หมอดูยอดอัจฉริยะ 221

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 221 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
 ค่ายกล

“คำถามของแกนี่ ช่างหายากจริง ๆ!”

เยี่ยตงผิงได้ยินคำถามของลูกชายก็ยิ้มออกมา “ของพวกนี้น่าจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแล้ว เป็นของที่เพิ่งถูกขุดขึ้นมาทั้งนั้น แต่ขอแค่ไม่มีคนไปแจ้งทางการ ทางการไม่รู้เรื่อง ก็ไม่เป็นไร…”

ถ้าเทียบกับยุคปี 80 ความบ้าคลั่งของโจรขุดสุสานลุกโหมขึ้นมา แต่ก็ยังทำกันแบบลับๆ ทางการไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ผู้ที่เล่นค้าขายของโบราณเกือบทุกคนต้องเคยข้องเกี่ยวกับคนพวกนี้ไม่มากก็น้อย

เหมือนกับคนที่แนะนำให้เยี่ยตงผิงไปซื้อขายกับแก๊งค์ตี๋หว่างคนนั้น คือพ่อค้าที่คอยรับซื้อวัตถุโบราณโดยเฉพาะแถวเจียงหนาน แต่ที่ปักกิ่ง คนที่ทำธุรกิจนี้ได้ใหญ่โตที่สุดคือคุณชายจี่

จี่หรานใช้ธุรกิจกาารประมูลสินค้าบังหน้า แต่ติดต่อกับกลุ่มโจรขุดสุสานในมณฑลใกล้เคียง เพื่อช่วยพวกนั้นขายวัตถุโบราณที่ขโมยขุดขึ้นมาได้

ทางบ้านของจี่หรานมีภูมิหลังอยู่ อีกทั้งใช้เงินเป็นตัวเปิดทาง ดังนั้นหลายปีมานี้ธุรกิจการค้าการประมูลของคุณชายจี่จึงมีชื่อเสียงขึ้นมา

หลังจากได้เริ่มทำธุรกิจของตัวเอง คุณชายจี่ถึงรู้ซึ้งว่าการมีภูมิหลังครอบครัวที่ดีนั้นสำคัญแค่ไหน ถ้าเขาไม่ได้อาศัยชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ก็น่าจะต้องไปกินข้าวแดงในคุกนานแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจึงพยายามคิดหาวิธีจะเชื่อมสัมพันธ์กับเยี่ยเทียน

ได้ยินที่พ่อพูดจบ เยี่ยเทียนหยุดคิดเล็กน้อยแล้วกล่าวตอบว่า “พ่อ พรุ่งนี้ผมไปด้วย แต่ธุรกิจแบบนี้ ผมว่าพ่ออย่าเข้าไปยุ่งด้วยจะดีกว่า ทางการไม่ช้าก็เร็วจะต้องเห็นความสำคัญขึ้นมา อย่าให้ถึงตอนนั้นแล้วมาคิดบัญชีกับพ่อทีหลัง!”

ไม่ว่ายุคสมัยไหน การขุดสุสานบรรพบุรุษถือเป็นเรื่องน่าละอายต่อผู้คนและฟ้าดิน โดยเฉพาะเมื่อนำไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน ด้วยความรุ่งเรืองของตลาดค้าวัตถุโบราณ คาดว่าภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้ามาเพื่อทำการอนุรักษ์สงวนวัตถุโบราณ

เยี่ยตงผิงพยักหน้า “วางใจเถอะ พ่อรู้ดี หลายปีมานี้สะสมของไว้ก็มาก รอให้ตลาดร้อนขึ้นมาแล้วพ่อแค่เอาของไปปล่อยประมูลแค่นั้น…”

เมื่อเทียบกับคนที่เล่นของเก่าด้วยกันในตลาดค้าของโบราณพานเจียหยวน เยี่ยตงผิงถือว่าเป็นพ่อค้าที่มีสายตาแหลมคมคนหนึ่ง

ที่เยี่ยตงผิงเงินไม่พอใช้นั้น เพราะว่าหลายปีนี้เขาทำธุรกิจของโบราณโดยการซื้อเข้ามากกว่าขายออกหรือไม่ก็ไม่ขายเลย เพื่อรอให้ตลาดงานศิลปะคึกคักขึ้น

ปีๆหนึ่งเยี่ยตงผิงขายของออกไปได้เพียงไม่กี่ชิ้น เพราะของดีๆนั้นเขาเก็บเอาไว้เองหมด

อย่าว่าอย่างอื่นเลย แค่เครื่องเคลือบราชวงศ์ชิงทั้งสามสิบกว่าชิ้นในโกดัง ถ้าหากเยี่ยตงผิงได้นำออกไปขาย คงจะทำให้ถิ่นชาววังมีอันสั่นสะเทือน

หากไม่เป็นอย่างนี้แล้ว เยี่ยตงผิงรู้สึกถึงแรงกดดันทวีคูณ อย่างน้อยเขายังต้องมีเงินกินข้าวบ้างสิ ทั้งยังต้องดูแลครอบครัวน้องสาว ทั้งค่าใช้จ่ายในเรือนสี่ประสานที่ทุกเดือนนั้นมากโขอยู่ ถ้าเขาซื้ออย่างเดียวแต่ไม่ขาย เงินทองในบ้านคงขัดสน

ดังนั้นความหวังของเยี่ยตงผิงจึงฝากไว้กับวัตถุโบราณที่ขุดขึ้นมาจากหลุมศพ ของพวกนี้ หนึ่งยิ่งเก่าแก่ยิ่งราคาสูง สองถ้ารับซื้อมาได้ถูก เงินทุนของเยี่ยตงผิงก็พอจะไปรอดอยู่

“พ่อ มะรืนผมไปกับพ่อด้วย!”

เยี่ยเทียนตกลงแต่ไม่ว่าอะไรต่อ จากนักเรียนคนหนึ่งกลายเป็นพ่อค้าในตลาดใหญ่ การเป็นหัวหน้าครอบครัวเยี่ย ในใจของพ่อต้องมีความลำบากที่พูดไม่ได้

…………………………-

สำหรับวันมะรืนที่ต้องไปร่วมงานตลาดมืดวัตถุโบราณ เยี่ยเทียนหวังว่าจะโชคดี แต่เครื่องรางมันไม่ได้หาได้ง่ายๆทั่วไป

อย่างน้อยเยี่ยเทียนที่มีชีวิตอยู่มายี่สิบปี ติดตามนักพรตเฒ่าเดินทางไปทั่วทุกสารทิศ จนบัดนี้นอกจากมี “เหรียญโบราณต้าฉีทงเป่า” เครื่องรางที่อาจารย์มอบให้เขาแล้วก็ได้พบเพียงแต่เครื่องราง”อู๋เหิน”เท่านั้น

เยี่ยเทียนจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เช้าวันรุ่งขึ้นไปที่บ้านของตัวเอง เนื่องจากเดือนหน้าเว่ยหงจวินได้รับโครงการใหญ่งานหนึ่ง งานก่อสร้างด้านนี้ก็ก้าวหน้าขึ้นมาก เยี่ยเทียนจึงต้องหมั่นคอยไปตรวจดู

“เยี่ยเทียน งานก่อสร้างใต้ดินน่ะเสร็จเกือบหมดแล้ว การปรับแต่งห้องก็ใกล้เสร็จแล้ว นอกจากสวนดอกไม้ในอีกบางจุด นอกนั้นเป็นงานตกแต่งอย่างละเอียด เธอยังต้องการจะเพิ่มอะไรอีกไหม?”

คนที่อยู่กับเยี่ยเทียนแน่นอนว่าต้องเป็นหวังกง ระยะนี้เว่ยหงจวินยุ่งมาก ติดต่อกับเยี่ยเทียนน้อยลง เพียงแต่โทรศัพท์หาบ้างเท่านั้น

“หวังกง สวนดอกไม้ทั้งสามแห่งต้องสร้างตามภาพที่ผมวาดให้เท่านั้น ขนาดของสระน้ำก็ห้ามเปลี่ยนแปลง…”

สวนทั้งสามที่เยี่ยเทียนกล่าวถึง ด้านหน้ากับด้านหลังสองแห่งเป็นดวงตาของค่ายกล รอให้เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดแล้ว ถ้ามองจากที่สูงจะเห็นว่าเรือนสี่ประสานนี้เป็นรูปปากั้ว

สวนด้านหน้าและหลังเป็นตำแหน่งของดวงตาในภาพปากั้วไท้เก็ก ส่วนสวนตรงกลางเป็นศูนย์รวมวิญญาณของค่ายกล

พลังหยินและหยางจากสองตำแหน่งไหลซึมเข้ามาสู่เรือนสี่ประสาน เมื่อผ่านค่ายกลหยกขาวใต้ดินและศูนย์รวมวิญญาณตรงสวนกลางคอยชักนำ ทำให้พลังผสมผสาน สุดท้ายเกิดเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อให้เยียเทียนใช้ฝึกวิชา

เมื่อดูจากด้านนอก เรือนสี่ประสานนี้ก็เหมือนกับบ้านหลังอื่น นอกเสียจากอิฐกำแพงรั้วเขียวกับกำแพงบ้านที่สร้างใหม่ นอกนั้นไม่ผิดไปจากรูปแบบเดิมของเรือนสี่ประสานเลย

เยี่ยเทียนพอใจมากกับการก่อสร้างปรับปรุงบ้านในครั้งนี้ เขาเคยนำอิฐหินที่ปูพื้นบ้านออก เพื่อดูหยกขาวที่ปูอยู่ข้างใต้ ซึ่งพบว่ามันเป็นไปตามที่เขาต้องการ

แต่หวังกงไม่ได้เข้าใจในวิธีการของเยี่ยเทียนแม้แต่น้อย ความล้ำค่าของหยกขาวอยู่ที่ความสะอาดบริสุทธิ์ของเนื้อหยก เมื่อนำไปแกะสลักลวดลายจะยิ่งงาม แต่เยี่ยเทียนกลับนำไปปูพื้นถนน พอปูเสร็จแล้วยังปูหินอิฐธรรมดาทับลงไปอีก

หวังกงเคยแจ้งเรื่องนี้กับเว่ยหงจวินฟังแล้ว แต่ถูกเว่ยหงจวินตำหนิกลับมา ลูกค้าออกเงินค่าจ้าง ขอแค่ไม่ไปฆ่าคนวางเพลิง แกจะสนใจทำไม?

ได้ยินเยี่ยเทียนพูดถึงสวนดอกไม้ หวังกงยิ้ม “เยี่ยเทียน คุณวางใจเถอะ เพื่อการสร้างระบบไหลเวียนน้ำกับสวนดอกไม้แล้ว ประธานเว่ยยังเรียกช่างออกแบบสวนมาโดยเฉพาะ เพื่อให้คุณพอใจ!”

“ดี หวังกง คุณไปทำงานเถอะ ผมเดินดูรอบๆก็พอ….” เยี่ยเทียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

ในยุคสมัยนี้การมีเงินนั้นดี ห้องหับที่ผุพังพวกนั้นตอนนี้ซ่อมแซมจนเหมือนใหม่ ส่วนในห้องทั้งคานทั้งเสาถ้าไม่เปลี่ยนอันก็ทาสีใหม่ ทั้งข้างนอกข้างในดูแล้วทำให้สบายใจ

เยี่ยเทียนยังไม่ได้เข้าไปดูที่ห้องโถงกลางกับโถงด้านข้างที่ต่อเติมห้องน้ำเข้าไป ต่อไปนี้ทุกเช้าไม่ต้องไปเทกระโถนแล้ว คนที่เคยอยู่บ้านแบบทั่วไปต่างรู้ดี ว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเพียงใด

นอกจากนี้ห้องตรงกลางที่มีสามห้องเยี่ยเทียนให้คนตีทะลุเป็นห้องเดียวทำเป็นห้องครัวกับห้องรับประทานอาหาร ถึงเรือนสี่ประสานจะมีด้านนอกกที่ยังคงบรรยากาศของความเก่าแก่ แต่ด้านในกลับรู้สึกถึงความทันสมัย

สวนด้านหลังที่เป็นประตูผีที่เชื่อมกับโรงเลี้ยงม้าเก่า เยี่ยเทียนปรับปรุงให้เป็นโรงจอดรถ ประตูของโรงรถเชื่อมกับถนนอีกด้านหนึ่ง ไม่ไกลนักเป็นกำแพงของพระราชวังต้องห้าม

รอให้บ้านซ่อมเสร็จก็จะกลายเป็นเรือนสี่ประสานที่รวมเป็นหนึ่งเพียงแห่งเดียวในปักกิ่งช่วงปลายของยุคปี90 ถึงจะมีบางคนริเริ่มอยากจะเปลี่ยนแปลงเรือนสี่ประสาน แต่ยังไม่มีใครถึงขนาดสร้างใหม่ทั้งหมดแบบเยี่ยเทียน

แน่นอนว่าเรือนสี่ประสานตกแต่งได้ขนาดนี้เพราะใช้เงินล้วนๆ เยี่ยเทียนจ่ายค่าซื้อบ้านไปเจ็ดแสนกว่าหยวน แต่ค่าซ่อมแซมตกแต่งนั้นถึงหนึ่งล้านห้าแสนหยวน นี่ยังไม่นับรวมเครื่องเรือนและของตกแต่งอย่างอื่น

เยี่ยเทียนไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำอีก จึงได้แต่เดินเล่นไปเรื่อยพลางเล่นกับเจ้าเฟอร์เรตน้อย เจ้านี่โตเร็วมาก ฟันเริ่มผุดขึ้นจากกรามแล้ว ตอนกัดนิ้วของเยี่ยเทียนเล่นจึงเริ่มรู้สึกเจ็บ

เฟอร์เรตน้อยไม่กินนมผง กินแต่เนื้อไก่ ตอนแรกทำให้หญิงชราเอาแต่บ่นไม่หยุด การดูแลรับใช้คุณชายเยี่ยนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ยังต้องมารับใช้เจ้าสัตว์หน้าขนตัวนี้อีก

แต่มันก็ฉลาดแสนรู้ นอกจากเยี่ยเทียนแล้วมีเพียงหญิงชราเท่านั้นที่อุ้มมันได้ ตอนว่างมันมักจะนอนอาบแดดในอ้อมอกของหญิงชรา ทำให้ป้าใหญ่ทั้งรักทั้งหลง ความหงุดหงิดรำคาญใจจึงสลายไป

อยู่ในสวนของตัวเองมาทั้งวัน ตกเย็นเยี่ยเทียนถึงจะกลับบ้าน และถูกบิดาบิดหูสั่งสอนยกใหญ่ เพราะเขาออกไปโดยไม่ได้พกมือถือ

เช้าวันต่อมา เยี่ยตงผิงขับรถเก่ายี่ห้อซานตานาพาเยี่ยเทียนออกไปนอกเมือง ได้ข่าวว่าวันนี้พวกโจรขุดสุสานจากทั้งปักกิ่ง เทียนจิน เหอเป่ยต่างก็มา งานวันนี้ต้องยิ่งใหญ่มาก

เยี่ยตงผิงเพิ่งกลับมาปักกิ่งไม่นาน อีกทั้งการขายของก็ไม่ได้มาก จึงไม่มีชื่อเสียงเท่าไหร่ งานตลาดมืดแบบนี้เขาไม่ได้รับเชิญแน่นอน ครั้งนี้อาศัยบารมีลูกชายจึงมาได้ เยี่ยตงผิงมีความสุขมาตลอดทาง

“เยี่ยเทียน แกดูสิบ้านนอกชนบทดีแค่ไหน ฟ้าใสอากาศสดชื่น วิวสวย ทั้งแข็งแรงทั้งสภาพแสดล้อมสวยงาม…”

เมื่อรถขับผ่านชนบททีหนึ่งเยี่ยตงผิงก็นึกถึงลูกชายที่ไปยุ่งอยู่กับเรือนสี่ประสานทั้งวัน จึงพูดต่อ “ซื้อบ้านนั้นมาด้วยเงินเจ็ดแสน ยังต้องตกแต่งซ่อมแซมอีก ทั้งหมดตั้งเกือบสองล้าน ไม่รู้จริงๆว่าแกคิดยังไง?”

เยี่ยตงผิงอาศัยอยู่ในบ้านเก่า ต่อไปบ้านนี้ก็ต้องยกให้ลูกชายอยู่ดี เขาจึงรู้สึกว่าเยี่ยเทียนซื้อบ้านอีกหลัง เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ตอนนี้คนมีเงินต่างก็อยากย้ายไปอยู่นอกเมืองทั้งนั้น

“อิอิ พ่อ ผมชอบเรือนสี่ประสาน พ่ออย่าลืมสิ ผมโตมาในชนบท เรื่องแข็งแรงหรือสิ่งแวดล้อมอะไรพวกนั้นน่ะไม่เป็นไรหรอก พ่อรู้มั้ย คนบ้านนอกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ที่อยากเข้าเมืองเพื่อสูดควันรถนี่…””

เยี่ยเทียนไม่ได้คุยกับพ่อมานานแล้ว นั่งอยู่บนรถพูดเรื่องโน่นนี่ แต่กลับอารมณ์ดีมาก พ่อลูกคุยเล่นกัน รถมาถึงประตูบานใหญ่ที่มีกำแพงสูงล้อมรอบ บนยอดกำแพงมีเศษกระจกแตกปักคาอยู่เต็มไปหมด

ประตูหน้าเป็นแผ่นเหล็กใหญ่ที่เชื่อมเข้าด้วยกัน กว้างถึงสี่ห้าเมตร ยาวสองเมตรกว่า ทำให้มองจากด้านนอกไม่เห็น

ดูจากป้ายที่แขวนไว้ข้างประตูที่นี่เป็นโรงงานซ่อมบำรุง ที่นี่ไม่ได้ติดถนนหลวง และไม่ได้อยู่ใกล้ถนนใหญ่ คนฉลาดดูก็รู้ว่าที่นี่ถูกใช้เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด