่อนจะจับมือแน่น “พี่จี้ พวก เราไปกันเถอะ !”

จี้อันซื่อเหลือบมองเยี่ยหลิง “เจ้าไม่ต้องกังวลนะ”

เยี่ยหลิงยิ้มกว้าง “ท่านพี่บอกว่าให้ข้ารอ หากท่านพี่สัญญาแล้วอย่างไรก็ต้องกลับมาแน่ ! แล้วจากนั้นท่านพี่ก็จะไม่ไปไหนอีก !”

จี้อันซื่อพยักหน้า นางทอดสายตาออกไปไกล ส่ายหน้าเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ช่างเป็นชายที่แสนดีอะไรเช่นนี้ น่าเสียดายที่เขานิยมชมชอบแต่บุรุษเพศด้วยกันเท่านั้น…”

หลังจากที่เยี่ยฉวนลงมาจากภูเขา เขาก็ตรงไปที่ฐานจอดเรือเหาะของสำนักอัปสรเมรัยข้างนอกเมือง หลวงแห่งจักรวรรดิทันที การที่จะไปพื้นที่ชายแดนภูเขานั้น ย่อมต้องอาศัยการโดยสารเรือเหาะเป็นยานพาหนะในการเดินทาง

แต่ทันทีที่เขาออกจากเมืองไป กลับมีคนอีกกลุ่มที่รีบร้อนออกจากเมืองด้วยเช่นกัน

หากสังเกตจากเครื่องแบบที่สวมใส่อยู่ จะเห็นได้ชัดว่าพวกนั้นคือลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ !

นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เยี่ยฉวนได้สังหารศิษย์ของสำนักศึกษาฉางมู่ไป ผู้คนที่เหลือก็เอาแต่ครุ่นคิดหา วิธีแก้แค้นมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ด้วยความผิดพลาดบางอย่าง จึงทำให้พวกเขาจำต้องละสายตาจากเยี่ยฉวนไป แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่อาจยอมแพ้ง่าย ๆ คณะศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่อาศัยกบดานอยู่ที่ โรงเตี๊ยมเชิงเขาของสำนักศึกษาฉางหลานตลอดเวลา หลังจากที่ได้ยินข่าวว่าเยี่ยฉวนจะลงมาจากภูเขา พวก เขาก็รุดมาถึงที่นี่แทบจะในทันที

….เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 99 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ต้น)

Now you are reading หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ Chapter 99 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 99 พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวเล็กตัวจ้อยเท่านั้น (ต้น)

เยี่ยฉวนสับสนไปหมด !

“ใครตีข้า ?”

เขากระโดดขึ้นฟ้าพลางควงกระบี่หลิงเซี่ยวและมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง อย่างไรก็ดี ชายหนุ่ม ไม่พบอะไรทั้งนั้น

เขาถอนสายตากลับมาและมองไปที่กระบี่หลิงเซี่ยว จากร่องรอยบนกระบี่หลิงเซี่ยว เยี่ยฉวนสังเกตเห็นรอยอุ้งเท้าเล็ก ๆ อยู่ตรงใบหน้าด้านขวา ทันทีที่เห็นมัน ใบหน้าของเขาก็จมดิ่งลงไป !

เขาจำรอยเท้านี้ได้ !

มันเหมือนกับรอยอุ้งเท้าบนกระดาษที่ลอยออกมาจากชั้นที่สองของหอคอยเรือนจำ !

“มันสามารถออกมาได้หรือไม่ ?”

เมื่อคิดได้ดังนี้ เยี่ยฉวนก็เหงื่อแตกพลั่ก ถึงกับรีบร้อนตรงดิ่งกลับไปที่หอคอยแห่งเรือนจำทันที อย่างไร เสีย ตอนนี้หอคอยก็ยังดูสงบนิ่งไม่ไหวติง ! ส่วนชั้นบนนั้นก็เงียบสนิท !

เยี่ยฉวนมองไปที่ทางขั้นชั้นสองของหอคอยด้วยสีหน้าแปลก ๆ

เยี่ยฉวนมั่นใจ คนที่ตีเขาเมื่อครู่ต้องเป็นคนที่อยู่ในชั้นสองแน่ ๆ แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ !

“แล้วถ้าเป็นการดวลแบบตัวต่อตัวเล่า ? ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรือไร ?”

“ข้าไม่กล้าทำให้มันขุ่นเคืองหรอก ! ยังไงก็ทำไม่ได้จริง ๆ!”

เยี่ยฉวนสัมผัสใบหน้าด้านขวาที่ปวดแสบปวดร้อนของตัวเอง จากนั้นจึงได้หมุนตัวเดินออกจากหอคอยไป

เที่ยงวัน

ภายในห้องโถงฉางหลาน ทุกคนนั่งรอบโต๊ะ บนโต๊ะนั้นมีจานเนื้อสัตว์และผักมากกว่าครึ่งที่ส่งกลิ่น หอมหวลชวนหิว

น่าแปลกที่จี้อันซื่อไม่แม้แต่จะขยับตะเกียบ นางลิ้มรสอาหารในจานเหล่านั้นเพียงเล็กน้อยก่อนจะให้ ความสนใจกับภาพที่ถืออยู่ในมือมากกว่า ทุกคนล้วนชินกับกริยาเช่นนี้

หนนี้ชายชราจี้กล่าวอย่างกะทันหันว่า “ได้เวลาออกเดินทางหลังจากอาหารมื้อนี้แล้ว !”

“จะไปแล้วหรือ ?”

เยี่ยฉวนเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์จี้ “พวกท่านจะไปที่ชายแดนภูเขาด้วยหรือไม่ ?”

อาจารย์ใหญ่จี๋ส่ายศีรษะ “ข้าจะพาเจ้าพวกนี้ไปฝึกที่อื่น”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับก่อนจะมองไปยังโม่อวิ๋นฉีและไปเจ๋อ “รักษาตัวด้วย !”

ไปเจ๋อพยักหน้า “เจ้าก็เช่นกัน !”

โม่อวิ๋นฉีเหยียดยิ้ม “เจอกันครั้งหน้า ค่อยเอาผลการฝึกของพวกเรามาเปรียบเทียบดูกันเถอะ”

เยี่ยฉวนคลี่ยิ้ม ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก เยี่ยหลิงที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อหลังได้ยินดังนั้นก็พลันพูดเบา ๆ ส่ง เสียงขึ้นมาว่า “พวกท่านเอาชนะท่านพี่ของข้าไม่ได้หรอก !”

โม่อวิ๋นฉีกลอกตา “ถูกแล้ว ท่านพี่ของเจ้าน่ะดีที่สุดเลย !”

บัดนี้เขารู้แล้วว่าในสถานสำนักศึกษาแห่งนี้ คนสุดท้ายที่เขาจะสามารถทำให้ขุ่นข้องหมองใจได้คงเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้กระมัง นางนั่งอยู่ในใจของทุกคน นอกจากปรุงอาหารแล้ว นางยังสามารถไปซื้อสุราให้กับอาจารยใหญ่จี้ และหาของกินไว้สำรองตอนเที่ยงคืนสำหรับจี้อันซื่อได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางไม่เคยรังเกียจที่จะช่วยพวกเขาซักเสื้อผ้า อย่างไรก็ดี ไปเจ๋อชื่นชอบเยี่ยหลิงมาก ! หากเขากล้าทำให้นางขุ่นเคืองแม้ แต่น้อย นั่นก็เท่ากับว่าเขาทำให้ทุกคนขุ่นเคืองไปด้วย

เยี่ยหลิงยิ้มหวานก่อนจะใส่เนื้อติดมันลงในชามของเยี่ยฉวน “ท่านพี่ ท่านต้องกินนี่สิเจ้าคะ !”

เยี่ยฉวนลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเยี่ยหลิงอย่างแผ่วเบา ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความเอ็นดูสุดหัวใจ

โม่อวิ๋นฉีส่ายหน้าทันทีและได้แต่ถอนหายใจ “โธ่เอ๊ย ทำไมนางไม่ใช่น้องสาวของข้ากันนะ !”

ทุกคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม

หลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วยามดี อาจารย์จี้จึงพาโม่อวิ๋นฉี และไปเจ๋อลงจากภูเขา

ข้างใต้ภูเขานั้น โม่อวิ๋นฉีโบกมือให้กับเยี่ยฉวน “แล้วเจอกัน ไว้คราวหน้าท่านมาเป็นคู่มือให้ข้าอีกล่ะ !”

เยี่ยฉวนยิ้มตอบ “ได้เลย !”

ไปเจ๋อบอกลาเยี่ยฉวนเล็กน้อย “พวกเจ้ารักษาตัวด้วยนะ !”

หลังจากนั้นเมื่อหันกลับมาพร้อมกับโม่อวิ๋นฉี ชายแก่จี้จึงเดินนำทุกคนอยู่ข้างหน้า

เยี่ยฉวนพาเยี่ยหลิงเดินไปหาจี้อันซื่อด้วยกัน เขาสบตากับนางนิ่งพลางถาม “หากน้องสาวข้าอยู่ที่นี่นางจะปลอดภัยหรือไม่ ?”

จี้อันซื่อจ้องตาเยี่ยฉวนแต่ไม่ได้พูดอะไร

เยี่ยฉวนเองก็มองไปที่นางโดยไม่มีคำพูดอื่นใดเช่นกัน

ทันใดนั้นจี้อันซื่อก็เอนตัวไปข้างหนึ่ง นาทีต่อมาพลันปรากฏกระบี่บางเท่าปีกของจักจั่นอยู่ในมือของ นาง เพียงพริบตาหญิงสาวก็อยู่ห่างออกไปหลายจั้งแล้ว ขณะที่นางหยุดฝีเท้าไว้ พื้นดินด้านหลังก็พลันแยก ออกจากกันพร้อมกับเสียงดังฉ่า

รอยแยกนั้นดูลึกลงไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุด !

ไม่เพียงเท่านั้น มันยังมีพลังลึกลับแฝงอยู่ในรอยแยกที่แตกออก

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว เยี่ยฉวนก็พลันหรี่ตาลง ลึก ๆ ข้างในแล้วเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก !

เป็นเพราะว่านี่คืออะไรที่เขาไม่เคยจินตนาการหรือนึกถึงมาก่อน !

ทักษะมีดจำแลง !

“เจ้าคนคลั่งอาหารตรงหน้าข้านี่ทรงพลังถึงขนาดนี้เชียวรึ ?”

เมื่อนึกถึงวันนั้นที่นักกินคนนี้เกือบจะสังหารเขาด้วยกระบี่ ในที่สุดตอนนี้ชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่านาง น่ากลัวขึ้นมาแล้ว !

จากนั้นเยี่ยหลิงก็เดินไปหาเยี่ยฉวน นางหยิบกระเป๋าออกมาคล้องไว้กับท่อนแขนแข็งแรงของผู้เป็นพี่ ชาย “ท่านพี่ ข้างในนี้มีรองเท้าที่ข้าถักให้อยู่ นอกจากนี้ข้ายังเตรียมอาหารแห้งเผื่อเอาไว้สำหรับตอนที่ท่านพี่ ออกเดินทางไปแล้วด้วย เมื่อออกไปข้างนอกแล้ว จงต่อสู้ให้น้อยลงและระวังอย่าให้ตัวเองต้องบาดเจ็บ ส่วนตัวข้าเมื่ออยู่ที่นี่ก็จะรักษาเนื้อรักษาตัว ดังนั้นท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงข้านะเจ้าค่ะ”

เยี่ยฉวนลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเยี่ยหลิงอย่างอ่อนโยน “คอยข้ากลับมาล่ะ !”

หลังจากนั้นเขาก็สะพายกระเป๋าขึ้นบ่าและเริ่มออกเดินทางไกล

แม้ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะต้องอยู่ห่างจากน้องสาว แต่เขาก็ไม่ชอบอยู่เฉย ผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ควรมีลักษณะ มองไปข้างหน้า เมื่อมีบางสิ่งที่จำเป็นต้องลงมือทำ ก็จงทำเสีย ดีกว่าผัดวันประกันพรุ่งจนติดนิสัยเสียกลายเป็นดินพอกหางหมู !

ในสายตาของเยี่ยหลิง แผ่นหลังของเยี่ยฉวนค่อย ๆ ห่างออกไปเรื่อย ๆ

เยี่ยหลิงไม่ร้องไห้ นางยังคงเฝ้ามองอย่างไม่ละสายตาแม้ว่าร่างของเยี่ยฉวนจะหายไปอย่างสมบูรณ์ในระยะไกลที่สุดแล้วก็ตาม

หลังจากนั้นไม่นานนางก็หันกลับมา ก่อนจะเดินไปที่ด้านข้างของจี้อันซื่อก่อนจะจับมือแน่น “พี่จี้ พวก เราไปกันเถอะ !”

จี้อันซื่อเหลือบมองเยี่ยหลิง “เจ้าไม่ต้องกังวลนะ”

เยี่ยหลิงยิ้มกว้าง “ท่านพี่บอกว่าให้ข้ารอ หากท่านพี่สัญญาแล้วอย่างไรก็ต้องกลับมาแน่ ! แล้วจากนั้นท่านพี่ก็จะไม่ไปไหนอีก !”

จี้อันซื่อพยักหน้า นางทอดสายตาออกไปไกล ส่ายหน้าเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ช่างเป็นชายที่แสนดีอะไรเช่นนี้ น่าเสียดายที่เขานิยมชมชอบแต่บุรุษเพศด้วยกันเท่านั้น…”

หลังจากที่เยี่ยฉวนลงมาจากภูเขา เขาก็ตรงไปที่ฐานจอดเรือเหาะของสำนักอัปสรเมรัยข้างนอกเมือง หลวงแห่งจักรวรรดิทันที การที่จะไปพื้นที่ชายแดนภูเขานั้น ย่อมต้องอาศัยการโดยสารเรือเหาะเป็นยานพาหนะในการเดินทาง

แต่ทันทีที่เขาออกจากเมืองไป กลับมีคนอีกกลุ่มที่รีบร้อนออกจากเมืองด้วยเช่นกัน

หากสังเกตจากเครื่องแบบที่สวมใส่อยู่ จะเห็นได้ชัดว่าพวกนั้นคือลูกศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่ !

นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เยี่ยฉวนได้สังหารศิษย์ของสำนักศึกษาฉางมู่ไป ผู้คนที่เหลือก็เอาแต่ครุ่นคิดหา วิธีแก้แค้นมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ด้วยความผิดพลาดบางอย่าง จึงทำให้พวกเขาจำต้องละสายตาจากเยี่ยฉวนไป แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่อาจยอมแพ้ง่าย ๆ คณะศิษย์จากสำนักศึกษาฉางมู่อาศัยกบดานอยู่ที่ โรงเตี๊ยมเชิงเขาของสำนักศึกษาฉางหลานตลอดเวลา หลังจากที่ได้ยินข่าวว่าเยี่ยฉวนจะลงมาจากภูเขา พวก เขาก็รุดมาถึงที่นี่แทบจะในทันที

….เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+