หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 965 ดินแดนเสินโซ่

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 965 ดินแดนเสินโซ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ผู้อาวุโสเทียนเช่อ?”

บนท้องฟ้ามู่เฉินจ้องมองเทียนเช่อที่มายืนขวางเอาไว้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หรือว่าตาแก่คนนี้เห็นว่าสถานการณ์ไม่เข้าข้างเลยคิดลงมือเอง

หากเป็นเช่นนั้น เทียนเช่อก็หน้าหนาเกินไปแล้ว

ฟิ้ว!

แต่ขณะที่มู่เฉินขมวดคิ้ว เสียงมวลลมดังก้องก็กวาดมาที่ด้านข้างพร้อมกับมั่นถัวหลัว จิ่วโยวและจอมพลทั้งสามปรากฏตัวในพริบตา พวกเขาจ้องมองไปที่เทียนเช่อ ชัดว่ารู้สึกไม่พอใจกับการแทรกแซงเมื่อครู่อย่างมาก

“ผู้อาวุโสเทียนเช่อ ข้าปฏิบัติต่อเจ้าในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติ ดังนั้นข้าจึงอดทนกับการกระทำทุกอย่างมาก แต่เจ้าอย่าคิดว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะถูกเจ้ารังแกได้ง่ายๆ” น้ำเสียงของมั่นถัวหลัวเย็นชาลง

เมื่อเทียนเช่อเห็นมั่นถัวหลัวเริ่มโกรธ เขาก็ไม่กล้าหน่วงเวลาพูดทันทีว่า “ข้าล้ำเส้นไปเอง การประลองในครั้งนี้ศักยภาพของมู่เฉินไม่ธรรมดาจริงๆ สมกับเป็นเจ้าทำเนียบจอมยุทธ์รุ่นใหม่ในภูมิภาคทางเหนือ”

ที่ด้านหลังเทียนเช่อ หลิ่วชิงก็ทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้แก้ต่างคำพูดของอีกฝ่าย เนื่องจากเขาไม่ได้เหนือกว่าในการประลองเมื่อครู่จริงๆ

มู่เฉินสามารถต่อสู้กับเขาจนถึงจุดนี้ได้ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าชายคนนี้โดดเด่นเพียงใด หากการต่อสู้ดำเนินต่อไป ทั้งสองฝ่ายคงยากที่จะหยุดยั้ง นั่นเป็นเพราะ ณ เวลานั้นพวกเขาจะต่อสู้อย่างเต็มกำลังที่มี ถึงตอนนั้นพวกเขาจะไม่สามารถควบคุมพลังได้ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจจบลงด้วยการบาดเจ็บหนักจนตาย

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดของเทียนเช่อคิ้วที่ขมวดแน่นก็คลายลง เขาไม่ค่อยอยากมีเรื่องบาดหมางกับเผ่าวิหคโลกันตร์ ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่การประลองครั้งนี้สิ้นสุดเร็วขึ้น นอกจากนี้เขาก็รู้ดีว่าแม้การต่อสู้จะดำเนินต่อไป ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะเอาชนะหลิ่วชิง

พลังในการต่อสู้ของชายคนนี้อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหกระยะปลายสุดแข็งแกร่งยิ่งกว่าพยัคฆามังกรฟ้า ดังนั้นหากยังต้องสู้กันต่อ พวกเขาคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่ายแน่นอน

เทียนเช่อระงับความโกรธในใจของทุกคนก่อนที่จะจ้องมองมู่เฉินอีกครั้ง “เจ้าได้รับแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริงมาจากที่ไหน?”

แม้ว่าแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริงที่มู่เฉินเปิดเผยบางจางมาก แต่ก็สัมผัสได้ชัดอย่างยิ่งสำหรับเผ่าเก้าวิหคโลกันตร์ที่มีสายเลือดของวิหคอมตะ

ในโลกของสัตว์อสูร หงส์ฟ้าถือเป็นมหาเทพอสูรที่อยู่ลำดับต้นๆ หงส์ฟ้าแท้จริงทุกตัวที่โตเต็มวัยจะมีพลังที่น่ากลัวเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเลยทีเดียว

การดำรงอยู่แบบนี้หาได้ยากมากแม้แต่ในเผ่าหงส์ฟ้า แรงกดดันแท้จริงเป็นสิ่งที่แม้แต่สายเลือดหงส์ฟ้าสามัญก็ไม่มี ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเทียนเช่อถึงเผยร่องรอยความตกใจและไม่อยากเชื่อ เมื่อเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่มาจากมู่เฉิน

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนี้ก็อึ้งไปก่อนที่จะพูดว่า “นี่เป็นกายามังกรหงส์ที่ข้าได้ฝึกฝนมาจากเขตหลงเฟิ่งน่ะขอรับ”

เขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อสิ่งที่เรียกว่าแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริง นอกจากนี้ในอดีตเมื่อเขาใช้กายามังกรหงส์เพื่อต่อสู้กับศัตรู คนเหล่านั้นก็ไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริงสักนิด

ดูท่าที่เรียกว่าแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริงจะสามารถสัมผัสได้โดยเผ่าที่มีสายเลือดวิหคอมตะอยู่อย่างเผ่าวิหคโลกันตร์เท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นเขาก็น่าจะมีร่องรอยของแรงกดดันมังกรแท้จริงด้วย ซึ่งอาจจะมีเพียงเทพอสูรที่ครอบครองสายเลือดมังกรเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้…

“เขตหลงเฟิ่ง?”

เทียนเช่อขมวดคิ้ว “เขตหลงเฟิ่งของภูมิภาคทางเหนือน่ะเหรอ? ข้าเคยได้ยินมาก่อน ว่ากันว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงจบชีวิตลง พวกข้าก็เคยส่งคนในเผ่าเข้าไปที่นั่น แม้จะได้รับการเก็บเกี่ยวมาบ้าง แต่ก็ไม่เหมือนเจ้าที่ได้รับแรงกดดันของหงส์ฟ้าแท้จริง”

“ในเขตหลงเฟิ่งมีเพียงคนที่ก้าวขึ้นสู่บันไดขั้นสิบถึงจะได้รับ ซึ่งมู่เฉินเป็นคนเดียวที่สามารถทำได้สำเร็จในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา” มั่นถัวหลัวกล่าวเสียงแผ่วเบา

เทียนเช่อพูดไม่ออก ดูเหมือนเขาจะรู้เกี่ยวกับบันไดมังกรหงส์ในเขตหลงเฟิ่งเช่นกัน แต่แม้กระทั่งจอมยุทธ์โดดเด่นที่พวกเขาส่งเข้าไปในอดีตก็ไม่สามารถก้าวขึ้นบันไดขั้นสิบได้ ไม่คิดว่ามู่เฉินตรงหน้ากลับบรรลุเป้าหมายนี้ได้

“ผู้อาวุโสเทียนเช่อ ในเมื่อการต่อสู้ระหว่างมู่เฉินและหลิ่วชิงจบลงแล้ว ท่านหยุดต่อล้อต่อเถียงเรื่องนี้ได้หรือยัง?” จิ่วโยวจ้องมองเทียนเช่อนิ่ง

เมื่อเทียนเช่อได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ยิ้มบางพลางส่ายหัว

“ท่าน!” เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนี่ นางก็มุ่นคิ้วขบฟันแน่น

“จิ่วโยวน้อย เจ้าน่าจะรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญมากกระทั่งตาแก่คนนี้ก็ไม่สามารถตัดสินใจได้” เทียนเช่อมองไปที่จิ่วโยวอย่างเคร่งขรึมขณะพูดต่อ “เจ้ามีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดในเผ่าวิหคโลกันตร์ของเราในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา ภายในเผ่าเจ้ามีความเป็นไปได้สูงสุดในการกระตุ้นสายเลือดของวิหคอมตะ หากเจ้าสามารถวิวัฒนาการได้สำเร็จ เจ้าก็จะกลายเป็นวิหคอมตะแท้จริง”

“เจ้าคือเสาหลักของเผ่าวิหคโลกันตร์ในอนาคต ดังนั้นเผ่าก็จะพยายามเต็มที่เพื่อกำจัดอุปสรรคทั้งหมดที่ขวางหน้าเจ้า!”

พูดถึงตรงนี้เขาก็เหลือบมองมู่เฉินแวบหนึ่ง ความเฉียบคมและเฉียบขาดในดวงตาทำให้เกิดความรู้สึกเย็นยะเยือกกวนตัวในหัวใจของมู่เฉิน

เมื่อมั่นถัวหลัวได้ยินคำพูดนี่ ดวงตาก็หดลง ดูท่านางจะประเมินความสำคัญของจิ่วโยวในเผ่าวิหคโลกันตร์ต่ำไป ถ้าเป็นตามที่เทียนเช่อกล่าวว่านั่นหมายความว่าในอนาคตจิ่วโยวอาจมีพลังน่ากลัวเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเลยทีเดียว และเพื่อคนที่จะก้าวไปถึงระดับนี้ในอนาคต เผ่าวิหคโลกันตร์ก็พร้อมที่จะให้ความคุ้มครองอย่างเข้มข้น

เพราะผ่านมาหลายพันปี แทบไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนปรากฏในเผ่าวิหคโลกันตร์เลย!

และตอนนี้มู่เฉินและจิ่วโยวได้สร้างพันธะโลหิตต่อกัน ซึ่งถูกเผ่าวิหคโลกันตร์มองเป็นอันตรายซ่อนเร้น เพราะถ้าเกิดมู่เฉินเสียชีวิต แม้ว่าจิ่วโยวจะสามารถอยู่รอดได้ นางก็ต้องจ่ายในราคาที่แพงระยับ ซึ่งอาจทำให้นางไม่สามารถวิวัฒนาการขั้นสุดท้ายสำเร็จ ผลลัพธ์นั้นเป็นสิ่งที่เผ่าวิหคโลกันตร์ไม่สามารถทนรับได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ปัญหาในวันนี้ก็ลำบากเข้าแล้ว… แม้ว่ามั่นถัวหลัวจะไม่กลัวเผ่าวิหคโลกันตร์ แต่นางก็ต้องยอมรับว่าเผ่าสัตว์อสูรที่ดำรงอยู่มานานนับพันนับหมื่นปีนี้มีรากฐานที่หยั่งลึกกว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์มาก

นางเป็นเสาหลักของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ถ้านางล้มลงที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับหมู่ตึกเทวะ แต่เผ่าวิหคโลกันตร์ไม่เหมือนกัน แม้ปัจจุบันพวกเขาจะไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่ก็มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนหลายคน ดังนั้นแม้เทียนเช่อจะจบชีวิตลง ต่อให้จะสูญเสียไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นทำลายเผ่าลงได้

จิ่วโยวกำมือแน่นขณะจ้องมองเทียนเช่อก่อนหายใจเข้าลึกพูดย้ำทีละคำว่า “ถ้าพวกท่านกล้าทำอะไรก็อย่ามาโทษข้า”

พอได้ยินคำพูดของจิ่วโยวที่เต็มไปด้วยภัยคุกคามเข้มข้น ใบหน้าของเทียนเช่อก็อดมืดครึ้มลงไม่ได้ เขามองไปที่จิ่วโยวที่ดื้อรั้นเหมือนกำลังจะโมโห แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจด้วยรอยยิ้มขมขื่น

“ไอ้หนู เจ้าจะซ่อนอยู่ข้างหลังอย่างเดียวเหรอ?” เทียนเช่อเบนสายตาไปที่มู่เฉิน

มู่เฉินดึงร่างจิ่วโยวกลับมาอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะยิ้มให้เทียนเช่อเอ่ยเสียงเบา “หากสถานการณ์ดำเนินไปถึงขั้นเลวร้ายที่สุด ข้ายอมให้สลายพันธะโลหิตได้ ข้ารู้ว่าพวกท่านน่าจะมีวิธีอยู่”

หากไปถึงขั้นนั้นจริงๆ เขาก็ไม่คิดจะลากจิ่วโยวลงนรกไปด้วยกัน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับอาณาเขตกงเวทสววรค์ทั้งหมด แม้ว่ามั่นถัวหลัวจะช่วยเหลือ ราคาก็เป็นสิ่งที่นางไม่สามารถจ่ายไหว นั่นเป็นภาพที่มู่เฉินไม่ต้องการที่จะเห็น

“มู่เฉิน!”

จิ่วโยวเริ่มเดือด เผ่าวิหคโลกันตร์มีวิธีสลายพันธะโลหิตก็จริง แต่นั่นจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับมู่เฉิน

“เอ่อ อย่างนี้สิถึงได้เหมือนลูกผู้ชาย” เทียนเช่อหัวเราะเบาๆ ก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย “การสลายพันธะโลหิตเป็นหนทางสุดท้าย แต่…ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า เราไม่จำเป็นต้องเช่นนั้นก็ได้…”

พอได้ยินคำพูดนี่หัวใจของมู่เฉินก็สั่น “ผู้อาวุโสเทียนเช่อยังมีวิธีอื่นอีกเหรอ?”

จิ่วโยวจ้องมองเทียนเช่อด้วยดวงตาเป็นประกายและสงสัยในที นางเข้าใจชัดเจนว่านอกเหนือจากการทำลายพันธะ ก็ไม่มีทางอื่นที่จะทำ

“โดยปกติก็ไม่มีทางอื่นที่จะทำลายพันธะหรอกนะ” เทียนเช่อยิ้มมองมู่เฉินที่มีท่าทีผิดหวัง “แต่ถ้าเจ้าทำให้เผ่าวิหคโลกันตร์เห็นด้วยกับพันธะนี้ เรื่องนี้ก็จะถูกปล่อยผ่านไป นอกจากนี้เผ่าวิหคโลกันตร์ยังจะเป็นสหายของเจ้าด้วย”

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดก็ยิ้มอย่างขมขื่นพลางส่ายหัว แม้ว่าเขาจะไม่เคยติดต่อกับเผ่าวิหคโลกันตร์ แต่ตัดสินจากปฏิกิริยาของเทียนเช่อเมื่อก่อนหน้า พวกเขาคงไม่อนุญาตให้เขามีพันธะโลหิตกับจิ่วโยวแน่

คำพูดของเทียนเช่อยากเย็นเหลือเกิน

“บ้าบอ!” จิ่วโยวเข้าใจตรรกะที่คดเคี้ยวอยู่เบื้องหลัง นางขบฟันคำรามออกมา

เทียนเช่อไม่ได้ใส่ใจกับความโกรธเกรี้ยวของจิ่วโยวกลับพูดว่า “จิ่วโยว เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเผ่าถึงเรียกตัวเจ้ากลับไปในเวลานี้?”

จิ่วโยวอึ้งไปแล้วส่ายหัว นางคิดแค่ว่าเผ่าสัมผัสถึงปัญหาในสายเลือด แต่จากคำพูดของเทียนเช่อรู้สึกจะมีเหตุผลอื่นด้วยเรอะ?

เมื่อเทียนเช่อเห็นปฏิกิริยานี่ก็ส่ายหัวเบาๆ “เป็นเพราะดินแดนเสินโซ่กำลังจะปรากฏขึ้น”

“ดินแดนเสินโซ่?!”

เมื่อคำดังกล่าวกระทบโสตประสาท ม่านตาของจิ่วโยวก็หดลง ใบหน้าเย็นเยือกเริ่มมืดครึ้ม สุดท้ายนางก็นิ่งเงียบไป ดูจากท่าทางนี้แล้วนางต้องรู้ความหมายเบื้องหลังของดินแดนเสินโซ่แน่นอน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 965 ดินแดนเสินโซ่

Now you are reading หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler Chapter 965 ดินแดนเสินโซ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 965 ดินแดนเสินโซ่

“ผู้อาวุโสเทียนเช่อ?”

บนท้องฟ้ามู่เฉินจ้องมองเทียนเช่อที่มายืนขวางเอาไว้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หรือว่าตาแก่คนนี้เห็นว่าสถานการณ์ไม่เข้าข้างเลยคิดลงมือเอง

หากเป็นเช่นนั้น เทียนเช่อก็หน้าหนาเกินไปแล้ว

ฟิ้ว!

แต่ขณะที่มู่เฉินขมวดคิ้ว เสียงมวลลมดังก้องก็กวาดมาที่ด้านข้างพร้อมกับมั่นถัวหลัว จิ่วโยวและจอมพลทั้งสามปรากฏตัวในพริบตา พวกเขาจ้องมองไปที่เทียนเช่อ ชัดว่ารู้สึกไม่พอใจกับการแทรกแซงเมื่อครู่อย่างมาก

“ผู้อาวุโสเทียนเช่อ ข้าปฏิบัติต่อเจ้าในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติ ดังนั้นข้าจึงอดทนกับการกระทำทุกอย่างมาก แต่เจ้าอย่าคิดว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะถูกเจ้ารังแกได้ง่ายๆ” น้ำเสียงของมั่นถัวหลัวเย็นชาลง

เมื่อเทียนเช่อเห็นมั่นถัวหลัวเริ่มโกรธ เขาก็ไม่กล้าหน่วงเวลาพูดทันทีว่า “ข้าล้ำเส้นไปเอง การประลองในครั้งนี้ศักยภาพของมู่เฉินไม่ธรรมดาจริงๆ สมกับเป็นเจ้าทำเนียบจอมยุทธ์รุ่นใหม่ในภูมิภาคทางเหนือ”

ที่ด้านหลังเทียนเช่อ หลิ่วชิงก็ทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้แก้ต่างคำพูดของอีกฝ่าย เนื่องจากเขาไม่ได้เหนือกว่าในการประลองเมื่อครู่จริงๆ

มู่เฉินสามารถต่อสู้กับเขาจนถึงจุดนี้ได้ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าชายคนนี้โดดเด่นเพียงใด หากการต่อสู้ดำเนินต่อไป ทั้งสองฝ่ายคงยากที่จะหยุดยั้ง นั่นเป็นเพราะ ณ เวลานั้นพวกเขาจะต่อสู้อย่างเต็มกำลังที่มี ถึงตอนนั้นพวกเขาจะไม่สามารถควบคุมพลังได้ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจจบลงด้วยการบาดเจ็บหนักจนตาย

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดของเทียนเช่อคิ้วที่ขมวดแน่นก็คลายลง เขาไม่ค่อยอยากมีเรื่องบาดหมางกับเผ่าวิหคโลกันตร์ ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่การประลองครั้งนี้สิ้นสุดเร็วขึ้น นอกจากนี้เขาก็รู้ดีว่าแม้การต่อสู้จะดำเนินต่อไป ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะเอาชนะหลิ่วชิง

พลังในการต่อสู้ของชายคนนี้อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหกระยะปลายสุดแข็งแกร่งยิ่งกว่าพยัคฆามังกรฟ้า ดังนั้นหากยังต้องสู้กันต่อ พวกเขาคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่ายแน่นอน

เทียนเช่อระงับความโกรธในใจของทุกคนก่อนที่จะจ้องมองมู่เฉินอีกครั้ง “เจ้าได้รับแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริงมาจากที่ไหน?”

แม้ว่าแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริงที่มู่เฉินเปิดเผยบางจางมาก แต่ก็สัมผัสได้ชัดอย่างยิ่งสำหรับเผ่าเก้าวิหคโลกันตร์ที่มีสายเลือดของวิหคอมตะ

ในโลกของสัตว์อสูร หงส์ฟ้าถือเป็นมหาเทพอสูรที่อยู่ลำดับต้นๆ หงส์ฟ้าแท้จริงทุกตัวที่โตเต็มวัยจะมีพลังที่น่ากลัวเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเลยทีเดียว

การดำรงอยู่แบบนี้หาได้ยากมากแม้แต่ในเผ่าหงส์ฟ้า แรงกดดันแท้จริงเป็นสิ่งที่แม้แต่สายเลือดหงส์ฟ้าสามัญก็ไม่มี ดังนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเทียนเช่อถึงเผยร่องรอยความตกใจและไม่อยากเชื่อ เมื่อเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่มาจากมู่เฉิน

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนี้ก็อึ้งไปก่อนที่จะพูดว่า “นี่เป็นกายามังกรหงส์ที่ข้าได้ฝึกฝนมาจากเขตหลงเฟิ่งน่ะขอรับ”

เขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อสิ่งที่เรียกว่าแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริง นอกจากนี้ในอดีตเมื่อเขาใช้กายามังกรหงส์เพื่อต่อสู้กับศัตรู คนเหล่านั้นก็ไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริงสักนิด

ดูท่าที่เรียกว่าแรงกดดันหงส์ฟ้าแท้จริงจะสามารถสัมผัสได้โดยเผ่าที่มีสายเลือดวิหคอมตะอยู่อย่างเผ่าวิหคโลกันตร์เท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นเขาก็น่าจะมีร่องรอยของแรงกดดันมังกรแท้จริงด้วย ซึ่งอาจจะมีเพียงเทพอสูรที่ครอบครองสายเลือดมังกรเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้…

“เขตหลงเฟิ่ง?”

เทียนเช่อขมวดคิ้ว “เขตหลงเฟิ่งของภูมิภาคทางเหนือน่ะเหรอ? ข้าเคยได้ยินมาก่อน ว่ากันว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงจบชีวิตลง พวกข้าก็เคยส่งคนในเผ่าเข้าไปที่นั่น แม้จะได้รับการเก็บเกี่ยวมาบ้าง แต่ก็ไม่เหมือนเจ้าที่ได้รับแรงกดดันของหงส์ฟ้าแท้จริง”

“ในเขตหลงเฟิ่งมีเพียงคนที่ก้าวขึ้นสู่บันไดขั้นสิบถึงจะได้รับ ซึ่งมู่เฉินเป็นคนเดียวที่สามารถทำได้สำเร็จในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา” มั่นถัวหลัวกล่าวเสียงแผ่วเบา

เทียนเช่อพูดไม่ออก ดูเหมือนเขาจะรู้เกี่ยวกับบันไดมังกรหงส์ในเขตหลงเฟิ่งเช่นกัน แต่แม้กระทั่งจอมยุทธ์โดดเด่นที่พวกเขาส่งเข้าไปในอดีตก็ไม่สามารถก้าวขึ้นบันไดขั้นสิบได้ ไม่คิดว่ามู่เฉินตรงหน้ากลับบรรลุเป้าหมายนี้ได้

“ผู้อาวุโสเทียนเช่อ ในเมื่อการต่อสู้ระหว่างมู่เฉินและหลิ่วชิงจบลงแล้ว ท่านหยุดต่อล้อต่อเถียงเรื่องนี้ได้หรือยัง?” จิ่วโยวจ้องมองเทียนเช่อนิ่ง

เมื่อเทียนเช่อได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ยิ้มบางพลางส่ายหัว

“ท่าน!” เมื่อจิ่วโยวเห็นการตอบสนองนี่ นางก็มุ่นคิ้วขบฟันแน่น

“จิ่วโยวน้อย เจ้าน่าจะรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญมากกระทั่งตาแก่คนนี้ก็ไม่สามารถตัดสินใจได้” เทียนเช่อมองไปที่จิ่วโยวอย่างเคร่งขรึมขณะพูดต่อ “เจ้ามีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดในเผ่าวิหคโลกันตร์ของเราในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา ภายในเผ่าเจ้ามีความเป็นไปได้สูงสุดในการกระตุ้นสายเลือดของวิหคอมตะ หากเจ้าสามารถวิวัฒนาการได้สำเร็จ เจ้าก็จะกลายเป็นวิหคอมตะแท้จริง”

“เจ้าคือเสาหลักของเผ่าวิหคโลกันตร์ในอนาคต ดังนั้นเผ่าก็จะพยายามเต็มที่เพื่อกำจัดอุปสรรคทั้งหมดที่ขวางหน้าเจ้า!”

พูดถึงตรงนี้เขาก็เหลือบมองมู่เฉินแวบหนึ่ง ความเฉียบคมและเฉียบขาดในดวงตาทำให้เกิดความรู้สึกเย็นยะเยือกกวนตัวในหัวใจของมู่เฉิน

เมื่อมั่นถัวหลัวได้ยินคำพูดนี่ ดวงตาก็หดลง ดูท่านางจะประเมินความสำคัญของจิ่วโยวในเผ่าวิหคโลกันตร์ต่ำไป ถ้าเป็นตามที่เทียนเช่อกล่าวว่านั่นหมายความว่าในอนาคตจิ่วโยวอาจมีพลังน่ากลัวเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเลยทีเดียว และเพื่อคนที่จะก้าวไปถึงระดับนี้ในอนาคต เผ่าวิหคโลกันตร์ก็พร้อมที่จะให้ความคุ้มครองอย่างเข้มข้น

เพราะผ่านมาหลายพันปี แทบไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนปรากฏในเผ่าวิหคโลกันตร์เลย!

และตอนนี้มู่เฉินและจิ่วโยวได้สร้างพันธะโลหิตต่อกัน ซึ่งถูกเผ่าวิหคโลกันตร์มองเป็นอันตรายซ่อนเร้น เพราะถ้าเกิดมู่เฉินเสียชีวิต แม้ว่าจิ่วโยวจะสามารถอยู่รอดได้ นางก็ต้องจ่ายในราคาที่แพงระยับ ซึ่งอาจทำให้นางไม่สามารถวิวัฒนาการขั้นสุดท้ายสำเร็จ ผลลัพธ์นั้นเป็นสิ่งที่เผ่าวิหคโลกันตร์ไม่สามารถทนรับได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ปัญหาในวันนี้ก็ลำบากเข้าแล้ว… แม้ว่ามั่นถัวหลัวจะไม่กลัวเผ่าวิหคโลกันตร์ แต่นางก็ต้องยอมรับว่าเผ่าสัตว์อสูรที่ดำรงอยู่มานานนับพันนับหมื่นปีนี้มีรากฐานที่หยั่งลึกกว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์มาก

นางเป็นเสาหลักของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ถ้านางล้มลงที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับหมู่ตึกเทวะ แต่เผ่าวิหคโลกันตร์ไม่เหมือนกัน แม้ปัจจุบันพวกเขาจะไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่ก็มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนหลายคน ดังนั้นแม้เทียนเช่อจะจบชีวิตลง ต่อให้จะสูญเสียไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นทำลายเผ่าลงได้

จิ่วโยวกำมือแน่นขณะจ้องมองเทียนเช่อก่อนหายใจเข้าลึกพูดย้ำทีละคำว่า “ถ้าพวกท่านกล้าทำอะไรก็อย่ามาโทษข้า”

พอได้ยินคำพูดของจิ่วโยวที่เต็มไปด้วยภัยคุกคามเข้มข้น ใบหน้าของเทียนเช่อก็อดมืดครึ้มลงไม่ได้ เขามองไปที่จิ่วโยวที่ดื้อรั้นเหมือนกำลังจะโมโห แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจด้วยรอยยิ้มขมขื่น

“ไอ้หนู เจ้าจะซ่อนอยู่ข้างหลังอย่างเดียวเหรอ?” เทียนเช่อเบนสายตาไปที่มู่เฉิน

มู่เฉินดึงร่างจิ่วโยวกลับมาอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะยิ้มให้เทียนเช่อเอ่ยเสียงเบา “หากสถานการณ์ดำเนินไปถึงขั้นเลวร้ายที่สุด ข้ายอมให้สลายพันธะโลหิตได้ ข้ารู้ว่าพวกท่านน่าจะมีวิธีอยู่”

หากไปถึงขั้นนั้นจริงๆ เขาก็ไม่คิดจะลากจิ่วโยวลงนรกไปด้วยกัน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับอาณาเขตกงเวทสววรค์ทั้งหมด แม้ว่ามั่นถัวหลัวจะช่วยเหลือ ราคาก็เป็นสิ่งที่นางไม่สามารถจ่ายไหว นั่นเป็นภาพที่มู่เฉินไม่ต้องการที่จะเห็น

“มู่เฉิน!”

จิ่วโยวเริ่มเดือด เผ่าวิหคโลกันตร์มีวิธีสลายพันธะโลหิตก็จริง แต่นั่นจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับมู่เฉิน

“เอ่อ อย่างนี้สิถึงได้เหมือนลูกผู้ชาย” เทียนเช่อหัวเราะเบาๆ ก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย “การสลายพันธะโลหิตเป็นหนทางสุดท้าย แต่…ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า เราไม่จำเป็นต้องเช่นนั้นก็ได้…”

พอได้ยินคำพูดนี่หัวใจของมู่เฉินก็สั่น “ผู้อาวุโสเทียนเช่อยังมีวิธีอื่นอีกเหรอ?”

จิ่วโยวจ้องมองเทียนเช่อด้วยดวงตาเป็นประกายและสงสัยในที นางเข้าใจชัดเจนว่านอกเหนือจากการทำลายพันธะ ก็ไม่มีทางอื่นที่จะทำ

“โดยปกติก็ไม่มีทางอื่นที่จะทำลายพันธะหรอกนะ” เทียนเช่อยิ้มมองมู่เฉินที่มีท่าทีผิดหวัง “แต่ถ้าเจ้าทำให้เผ่าวิหคโลกันตร์เห็นด้วยกับพันธะนี้ เรื่องนี้ก็จะถูกปล่อยผ่านไป นอกจากนี้เผ่าวิหคโลกันตร์ยังจะเป็นสหายของเจ้าด้วย”

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดก็ยิ้มอย่างขมขื่นพลางส่ายหัว แม้ว่าเขาจะไม่เคยติดต่อกับเผ่าวิหคโลกันตร์ แต่ตัดสินจากปฏิกิริยาของเทียนเช่อเมื่อก่อนหน้า พวกเขาคงไม่อนุญาตให้เขามีพันธะโลหิตกับจิ่วโยวแน่

คำพูดของเทียนเช่อยากเย็นเหลือเกิน

“บ้าบอ!” จิ่วโยวเข้าใจตรรกะที่คดเคี้ยวอยู่เบื้องหลัง นางขบฟันคำรามออกมา

เทียนเช่อไม่ได้ใส่ใจกับความโกรธเกรี้ยวของจิ่วโยวกลับพูดว่า “จิ่วโยว เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเผ่าถึงเรียกตัวเจ้ากลับไปในเวลานี้?”

จิ่วโยวอึ้งไปแล้วส่ายหัว นางคิดแค่ว่าเผ่าสัมผัสถึงปัญหาในสายเลือด แต่จากคำพูดของเทียนเช่อรู้สึกจะมีเหตุผลอื่นด้วยเรอะ?

เมื่อเทียนเช่อเห็นปฏิกิริยานี่ก็ส่ายหัวเบาๆ “เป็นเพราะดินแดนเสินโซ่กำลังจะปรากฏขึ้น”

“ดินแดนเสินโซ่?!”

เมื่อคำดังกล่าวกระทบโสตประสาท ม่านตาของจิ่วโยวก็หดลง ใบหน้าเย็นเยือกเริ่มมืดครึ้ม สุดท้ายนางก็นิ่งเงียบไป ดูจากท่าทางนี้แล้วนางต้องรู้ความหมายเบื้องหลังของดินแดนเสินโซ่แน่นอน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+