หมอดูยอดอัจฉริยะ 234

Now you are reading หมอดูยอดอัจฉริยะ Chapter 234 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ฉลองปีใหม่

“ผีที่ไหนจะกล้าออกมาตอนกลางวันแสกๆ”

หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ ผู้ชายที่แข็งแกร่งกำยำสองสามคนซึ่งถือมีดหั่นผัก ไม้ค้ำประตู กระบองและอาวุธต่างๆ ในมือวิ่งออกมาจากบ้านทุกหลัง แต่กลับเห็นประตูบ้านของเยี่ยเทียนปิดเช่นเดิม

“ลุงเจ็ด คุณดูผิดหรือเปล่าครับ”

“อย่าบอกนะ ว่าคุณสายตายาว!”

“ไม่นะ พี่สะใภ้ตระกูลอู๋ก็เห็น  คุณลองถามเธอสิว่าใช่ผีที่สวมชุดขาวทั้งตัวไหม!”

คนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ตรงปากซอยเริ่มถกเถียงกันขึ้น แต่กลับไม่มีสักคนที่กล้าเข้าใกล้บ้านเยี่ยเทียน ไม่มีใครอยากแปดเปื้อนโชคร้ายในวันสิ้นปี ผ่านไปอีกสักพัก คนสองสามคนที่ ‘เห็นผี’ นั้นทำได้เพียงคิดเองว่าดวงซวยและด่าทอสุ่มสี่สุ่มห้าพร้อมกลับบ้านไป

เยี่ยเทียนที่สวมชุดฝึกสีขาวทั้งตัวเดินไปใกล้ถึงบ้านเก่าของตระกูลเยี่ยแล้ว

เยี่ยเทียนในเวลานี้ไม่เห็นผมสีขาวนั้นแล้ว กลายเป็นสีดำดกเงาขึ้นเต็มศีรษะ เขาเดินเข้าไปในซอยที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ

หลังจากเจอเรื่อง ‘ผีหลอก’ เมื่อครู่ เยี่ยเทียนจึงถักเปียยาวลงไว้ที่ท้ายทอย แม้จะดูเหมือนหัวมังกุท้ายมังกร แต่วัยรุ่นสมัยนี้ก็นิยมทรงนี้ จึงไม่มีใครคิดว่าเขาเป็นผีอีกแล้ว

ขนบริเวณคอเยี่ยเทียนขดตัวล้อมรอบคอเขา ทุกคนล้วนคิดว่านั่นคือผ้าพันคอ ไม่มีใครดูออกเลยว่านั่นคือสัตว์ตัวหนึ่ง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุการเปลี่ยนแปลงของสัตว์หรือไม่ ถึงแม้ว่าขนจะเหมือนกับเฟร์เร็ต แต่กลับไม่มีกลิ่นเหม็นของสัตว์ ร่างกายกลับมีกลิ่นหอมสดชื่นมาด้วยซ้ำ

และเจ้าเด็กนี่ก็ยังรักความสะอาดมากเป็นพิเศษ บางครั้งเยี่ยเทียนยุ่งกับการฝึกวิทยายุทธ์ จึงไม่มีเวลาช่วยอาบน้ำ แต่เจ้าเด็กนี่กลับกระโดดลงไปอาบน้ำเองในสระน้ำเสียอย่างนั้น และปลาในสระน้ำก็ถูกมันทำลายเสียหายไม่น้อย

“ปู่หนิว ซื้อข้าวเช้ามาหรือยังครับ? ผมมาบอกสวัสดีปีใหม่ก่อนเลยแล้วกัน!”

“ป้าหวัง ต้นไม้นี้แทบจะล้มตายหมดแล้ว คุณต้องเสียใจมากแน่ๆ! ของวันตรุษจีนเตรียมหมดแล้วใช่ไหม?”

เยี่ยเทียนทักทายคนตามทางเดินไม่หยุด ยิ่งใกล้วันขึ้นปีใหม่ ใบหน้าของทุกคนต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เด็กและผู้ใหญ่ต่างรวมตัวมาจุดประทัดกันตั้งแต่เช้าตรู่

 “เอ๋ นายคือเยี่ยเทียนเหรอ หลายเดือนมานี้ไม่เห็นนายเลย ไปไหนมาเหรอ”

ชายชราที่มักจะไปออกกำลังกายตอนเช้ากับเยี่ยเทียน จึงรู้สึกอดแปลกใจเมื่อเห็นเยี่ยเทียนไม่ได้ พวกเขาต่างทยอยทักทาย

 “ฮ่าๆ ไม่อยู่สองสามเดือน ร่างกายของคุณยังแข็งแรงอยู่เลยนะครับ” เยี่ยเทียนถามออกมา และเขาก็ได้เดินมาถึงหน้าประตูใหญ่บ้านเก่าแล้ว

“เสี่ยวเทียนเหรอ” เยี่ยตงเหมยที่กำลังกวาดลานในบ้านเงยหน้าเห็นเยี่ยเทียน  พลันรีบโยนไม้กวาดลงอย่างรวดเร็ว “เด็กคนนี้ อยู่ใกล้ขนาดนี้ก็ไม่ออกมาดูป้าใหญ่เลยนะ ทำไมใจดำขนาดนี้”

เวลาสามเดือนนี้ นอกจากพ่ออย่างเยี่ยตงผิงที่ทุกครึ่งเดือนจะส่งเนื้อ อาหารและพวกเครื่องปรุงแล้ว ผู้หญิงในบ้านตระกูลเยี่ยสองสามคนก็ไม่ได้เข้ามาในบ้านหลังนั้นเลย การเจอเยี่ยเทียนในครั้งนี้ จึงทำให้น้ำตาของเยี่ยตงเหมยไหลลงมา

“พี่ แต่งตัวได้หล่อจริงๆ  ขอฉันกอดหน่อยสิ ฉันคิดถึงพี่จะตายแล้วเนี่ย!” หลิวหลันหลันออกมาจากในบ้านพลางเงื้อมือจะมาจับขนที่คอของเยี่ยเทียน

“จีจี!” เหมาโถวลุกขึ้นยืนบนไหล่ของเยี่ยเทียนและเผยดวงตาดุๆ ออกมา มันยื่นกรงเล็บไปทางหลิวหลันหลันเร็วราวกับสายฟ้า

เยี่ยเทียนได้เลี้ยงเจ้าตัวนี้ที่บ้านสามเดือนกว่าแล้ว รูปร่างเท่ากับเฟร์ริตสายพันธุ์ใหญ่ แถมยังแฝงความดุร้ายอีกด้วย เพราะแกะที่เลี้ยงไว้ในบ้านของเยี่ยเทียนก็ถูกกัดไปไม่น้อยเลย

โดยเฉพาะตอนที่เหมาโถวโกรธ ขนปุยบนศีรษะจะตั้งขึ้นพร้อมแผ่รังสีความโกรธออกมา จนทำให้หลันหลันหลันตกใจจนถอยหลังไปชั่วขณะ

“อย่า!”

เยี่ยเทียนตกใจในท่าทีของเหมาโถว เขารีบยื่นมือขวาออกมาไปกั้นด้านหน้าของหลิวหลันหลัน ถึงแม้ท่าทางของเขาจะดูไม่รวดเร็ว แต่กลับจับตัวเหมาโถวได้ทันท่วงทีพร้อมหยุดอุ้งเท้าของมันที่โจมตีออกไป  ยังไม่ทันที่อุ้งเท้าแหลมคมของเหมาโถวจะทำให้เสื้อผ้าของเยี่ยเทียนขาด มันก็รีบชักกลับไป ตามมาด้วยการที่เยี่ยเทียนเคาะหัวมัน

“ไม่ให้ทำร้ายคนเข้าใจไหม? อยู่ที่นี่ ถ้ายังกล้ากัดและขีดข่วนคนอีก ฉันจะจับนายกลับไปที่ภูเขาหิมะ!”

“จีจี!” เมื่อถูกเยี่ยเทียนสั่งสอน ในแววตาของเหมาโถวเต็มไปด้วยความน้อยใจ มันเงยหน้าอย่างน่าสงสาร อุ้งเท้าข้างหน้าขดเข้าด้วยกันเพื่อโค้งคำนับเยี่ยเทียน

“พี่ชาย ไม่อนุญาตให้รังแกเหมาโถวนะ!” หลิวหลันหลันลืมเรื่องที่โดนมันข่วน จากนั้นเดินมาอุ้มตัวเหมาโถวมากอดไว้ในอ้อมอก เจ้าเด็กน้อยที่เมื่อครู่ถูกเยี่ยเทียนต่อว่าก็ไม่กล้าต่อสู้อะไรอีก

เยี่ยเทียนแย่งไม้กวาดจากในมือป้าเล็ก พลางต่อว่าด้วยน้ำเสียงสบายใจว่า “หลันหลัน สุขภาพของป้าเล็กไม่ดี ทำไมไม่ช่วยกวาดหิมะ มัวแต่เล่นอยู่ได้!”

แต่เมื่อมองสีหน้าของเยี่ยตงเหมยและเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว ก็นับว่ายังแดงระเรื่ออยู่หน่อย ผ่าตัดมาแล้วสองปีกว่าก็ไม่ได้ผลกระทบอะไรตามมาอีก แม้ว่าจะทำอะไรที่ออกแรงมากไม่ได้ แต่การกวาดพื้นหรือทำกับข้าวก็ไม่ได้มีอุปสรรคอะไร

เมื่อเห็นหลานชายตำหนิลูกสาว เยี่ยตงเหมยจึงได้แต่หัวเราะ เด็กสมัยนี้รู้จักช่วยพ่อแม่ทำงานเสียที่ไหน ทุกคนล้วนแต่มีนิสัยเอะอะก็ยื่นมือมาขอเงิน

“เยี่ยเทียน หนาวไหม” เยี่ยตงเหมยพลันพบว่าด้านในชุดฝึกกังฟูเยี่ยเทียนมีเพียงสวมแค่ชุดชั้นในเท่านั้น จึงอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“ป้า ไม่หนาวหรอก ร่างกายผมแข็งแรงมาก!”

เยี่ยเทียนยิ้ม ตอนนี้การฝึกวิทยายุทธของเขาถึงขั้นเปลี่ยนแปลง ควบคุมเลือดได้อย่างอิสระ ทำให้ความรู้สึกหนาวเย็นไม่สามารถเข้าร่างเขาได้

“ป้า ช่วงนี้ในบ้านไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม”

เยี่ยเทียนกำลังกวาดลานบ้าน เยี่ยตงเหมยกับลูกก็ยังไม่ได้เข้าไปในบ้าน ยังคงอยู่นอกบ้านคุยเป็นเพื่อนเขา ทันใดนั้นในหูก็พลันได้ยินเสียงประทัด นั่นจึงทำให้ในใจเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยความอบอุ่น

“พ่อ ตื่นแล้วเหรอ”

เมื่อกวาดที่ลานหน้าบ้านเสร็จ เยี่ยตงผิงก็เดินออกมาที่ตรงกลางบ้าน เมื่อเห็นลูกชายมา ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความดีอกดีใจ แต่กลับเก็กท่าตำหนิว่า “คิดจะฝึกจนไม่ฉลองข้ามปีใหม่เลยหรือไง ถ้าวันนี้ยังไม่ออกมา พ่อจะไปตามลูกเอง……”

หลายเดือนมานี้ชีวิตเยี่ยตงผิงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เงินที่หมุนในมือของเขาก็ให้ลูกหมดแล้ว บวกกับเยี่ยเทียนต้องใช้เงินสองสามหมื่นเพื่อฝึกกระบวนท่าทุกเดือน เยี่ยตงผิงต้องไปยืมเงินที่อื่นเพื่อไม่ให้เยี่ยเทียนอดอาหาร

การทำธุรกิจของลายครามก็เป็นเช่นนี้ แม้จะทำให้ร่ำรวย แต่บางครั้งทำให้เงินขาดมือเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้จี่หรานมาช่วยถ่ายแจกันเคลือบลายครามรัชสมัยยงเจิ้งชิ้นนั้น เกรงว่าเยี่ยตงผิงก็คงต้องใช้เงินเกษียณของพี่สาวคนโตเพื่อฉลองปีใหม่

แน่นอน เมื่อเห็นความองอาจของลูกชาย เยี่ยตงผิงแอบดีใจมาก แต่ความเกรงขามของชายชราก็ยังคงอยู่ จากนั้นเยี่ยตงผิงก็เอ่ยต่อว่า “หัวทรงอะไรกัน รีบไสหัวไปตัดผมให้พ่อซะ!”

“ตงผิง จะต่อว่าเสี่ยวเทียนวันวันขึ้นปีใหม่ทำไมกัน อยากให้เขาฉลองปีใหม่ด้วยหรือเปล่านะ!”

เยี่ยตงผิงพูดไม่ทันจบ หญิงชราก็เดินเข้ามาพร้อมกับถือพวกของและโคมไฟกระดาษสีแดง โบราณกล่าวว่าสิ่งหนึ่งย่อมข่มอีกสิ่งหนึ่ง เมื่อเห็นหญิงชรา ความเกรงขามของชายชราอย่างเยี่ยตงผิงถึงกับสั่นคลอน

“ป้าใหญ่ คุณซื้ออะไรมาน่ะ”

เมื่อเห็นหญิงชราเข้ามา เยี่ยเทียนรีบไปต้อนรับ หลังจากที่รับของในมือของป้าใหญ่มาแล้วก็อดมองพ่อตัวเองไม่ได้ “กระดาษสีแดงนี้ให้พ่อเขียนป้ายคำกลอนใช่ไหมครับ”

วันปีใหม่ในบ้านต้องติดป้ายคำกลอนและแขวนโคมไฟ ปัจจุบันนี้คนที่เขียนพู่กันเป็นมีน้อยมาก โดยทั่วไปแล้วจะซื้อป้ายคำกลอนที่เขียนมาแล้ว แต่ที่ตระกูลเยี่ยนั้น แต่ไหนแต่ไรก็ซื้อกระดาษแดงมาเขียนเอง

“ช่างเถอะ ลูกกลับมาแล้วก็กินอะไรสักหน่อยแล้วค่อยมาเขียนเถอะ”

เยี่ยตงผิงพูดไปหน้าแดงไป ตอนปีนั้นที่ลูกชายอายุสิบขวบ เยี่ยตงผิงก็เริ่มจับพู่กันไม่อยู่มือแล้ว ป้ายคำกลอนที่อยู่ในบ้านอะไรพวกนี้จึงเป็นฝีมือเยี่ยเทียนทั้งหมด

“ได้ ผมเขียนเอง!” เยี่ยเทียนไม่ได้ถ่อมตัวเสียเท่าไหร่ หลังจากที่ทำลายจุดกั้นพลังแล้วนั้น เยี่ยเทียนก็ไม่มีเวลาสนใจอะไรอีก เขาแค่อยากวาดรูปยันต์

“กินข้าวๆ กินข้าวเสร็จไปดูพี่เขียนป้ายคำกลอนนะ!” ถ้าพูดว่าเยี่ยเทียนกลับมา คนที่ดีใจมากที่สุดก็ยังมีหลิวหลันหลัน อุ้มเหมาโถวลากพี่ชายเข้าไปในห้องอาหาร

เมื่อเห็นเยี่ยเทียนดื่มน้ำเต้าหู้และกินปาท่องโก๋สองชิ้นก็วางตะเกียบ หญิงชราก็ไม่พอใจ หล่อนปริปากพูดว่า “เยี่ยเทียน กินเยอะๆ หน่อยสิ  เมื่อก่อนเด็กอย่างเธอกินข้าวเยอะมาก ทำไมตอนนี้ถึงกินน้อยขนาดนี้ล่ะ”

“ป้าใหญ่ อาการบาดเจ็บของผมหายแล้ว ไม่ต้องกินเยอะขนาดนั้นแล้ว”

เยี่ยเทียนพูดแล้วยิ้มขึ้นมา เมื่อฝึกถึงขั้นสุดจะสามารถใช้พลังฟ้าดินกับร่างกายตัวเองได้ ดังนั้นพลังงานที่ร่างกายสูญเสียไปจึงไม่จำเป็นต้องใชดเชยด้วยอาหารแล้ว

หลังจากที่คนในบ้านกินข้าวเช้าเสร็จ ก็พากันย้ายมาในสวนเพื่อล้อมรอบดูเยี่ยเทียนเขียนป้ายคำกลอน

“พู่กันมีพลัง เขียนครั้งเดียวก็สำเร็จ ดี!”

เมื่อเห็นลูกชายตวัดข้อมือเขียนพู่กันราวกับสายน้ำไหล เยี่ยตงผิงก็อดชมไม่ได้ แต่เมื่อเขามองไปที่แผ่นกระดาษสีแดงแล้วก็ตกตะลึง “ลูก……นี่ลูกเขียนอะไร”

สายตาจับจ้องกระดาษสีแดง วาดบิดๆ งอๆเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีใครเข้าใจ มองดูคล้ายที่ใช้จับผีของนักบวชเต๋า จากนั้นหน้าของเยี่ยตงผิงที่ซึ่งยังคงจ้องมองอยู่ก็พลันแดงขึ้นมา

“ฮ่าๆ  พ่อ ของนี่ดีกว่าป้ายคำกลอนอีกนะ ต่อไปต้องติดประตูทุกบานนะ……”

เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังที่หมุนเวียนจากยันต์แผ่นนี้ เยี่ยเทียนก็พอใจมาก ถึงแม้จะไม่ได้ใช้หมึกสีชาดในการเขียน แต่สีทองก็ถือว่ามีพลังมากเช่นกัน คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถเทียบเท่ากับการใช้หมึกสีชาดได้

ถึงแม้จะรู้ความสามารถของลูกชาย แต่เยี่ยตงผิงก็ยังคงจ้องเยี่ยเทียนเขม็ง จากนั้นพูดว่า “รีบเขียนคำอวยพรปีใหม่สักสองสามแผ่นเร็วสิ แล้วค่อยไปตัดผม ตอนบ่ายพวกป้ารองจะมาอยู่ด้วยจนถึงวันตรุษจีนค่อยกลับ!”

คนชราที่บ้านป้ารองของเยี่ยเทียนล้วนเสียชีวิตหมดแล้ว หลายปีมานี้ก็ฉลองด้วยกัน แต่เมื่อหลายปีก่อนกลับขาดแค่เยี่ยเทียนคนเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด