หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 922 ล่าสมบัติ

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 922 ล่าสมบัติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชี่! ชี่!

อักขระโบราณลึกลับค่อยๆ ละลายไปโดยของเหลวหยุ่นลั้ว ในเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจอักขระโบราณที่เบื้องหน้าก็ฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างช้าๆ รอยแตกขนาดสิบกว่าจั้งปรากฏขึ้น

เมื่อรอยแตกเผยออกมา รัศมีโบราณอ้างว้างก็พุ่งพรวด แรงกดดันที่บรรจุในรัศมีทำให้ร่างกายของพวกมู่เฉินแข็งทื่อ มีร่องรอยแห่งความวิปโยคผสมอยู่ในรัศมีโบราณเหล่านี้ด้วย ราวกับพิสูจน์ให้รู้ว่าศึกระหว่างจอมพลสี่กับแม่ทัพทุนเทียนเป็นมหาภัยในยุคโบราณอันแท้จริง…

มั่นถัวหลัวยังมีสีหน้าสงบเยือกเย็น ขณะที่โบกมือเบาๆ สลายรัศมีโบราณ ทำให้มู่เฉินและคนอื่นๆ สามารถควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง แต่ทุกคนมีร่องรอยความกลัวเขียนไว้บนใบหน้า สมกับเป็นขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนแท้จริง ซึ่งอันตรายมาก แค่รัศมีจากปากทางเข้าก็คุกคามพวกเขาจนหัวหดไปหมดแล้ว

ถ้ามั่นถัวหลัวไม่ได้เป็นผู้นำอยู่ที่นี่ พวกเขาคงไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปเลย

“ไปกันเถอะ ระวังตัวให้มาก”

เสียงนุ่มนวลของมั่นถัวหลัวให้ความรู้สึกปลอดภัยกับเหล่าสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เมื่อจบคำพูดนางก็แทรกตัวเข้าไปในมิติแตกสลาย ติดตามด้วยเหล่าจอมพลและผู้บัญชาการ

เมื่อพวกมู่เฉินก้าวเข้าไปในรอยแตกของมิติ พวกเขาก็รู้สึกถึงรัศมีโบราณอ้างว้างลูบไล้เนื้อตัวไป แต่โชคดีที่การเข้ามาในครั้งนี้เตรียมตัวเอาไว้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองไปรอบๆ มิติที่ไม่คุ้นเคย

มิติแห่งนี้ราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ช่างมืดมิดและมีการบิดเบือนพื้นที่เป็นครั้งคราว กำจายความผันผวนที่รุนแรงและวุ่นวายออกมา

มีหินก้อนใหญ่น้อยอยู่ในมิติแตกสลายนี้ บางก้อนใหญ่จนราวกับภูเขาเลยทีเดียว

ทว่าพวกเขาก็กวาดตาแวบเดียว ก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปยังที่ไกล ในมิติมีพีระมิดสีดำขนาดมโหฬารที่ไม่อาจอธิบายได้ตั้งตระหง่านอย่างเงียบๆ แม้ว่าจะมีระยะห่างระหว่างพวกเขา ความบีบคั้นและน่าตกใจก็ยังทำให้พวกเขาสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด

“ในเกาะลอยเหล่านี้ น่าจะมีจอมยุทธ์เสียชีวิตซ่อนอยู่ หากโชคดีก็อาจจะได้รับอาวุธโบราณ ทักษะเทพ ยาอายุวัฒนะหรือกระทั่งวิทยายุทธ” มั่นถัวหลัวมองเกาะหินลอยพลางพูดขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของเหล่าผู้บัญชาการก็เปล่งประกาย

พอมั่นถัวหลัวเห็นการตอบสนองนี้ก็ยิ้มบาง “ข้าจะไปข้างหน้าเพื่อสำรวจเส้นทางพร้อมกับสามจอมพล พวกเจ้าก็ลองดูรอบๆ ถ้ามีใครเจอกับอันตรายก็ให้ขยี้หยกที่ข้ามอบให้ ข้าจะไปช่วยเอง”

เหล่าผู้บัญชาการต่างมีส่วนร่วมในสงครามล่า ในที่สุดตอนนี้ก็เข้ามาในขุมทรัพย์กันแล้ว ดังนั้นมั่นถัวหลัวจึงเต็มใจอย่างยิ่งที่จะให้พวกเขามองหาโชคของตัวเอง

“ขอบคุณท่านประมุข!” ทุกคนเผยความปีติยินดีบนใบหน้าเมื่อได้ยินคำอนุญาตของนาง เหล่าผู้วายชนม์ที่อยู่ที่นี่คือจอมยุทธ์ชั้นยอด หากพวกเขาสามารถได้รับสิ่งต่างๆ ที่หลงเหลือจากโบราณกาล ก็จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาได้มากขึ้นอีกหลายส่วน

มั่นถัวหลัวพยักหน้า ม่านตาสีทองคำเหลือบมองไปที่มู่เฉินเป็นการส่งสัญญาณให้เขาระวังตัว ก่อนที่นางจะทะยานออกไปพร้อมกับจอมพลทั้งสาม

เมื่อเหล่าผู้บัญชาการเห็นทั้งสี่ไปแล้ว พวกเขาก็แลกเปลี่ยนสายตากันก่อนจะเผยยิ้มให้กัน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว เหาะเหินไปทางเกาะลอยเหล่านั้นทันที

มู่เฉินและจิ่วโยวไปด้วยกัน ก่อนที่จะเคลื่อนไหวอย่างไร้จุดหมาย ทั้งสองกวาดสายตาคมชัดไปทั่วเกาะที่อยู่โดยรอบ

พร้อมกับการผละไปของพวกเขาก็เกิดเสียงแตกเปรี้ยงปร้างดังกึกก้องในมิติที่เงียบสงบแห่งนี้ ซึ่งเป็นเสียงจากการทำลายเกาะลอยของเหล่าผู้บัญชาการ เพื่อค้นหาสิ่งที่ถูกทิ้งไว้โดยจอมยุทธ์ยุคโบราณ

แม้ว่าวิธีแบบนี้จะป่าเถื่อนไปเล็กน้อย แต่ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในเวลานี้

ตู้ม!

มู่เฉินเหวี่ยงหมัดออกไป คลื่นหลิงแรงกล้าก็ส่งเสียงหวีดหวิว กำปั้นดุดันทำให้หินขนาดใหญ่ร้อยจั้งแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษหินพุ่งไปทุกทิศทาง แต่ก็ไม่พบสิ่งใดในนั้น

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ยักไหล่ให้จิ่วโยว ไม่มีใครรู้ว่ามีเกาะลอยอยู่ที่นี่มากเท่าไร ดังนั้นพวกเขาได้แต่พึ่งโชคชะตาเพื่อค้นหาสมบัติเท่านั้น

จิ่วโยวเอียงหน้าได้ยินเสียงหัวเราะร่วนระเบิดออกมา จากนั้นนางก็จือปาก “ดูเหมือนว่ามีบางคนค้นพบบางสิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นใครกันที่โชคดีเช่นนี้”

มู่เฉินยิ้ม ขณะที่จะเคลื่อนไหวออกไป จู่ๆ หัวใจก็นึกบางอย่างได้ มือกำหมัดแน่น เข็มทิศค้นวิญญาณปรากฏขึ้นในมือ

“เข็มทิศค้นวิญญาณสัมผัสไวมากกับคลื่นหลิง หากมีของดีเหลืออยู่ มันก็น่าจะสัมผัสได้…”

พอจิ่วโยวได้ยินคำพูดนี้ แววประหลาดใจก็วูบไหวในดวงตา ถ้าเข็มทิศค้นวิญญาณมีประโยชน์จริงๆ อย่างว่าก็ถือเป็นอาวุธประเภทแสวงหาสมบัติแน่นอน อย่างน้อยก็มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้กำลังซัดหินให้แตกมั่วๆ อย่างพวกเขา

มู่เฉินจับเข็มทิศ จากนั้นก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะไม่แน่ใจว่าเข็มทิศมีประโยชน์หรือไม่ แต่ยังไงก็ต้องลองเสี่ยงดูหน่อย

ฟิ้ว!

ทั้งสองเหาะเหินอย่างว่องไว ผ่านเกาะลอยมากมาย หลบเลี่ยงพื้นที่บิดเบี้ยวตลอดเส้นเดินทาง เพียงหนึ่งถึงสองนาทีต่อจากนั้นพวกเขาก็บินผ่านดงเกาะลอยหลายสิบเกาะไปแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาผิดหวังก็คือไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากเข็มทิศเลย

“ดูเหมือนว่าเข็มทิศนี้จะไม่มีประโยชน์ในสถานที่แห่งนี้” จิ่วโยวชะลอความเร็วลงและพูดอย่างช่วยไม่ได้

มู่เฉินถอนหายใจเบาๆ เตรียมยอมแพ้ แต่ขณะที่สิ้นเสียงถอนหายใจ เสียงหึ่งก็ดังขึ้น

เสียงแผ่วเบามากแต่มู่เฉินกับจิ่วโยวก็ยังสัมผัสได้ ทันใดนั้นทั้งสองคนก็อึ้งไป รีบก้มมองเข็มทิศก็เห็นจุดแสงจุดหนึ่งส่องสว่างบนเข็มทิศที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมาก่อน

“มีบางอย่าง!” จิ่วโยวลิงโลดขึ้นทันควัน

ดวงตาของมู่เฉินสว่างขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเงยหน้ากวาดมองและสุดท้ายเล็งไปที่เกาะลอยที่อยู่ไม่ไกล เกาะนี้ไม่ได้โดดเด่นมีขนาดประมาณหนึ่งร้อยจั้ง ซึ่งดูธรรมดามากเมื่อเทียบกับเกาะอื่นๆ ทว่ามู่เฉินรู้ดีว่าจุดแสงที่ระบุตำแหน่งในเข็มทิศชี้ไปยังทิศทางนั้น

มู่เฉินและจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากันแล้วเคลื่อนไหวไปปรากฏตัวตรงงหน้าเกาะลอยนั่นทันที ทั้งสองผสานพลังเหวี่ยงฝ่ามือออกไป คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็พุ่งออกมาทำลายเกาะลอยแห่งนี้

ฟิ้ว!

ขณะที่หินกระจายไปทั่ว แววตาของมู่เฉินและจิ่วโยวก็สว่างวาบ ก่อนที่ทั้งสองจะทะยานผ่านดงเศษหินไป

ทั้งสองคนแยกเป็นสองฝั่งไปปรากฏตัวต่อหน้าจุดแสงแล้วคว้าเอาไว้ คลื่นหลิงของพวกเขากลายเป็นวงแสงล้อมจุดแสงเอาไว้ภายใน

ปัง! ปัง!

ในวงแสงคลื่นหลิงจุดแสงก็ราวกับกระทิงเปลี่ยวกระแทกซ้ายทีขวาทีเพื่อให้หลุดพ้นอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เกิดระลอกคลื่นผันผวนภายใน พลังงานนั่นทำให้มู่เฉินรู้สึกตกใจไป เขาหมุนเวียนคลื่นหลิงอย่างรวดเร็วเพื่อปราบจุดแสงไว้

เมื่อจุดแสงสงบลง มู่เฉินก็จ้องมองไป เห็นเข็มยาวสีแดงเข้มที่ดูบอบบางราวกับเส้นขนของวัวอยู่ในจุดแสง แม้ว่าจะดูไม่โดดเด่น แต่มู่เฉินก็เห็นลวดลายนับไม่ถ้วนสลักอยู่บนเข็มด้วยสายตาที่เฉียบแหลม นอกจากนี้ทุกลวดลายก็ราวสัตว์อสูรดุร้าย

แสงสีแดงเข้มแล่นแปลบปลาบบนพื้นผิว เปล่งรัศมีดุร้ายคลุมเครือ ทำให้มู่เฉินตกใจเล็กน้อย

มู่เฉินค่อยๆ เร้าคลื่นหลิงเข้าไปในเข็มสีแดงเข้ม หลังจากผ่านมานานเข็มนี้ก็เป็นวัตถุที่ไม่มีเจ้าของ ดังนั้นมู่เฉินจึงสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดาย

เมื่อมู่เฉินควบคุมได้ ก็มีข้อมูลบางอย่างพุ่งเข้ามาในหัวของเขาเต็มไปหมด

เข็มหมื่นอสูรเป็นอาวุธพบสวรรค์ขั้นสูงประเภทสิ้นเปลือง กลั่นจากแก่นโลหิตสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนซึ่งมีความดุร้ายมาก จำเป็นต้องใช้เลือดของผู้ใช้ในการเปิดใช้งาน ยิ่งเลือดมีพลังมากเท่าไร ก็จะทรงมีพลังมากขึ้นเท่านั้น

“อาวุธพบสวรรค์ขั้นสูงประเภทสิ้นเปลืองเรอะ!”

มู่เฉินฉีกยิ้มแม้ว่าอาวุธพบสวรรค์แบบสิ้นเปลืองจะมีข้อบกพร่องที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก แต่ก็มีประโยชน์เช่นกัน นั่นก็คือพลังของมันจะแข็งแกร่งกว่าอาวุธพบสวรรค์ขั้นสูงแบบสามัญ

นอกจากนี้วัตถุชิ้นนี้ก็ยังซ่อนตัวได้แนบเนียนซึ่งทำให้ผู้อื่นยากที่จะป้องกัน ถ้าถูกใช้กับศัตรูแล้วก็จะมีผลกระทบที่ไม่คาดคิดเลยทีเดียว

ขณะที่มู่เฉินเต็มไปด้วยความยินดีอยู่ในใจ จิ่วโยวก็ทะยานกลับมา ความสุขที่ไม่สามารถปกปิดได้กระจายบนใบหน้านาง ท่าทางนางจะได้รับของดีมาเช่นกัน

มู่เฉินมองไปที่จิ่วโยว ทว่าก่อนที่จะถาม นางก็ยื่นมือออกมา บนฝ่ามือบางมีเม็ดยาสีเขียวมรกตเม็ดหนึ่งขนาดเท่าลูกลำไยที่เปล่งแสงจางๆ บนพื้นผิว แสงก่อตัวเป็นรูปหงส์ฟ้า แผดเสียงเอกลักษณ์ออกมาอย่างชัดเจน

กลิ่นโบราณและหอมเข้มข้นเล็ดลอดออกมาจากเม็ดยา ทำให้คลื่นหลิงในร่างมู่เฉินส่งสัญญาณเพิ่มขึ้น

“นี่คือ…?” มู่เฉินถามอย่างประหลาดใจ

“เม็ดยาวิหคอุบัติกลั่นออกมาจากแก่นโลหิตตระกูลหงส์ฟ้า ถ้าเทพอสูรที่มีสายพันธุ์คล้ายคลึงกันสามารถชำระได้ก็จะช่วยสนับสนุนสายเลือดดั้งเดิม ถ้าโชคชะตาเข้าข้างอีกาก็เกิดใหม่เป็นหงส์ฟ้าได้…” จิ่วโยวยิ้มกริ่ม

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนางก็อดเดาะลิ้นในความชื่นชมไม่ได้ เขาไม่คิดว่านางจะได้รับเม็ดยาเทพเช่นนี้ จิ่วโยวถือกำเนิดในเผ่าวิหคโลกันตร์และมีสายเลือดของวิหคอมตะที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับหงส์ฟ้า ดังนั้นเม็ดยานี้ถือได้ว่าเป็นวัตถุเทพสำหรับเทพอสูรอย่างจิ่วโยวแท้จริง

การใช้เข็มทิศค้นวิญญาณของทั้งคู่ได้รับการเก็บเกี่ยวมากพอในการล่าหาสมบัติครั้งนี้

“ยังมีเวลา หาของต่อกันเถอะ!” จิ่วโยวเก็บเม็ดยาวิหคอุบัติไว้พร้อมกับฉายท่าทางอยากล่าสมบัติต่อ ดูเหมือนว่าการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ทำให้ไฟในการค้นหาของนางจุดติดแล้ว

สำหรับทั้งสองมิตินี้เป็นดินแดนสมบัติแท้จริง!

มู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม พวกเขาต่อสู้มามากมายเพื่อเข้าสู่ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน ดังนั้นหากพวกเขาไม่ได้ประโยชน์จากโอกาสนี้ ความพยายามทั้งหมดก็ไร้ผลแล้ว

ทั้งสองออกตัวอีกครั้งและยังใช้พลังของเข็มทิศเต็มพิกัด ซึ่งเกิดการตอบสนองขึ้นในเวลาไม่กี่นาที นอกจากนี้การค้นพบครั้งนี้ถึงกับทำให้ทั้งคู่ตกตะลึงไปเลยทีเดียว

นั่นเป็นเพราะจุดแสงบนเข็มทิศเปล่งประกายแวววาวราวกับดวงอาทิตย์ แม้แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดตอนที่พวกเขาค้นพบซากอารยธรรมระดับหนึ่ง!

ยิ่งเทียบกับผลลัพธ์บนเกาะลอยก่อนหน้านี้ ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว!

มู่เฉินและจิ่วโยวมองเข็มทิศด้วยความตกใจแล้วพากันสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด อะไรที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนเช่นนี้ในเข็มทิศค้นวิญญาณ!

หรือจะเป็นอาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมหรือแข็งแกร่งกว่านั้น?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 922 ล่าสมบัติ

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 922 ล่าสมบัติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 922 ล่าสมบัติ

ชี่! ชี่!

อักขระโบราณลึกลับค่อยๆ ละลายไปโดยของเหลวหยุ่นลั้ว ในเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจอักขระโบราณที่เบื้องหน้าก็ฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างช้าๆ รอยแตกขนาดสิบกว่าจั้งปรากฏขึ้น

เมื่อรอยแตกเผยออกมา รัศมีโบราณอ้างว้างก็พุ่งพรวด แรงกดดันที่บรรจุในรัศมีทำให้ร่างกายของพวกมู่เฉินแข็งทื่อ มีร่องรอยแห่งความวิปโยคผสมอยู่ในรัศมีโบราณเหล่านี้ด้วย ราวกับพิสูจน์ให้รู้ว่าศึกระหว่างจอมพลสี่กับแม่ทัพทุนเทียนเป็นมหาภัยในยุคโบราณอันแท้จริง…

มั่นถัวหลัวยังมีสีหน้าสงบเยือกเย็น ขณะที่โบกมือเบาๆ สลายรัศมีโบราณ ทำให้มู่เฉินและคนอื่นๆ สามารถควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง แต่ทุกคนมีร่องรอยความกลัวเขียนไว้บนใบหน้า สมกับเป็นขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนแท้จริง ซึ่งอันตรายมาก แค่รัศมีจากปากทางเข้าก็คุกคามพวกเขาจนหัวหดไปหมดแล้ว

ถ้ามั่นถัวหลัวไม่ได้เป็นผู้นำอยู่ที่นี่ พวกเขาคงไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไปเลย

“ไปกันเถอะ ระวังตัวให้มาก”

เสียงนุ่มนวลของมั่นถัวหลัวให้ความรู้สึกปลอดภัยกับเหล่าสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เมื่อจบคำพูดนางก็แทรกตัวเข้าไปในมิติแตกสลาย ติดตามด้วยเหล่าจอมพลและผู้บัญชาการ

เมื่อพวกมู่เฉินก้าวเข้าไปในรอยแตกของมิติ พวกเขาก็รู้สึกถึงรัศมีโบราณอ้างว้างลูบไล้เนื้อตัวไป แต่โชคดีที่การเข้ามาในครั้งนี้เตรียมตัวเอาไว้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองไปรอบๆ มิติที่ไม่คุ้นเคย

มิติแห่งนี้ราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ช่างมืดมิดและมีการบิดเบือนพื้นที่เป็นครั้งคราว กำจายความผันผวนที่รุนแรงและวุ่นวายออกมา

มีหินก้อนใหญ่น้อยอยู่ในมิติแตกสลายนี้ บางก้อนใหญ่จนราวกับภูเขาเลยทีเดียว

ทว่าพวกเขาก็กวาดตาแวบเดียว ก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปยังที่ไกล ในมิติมีพีระมิดสีดำขนาดมโหฬารที่ไม่อาจอธิบายได้ตั้งตระหง่านอย่างเงียบๆ แม้ว่าจะมีระยะห่างระหว่างพวกเขา ความบีบคั้นและน่าตกใจก็ยังทำให้พวกเขาสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด

“ในเกาะลอยเหล่านี้ น่าจะมีจอมยุทธ์เสียชีวิตซ่อนอยู่ หากโชคดีก็อาจจะได้รับอาวุธโบราณ ทักษะเทพ ยาอายุวัฒนะหรือกระทั่งวิทยายุทธ” มั่นถัวหลัวมองเกาะหินลอยพลางพูดขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของเหล่าผู้บัญชาการก็เปล่งประกาย

พอมั่นถัวหลัวเห็นการตอบสนองนี้ก็ยิ้มบาง “ข้าจะไปข้างหน้าเพื่อสำรวจเส้นทางพร้อมกับสามจอมพล พวกเจ้าก็ลองดูรอบๆ ถ้ามีใครเจอกับอันตรายก็ให้ขยี้หยกที่ข้ามอบให้ ข้าจะไปช่วยเอง”

เหล่าผู้บัญชาการต่างมีส่วนร่วมในสงครามล่า ในที่สุดตอนนี้ก็เข้ามาในขุมทรัพย์กันแล้ว ดังนั้นมั่นถัวหลัวจึงเต็มใจอย่างยิ่งที่จะให้พวกเขามองหาโชคของตัวเอง

“ขอบคุณท่านประมุข!” ทุกคนเผยความปีติยินดีบนใบหน้าเมื่อได้ยินคำอนุญาตของนาง เหล่าผู้วายชนม์ที่อยู่ที่นี่คือจอมยุทธ์ชั้นยอด หากพวกเขาสามารถได้รับสิ่งต่างๆ ที่หลงเหลือจากโบราณกาล ก็จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาได้มากขึ้นอีกหลายส่วน

มั่นถัวหลัวพยักหน้า ม่านตาสีทองคำเหลือบมองไปที่มู่เฉินเป็นการส่งสัญญาณให้เขาระวังตัว ก่อนที่นางจะทะยานออกไปพร้อมกับจอมพลทั้งสาม

เมื่อเหล่าผู้บัญชาการเห็นทั้งสี่ไปแล้ว พวกเขาก็แลกเปลี่ยนสายตากันก่อนจะเผยยิ้มให้กัน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว เหาะเหินไปทางเกาะลอยเหล่านั้นทันที

มู่เฉินและจิ่วโยวไปด้วยกัน ก่อนที่จะเคลื่อนไหวอย่างไร้จุดหมาย ทั้งสองกวาดสายตาคมชัดไปทั่วเกาะที่อยู่โดยรอบ

พร้อมกับการผละไปของพวกเขาก็เกิดเสียงแตกเปรี้ยงปร้างดังกึกก้องในมิติที่เงียบสงบแห่งนี้ ซึ่งเป็นเสียงจากการทำลายเกาะลอยของเหล่าผู้บัญชาการ เพื่อค้นหาสิ่งที่ถูกทิ้งไว้โดยจอมยุทธ์ยุคโบราณ

แม้ว่าวิธีแบบนี้จะป่าเถื่อนไปเล็กน้อย แต่ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในเวลานี้

ตู้ม!

มู่เฉินเหวี่ยงหมัดออกไป คลื่นหลิงแรงกล้าก็ส่งเสียงหวีดหวิว กำปั้นดุดันทำให้หินขนาดใหญ่ร้อยจั้งแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษหินพุ่งไปทุกทิศทาง แต่ก็ไม่พบสิ่งใดในนั้น

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ยักไหล่ให้จิ่วโยว ไม่มีใครรู้ว่ามีเกาะลอยอยู่ที่นี่มากเท่าไร ดังนั้นพวกเขาได้แต่พึ่งโชคชะตาเพื่อค้นหาสมบัติเท่านั้น

จิ่วโยวเอียงหน้าได้ยินเสียงหัวเราะร่วนระเบิดออกมา จากนั้นนางก็จือปาก “ดูเหมือนว่ามีบางคนค้นพบบางสิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นใครกันที่โชคดีเช่นนี้”

มู่เฉินยิ้ม ขณะที่จะเคลื่อนไหวออกไป จู่ๆ หัวใจก็นึกบางอย่างได้ มือกำหมัดแน่น เข็มทิศค้นวิญญาณปรากฏขึ้นในมือ

“เข็มทิศค้นวิญญาณสัมผัสไวมากกับคลื่นหลิง หากมีของดีเหลืออยู่ มันก็น่าจะสัมผัสได้…”

พอจิ่วโยวได้ยินคำพูดนี้ แววประหลาดใจก็วูบไหวในดวงตา ถ้าเข็มทิศค้นวิญญาณมีประโยชน์จริงๆ อย่างว่าก็ถือเป็นอาวุธประเภทแสวงหาสมบัติแน่นอน อย่างน้อยก็มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้กำลังซัดหินให้แตกมั่วๆ อย่างพวกเขา

มู่เฉินจับเข็มทิศ จากนั้นก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะไม่แน่ใจว่าเข็มทิศมีประโยชน์หรือไม่ แต่ยังไงก็ต้องลองเสี่ยงดูหน่อย

ฟิ้ว!

ทั้งสองเหาะเหินอย่างว่องไว ผ่านเกาะลอยมากมาย หลบเลี่ยงพื้นที่บิดเบี้ยวตลอดเส้นเดินทาง เพียงหนึ่งถึงสองนาทีต่อจากนั้นพวกเขาก็บินผ่านดงเกาะลอยหลายสิบเกาะไปแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาผิดหวังก็คือไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากเข็มทิศเลย

“ดูเหมือนว่าเข็มทิศนี้จะไม่มีประโยชน์ในสถานที่แห่งนี้” จิ่วโยวชะลอความเร็วลงและพูดอย่างช่วยไม่ได้

มู่เฉินถอนหายใจเบาๆ เตรียมยอมแพ้ แต่ขณะที่สิ้นเสียงถอนหายใจ เสียงหึ่งก็ดังขึ้น

เสียงแผ่วเบามากแต่มู่เฉินกับจิ่วโยวก็ยังสัมผัสได้ ทันใดนั้นทั้งสองคนก็อึ้งไป รีบก้มมองเข็มทิศก็เห็นจุดแสงจุดหนึ่งส่องสว่างบนเข็มทิศที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมาก่อน

“มีบางอย่าง!” จิ่วโยวลิงโลดขึ้นทันควัน

ดวงตาของมู่เฉินสว่างขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเงยหน้ากวาดมองและสุดท้ายเล็งไปที่เกาะลอยที่อยู่ไม่ไกล เกาะนี้ไม่ได้โดดเด่นมีขนาดประมาณหนึ่งร้อยจั้ง ซึ่งดูธรรมดามากเมื่อเทียบกับเกาะอื่นๆ ทว่ามู่เฉินรู้ดีว่าจุดแสงที่ระบุตำแหน่งในเข็มทิศชี้ไปยังทิศทางนั้น

มู่เฉินและจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากันแล้วเคลื่อนไหวไปปรากฏตัวตรงงหน้าเกาะลอยนั่นทันที ทั้งสองผสานพลังเหวี่ยงฝ่ามือออกไป คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็พุ่งออกมาทำลายเกาะลอยแห่งนี้

ฟิ้ว!

ขณะที่หินกระจายไปทั่ว แววตาของมู่เฉินและจิ่วโยวก็สว่างวาบ ก่อนที่ทั้งสองจะทะยานผ่านดงเศษหินไป

ทั้งสองคนแยกเป็นสองฝั่งไปปรากฏตัวต่อหน้าจุดแสงแล้วคว้าเอาไว้ คลื่นหลิงของพวกเขากลายเป็นวงแสงล้อมจุดแสงเอาไว้ภายใน

ปัง! ปัง!

ในวงแสงคลื่นหลิงจุดแสงก็ราวกับกระทิงเปลี่ยวกระแทกซ้ายทีขวาทีเพื่อให้หลุดพ้นอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เกิดระลอกคลื่นผันผวนภายใน พลังงานนั่นทำให้มู่เฉินรู้สึกตกใจไป เขาหมุนเวียนคลื่นหลิงอย่างรวดเร็วเพื่อปราบจุดแสงไว้

เมื่อจุดแสงสงบลง มู่เฉินก็จ้องมองไป เห็นเข็มยาวสีแดงเข้มที่ดูบอบบางราวกับเส้นขนของวัวอยู่ในจุดแสง แม้ว่าจะดูไม่โดดเด่น แต่มู่เฉินก็เห็นลวดลายนับไม่ถ้วนสลักอยู่บนเข็มด้วยสายตาที่เฉียบแหลม นอกจากนี้ทุกลวดลายก็ราวสัตว์อสูรดุร้าย

แสงสีแดงเข้มแล่นแปลบปลาบบนพื้นผิว เปล่งรัศมีดุร้ายคลุมเครือ ทำให้มู่เฉินตกใจเล็กน้อย

มู่เฉินค่อยๆ เร้าคลื่นหลิงเข้าไปในเข็มสีแดงเข้ม หลังจากผ่านมานานเข็มนี้ก็เป็นวัตถุที่ไม่มีเจ้าของ ดังนั้นมู่เฉินจึงสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดาย

เมื่อมู่เฉินควบคุมได้ ก็มีข้อมูลบางอย่างพุ่งเข้ามาในหัวของเขาเต็มไปหมด

เข็มหมื่นอสูรเป็นอาวุธพบสวรรค์ขั้นสูงประเภทสิ้นเปลือง กลั่นจากแก่นโลหิตสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนซึ่งมีความดุร้ายมาก จำเป็นต้องใช้เลือดของผู้ใช้ในการเปิดใช้งาน ยิ่งเลือดมีพลังมากเท่าไร ก็จะทรงมีพลังมากขึ้นเท่านั้น

“อาวุธพบสวรรค์ขั้นสูงประเภทสิ้นเปลืองเรอะ!”

มู่เฉินฉีกยิ้มแม้ว่าอาวุธพบสวรรค์แบบสิ้นเปลืองจะมีข้อบกพร่องที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก แต่ก็มีประโยชน์เช่นกัน นั่นก็คือพลังของมันจะแข็งแกร่งกว่าอาวุธพบสวรรค์ขั้นสูงแบบสามัญ

นอกจากนี้วัตถุชิ้นนี้ก็ยังซ่อนตัวได้แนบเนียนซึ่งทำให้ผู้อื่นยากที่จะป้องกัน ถ้าถูกใช้กับศัตรูแล้วก็จะมีผลกระทบที่ไม่คาดคิดเลยทีเดียว

ขณะที่มู่เฉินเต็มไปด้วยความยินดีอยู่ในใจ จิ่วโยวก็ทะยานกลับมา ความสุขที่ไม่สามารถปกปิดได้กระจายบนใบหน้านาง ท่าทางนางจะได้รับของดีมาเช่นกัน

มู่เฉินมองไปที่จิ่วโยว ทว่าก่อนที่จะถาม นางก็ยื่นมือออกมา บนฝ่ามือบางมีเม็ดยาสีเขียวมรกตเม็ดหนึ่งขนาดเท่าลูกลำไยที่เปล่งแสงจางๆ บนพื้นผิว แสงก่อตัวเป็นรูปหงส์ฟ้า แผดเสียงเอกลักษณ์ออกมาอย่างชัดเจน

กลิ่นโบราณและหอมเข้มข้นเล็ดลอดออกมาจากเม็ดยา ทำให้คลื่นหลิงในร่างมู่เฉินส่งสัญญาณเพิ่มขึ้น

“นี่คือ…?” มู่เฉินถามอย่างประหลาดใจ

“เม็ดยาวิหคอุบัติกลั่นออกมาจากแก่นโลหิตตระกูลหงส์ฟ้า ถ้าเทพอสูรที่มีสายพันธุ์คล้ายคลึงกันสามารถชำระได้ก็จะช่วยสนับสนุนสายเลือดดั้งเดิม ถ้าโชคชะตาเข้าข้างอีกาก็เกิดใหม่เป็นหงส์ฟ้าได้…” จิ่วโยวยิ้มกริ่ม

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนางก็อดเดาะลิ้นในความชื่นชมไม่ได้ เขาไม่คิดว่านางจะได้รับเม็ดยาเทพเช่นนี้ จิ่วโยวถือกำเนิดในเผ่าวิหคโลกันตร์และมีสายเลือดของวิหคอมตะที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับหงส์ฟ้า ดังนั้นเม็ดยานี้ถือได้ว่าเป็นวัตถุเทพสำหรับเทพอสูรอย่างจิ่วโยวแท้จริง

การใช้เข็มทิศค้นวิญญาณของทั้งคู่ได้รับการเก็บเกี่ยวมากพอในการล่าหาสมบัติครั้งนี้

“ยังมีเวลา หาของต่อกันเถอะ!” จิ่วโยวเก็บเม็ดยาวิหคอุบัติไว้พร้อมกับฉายท่าทางอยากล่าสมบัติต่อ ดูเหมือนว่าการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ทำให้ไฟในการค้นหาของนางจุดติดแล้ว

สำหรับทั้งสองมิตินี้เป็นดินแดนสมบัติแท้จริง!

มู่เฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม พวกเขาต่อสู้มามากมายเพื่อเข้าสู่ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน ดังนั้นหากพวกเขาไม่ได้ประโยชน์จากโอกาสนี้ ความพยายามทั้งหมดก็ไร้ผลแล้ว

ทั้งสองออกตัวอีกครั้งและยังใช้พลังของเข็มทิศเต็มพิกัด ซึ่งเกิดการตอบสนองขึ้นในเวลาไม่กี่นาที นอกจากนี้การค้นพบครั้งนี้ถึงกับทำให้ทั้งคู่ตกตะลึงไปเลยทีเดียว

นั่นเป็นเพราะจุดแสงบนเข็มทิศเปล่งประกายแวววาวราวกับดวงอาทิตย์ แม้แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดตอนที่พวกเขาค้นพบซากอารยธรรมระดับหนึ่ง!

ยิ่งเทียบกับผลลัพธ์บนเกาะลอยก่อนหน้านี้ ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยทีเดียว!

มู่เฉินและจิ่วโยวมองเข็มทิศด้วยความตกใจแล้วพากันสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด อะไรที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนเช่นนี้ในเข็มทิศค้นวิญญาณ!

หรือจะเป็นอาวุธพบสวรรค์ขั้นยอดเยี่ยมหรือแข็งแกร่งกว่านั้น?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+