หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 950 ครึ่งก้าวบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 950 ครึ่งก้าวบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กลุ่มแสงเจ็ดสียิ่งใหญ่ครอบคลุมไปทั่ว

แรงกดดันคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวถูกปล่อยออกมา แม้แต่มิติก็ส่งสัญญาณบิดเบี้ยว

พร้อมกับการเพาะบ่มของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งเจ็ดที่ดำเนินไปเรื่อยๆ ความกดดันที่เล็ดลอดมาจากพวกเขาก็ยิ่งมีพลังทบทวีคูณจนสุดท้ายประมุขทั้งเจ็ดไม่คิดควบคุมไว้อีก ทำให้แรงกดดันแพร่กระจายไปทั่วมิติ บีบให้จอมยุทธ์ที่อยู่ในพื้นที่ต้องถอยออกไปหลายหมื่นจั้ง…

ทุกคนไม่มีความคิดที่จะต่อสู้กันแล้ว เนื่องจากตอนนี้พวกเขามุ่งความสนใจไปที่แสงทั้งเจ็ดกลุ่มที่ไร้ขอบเขต นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ชัดว่าในเมื่อสถานการณ์ดำเนินมาไกลขนาดนี้ การต่อสู้ของตนก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว ผลสุดท้ายของภูมิภาคทางเหนืออยู่ในอุ้งมือของจอมยุทธ์ทั้งเจ็ดคนนี้เท่านั้น

เหล่าผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์แลกเปลี่ยนสายตากัน สามารถมองเห็นความวิตกกังวลของกันและกันได้ เวลานี้แม้แต่คนที่มีสงบนิ่งแบบมู่เฉินก็ยังฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ

ในเดิมพันระดับนี้ ถ้ามั่นถัวหลัวล้มเหลว พวกเขาก็ต้องเผชิญกับการทำลายล้าง และความล้มเหลวของมั่นถัวหลัวจะทำให้พวกเขากลายเป็นสุนัขไร้บ้าน ถึงตอนนั้นอาจจะต้องหนีตายจากภูมิภาคทางเหนือเพื่อค้นหาสถานที่แห่งใหม่

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่มู่เฉินไม่อยากจะเห็น จุดประสงค์ของเขาที่มาภูมิภาคทางเหนือก็คือวังสวรรค์บรรพกาลที่จะช่วยให้เขายกระดับพัฒนาการร่างมหาเทพนิรันดร์ ซึ่งยากมากสำหรับเขาที่จะบรรลุด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจะต้องยืมพลังของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ซึ่งหากสำนักนี้ถูกทำลายโดยหมู่ตึกเทวะ ความพยายามทั้งหมดของเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมาก็จะเป็นอากาศธาตุ

มู่เฉินจับจ้องที่เกลียวแสงสีม่วงก็อดกำกำปั้นของตนไม่ได้ มั่นถัวหลัว เจ้าต้องทำให้สำเร็จนะ…

ฮึ่ม!

ขณะที่มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง ลำแสงขนาดใหญ่หลายหมื่นจั้งก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในบริเวณที่บิดเบี้ยว ลำแสงนี้ราวกับเสาค้ำสวรรค์ทะลุผ่านมิติไป

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ทำให้สีหน้าของมู่เฉินและพรรคพวกเปลี่ยนแปลงรุนแรง พวกเขาเร้าคลื่นหลิงขึ้นไปในดวงตาและมองไปยังทิศที่เกิดการเคลื่อนไหว ร่างชายสูงวัยที่สวมชุดสีขาวปักลายดวงดาวอยู่ภายในลำแสงขนาดใหญ่พร้อมกับคลื่นหลิงระหว่างฟ้าดินรวมตัวกันที่เบื้องหลังเขาราวกับคลื่นยักษ์ ระลอกคลื่นเลือนรางกระเซ็นออกมา

“นั่นวั้นเซิ่ง…ประมุขยอดเขาหมื่นเทพ!” แสงหลิงส่องแวววับในม่านตาของหลิงถง ทะลุผ่านกระแสคลื่นหลิงเชี่ยวกรากจับจ้องไปที่ร่างเงาที่อยู่ภายใน ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น

“เขามีการยกระดับพลังขึ้น แต่ยังไม่ได้บรรลุ” ซุยนอนกล่าวขึ้น คลื่นพลังของวั้นเซิ่งได้มีพัฒนาการด้วยความช่วยเหลือของของเหลวหลิงเสิน แต่ยังไม่ถึงระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย

เมื่อมู่เฉินและคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดนี่ก็รู้สึกโล่งใจ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเรื่องหมองใจมากมายกับยอดเขาหมื่นเทพ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากสมดุลนี้พังทลาย

ไม่นานหลังจากที่วั้นเซิ่งเพาะบ่มพลังแล้วเสร็จ ก็มีลำแสงอีกหลายสายพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าภายในลำแสงแต่ละสายก็มีเงาร่างสาดแรงกดดันน่าขนพองสยองเกล้าออกมา ทำให้คลื่นหลิงในมิติถึงกับสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

“นั่นหลิ่วเทียนเต้า…ประมุขตำหนักสุดนภา เขามีพัฒนาการไม่น้อยเหมือนกัน…”

“นอกจากนี้ยังมีเยาตี้…ประมุขแดนปีศาจ วั้นตู๋เสอ…ประมุขตำหนักเจ้าอสรพิษ… โยวมิ่ง…ประมุขจวนยมโลก พวกเขาต่างดูดซับของเหลวหลิงเสินเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะมีคลื่นพลังเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่มีใครบรรลุขุมพลังไปได้!”

แสงกะพริบวาบอย่างรวดเร็วในสายตาของสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ขณะที่ริ้วความรู้สึกตกใจแทรกซึมภายใน ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องยากขนาดนี้ที่จะโจมตีระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ตอนนี้จอมยุทธ์ทั้งห้าได้ล้มเหลวหมดแล้ว

บนท้องฟ้าประมุขทั้งห้าสำนักก็ขมวดคิ้วแน่น ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้น แต่ก็ช่วยไม่ได้ เนื่องจากทุกระยะของระดับตี้จื้อจุนห่างไกลกันมาก ซึ่งชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเติมเต็มช่องว่างได้

“ประมุขทั้งห้าเพาะบ่มพลังเสร็จแล้ว จากนี้เหลือแต่ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์และหมู่ตึกเทวะ…” จอมยุทธ์จากทุกขั้วอำนาจอดไม่ได้ที่จะสอดส่ายสายตาไปยังกลุ่มแสงเจิดจรัสทั้งสอง มากจนกระทั่งประมุขที่ผ่านการเพาะบ่มเรียบร้อยยังมีแววตาเคร่งขรึมลงหลายส่วน นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่าในบรรดาจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นทั้งเจ็ด ประมุขหมู่ตึกเทวะและประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์มีโอกาสสูงสุดที่จะโจมตีขั้นดังกล่าวได้สำเร็จ

ประมุขหมู่ตึกเทวะมีคลื่นพลังไม่ไกลจากขั้นปลายอยู่แล้ว ส่วนมั่นถัวหลัวมีของเหลวหลิงเสินสมบูรณ์แบบ ทำให้นางมีโอกาสใช้เพื่อบรรลุสำเร็จยิ่งขึ้น

แต่ชัดว่าสุดท้ายไม่ว่าใครจะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสำเร็จ สถานการณ์ในภูมิภาคทางเหนือก็จะเปลี่ยนไป

ภายใต้การรอคอยของทุกคน ในที่สุดการก็เกิดเคลื่อนไหวจากทั้งสอง เสียงฟ้าคำรนดังกึกก้องกระจายออกมาจากกลุ่มแสงเจิดจรัสทั้งสองกลุ่ม นั่นไม่ใช่เสียงฟ้าร้องแท้จริง แต่เป็นแรงเสียดทานระหว่างคลื่นหลิงที่ก่อให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนโลกา

เมื่อคลื่นเสียงแปรปรวนกระจายก็ส่งผลโดยตรงทำให้คลื่นหลิงระเบิดออก เสียงอึกทึกดังทั่วมิติอย่างต่อเนื่อง กระทั่งจอมยุทธ์ที่ยื่นห่างออกไปไกลยังรู้สึกว่ากระแสเลือดและรัศมีในร่างกายกลิ้งไปมา หยดเลือดไหลซึมออกมาจากพื้นผิวของพวกเขา

ความปั่นป่วนนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก พวกเขารับรู้ได้ว่าความวุ่นวายที่เกิดจากประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์และประมุขหมู่ตึกเทวะยิ่งใหญ่กว่าประมุขทั้งห้าเสียอีก

หรือว่าทั้งสองคนบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้?

ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นก็มองไปยังประมุขทั้งห้า แม้พบว่าใบหน้าของพวกเขาจะเคร่งขรึม แต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรุนแรง ทุกคนถึงได้รู้สึกโล่งใจ ถ้าประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์และประมุขหมู่ตึกเทวะประสบความสำเร็จทั้งคู่ พวกเขาทั้งห้าคงไม่สงบขนาดนี้แน่

ครืน!

เสียงดังก้องทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะกลายเป็นภาพน่าตื่นตาตื่นใจที่ทำให้ผู้คนตกใจ เมื่อเสียงดังไปถึงขีดสุด พายุฟ้าคะนองก็กระหน่ำลงมาในบริเวณนี้ นั่นไม่ใช่ฝนธรรมดาแต่เป็นฝนหลิงที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

เมื่อพวกมู่เฉินเห็นภาพประหลาดนี้ พวกเขาก็อดเดาะลิ้นไม่ได้ นี่คือพลังระดับตี้จื้อจุนหรือ? แค่การเพาะบ่มพลังก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชั้นบรรยากาศเพียงนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อมาก

ซ่า!

ฝนตกลงมาจากทุกทิศทุกทาง แต่ฝนหลิงก็ไม่ได้สูญสลายกลับรวมตัวกันอย่างรวดเร็วเป็นเสาคลื่นหลิงเมื่อไหลผ่านครึ่งหนึ่งของท้องฟ้า ก่อนที่จะหลั่งรินลงไปในกลุ่มแสงเจิดจรัสทั้งสอง…

ในกลุ่มแสงนั่นทั้งสองจอมยุทธ์เปิดปากราวกับวาฬสูบน้ำ เสาคลื่นหลิงบริสุทธิ์ถูกดูดเข้าไปในปาก

กระบวนการนี้ใช้เวลาสิบกว่านาที ก่อนที่ฉากแปลกประหลาดจะหายไปอย่างช้าๆ

แสงน่าตกตะลึงเริ่มหดตัวลง ร่างเงาทั้งสองก็ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจนในสายตากังวลของทุกคน

มั่นถัวหลัวยังคงสวมชุดดำ ไม่มีร่องรอยความสามารถใดของระดับตี้จื้อจุน เว้นแต่ม่านตาสีทองคำของนางลึกซึ้งกว่าเดิม ขณะที่นางยืนเท้าเปล่าก็ราวกับศิลากดสวรรค์ ทำให้ทุกอย่างสงบลง

อีกมุมหนึ่งประมุขหมู่ตึกเทวะที่สวมชุดขาวปรากฏตัว แม้เขาจะมีรูปลักษณ์ธรรมดา แต่กลับมีความครอบงำกำจายอย่างเลือนรางออกมาจากร่างกายเขา ทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดยอมจำนน

ขณะที่ทั้งสองยืนอยู่บนท้องฟ้า สายตาก็ฟาดฟันกันส่งผลให้มิติแยกออก มหาสมุทรที่อยู่เบื้องล่างแหวกตัว

คลื่นหลิงครางกระหึ่มอยู่ด้านหลังพวกเขา ภูเขาและแม่น้ำปรากฏขึ้นเลือนราง ซึ่งดูมหัศจรรย์มาก…

“สร้างภูเขาและแม่น้ำด้วยคลื่นหลิง…”

เมื่อประมุขทั้งห้าเห็นภูเขาและแม่น้ำจากคลื่นหลิงที่อยู่เบื้องหลังมั่นถัวหลัวและประมุขหมู่ตึกเทวะ ดวงตาก็หดลง ภาพแปลกประหลาดนี้จะปรากฏขึ้นต่อเมื่อได้สัมผัสกับระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย เนื่องจากคลื่นหลิงในร่างของพวกเขาเชื่อมโยงกับพลังงานหลิงระหว่างฟ้าดิน

ทว่าตอนนี้หมั่นถูหลัวและประมุขหมู่ตึกเทวะยังไม่มีแรงกดดันที่เป็นของระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ดังนั้นหมายความว่าทั้งสองได้สัมผัสกับขั้นนั้นแล้ว

พูดก็คือทั้งสองห่างจากระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น!

แม้ว่าเป็นเพียงครึ่งก้าว แต่ประมุขทั้งห้าก็รู้ว่าต่อไปจะไม่สามารถต่อสู้กับทั้งสองในการปะทะกันตัวต่อตัวได้อีกแล้ว

“อีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายเรอะ?”

มู่เฉินโล่งใจกับฉากนี้ แม้ว่าหมั่นถูหลัวจะยังไม่บรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่ผลลัพธ์ก็เกินความคาดหมายของพวกเขา ซึ่งไม่ได้ห่างจากประมุขหมู่ตึกเทวะเลย

ด้วยวิธีนี้ก็จะดับฝันของหมู่ตึกเทวะที่ต้องการจะล้างบางอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของพวกเขา

“ฮ่าๆ… ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์สุดยอดจริงๆ สามารถไล่ตามข้ามาได้ด้วยพลังที่อ่อนกว่า…” ประมุขหมู่ตึกเทวะเห็นสถานการณ์ก็ยิ้มบาง

ม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวเหลือบมองเขาอย่างเฉยเมย ไม่ได้สนใจอะไร

ประมุขหมู่ตึกเทวะไม่ได้ใส่ใจกับการตอบสนองของมั่นถัวหลัว แต่กลับมองไปที่ประมุขทั้งห้า รอยยิ้มลึกล้ำปรากฏบนใบหน้ากล่าวว่า “ท่านจอมยุทธ์ ข้ามีข้อเสนอ ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะสนใจหรือไม่?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทั้งห้าคนก็หรี่ตา หัวใจกระโจนขึ้น ประมุขหมู่ตึกเทวะคิดจะทำอะไรอีก?

“ไม่รู้ว่าประมุขหมู่ตึกเทวะต้องการอะไรรึ?” วั้นเซิ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ประมุขหมู่ตึกเทวะยิ้มบาง แม้รอยยิ้มจะดูอ่อนโยน แต่ก็มีความเอาแต่ใจพรั่งพรูออกมาขณะที่เสียงดุดันดังสะท้อนไปทั่วมิติ

“ภูมิภาคทางเหนือแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่ามาหลายปี วันนี้ข้าต้องการสร้างบูรณาการรวบรวมพวกเราเป็นหนึ่งเดียวเพื่อผงาดในทวีปเทียนหลัว ไม่ทราบว่าพวกเจ้าทั้งห้าคนยินดีที่จะสนับสนุนข้าในเรื่องนี้ไหม?”

เมื่อเสียงหนักแน่นของประมุขหมู่ตึกเทวะดังก้อง ไม่เพียงจอมยุทธ์จำนวนมากจะเปิดเผยสีหน้าตกตะลึง แม้กระทั่งประมุขทั้งห้าก็อดเปลี่ยนสีหน้าไปไม่ได้

ประมุขหมู่ตึกเทวะที่ยังไม่บรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย มิหนำซ้ำมั่นถัวหลัวที่มีพลังสูสีกันก็ยืนอยู่ไม่ไกล แต่เขาดันบอกว่าต้องการปกครองภูมิภาคทางเหนือเรอะ?!

เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 950 ครึ่งก้าวบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 950 ครึ่งก้าวบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 950 ครึ่งก้าวบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย

กลุ่มแสงเจ็ดสียิ่งใหญ่ครอบคลุมไปทั่ว

แรงกดดันคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวถูกปล่อยออกมา แม้แต่มิติก็ส่งสัญญาณบิดเบี้ยว

พร้อมกับการเพาะบ่มของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งเจ็ดที่ดำเนินไปเรื่อยๆ ความกดดันที่เล็ดลอดมาจากพวกเขาก็ยิ่งมีพลังทบทวีคูณจนสุดท้ายประมุขทั้งเจ็ดไม่คิดควบคุมไว้อีก ทำให้แรงกดดันแพร่กระจายไปทั่วมิติ บีบให้จอมยุทธ์ที่อยู่ในพื้นที่ต้องถอยออกไปหลายหมื่นจั้ง…

ทุกคนไม่มีความคิดที่จะต่อสู้กันแล้ว เนื่องจากตอนนี้พวกเขามุ่งความสนใจไปที่แสงทั้งเจ็ดกลุ่มที่ไร้ขอบเขต นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ชัดว่าในเมื่อสถานการณ์ดำเนินมาไกลขนาดนี้ การต่อสู้ของตนก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว ผลสุดท้ายของภูมิภาคทางเหนืออยู่ในอุ้งมือของจอมยุทธ์ทั้งเจ็ดคนนี้เท่านั้น

เหล่าผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์แลกเปลี่ยนสายตากัน สามารถมองเห็นความวิตกกังวลของกันและกันได้ เวลานี้แม้แต่คนที่มีสงบนิ่งแบบมู่เฉินก็ยังฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ

ในเดิมพันระดับนี้ ถ้ามั่นถัวหลัวล้มเหลว พวกเขาก็ต้องเผชิญกับการทำลายล้าง และความล้มเหลวของมั่นถัวหลัวจะทำให้พวกเขากลายเป็นสุนัขไร้บ้าน ถึงตอนนั้นอาจจะต้องหนีตายจากภูมิภาคทางเหนือเพื่อค้นหาสถานที่แห่งใหม่

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่มู่เฉินไม่อยากจะเห็น จุดประสงค์ของเขาที่มาภูมิภาคทางเหนือก็คือวังสวรรค์บรรพกาลที่จะช่วยให้เขายกระดับพัฒนาการร่างมหาเทพนิรันดร์ ซึ่งยากมากสำหรับเขาที่จะบรรลุด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจะต้องยืมพลังของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ซึ่งหากสำนักนี้ถูกทำลายโดยหมู่ตึกเทวะ ความพยายามทั้งหมดของเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมาก็จะเป็นอากาศธาตุ

มู่เฉินจับจ้องที่เกลียวแสงสีม่วงก็อดกำกำปั้นของตนไม่ได้ มั่นถัวหลัว เจ้าต้องทำให้สำเร็จนะ…

ฮึ่ม!

ขณะที่มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง ลำแสงขนาดใหญ่หลายหมื่นจั้งก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในบริเวณที่บิดเบี้ยว ลำแสงนี้ราวกับเสาค้ำสวรรค์ทะลุผ่านมิติไป

การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ทำให้สีหน้าของมู่เฉินและพรรคพวกเปลี่ยนแปลงรุนแรง พวกเขาเร้าคลื่นหลิงขึ้นไปในดวงตาและมองไปยังทิศที่เกิดการเคลื่อนไหว ร่างชายสูงวัยที่สวมชุดสีขาวปักลายดวงดาวอยู่ภายในลำแสงขนาดใหญ่พร้อมกับคลื่นหลิงระหว่างฟ้าดินรวมตัวกันที่เบื้องหลังเขาราวกับคลื่นยักษ์ ระลอกคลื่นเลือนรางกระเซ็นออกมา

“นั่นวั้นเซิ่ง…ประมุขยอดเขาหมื่นเทพ!” แสงหลิงส่องแวววับในม่านตาของหลิงถง ทะลุผ่านกระแสคลื่นหลิงเชี่ยวกรากจับจ้องไปที่ร่างเงาที่อยู่ภายใน ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น

“เขามีการยกระดับพลังขึ้น แต่ยังไม่ได้บรรลุ” ซุยนอนกล่าวขึ้น คลื่นพลังของวั้นเซิ่งได้มีพัฒนาการด้วยความช่วยเหลือของของเหลวหลิงเสิน แต่ยังไม่ถึงระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย

เมื่อมู่เฉินและคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดนี่ก็รู้สึกโล่งใจ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเรื่องหมองใจมากมายกับยอดเขาหมื่นเทพ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากสมดุลนี้พังทลาย

ไม่นานหลังจากที่วั้นเซิ่งเพาะบ่มพลังแล้วเสร็จ ก็มีลำแสงอีกหลายสายพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าภายในลำแสงแต่ละสายก็มีเงาร่างสาดแรงกดดันน่าขนพองสยองเกล้าออกมา ทำให้คลื่นหลิงในมิติถึงกับสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

“นั่นหลิ่วเทียนเต้า…ประมุขตำหนักสุดนภา เขามีพัฒนาการไม่น้อยเหมือนกัน…”

“นอกจากนี้ยังมีเยาตี้…ประมุขแดนปีศาจ วั้นตู๋เสอ…ประมุขตำหนักเจ้าอสรพิษ… โยวมิ่ง…ประมุขจวนยมโลก พวกเขาต่างดูดซับของเหลวหลิงเสินเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะมีคลื่นพลังเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่มีใครบรรลุขุมพลังไปได้!”

แสงกะพริบวาบอย่างรวดเร็วในสายตาของสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ขณะที่ริ้วความรู้สึกตกใจแทรกซึมภายใน ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องยากขนาดนี้ที่จะโจมตีระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ตอนนี้จอมยุทธ์ทั้งห้าได้ล้มเหลวหมดแล้ว

บนท้องฟ้าประมุขทั้งห้าสำนักก็ขมวดคิ้วแน่น ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้น แต่ก็ช่วยไม่ได้ เนื่องจากทุกระยะของระดับตี้จื้อจุนห่างไกลกันมาก ซึ่งชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเติมเต็มช่องว่างได้

“ประมุขทั้งห้าเพาะบ่มพลังเสร็จแล้ว จากนี้เหลือแต่ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์และหมู่ตึกเทวะ…” จอมยุทธ์จากทุกขั้วอำนาจอดไม่ได้ที่จะสอดส่ายสายตาไปยังกลุ่มแสงเจิดจรัสทั้งสอง มากจนกระทั่งประมุขที่ผ่านการเพาะบ่มเรียบร้อยยังมีแววตาเคร่งขรึมลงหลายส่วน นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่าในบรรดาจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นทั้งเจ็ด ประมุขหมู่ตึกเทวะและประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์มีโอกาสสูงสุดที่จะโจมตีขั้นดังกล่าวได้สำเร็จ

ประมุขหมู่ตึกเทวะมีคลื่นพลังไม่ไกลจากขั้นปลายอยู่แล้ว ส่วนมั่นถัวหลัวมีของเหลวหลิงเสินสมบูรณ์แบบ ทำให้นางมีโอกาสใช้เพื่อบรรลุสำเร็จยิ่งขึ้น

แต่ชัดว่าสุดท้ายไม่ว่าใครจะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสำเร็จ สถานการณ์ในภูมิภาคทางเหนือก็จะเปลี่ยนไป

ภายใต้การรอคอยของทุกคน ในที่สุดการก็เกิดเคลื่อนไหวจากทั้งสอง เสียงฟ้าคำรนดังกึกก้องกระจายออกมาจากกลุ่มแสงเจิดจรัสทั้งสองกลุ่ม นั่นไม่ใช่เสียงฟ้าร้องแท้จริง แต่เป็นแรงเสียดทานระหว่างคลื่นหลิงที่ก่อให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนโลกา

เมื่อคลื่นเสียงแปรปรวนกระจายก็ส่งผลโดยตรงทำให้คลื่นหลิงระเบิดออก เสียงอึกทึกดังทั่วมิติอย่างต่อเนื่อง กระทั่งจอมยุทธ์ที่ยื่นห่างออกไปไกลยังรู้สึกว่ากระแสเลือดและรัศมีในร่างกายกลิ้งไปมา หยดเลือดไหลซึมออกมาจากพื้นผิวของพวกเขา

ความปั่นป่วนนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก พวกเขารับรู้ได้ว่าความวุ่นวายที่เกิดจากประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์และประมุขหมู่ตึกเทวะยิ่งใหญ่กว่าประมุขทั้งห้าเสียอีก

หรือว่าทั้งสองคนบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายได้?

ทุกคนแลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นก็มองไปยังประมุขทั้งห้า แม้พบว่าใบหน้าของพวกเขาจะเคร่งขรึม แต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรุนแรง ทุกคนถึงได้รู้สึกโล่งใจ ถ้าประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์และประมุขหมู่ตึกเทวะประสบความสำเร็จทั้งคู่ พวกเขาทั้งห้าคงไม่สงบขนาดนี้แน่

ครืน!

เสียงดังก้องทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะกลายเป็นภาพน่าตื่นตาตื่นใจที่ทำให้ผู้คนตกใจ เมื่อเสียงดังไปถึงขีดสุด พายุฟ้าคะนองก็กระหน่ำลงมาในบริเวณนี้ นั่นไม่ใช่ฝนธรรมดาแต่เป็นฝนหลิงที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

เมื่อพวกมู่เฉินเห็นภาพประหลาดนี้ พวกเขาก็อดเดาะลิ้นไม่ได้ นี่คือพลังระดับตี้จื้อจุนหรือ? แค่การเพาะบ่มพลังก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชั้นบรรยากาศเพียงนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อมาก

ซ่า!

ฝนตกลงมาจากทุกทิศทุกทาง แต่ฝนหลิงก็ไม่ได้สูญสลายกลับรวมตัวกันอย่างรวดเร็วเป็นเสาคลื่นหลิงเมื่อไหลผ่านครึ่งหนึ่งของท้องฟ้า ก่อนที่จะหลั่งรินลงไปในกลุ่มแสงเจิดจรัสทั้งสอง…

ในกลุ่มแสงนั่นทั้งสองจอมยุทธ์เปิดปากราวกับวาฬสูบน้ำ เสาคลื่นหลิงบริสุทธิ์ถูกดูดเข้าไปในปาก

กระบวนการนี้ใช้เวลาสิบกว่านาที ก่อนที่ฉากแปลกประหลาดจะหายไปอย่างช้าๆ

แสงน่าตกตะลึงเริ่มหดตัวลง ร่างเงาทั้งสองก็ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจนในสายตากังวลของทุกคน

มั่นถัวหลัวยังคงสวมชุดดำ ไม่มีร่องรอยความสามารถใดของระดับตี้จื้อจุน เว้นแต่ม่านตาสีทองคำของนางลึกซึ้งกว่าเดิม ขณะที่นางยืนเท้าเปล่าก็ราวกับศิลากดสวรรค์ ทำให้ทุกอย่างสงบลง

อีกมุมหนึ่งประมุขหมู่ตึกเทวะที่สวมชุดขาวปรากฏตัว แม้เขาจะมีรูปลักษณ์ธรรมดา แต่กลับมีความครอบงำกำจายอย่างเลือนรางออกมาจากร่างกายเขา ทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดยอมจำนน

ขณะที่ทั้งสองยืนอยู่บนท้องฟ้า สายตาก็ฟาดฟันกันส่งผลให้มิติแยกออก มหาสมุทรที่อยู่เบื้องล่างแหวกตัว

คลื่นหลิงครางกระหึ่มอยู่ด้านหลังพวกเขา ภูเขาและแม่น้ำปรากฏขึ้นเลือนราง ซึ่งดูมหัศจรรย์มาก…

“สร้างภูเขาและแม่น้ำด้วยคลื่นหลิง…”

เมื่อประมุขทั้งห้าเห็นภูเขาและแม่น้ำจากคลื่นหลิงที่อยู่เบื้องหลังมั่นถัวหลัวและประมุขหมู่ตึกเทวะ ดวงตาก็หดลง ภาพแปลกประหลาดนี้จะปรากฏขึ้นต่อเมื่อได้สัมผัสกับระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย เนื่องจากคลื่นหลิงในร่างของพวกเขาเชื่อมโยงกับพลังงานหลิงระหว่างฟ้าดิน

ทว่าตอนนี้หมั่นถูหลัวและประมุขหมู่ตึกเทวะยังไม่มีแรงกดดันที่เป็นของระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ดังนั้นหมายความว่าทั้งสองได้สัมผัสกับขั้นนั้นแล้ว

พูดก็คือทั้งสองห่างจากระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น!

แม้ว่าเป็นเพียงครึ่งก้าว แต่ประมุขทั้งห้าก็รู้ว่าต่อไปจะไม่สามารถต่อสู้กับทั้งสองในการปะทะกันตัวต่อตัวได้อีกแล้ว

“อีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายเรอะ?”

มู่เฉินโล่งใจกับฉากนี้ แม้ว่าหมั่นถูหลัวจะยังไม่บรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่ผลลัพธ์ก็เกินความคาดหมายของพวกเขา ซึ่งไม่ได้ห่างจากประมุขหมู่ตึกเทวะเลย

ด้วยวิธีนี้ก็จะดับฝันของหมู่ตึกเทวะที่ต้องการจะล้างบางอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของพวกเขา

“ฮ่าๆ… ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์สุดยอดจริงๆ สามารถไล่ตามข้ามาได้ด้วยพลังที่อ่อนกว่า…” ประมุขหมู่ตึกเทวะเห็นสถานการณ์ก็ยิ้มบาง

ม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวเหลือบมองเขาอย่างเฉยเมย ไม่ได้สนใจอะไร

ประมุขหมู่ตึกเทวะไม่ได้ใส่ใจกับการตอบสนองของมั่นถัวหลัว แต่กลับมองไปที่ประมุขทั้งห้า รอยยิ้มลึกล้ำปรากฏบนใบหน้ากล่าวว่า “ท่านจอมยุทธ์ ข้ามีข้อเสนอ ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะสนใจหรือไม่?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทั้งห้าคนก็หรี่ตา หัวใจกระโจนขึ้น ประมุขหมู่ตึกเทวะคิดจะทำอะไรอีก?

“ไม่รู้ว่าประมุขหมู่ตึกเทวะต้องการอะไรรึ?” วั้นเซิ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ประมุขหมู่ตึกเทวะยิ้มบาง แม้รอยยิ้มจะดูอ่อนโยน แต่ก็มีความเอาแต่ใจพรั่งพรูออกมาขณะที่เสียงดุดันดังสะท้อนไปทั่วมิติ

“ภูมิภาคทางเหนือแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่ามาหลายปี วันนี้ข้าต้องการสร้างบูรณาการรวบรวมพวกเราเป็นหนึ่งเดียวเพื่อผงาดในทวีปเทียนหลัว ไม่ทราบว่าพวกเจ้าทั้งห้าคนยินดีที่จะสนับสนุนข้าในเรื่องนี้ไหม?”

เมื่อเสียงหนักแน่นของประมุขหมู่ตึกเทวะดังก้อง ไม่เพียงจอมยุทธ์จำนวนมากจะเปิดเผยสีหน้าตกตะลึง แม้กระทั่งประมุขทั้งห้าก็อดเปลี่ยนสีหน้าไปไม่ได้

ประมุขหมู่ตึกเทวะที่ยังไม่บรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย มิหนำซ้ำมั่นถัวหลัวที่มีพลังสูสีกันก็ยืนอยู่ไม่ไกล แต่เขาดันบอกว่าต้องการปกครองภูมิภาคทางเหนือเรอะ?!

เขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+